Share

ตอนที่2.

ตอนที่2.

เช้าวันใหม่ดวงยิหวาเดินลงมาชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่ด้วยคราบของ ดวงดาหวัน ผู้หญิงที่เธอรู้จักเพียงชื่อและเดาเอาว่าเธอกับผู้หญิงคนนั้นคงจะเหมือนกันราวกับแกะอย่างแน่นอน

ดวงยิหวาสังเกตว่ามันมีห้องอยู่หลายห้อง ตรงข้ามกับห้องที่เธอพักอยู่มีสองห้องซึ่งป้ายหน้าห้องติดรูปน่ารักเก๋ไก๋ ป้ายห้องแรกเป็นสีชมพูหวานน่ารักประดับดอกไม้พลาสติกสีสวยงดงามราวดอกไม้จริงๆ ว่า น้องเปรียว อีกห้องมีป้ายที่ดูเป็นแบบเด็กผู้ชายสีน้ำเงินลายซุปเปอร์ฮีโร่เขียนว่า น้องปราณ ซึ่ง ป้าสำลี แม่บ้านวัยกลางคนร่างอวบอ้วนผิวขาวที่นำทางเธอมาบอกว่านั่นคือห้องลูกๆ ของเธอ

เธอมีลูก ยิหวามีลูก โอ... นี่พระเจ้าเล่นตลกอะไรกับยิหวากันแน่ ดวงยิหวากลอกตาไปมาไม่นึกอยากจะพูดอะไรเพราะพูดไปก็ไม่มีใครสนใจซ้ำยังมองด้วยสายตาแปลกๆ ไม่เป็นมิตรนัก ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อดวงดาหวันจะเป็นคนร้ายกาจและทำไม่ดีกับคนพวกนี้ไว้เยอะทีเดียวพวกเขาถึงได้มองเธออย่างรังเกียจและไม่เป็นมิตรแบบนี้

“ทุกวันเราจะทานอาหารเช้าเจ็ดโมง อาหารเย็นหกโมงเย็นหรือไม่ก็หนึ่งทุ่มแล้วแต่ว่าพ่อเลี้ยงจะกลับจากไร่ตอนไหน หรือบางทีหากมีงานด่วนกลับมาทานข้าวเย็นไม่ทันพ่อเลี้ยงก็จะโทร. มาบอกเองค่ะ”

“แล้วเอ่อ ยิ... เอ่อ ฉัน จะทานข้าวพร้อมเขาด้วยรึเปล่า” หญิงสาวถามผู้สูงวัยอย่างใคร่รู้กล้าที่จะพูดคุยกับป้าสำลี มากขึ้น

ป้าสำลีเป็นแม่บ้านของที่นี่ บ้านไร่ตะวันงาม ซึ่งอยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ มีเปลวพ่อเลี้ยงหนุ่มวัยสามสิบสองปีเป็นเจ้าของที่นี่ ซึ่งเขาก็มีศักดิ์เป็นอาของลูกๆ เธอ (ลูกที่เธอเพิ่งจะมีหรือถูกยัดเยียดให้มี) ด้วย นั่นคือ เด็กหญิงเปรียวปรียา และ เด็กชายปราณชนก ลูกฝาแฝดชายหญิงอายุสิบปีขวบ ซึ่งเป็นลูกของดวงดาหวันกับ ปราบ พี่ชายของเปลวนั่นเอง แต่เธอเองก็ยังไม่เคยได้เห็นหน้าลูกๆ ของเธอเลยตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา เพราะเด็กๆ ไปเข้าค่ายลูกเสือแต่อีกไม่นานพวกเขาก็คงกลับมา

ตอนนี้ดวงยิหวารู้อะไรมากขึ้นจากคำบอกเล่าของป้าสำลี หลังจากที่ร่างกายเริ่มหายเป็นปกติเธอก็เริ่มประติดประต่อเรื่องราวต่างๆ ได้ว่าเหตุใดเธอต้องมาอยู่ที่นี่ ในบ้านไร่ที่ห่างไกล เทคโนโลยี

ทุกอย่างถูกกีดกันจากเธอด้วยคำสั่งของเปลว พ่อเลี้ยงหน้าโหดคนนั้น... 

“ปกติพ่อเลี้ยงจะมากินอาหารกับหลานๆ ทุกวันนะคะ แต่คุณก็ไม่ค่อยอยู่กินข้าวพร้อมหน้าพวกเขาอยู่แล้ว แต่วันนี้พ่อเลี้ยงไปไร่น้ำหวานตั้งแต่ตีห้า ไปทำคลอดให้ม้าแม่พันธุ์ของคุณน้ำหวานไม่แน่พ่อเลี้ยงอาจจะกินอาหารเช้าที่โน่นเลย ส่วนคุณจะกินพร้อมลูกๆ กับพ่อเลี้ยงหรือไม่ในมื้อต่อไปก็แล้วแต่ค่ะ”

คำตอบของป้าสำลีทำให้ดวงยิหวาเหวอไปเล็กน้อยและนึกตำหนิคนที่เธอสวมรอยอยู่ในใจ แต่ชื่อของผู้หญิงอีกคนก็ทำให้เธออยากรู้อยากเห็น...

