“เอาล่ะจ้ะน้องปราณทานข้าวนะคะ อันนี้มั้ยแกงเลียงของโปรดลูก นี่ค่ะคุณแม่ตักให้”
“ขอบคุณครับคุณแม่” เด็กชายขอบคุณมารดาหน้าตาแช่มชื่นตักข้าวใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยๆ ซึ่งดวงยิหวาเองก็ตักอาหารรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยด้วยเช่นกันต่างจากคนทั้งสามที่มองดวงยิหวากับน้องปราณนิ่ง...
“น้องเปรียวไม่กินแล้ว กินไม่ลง...” เด็กหญิงลุกขึ้นหน้าตางอง้ำ
“นั่งลงเดี๋ยวนี้น้องเปรียว” เปลวเสียงเข้มเมื่อหลานสาวทำท่าจะวิ่งขึ้นห้องไป
“แต่น้องเปรียวไม่อยากกินแล้ว...” เด็กหญิงงอแง
“น้องเปรียวบ่นเองว่าหิว หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวไม่ใช่เหรอ”
“ก็น้องเปรียวไม่หิวแล้วนี่คะคุณอา...” เด็กหญิงยังคงตั้งแง่ดื้อดึง
“อุ้ย น้องเปรียวขาไม่เป็นไรค่ะ ไม่อยากกินก็ไม่เป็นไร ไปเถอะค่ะอาน้ำหวานเองก็กินไม่ลงแล้วเหมือนกัน เราไปหาอะไรกินในเมืองกันดีกว่ามั้ยคะ” น้ำหวานได้ทีเอาใจสาวน้อยที่เธอมองว่าเป็นคนที่เปลวแคร์ เธอคิดว่าหากเอาใจและสนิทกับน้องเปรียว โอกาสที่จะได้เป็นแม่เลี้ยงแห่งบ้านไร่ตะวันงามก็มีมากขึ้น
“เธอไม่ต้องให้ท้ายหลานฉันหรอกนะน้ำหวาน เธอเองก็ควรนั่งลงแล้วกินข้าวให้อิ่มจะได้กลับบ้านเสียทีฉันจะให้ไอ้เบิ้มไปส่ง”
“แต่ว่าน้ำหวาน...”
“หรือเธออิ่มแล้ว โอเค... ฉันจะเรียกไอ้เบิ้มให้...” เปลวตัดบทอย่างรำคาญเมื่อน้ำหวานเริ่มจะเข้ามาจุ้นจ้านในบ้านของเขามากเกินไป เขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้เลย ขนาดว่ายังไม่ได้เป็นอะไรกันยังเข้ามาวุ่นวายขนาดนี้ หากเป็นแฟนหรือเป็นสามีภรรยากัน เขาคงปวดหัวมากแน่ๆ
ดวงยิหวากลอกตามองคนทั้งสามอย่างขบขันรับประทานอาหารได้คล่องคอและอร่อยเสียด้วย เธอหันมายิ้มให้น้องปราณแล้วตักอาหารรับประทานกันอย่างมีความสุขซึ่งทำให้น้องเปรียวมองอย่างน้อยใจ เด็กหญิงถือโอกาสที่อาเปลวของเธอลุกออกไปวิ่งตึงๆ ขึ้นห้องของตนทันที ส่วนน้ำหวานก็ได้แต่มองตามเด็กหญิงอย่างไม่พอใจที่ไม่อยู่ช่วยตน แล้วหันมามองดวงยิหวาในคราบของดวงดาหวันอย่างเจ็บใจก่อนจะกระแทกเท้าออกไปด้วยความขุ่นเคือง...
เปลวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายและสับสนว่าจะทำอย่างไรกับดวงยิหวาและหลานสาวตัวแสบดี เขารู้ว่าน้องเปรียวแอบมองมารดากับน้องชายด้วยความอิจฉา แต่ทิฐิและความรู้สึกด้านลบที่มีต่อดวงดาหวันซึ่งน้ำหวานพยายามเสี้ยมสอนใส่ไปในหัวของเด็กหญิง ไหนจะมีเอื้องสาวใช้ผู้ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงน้องเปรียวมาตั้งแต่เล็กๆ คอยเอาใจตามใจและพยายามกันน้องเปรียวออกห่างจากผู้เป็นแม่อย่างเห็นได้ชัดอีกคน ทำให้น้องเปรียวแสดงออกมาแต่ความก้าวร้าวต่อมารดาซึ่งเขาจะต้องจัดการให้เด็ดขาดเพราะเขาไม่อยากให้หลานๆ เป็นเด็กที่ปมปัญหาเมื่อโตขึ้น หากเขาปล่อยไปนานกว่านี้อาจจะแก้ไขหรือสอนไม่ได้ ไม้อ่อนย่อมดัดง่ายกว่าไม้แก่และไม้แก่ก็ย่อมถูกตัดทิ้งเมื่อมันสร้างปัญหา ร่างสูงใหญ่ด้วยความสูงร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตรลุกขึ้นเดินไปหยุดที่หน้าต่างบานกว้างมองทิวเขาเขียวขจีเบื้องหน้าด้วยความหนักอกหนักใจอยู่ไม่น้อย
“พ่อเลี้ยงเรียกเอื้องหรือคะ”
“ใช่... นั่งสิ” เขาบอกเรียบๆ แล้วพูดต่อ
“เธอทำงานที่นี่มานานเท่าไหร่แล้วเอื้อง”
“ก็ตั้งแต่คุณหนูทั้งสองเกิดค่ะ”
“ใช่สินะเธอเลี้ยงพวกเขามาตั้งแต่แบเบาะก็ว่าได้”
“ค่ะ” เอื้องรับคำค่อนข้างแปลกใจที่พ่อเลี้ยงหนุ่มถามเช่นนี้
“แล้วเธอรู้รักน้องเปรียวเหมือนลูกของตัวเองมั้ย” เปลวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาเข้มขุ่นบ่งบอกอารมณ์ของคนพูดได้ดี ซึ่งลักษณะเช่นนี้ทุกคนในไร่รู้ดีว่าเปลวกำลังโกรธ
“ค่ะเอื้อง รักคุณหนูทั้งสองเหมือนลูกแท้ๆ ทำไมพ่อเลี้ยงถามแบบนี้ล่ะคะ”
“ที่ฉันถามก็เพราะอยากรู้ว่าถ้าเธอเป็นแม่ของน้องเปรียวกับน้องปราณเธอจะเลี้ยงพวกเขาแบบไหน จะให้ความรักความหวังดีกับเขามั้ย หรือจะใส่ความชิงชังในหัวของเขา จะสอนเขาให้เกลียดชังแม่ของเขามั้ย ถ้าเธอเป็นแม่ของน้องเปรียวจริงๆ เธอจะสอนให้น้องเปรียวเกลียดเธอรึเล่าเอื้อง...”
“พ่อเลี้ยงคะ คือว่าเอื้อง...” เอื้องอึ้งไปพูดไม่ออกเมื่อเจอคำถามแบบนี้
“ฉันไม่อยากให้หลานของฉันซึมซับเอาความเกลียดชังหรือความก้าวร้าวจากการสั่งสอนของใคร พวกขาเป็นเหมือนผ้าขาว ฉันที่ไว้ใจให้เธอเลี้ยงพวกขาก็เพราะคิดว่าเธอเป็นคนดี และเธอก็ช่วยเลี้ยงพวกเขามาตั้งแต่เล็กๆ แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจะเอาความเกลียดชังที่เธอมีต่อดาหวันมาใส่หัวของหลานฉันแบบนี้ น้องเปรียวต้องการแม่ ต้องการความรักที่บริสุทธิ์จากใครสักคน ไม่ใช่คนที่บอกรักแต่เป็นความรักแบบหวังดีประสงค์ร้ายอย่างที่เธอกำลังทำอยู่ หวังว่าเธอคงเข้าใจที่ฉันพูดนะ...” ชายหนุ่มถอนใจหนักๆ มองเอื้องด้วยแววตาเรียบเฉย เขารู้ว่าเอื้องแอบคิดเกินเลยกับเขา แต่เขาไม่ใช่พวกสมภารกินไก่วัดและเขาไม่ยอมเสียการปกครองด้วยการเอาแม่บ้านมาเป็นเมียแน่นอน
“พ่อเลี้ยงคะ เอื้องขอโทษ ขอโอกาสเองอีกสักครั้งนะคะ เอื้องรักคุณหนูทั้งสองจริงๆ ไม่ได้คิดร้ายกับคุณหนูเลยนะคะ”