“ใครกันคะ คุณน้ำหวาน”

“คุณจำเธอไม่ได้หรือคะเธอเป็นคู่แข่งคุณมาตลอดเลยนะคะ” ป้าสำลีถามเสียงสูงดวงยิหวายิ้มเจื่อนๆ เหมือนลืมๆ ไป ป้าสำลีจึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับ คู่แข่ง ของเธอให้ฟัง

น้ำหวาน นั้นเป็นลูกสาวของเจ้าของไร่น้ำทิพย์ซึ่งบิดามารดาของเธออยากจะให้เกี่ยวดวงกับไร่ตะวันงามมาตลอด แต่ดวงดาหวันกลับชิงตัดหน้าแต่งงานกับปราบเจ้าของไร่หนุ่มหล่อไปเสียก่อนจนมีทายาทด้วยกันเป็นฝาแฝดชายหญิง และเมื่อผิดหวังจากทายาทคนโตก็หวังเกี่ยวดองกับทายาทคนเล็ก แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จเพราะเปลวนั้นทำแต่งานและสนใจงานในไร่ ช้าง ม้า วัว ควาย มากกว่าผู้หญิง...

“อ้อ เหรอคะ แหม ฉันจำอะไรไม่ค่อยได้เลยช่วงนี้...” อ้อ อีตาเปลวบ้านั่นเคยเป็นสัตวแพทย์ด้วยเหรอ.. หน้าตาไม่ให้เลยสักนิด แหม แต่หากเขาสามารถทำคลอดผ่าตัดสัตว์ได้เขาน่าจะผ่าเอาสุนัขออกจากปากด้วยก็คงดีไม่น้อย ดวงยิหวาคิดในใจแล้วก็แอบขันตัวเองแล้วก็ชักอยากจะเห็นหน้าแม่น้ำหวานของป้าสำลีแล้วสิ

ดวงยิหวาฉลาดพอที่จะนิ่งเงียบไม่กระโตกกระตากหรือเหวี่ยงวีนให้ตัวเองได้รับอันตรายจากคนที่ไม่รู้จักหรือสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแต่กำลังรอดูท่าทีของพวกเขาและสงสัยผู้หญิงที่ชื่อดวงดาหวันว่าเป็นใครทำไมคนที่นี่ถึงได้คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงคนนั้น จะมีใครที่ฉลาด สวย และรวยมากเหมือนเธออีกนะ ดวงยิหวาคิดเข้าข้างตัวเองด้วยความมั่นใจ แต่เหตุผลสำคัญคือเธอยังไม่อยากกลับบ้านเพราะเพิ่ง หนีการถูกจับแต่งงานมา อยู่ที่นี่สักพักบิดามารดาของเธอก็คงลืมเรื่องแต่งงานไป และอยากรู้เหลือเกินว่าเธอกับดวงดาหวันเกี่ยวข้องเป็นอะไรกัน เป็นฝาแฝดกันหรือเปล่าและหากเป็นเช่นนั้นทำไมเธอจึงได้อยู่ในบ้านหลังใหญ่โตหรูหราบิดาเป็นถึงนักธุรกิจผู้ร่ำรวย ในขณะที่ดวงดาหวันอยู่ที่นี่ถูกกล่าวหาว่าคบชู้สู่ชายเป็นผู้หญิงไม่ดี... รู้เขารู้เราย่อมดีกว่าอยู่แล้ว... 

“พ่อเลี้ยงเปลวเธอเลี้ยงเด็กๆ มาตั้งแต่สามขวบหลังจากที่พ่อเลี้ยงปราบเสียชีวิตเพราะตรอมใจเรื่องคุณ คุณน่าจะรู้ดีว่าพ่อเลี้ยงรักและเอ็นดูหลานๆ มาก ชนิดที่ว่า จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายพวกเขาไม่ว่าทั้งทางร่างกายและจิตใจ”

“ฉันทำร้ายพวกเขาหรือคะ...” ความอยากรู้อยากเห็นมีเพิ่มมากขึ้นๆ เมื่อป้าสำลีพูดแบบนี้ นั่นแสดงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียแล้ว

“ถ้าหากคุณจำอะไรๆ ได้มากกว่านี้คุณจะรู้เอง อิฉันขอตัวนะคะมีงานในครัวค้างอยู่”

“อ้าว ป้าเดี๋ยวสิอย่างเพิ่งไป กลับมาพูดให้จบก่อนสิ... โธ่ ทำให้อยากแล้วก็จากไป” ดวงยิหวาร้องตามหลังป้าสำลีที่เดินเข้าครัวไปอย่างไม่ชอบใจเพราะยังค้างคาเรื่องที่แกพูดแล้วทีนี้เธอจะถามใครดีล่ะ ว่าดวงดาหวันทำอะไรไว้บ้างหญิงสาวนั่งเท้าคางครุ่นคิดวุ่นวายอยู่คนเดียว

“หากจะกินข้าวก็รีบๆ กิน อย่ามัวอ้อยอิ่งเธอมีงานต้องทำอีกหลายอย่าง...” เสียงห้าวๆ ของชายหนุ่มดังขึ้นทำให้คนที่นั่งเท้าคางคิดหนักอยู่ถึงกับสะดุ้งข้อศอกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอาหารลื่นไถลไปโดนแก้วน้ำข้างๆ ข้างตัวจนแทบหล่นดีที่ว่าเธอคว้าไว้ได้ทัน...

อ้าวก็ไหนว่าเปลวไปทำคลอดม้าที่ไร่แฟนของเขา แล้วเขามาตอนไหนล่ะเนี่ย หญิงสาวมองเขางงๆ

“นี่คุณจะมาก็ให้ซุ่มให้เสียงหน่อยนะ”

“ฉันเดินมาตั้งนานแล้ว แต่เธอมัวแต่เหม่อไม่ได้ยินเองอย่ามาโทษคนอื่น...” เปลวมองเธอด้วยแววตาขุ่นๆ

“ไหนป้าสำลีว่าคุณไปไร่แฟนคุณไง...”

“ก็กลับมาแล้วนี่ไง ทำไม หรือเธอมีปัญหา...” กวนเหลือเกิน ทั้งน้ำเสียงแววตาและท่าทาง ดวงยิหวามองเขาเดือดดาลในอก

“อ๋อเหรอ ไม่นี่ ไม่มี้ ใครจะกล้ามีปัญหากับพ่อเลี้ยงเปลวผู้ยิ่งใหญ่ แต่แหม... ฉันนี่ทำอะไรก็ผิดทุกอย่างสินะ ไม่กินแล้วข้าวเนี่ย กินไม่ลง...” หญิงสาวทำท่าจะลุกเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารซึ่งทำให้ชายหนุ่มตะคอกเสียงดัง

“นั่งลงเดี๋ยวนี้ แล้วก็กินข้าวซะ”

“ไม่กิน เห็นหน้าคุณแล้วฉันกินไม่ลง”

“ฉันบอกให้นั่งลง เดี๋ยวนี้...” เสียงที่แผดกร้าวนั้นทำให้ดวงยิหวารู้ตัวว่าเธอเผลอแสดงกิริยาโดยแท้ของตนออกมา ตอนนี้ต้องแสร้งทำเป็นดวงดาหวันไปก่อน...

Related chapters

  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่3.

    ตอนที่3.เมื่อกลับเข้ามาในห้องทำงานเปลวหยิบรูปถ่ายของดวงดาหวันเท่าที่มีออกมาดูอย่างพินิจพิจารณาแล้วคิ้วเข้มก็ขมวดอย่างครุ่นคิดและเริ่มนึกถึงกิริยาท่าทางของเจ้าหล่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วนชายหนุ่มหลับตาลงแต่ในใจก็คิดถึงความเปลี่ยนไปของดวงดาหวันไปด้วยปกติดวงดาหวันถนัดขวาแต่วันนี้เขาเห็นว่าเธอใช้ช้อนมือซ้ายตักอาหารอย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งท่าทางที่แก่นกร้าวดูไม่กลัวใครนั่นก็สะกิดใจเขาไม่น้อย ใบหน้าเรียวไข่สวยโดดเด่นด้วยดวงตากลมโตพราวระยับภายใต้คิ้วเรียวโค้งดังคันศรก็ยังคงเหมือนเดิม จมูกโด่งเล็กๆ เชิดรั้นก็เหมือนเดิมผิดไปแต่แววตาไม่ได้พราวพรายอย่างมีจริตยั่วยวนให้ผู้ชายหลงใหล ริมฝีปากรูปกระจับระเรื่อด้วยวัยสาวก็เหมือนเดิม เป็นไปได้หรือว่าคนที่สูญเสียความทรงจำชั่วคราวจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดใช้มือข้างที่ไม่ถนัดของตนได้คล่องแคล่วปานนี้... เปลวลืมตาขึ้นก่อนจะโทรศัพท์หาใครบางคนดวงยิหวาปาดเหงื่อด้วยความเมื่อยล้าเพราะพรวนดินกุหลาบแปลงนี้มาตั้งแต่บ่ายโมงนี่มันก็บ่ายสามโมงเย็นแล้วคนใจร้ายยังไม่ให้เธอพัก ดวงยิหวามองมือที่เปื้อนดินของตนอย่างไม่ชอบใจ เธอไม่เคยจับดินดำๆ แบบนี้เลยสักครั้งและเพิ่งรู้ว่าดอกกุห

    Last Updated : 2025-01-07
  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่4.