“ไม่มีโอกาสนั้นแล้วเอื้อง ฉันให้โอกาสเธอมาตลอด พรุ่งนี้ฉันหวังว่าจะไม่เห็นเธออยู่ที่นี่ เสร็จธุระของฉันแล้ว ออกไปได้...” คำพูดของเขาไม่ต้องพูดซ้ำหรือคัดค้านเพราะคนอย่างเปลวพูดคำไหนคำนั้น หญิงสาวน้ำตาไหลพรากเดินออกจากห้องทำงานของเปลวไป เปลวถอนหายใจหนักๆ รู้สึกสงสารเอื้องอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็ต้องทำแบบนี้ เพราะมันจะดีกับทุกๆ ฝ่าย เปลวทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่แล้วหลับตาลงครุ่นคิดถึงอีกเรื่องที่จะต้องจัดการ
ดวงยิหวาเดินสวนกับเอื้องที่เดินร้องไห้ออกมาจากห้องทำงานของเปลวก็ตกใจเล็กน้อยที่เห็นแม่สาวใช้หน้าใสร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา แม้ปกติเธอไม่เคยพูดคุยกับเอื้องเป็นการส่วนตัวและมองออกว่าเอื้องไม่ชอบหน้าตนนักแต่ก็อดสงสารไม่ได้ที่เห็นเอื้องร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย เปลวทำอะไรเอื้องหรือว่าเขาข่มเหงรังแกเอื้อง ไวเท่าความคิดดวงยิหวารีบเข้าไปในห้องทำงานของเปลวทันที
“นี่คุณ เอื้องเป็นอะไร คุณทำอะไรเธอถึงได้ร้องไห้อออกไปแบบนั้น รังแกเขารึเปล่า”
“อย่ามาทำเป็นรู้มาก แล้วคราวหน้าคราวหลังหัดเคาะบ้างนะประตูน่ะ ให้สมกับการศึกษาที่ร่ำเรียนมาหน่อย”
“นี่คุณ ฉันเข้ามาไม่ได้เข้ามาให้คุณด่านะ” ดวงยิหวาเท้าเอวมองเขาอย่างขุ่นเคืองและแอบสันหลังหวะเล็กน้อยเมื่อเขาพูดถึงการศึกษา คนการศึกษาระดับว่าที่ดอกเตอร์เริ่มร้อนรนใจ
ตอนที่6.“แล้วเข้ามานี่มีธุระอะไร”“คือ ฉันจะถามว่าฉันเข้าไปในห้องน้องเปรียวได้ไหม เห็นว่าเมื่อเย็นไม่ได้ทานข้าวฉันจะเอาข้าวต้มไปให้แก”“เธอน่ะเหรอ รู้จักห่วงใยลูก”“ถ้าฉันรู้ว่าคุณจะกวนประสาทขนาดนี้ฉันไม่เข้ามาถามให้เมื่อยปากหรอกเข้านอนดีกว่าเป็นไหนๆ”“โอเคๆ เธออยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่อย่าให้เดือดร้อนวุ่นวายล่ะ หมดธุระแล้วก็ไปสิ” เขาพูดเหมือนอนุญาตและไล่เธอกรายๆ ดวงยิหวาหน้างอเดินออกมาจากห้องทำงานของเขาด้วยความขุ่นเคืองเด็กหญิงเปรียวปรียานอนร้องไห้ท้องร้องจ๊อกๆ อยู่บนเตียงสีหวานของตนด้วยความน้อยใจ เธอกำลังคิดถึงภาพมารดากำลังตักข้าวให้น้องปราณ ก่อนนอนคุณแม่ก็อ่านนิทานให้น้องปราณฟัง ทุกอย่างที่น้องชายได้รับเธอกลับเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ไม่มีใครสนใจเธอเลย แต่น้องเปรียวลืมคิดไปว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตัวเธอเองนั่นล่ะ...ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เด็กหญิงปาดน้ำตาออกจากใบหน้าที่มีแววสวยคมโดดเด่นในอนาคตอันใกล้ แล้วมองประตูอย่างฉุนเฉียวตอนนี้เธอยังไม่มีแก่ใจจะคุยกับใครทั้งนั้น แม้แต่น้ำหวานหรือเอื้อง“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ออกไป๊ ฉันอยากอยู่คนเดียว” เด็กหญิงแผดเสียงก้องโดยไม่กลัวว่าอาเปลวจะ