    ตอนที่4.“คุณไม่ใช่คุณแม่ของผมใช่มั้ยครับ...” เด็กชายถามน้ำเสียงจริงจังท่าทางขึงขังราวกับผู้ใหญ่ ดวงยิหวายิ้มให้น้องปราณอย่างเอ็นดู เธอไม่ค่อยชอบเด็กนัก เพราะเด็กๆ ทั้งงอแงงี่เง่าเอาใจยากดูอย่างน้องเปรียวนั่นประไร ยายเด็กนั่นล่ะ ตัวร้ายชัดๆ แต่กับเด็กชายตรงหน้าทำให้เธอลืมความไม่ชอบนั้นไปสิ้น...“ทำไมถามแบบนั้นล่ะจ๊ะ...”“แล้วใช่มั้ยล่ะ” เด็กชายขมวดคิ้วยุ่ง “ถ้าจริงแล้วยังไงล่ะ หรือถ้าไม่จริงลูกจะทำยังไง...” หญิงสาวถามกลับด้วยน้ำสียงเอ็นดูไม่มีแววโกรธขึ้ง มองใบหน้าเล็กๆ นั้นอย่างรอคำตอบ เด็กชายอึ้งไปเล็กน้อย น้ำเสียงหวานใสของคนตรงหน้านั้นช่างฟังดูอบอุ่นและทำให้ดวงใจน้อยๆ ที่โหยหาความรักจากมารดาชุ่มชื้นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ“ก็ไม่ทำไมครับ แค่อยากรู้”“น้องปราณ ใช่มั้ยคุณแม่จำไม่ได้นัก หมอบอกว่าคุณแม่ความจำเสื่อมชั่วคราวจากอุบัติเหตุ...” เธอตอบเลี่ยงๆ ด้วยเหตุผลจริงๆ ของหมอเลยนะเนี่ย...“ใช่ครับ ปราณรู้แล้วว่าคุณแม่หนีตามชายชู้ไปจนเกิดอุบัติเหตุรถตกเขา...” น้ำเสียงน้องปราณเศร้าลงเล็กน้อยแต่ก็แค่เพียงครู่เดียว ดูเหมือนพวกเขาชินชากระนั้น ดวงยิหวานึกโทษคนเป็นแม่ว่าทำไมถึงได้ทำตัวน่าเกลียดแบ

    Last Updated : 2025-01-07
  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่5.

    ตอนที่5.“เอาล่ะจ้ะน้องปราณทานข้าวนะคะ อันนี้มั้ยแกงเลียงของโปรดลูก นี่ค่ะคุณแม่ตักให้”“ขอบคุณครับคุณแม่” เด็กชายขอบคุณมารดาหน้าตาแช่มชื่นตักข้าวใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยๆ ซึ่งดวงยิหวาเองก็ตักอาหารรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยด้วยเช่นกันต่างจากคนทั้งสามที่มองดวงยิหวากับน้องปราณนิ่ง...“น้องเปรียวไม่กินแล้ว กินไม่ลง...” เด็กหญิงลุกขึ้นหน้าตางอง้ำ“นั่งลงเดี๋ยวนี้น้องเปรียว” เปลวเสียงเข้มเมื่อหลานสาวทำท่าจะวิ่งขึ้นห้องไป“แต่น้องเปรียวไม่อยากกินแล้ว...” เด็กหญิงงอแง“น้องเปรียวบ่นเองว่าหิว หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวไม่ใช่เหรอ”“ก็น้องเปรียวไม่หิวแล้วนี่คะคุณอา...” เด็กหญิงยังคงตั้งแง่ดื้อดึง“อุ้ย น้องเปรียวขาไม่เป็นไรค่ะ ไม่อยากกินก็ไม่เป็นไร ไปเถอะค่ะอาน้ำหวานเองก็กินไม่ลงแล้วเหมือนกัน เราไปหาอะไรกินในเมืองกันดีกว่ามั้ยคะ” น้ำหวานได้ทีเอาใจสาวน้อยที่เธอมองว่าเป็นคนที่เปลวแคร์ เธอคิดว่าหากเอาใจและสนิทกับน้องเปรียว โอกาสที่จะได้เป็นแม่เลี้ยงแห่งบ้านไร่ตะวันงามก็มีมากขึ้น“เธอไม่ต้องให้ท้ายหลานฉันหรอกนะน้ำหวาน เธอเองก็ควรนั่งลงแล้วกินข้าวให้อิ่มจะได้กลับบ้านเสียทีฉันจะให้ไอ้เบิ้มไปส่ง”“แต่ว

    Last Updated : 2025-01-09
  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่6.

    ตอนที่6.“แล้วเข้ามานี่มีธุระอะไร”“คือ ฉันจะถามว่าฉันเข้าไปในห้องน้องเปรียวได้ไหม เห็นว่าเมื่อเย็นไม่ได้ทานข้าวฉันจะเอาข้าวต้มไปให้แก”“เธอน่ะเหรอ รู้จักห่วงใยลูก”“ถ้าฉันรู้ว่าคุณจะกวนประสาทขนาดนี้ฉันไม่เข้ามาถามให้เมื่อยปากหรอกเข้านอนดีกว่าเป็นไหนๆ”“โอเคๆ เธออยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่อย่าให้เดือดร้อนวุ่นวายล่ะ หมดธุระแล้วก็ไปสิ” เขาพูดเหมือนอนุญาตและไล่เธอกรายๆ ดวงยิหวาหน้างอเดินออกมาจากห้องทำงานของเขาด้วยความขุ่นเคืองเด็กหญิงเปรียวปรียานอนร้องไห้ท้องร้องจ๊อกๆ อยู่บนเตียงสีหวานของตนด้วยความน้อยใจ เธอกำลังคิดถึงภาพมารดากำลังตักข้าวให้น้องปราณ ก่อนนอนคุณแม่ก็อ่านนิทานให้น้องปราณฟัง ทุกอย่างที่น้องชายได้รับเธอกลับเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ไม่มีใครสนใจเธอเลย แต่น้องเปรียวลืมคิดไปว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตัวเธอเองนั่นล่ะ...ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เด็กหญิงปาดน้ำตาออกจากใบหน้าที่มีแววสวยคมโดดเด่นในอนาคตอันใกล้ แล้วมองประตูอย่างฉุนเฉียวตอนนี้เธอยังไม่มีแก่ใจจะคุยกับใครทั้งนั้น แม้แต่น้ำหวานหรือเอื้อง“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ออกไป๊ ฉันอยากอยู่คนเดียว” เด็กหญิงแผดเสียงก้องโดยไม่กลัวว่าอาเปลวจะ

    Last Updated : 2025-01-09
  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่7.

    ตอนที่7.“ป้าว่าน้องเปรียวจะทานมั้ยคะ มันมีผักนิดหน่อย ไข่เจียวชะอมทอด และผัดรวมมิตรใส่กุ้งสด”“ไม่แน่ใจนะคะ คุณน้องปราณน่ะทานง่าย แต่คุณน้องเปรียวค้อนข้างทานยากเพราะนางเอื้องมันสอนให้กินแต่อาหารฝรั่งที่มีแต่เนื้อสัตว์และอาหารที่หาเครื่องปรุงยากๆ บางทีเราก็หาของที่เธอต้องการจนเหนื่อยค่ะ สุดท้ายก็กินไม่กี่คำ” “อืม แต่ฉันว่าเธอน่าจะทานนะคะ อาหารทุกอย่างเราตั้งใจทำขนาดนี้ มีประโยชน์ทั้งนั้นเลย ตอนเด็กๆ ฉันก็กินแต่อาหารพวกนี้และหัดทำเองด้วย มันสนุกและอร่อยที่สุด คุณแม่ของฉันน่ะทำอาหารเก่งมากเลยนะคะ อ้อ เอ่อ... เสร็จแล้วยกไปตั้งโต๊ะได้เลยค่ะ...” ดวงยิหวาคุยเรื่อยๆ จนลืมตัว แล้วก็รีบหันไปล้างมือหลบสายตาจับผิดของป้าสำลีในขณะเดียวกันน้องเปรียวกับน้องปราณซึ่งแอบตามมาดูทีหลังพี่สาวก็รีบวิ่งปรู้ดไปนั่งที่โต๊ะอาหารรอด้วยความดีใจ...“ไอ้เบิ้ม ที่แกว่าแม่คุณดาหวันตายตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็ก็อยู่กับแม่น้าขี้เมา ก่อนจะมาเจอคุณปราบคุณดาหวันทำงานในบาร์ของเสี่ยเจียง มันจริงรึเปล่าวะ” อยู่ๆ ป้าสำลีก็ถามเบิ้มผู้เป็นลูกเขยอย่างสงสัยพลางขมวดคิ้วมุ่น“จริงสิครับคุณแม่ยาย ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งบางว่าคุณดาหวันเธอเห

    Last Updated : 2025-01-09
  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่1.

    ตอนที่1.เปลือกตาบางที่ประดับด้วยแพขนตาหนางามงอนของหญิงสาวซึ่งนอนหลับสนิทมายาวนานถึงสามวันเต็มค่อยๆ ขยับกระพือขึ้นช้าๆ ราวปีกผีเสื้อโบยบิน ก่อนที่ดวงตากลมโตดำขลับจะลืมขึ้นมองเพดานสีขาวสะอาดตาแล้วหลับลงไปใหม่เพราะยังไม่ชินกับแสงสว่างซึ่งในความคิดของเธอมันน่าจะเป็นช่วงเวลาบ่ายๆ อากาศที่มีสายลมอ่อนๆ พัดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบผิวและกลิ่นหอมสดชื่นราวอยู่ในขุนเขาที่เขียวขจีก็เป็นสิ่งที่เธอรับรู้ได้เช่นกัน เพราะคนอย่าง ดวงยิหวา เลิศรัตนาไพศาล หญิงสาวสังคมผู้เฉลียวฉลาดย่อมรับรู้อะไรได้เร็วและเข้าใจง่ายเสมอ...เธอยังไม่ตายใช่ไหม... แล้วที่นี่ที่ไหน... ดวงยิหวาถามตัวเองเธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอกำลังขับรถไปหาเพื่อนซึ่งอยู่จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของไทยเพื่อหนีการหมั้นหมายที่บิดามารดาพยายามจะให้เธอมีคู่ครอง ระหว่างทางขึ้นเขามีรถบรรทุกขับมาด้วยความเร็วสูงมากพุ่งมาหารถของเธอแล้วเธอก็หักพวกมาลัยรถหลบ แต่กลับเจอแรงกระแทกมหาศาลและเสียงโลหะกระทบกับของแข็งๆ ดังสนั่นหวั่นไหวเธอรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัวแล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดดับ... หญิงสาวค่อยๆ กลอกตามองรอบกาย แล้วพลันดวงตางามเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อพบ

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่7.

    ตอนที่7.“ป้าว่าน้องเปรียวจะทานมั้ยคะ มันมีผักนิดหน่อย ไข่เจียวชะอมทอด และผัดรวมมิตรใส่กุ้งสด”“ไม่แน่ใจนะคะ คุณน้องปราณน่ะทานง่าย แต่คุณน้องเปรียวค้อนข้างทานยากเพราะนางเอื้องมันสอนให้กินแต่อาหารฝรั่งที่มีแต่เนื้อสัตว์และอาหารที่หาเครื่องปรุงยากๆ บางทีเราก็หาของที่เธอต้องการจนเหนื่อยค่ะ สุดท้ายก็กินไม่กี่คำ” “อืม แต่ฉันว่าเธอน่าจะทานนะคะ อาหารทุกอย่างเราตั้งใจทำขนาดนี้ มีประโยชน์ทั้งนั้นเลย ตอนเด็กๆ ฉันก็กินแต่อาหารพวกนี้และหัดทำเองด้วย มันสนุกและอร่อยที่สุด คุณแม่ของฉันน่ะทำอาหารเก่งมากเลยนะคะ อ้อ เอ่อ... เสร็จแล้วยกไปตั้งโต๊ะได้เลยค่ะ...” ดวงยิหวาคุยเรื่อยๆ จนลืมตัว แล้วก็รีบหันไปล้างมือหลบสายตาจับผิดของป้าสำลีในขณะเดียวกันน้องเปรียวกับน้องปราณซึ่งแอบตามมาดูทีหลังพี่สาวก็รีบวิ่งปรู้ดไปนั่งที่โต๊ะอาหารรอด้วยความดีใจ...“ไอ้เบิ้ม ที่แกว่าแม่คุณดาหวันตายตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็ก็อยู่กับแม่น้าขี้เมา ก่อนจะมาเจอคุณปราบคุณดาหวันทำงานในบาร์ของเสี่ยเจียง มันจริงรึเปล่าวะ” อยู่ๆ ป้าสำลีก็ถามเบิ้มผู้เป็นลูกเขยอย่างสงสัยพลางขมวดคิ้วมุ่น“จริงสิครับคุณแม่ยาย ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งบางว่าคุณดาหวันเธอเห

  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่6.

    ตอนที่6.“แล้วเข้ามานี่มีธุระอะไร”“คือ ฉันจะถามว่าฉันเข้าไปในห้องน้องเปรียวได้ไหม เห็นว่าเมื่อเย็นไม่ได้ทานข้าวฉันจะเอาข้าวต้มไปให้แก”“เธอน่ะเหรอ รู้จักห่วงใยลูก”“ถ้าฉันรู้ว่าคุณจะกวนประสาทขนาดนี้ฉันไม่เข้ามาถามให้เมื่อยปากหรอกเข้านอนดีกว่าเป็นไหนๆ”“โอเคๆ เธออยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่อย่าให้เดือดร้อนวุ่นวายล่ะ หมดธุระแล้วก็ไปสิ” เขาพูดเหมือนอนุญาตและไล่เธอกรายๆ ดวงยิหวาหน้างอเดินออกมาจากห้องทำงานของเขาด้วยความขุ่นเคืองเด็กหญิงเปรียวปรียานอนร้องไห้ท้องร้องจ๊อกๆ อยู่บนเตียงสีหวานของตนด้วยความน้อยใจ เธอกำลังคิดถึงภาพมารดากำลังตักข้าวให้น้องปราณ ก่อนนอนคุณแม่ก็อ่านนิทานให้น้องปราณฟัง ทุกอย่างที่น้องชายได้รับเธอกลับเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ไม่มีใครสนใจเธอเลย แต่น้องเปรียวลืมคิดไปว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตัวเธอเองนั่นล่ะ...ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เด็กหญิงปาดน้ำตาออกจากใบหน้าที่มีแววสวยคมโดดเด่นในอนาคตอันใกล้ แล้วมองประตูอย่างฉุนเฉียวตอนนี้เธอยังไม่มีแก่ใจจะคุยกับใครทั้งนั้น แม้แต่น้ำหวานหรือเอื้อง“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ออกไป๊ ฉันอยากอยู่คนเดียว” เด็กหญิงแผดเสียงก้องโดยไม่กลัวว่าอาเปลวจะ

  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่5.

    ตอนที่5.“เอาล่ะจ้ะน้องปราณทานข้าวนะคะ อันนี้มั้ยแกงเลียงของโปรดลูก นี่ค่ะคุณแม่ตักให้”“ขอบคุณครับคุณแม่” เด็กชายขอบคุณมารดาหน้าตาแช่มชื่นตักข้าวใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยๆ ซึ่งดวงยิหวาเองก็ตักอาหารรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยด้วยเช่นกันต่างจากคนทั้งสามที่มองดวงยิหวากับน้องปราณนิ่ง...“น้องเปรียวไม่กินแล้ว กินไม่ลง...” เด็กหญิงลุกขึ้นหน้าตางอง้ำ“นั่งลงเดี๋ยวนี้น้องเปรียว” เปลวเสียงเข้มเมื่อหลานสาวทำท่าจะวิ่งขึ้นห้องไป“แต่น้องเปรียวไม่อยากกินแล้ว...” เด็กหญิงงอแง“น้องเปรียวบ่นเองว่าหิว หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวไม่ใช่เหรอ”“ก็น้องเปรียวไม่หิวแล้วนี่คะคุณอา...” เด็กหญิงยังคงตั้งแง่ดื้อดึง“อุ้ย น้องเปรียวขาไม่เป็นไรค่ะ ไม่อยากกินก็ไม่เป็นไร ไปเถอะค่ะอาน้ำหวานเองก็กินไม่ลงแล้วเหมือนกัน เราไปหาอะไรกินในเมืองกันดีกว่ามั้ยคะ” น้ำหวานได้ทีเอาใจสาวน้อยที่เธอมองว่าเป็นคนที่เปลวแคร์ เธอคิดว่าหากเอาใจและสนิทกับน้องเปรียว โอกาสที่จะได้เป็นแม่เลี้ยงแห่งบ้านไร่ตะวันงามก็มีมากขึ้น“เธอไม่ต้องให้ท้ายหลานฉันหรอกนะน้ำหวาน เธอเองก็ควรนั่งลงแล้วกินข้าวให้อิ่มจะได้กลับบ้านเสียทีฉันจะให้ไอ้เบิ้มไปส่ง”“แต่ว

  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่4.

    ตอนที่4.“คุณไม่ใช่คุณแม่ของผมใช่มั้ยครับ...” เด็กชายถามน้ำเสียงจริงจังท่าทางขึงขังราวกับผู้ใหญ่ ดวงยิหวายิ้มให้น้องปราณอย่างเอ็นดู เธอไม่ค่อยชอบเด็กนัก เพราะเด็กๆ ทั้งงอแงงี่เง่าเอาใจยากดูอย่างน้องเปรียวนั่นประไร ยายเด็กนั่นล่ะ ตัวร้ายชัดๆ แต่กับเด็กชายตรงหน้าทำให้เธอลืมความไม่ชอบนั้นไปสิ้น...“ทำไมถามแบบนั้นล่ะจ๊ะ...”“แล้วใช่มั้ยล่ะ” เด็กชายขมวดคิ้วยุ่ง “ถ้าจริงแล้วยังไงล่ะ หรือถ้าไม่จริงลูกจะทำยังไง...” หญิงสาวถามกลับด้วยน้ำสียงเอ็นดูไม่มีแววโกรธขึ้ง มองใบหน้าเล็กๆ นั้นอย่างรอคำตอบ เด็กชายอึ้งไปเล็กน้อย น้ำเสียงหวานใสของคนตรงหน้านั้นช่างฟังดูอบอุ่นและทำให้ดวงใจน้อยๆ ที่โหยหาความรักจากมารดาชุ่มชื้นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ“ก็ไม่ทำไมครับ แค่อยากรู้”“น้องปราณ ใช่มั้ยคุณแม่จำไม่ได้นัก หมอบอกว่าคุณแม่ความจำเสื่อมชั่วคราวจากอุบัติเหตุ...” เธอตอบเลี่ยงๆ ด้วยเหตุผลจริงๆ ของหมอเลยนะเนี่ย...“ใช่ครับ ปราณรู้แล้วว่าคุณแม่หนีตามชายชู้ไปจนเกิดอุบัติเหตุรถตกเขา...” น้ำเสียงน้องปราณเศร้าลงเล็กน้อยแต่ก็แค่เพียงครู่เดียว ดูเหมือนพวกเขาชินชากระนั้น ดวงยิหวานึกโทษคนเป็นแม่ว่าทำไมถึงได้ทำตัวน่าเกลียดแบ

  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่3.

    ตอนที่3.เมื่อกลับเข้ามาในห้องทำงานเปลวหยิบรูปถ่ายของดวงดาหวันเท่าที่มีออกมาดูอย่างพินิจพิจารณาแล้วคิ้วเข้มก็ขมวดอย่างครุ่นคิดและเริ่มนึกถึงกิริยาท่าทางของเจ้าหล่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วนชายหนุ่มหลับตาลงแต่ในใจก็คิดถึงความเปลี่ยนไปของดวงดาหวันไปด้วยปกติดวงดาหวันถนัดขวาแต่วันนี้เขาเห็นว่าเธอใช้ช้อนมือซ้ายตักอาหารอย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งท่าทางที่แก่นกร้าวดูไม่กลัวใครนั่นก็สะกิดใจเขาไม่น้อย ใบหน้าเรียวไข่สวยโดดเด่นด้วยดวงตากลมโตพราวระยับภายใต้คิ้วเรียวโค้งดังคันศรก็ยังคงเหมือนเดิม จมูกโด่งเล็กๆ เชิดรั้นก็เหมือนเดิมผิดไปแต่แววตาไม่ได้พราวพรายอย่างมีจริตยั่วยวนให้ผู้ชายหลงใหล ริมฝีปากรูปกระจับระเรื่อด้วยวัยสาวก็เหมือนเดิม เป็นไปได้หรือว่าคนที่สูญเสียความทรงจำชั่วคราวจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดใช้มือข้างที่ไม่ถนัดของตนได้คล่องแคล่วปานนี้... เปลวลืมตาขึ้นก่อนจะโทรศัพท์หาใครบางคนดวงยิหวาปาดเหงื่อด้วยความเมื่อยล้าเพราะพรวนดินกุหลาบแปลงนี้มาตั้งแต่บ่ายโมงนี่มันก็บ่ายสามโมงเย็นแล้วคนใจร้ายยังไม่ให้เธอพัก ดวงยิหวามองมือที่เปื้อนดินของตนอย่างไม่ชอบใจ เธอไม่เคยจับดินดำๆ แบบนี้เลยสักครั้งและเพิ่งรู้ว่าดอกกุห

  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่2.

    ตอนที่2.เช้าวันใหม่ดวงยิหวาเดินลงมาชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่ด้วยคราบของ ดวงดาหวัน ผู้หญิงที่เธอรู้จักเพียงชื่อและเดาเอาว่าเธอกับผู้หญิงคนนั้นคงจะเหมือนกันราวกับแกะอย่างแน่นอนดวงยิหวาสังเกตว่ามันมีห้องอยู่หลายห้อง ตรงข้ามกับห้องที่เธอพักอยู่มีสองห้องซึ่งป้ายหน้าห้องติดรูปน่ารักเก๋ไก๋ ป้ายห้องแรกเป็นสีชมพูหวานน่ารักประดับดอกไม้พลาสติกสีสวยงดงามราวดอกไม้จริงๆ ว่า น้องเปรียว อีกห้องมีป้ายที่ดูเป็นแบบเด็กผู้ชายสีน้ำเงินลายซุปเปอร์ฮีโร่เขียนว่า น้องปราณ ซึ่ง ป้าสำลี แม่บ้านวัยกลางคนร่างอวบอ้วนผิวขาวที่นำทางเธอมาบอกว่านั่นคือห้องลูกๆ ของเธอเธอมีลูก ยิหวามีลูก โอ... นี่พระเจ้าเล่นตลกอะไรกับยิหวากันแน่ ดวงยิหวากลอกตาไปมาไม่นึกอยากจะพูดอะไรเพราะพูดไปก็ไม่มีใครสนใจซ้ำยังมองด้วยสายตาแปลกๆ ไม่เป็นมิตรนัก ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อดวงดาหวันจะเป็นคนร้ายกาจและทำไม่ดีกับคนพวกนี้ไว้เยอะทีเดียวพวกเขาถึงได้มองเธออย่างรังเกียจและไม่เป็นมิตรแบบนี้“ทุกวันเราจะทานอาหารเช้าเจ็ดโมง อาหารเย็นหกโมงเย็นหรือไม่ก็หนึ่งทุ่มแล้วแต่ว่าพ่อเลี้ยงจะกลับจากไร่ตอนไหน หรือบางทีหากมีงานด่วนกลับมาทานข้าวเย็นไม่ทันพ่อเลี้ยงก็จะโทร

  • เปลวเสน่หามายาลวงใจ   ตอนที่1.

    ตอนที่1.เปลือกตาบางที่ประดับด้วยแพขนตาหนางามงอนของหญิงสาวซึ่งนอนหลับสนิทมายาวนานถึงสามวันเต็มค่อยๆ ขยับกระพือขึ้นช้าๆ ราวปีกผีเสื้อโบยบิน ก่อนที่ดวงตากลมโตดำขลับจะลืมขึ้นมองเพดานสีขาวสะอาดตาแล้วหลับลงไปใหม่เพราะยังไม่ชินกับแสงสว่างซึ่งในความคิดของเธอมันน่าจะเป็นช่วงเวลาบ่ายๆ อากาศที่มีสายลมอ่อนๆ พัดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบผิวและกลิ่นหอมสดชื่นราวอยู่ในขุนเขาที่เขียวขจีก็เป็นสิ่งที่เธอรับรู้ได้เช่นกัน เพราะคนอย่าง ดวงยิหวา เลิศรัตนาไพศาล หญิงสาวสังคมผู้เฉลียวฉลาดย่อมรับรู้อะไรได้เร็วและเข้าใจง่ายเสมอ...เธอยังไม่ตายใช่ไหม... แล้วที่นี่ที่ไหน... ดวงยิหวาถามตัวเองเธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอกำลังขับรถไปหาเพื่อนซึ่งอยู่จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของไทยเพื่อหนีการหมั้นหมายที่บิดามารดาพยายามจะให้เธอมีคู่ครอง ระหว่างทางขึ้นเขามีรถบรรทุกขับมาด้วยความเร็วสูงมากพุ่งมาหารถของเธอแล้วเธอก็หักพวกมาลัยรถหลบ แต่กลับเจอแรงกระแทกมหาศาลและเสียงโลหะกระทบกับของแข็งๆ ดังสนั่นหวั่นไหวเธอรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัวแล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดดับ... หญิงสาวค่อยๆ กลอกตามองรอบกาย แล้วพลันดวงตางามเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อพบ

DMCA.com Protection Status