ตอนที่7.“ป้าว่าน้องเปรียวจะทานมั้ยคะ มันมีผักนิดหน่อย ไข่เจียวชะอมทอด และผัดรวมมิตรใส่กุ้งสด”“ไม่แน่ใจนะคะ คุณน้องปราณน่ะทานง่าย แต่คุณน้องเปรียวค้อนข้างทานยากเพราะนางเอื้องมันสอนให้กินแต่อาหารฝรั่งที่มีแต่เนื้อสัตว์และอาหารที่หาเครื่องปรุงยากๆ บางทีเราก็หาของที่เธอต้องการจนเหนื่อยค่ะ สุดท้ายก็กินไม่กี่คำ” “อืม แต่ฉันว่าเธอน่าจะทานนะคะ อาหารทุกอย่างเราตั้งใจทำขนาดนี้ มีประโยชน์ทั้งนั้นเลย ตอนเด็กๆ ฉันก็กินแต่อาหารพวกนี้และหัดทำเองด้วย มันสนุกและอร่อยที่สุด คุณแม่ของฉันน่ะทำอาหารเก่งมากเลยนะคะ อ้อ เอ่อ... เสร็จแล้วยกไปตั้งโต๊ะได้เลยค่ะ...” ดวงยิหวาคุยเรื่อยๆ จนลืมตัว แล้วก็รีบหันไปล้างมือหลบสายตาจับผิดของป้าสำลีในขณะเดียวกันน้องเปรียวกับน้องปราณซึ่งแอบตามมาดูทีหลังพี่สาวก็รีบวิ่งปรู้ดไปนั่งที่โต๊ะอาหารรอด้วยความดีใจ...“ไอ้เบิ้ม ที่แกว่าแม่คุณดาหวันตายตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็ก็อยู่กับแม่น้าขี้เมา ก่อนจะมาเจอคุณปราบคุณดาหวันทำงานในบาร์ของเสี่ยเจียง มันจริงรึเปล่าวะ” อยู่ๆ ป้าสำลีก็ถามเบิ้มผู้เป็นลูกเขยอย่างสงสัยพลางขมวดคิ้วมุ่น“จริงสิครับคุณแม่ยาย ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งบางว่าคุณดาหวันเธอเห
ตอนที่8.เปลวมองเอกสารในมืออีกครั้งก่อนจะเก็บมันไว้ในลิ้นชักของโต๊ะทำงานตัวใหญ่แล้วใส่กุญแจล็อกไว้ ร่างสูงเอนกายพิงพนักของเก้าอี้ตัวใหญ่พลางยิ้มจางๆ ในหน้า เธอไม่ใช่ดวงดาหวันจริงๆ ทำไมนะเขาถึงรู้สึกปลอดโปร่งอย่างนี้ เขารู้ดีว่าดวงยิหวายอมสวมสวมรอยดวงดาหวันเพราะอะไร จากประวัติที่ละเอียดยิบที่นักสืบฝีมือดีของเขาดวงยิหวาหญิงสาววัยยี่สิบเจ็ด เป็นบุตรสาวคนเดียวของ นายดิเรก กับนาง ดาริกา เลิศรัตนาไพศาล เข้าตำรา ฉลาด สวย และรวยมาก ดวงยิหวาอยู่กับมารดาที่อเมริกาตั้งแต่เรียนชั้นประถม และเรียนหนังสืออยู่ที่นั่นเพราะเธอย้ายตามมารดาซึ่งต้องไปผ่าตัดรักษาโรคประจำตัวอย่างกะทันหันและอยู่ที่อเมริกามาตลอดเพราะมารดาของเธอต้องรับการรักษาตัวอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งบิดาขยายกิจการของครอบครัวไปที่นั่นเพื่อจะได้มีโอกาสได้ดูแลครอบครัวด้วยแต่คุณดิเรกก็เดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยและอเมริกาเป็นประจำ ด้วยเหตุนี้เองที่เมืองไทยจึงไม่มีใครเคยเห็นหน้าเธอ คงไม่มีใครคิดว่าดวงยิหวาจะหน้าตาเหมือนกับดวงดาหวันราวกับแกะ และคงไม่ต้องพูดถึงความแสบซ่าของเธอ ดวงยิหวานั้นนับได้ว่าเป็นสาวซ่าคนหนึ่งเลยทีเดียว เธอเล่นกีฬาที่นับว่าต
ตอนที่9.“นี่นังฝน เอ็งอย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายให้มันมากนักได้มั้ยวะ”“โธ่แม่ แม่เองก็คิดเหมือนฉันล่ะน่า รึไม่จริง”“เอ๊ะ นังลูกคนนี้นี่แม่สอนยังจะมาย้อน เดี๋ยวแม่ตบกบาลแยก...” ป้าสำลีเงื้อมือขึ้นหมายจะตบกบาลแยกตามที่พูดจริงๆ แต่สายฝนก็ไวกว่าหลบมือนางได้ทันแล้วหันมายิ้มแหยๆ“โอยๆ แม่ละก็ลองคิดดีๆ สิ นี่นะ หากเราไม่ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้คุณๆ เขา คุณหนูเราอาจจะเป็นเด็กเกเรไม่มีสัมมาคารวะเหมือนกับหลานสาวของคุณน้ำหวานก็ได้นาแม่นา...” สายฝนทำท่าขึงขังจริงจังทำให้ผู้เป็นแม่ลดมือลงแล้วครุ่นคิดตามที่ลูกสาวพูด“เออ มันก็จริงของเอ็งนะ แล้วเราจะทำไงกันดีวะ”“เดี๋ยวฉันจัดการเอง เพียงแต่แม่บอกว่าให้ฉันเสือกเรื่องของเจ้านายได้เท่านั้นล่ะ” สายฝนยิ้มเจ้าเล่ห์“แล้วเอ็งจะทำไงวะ ข้าถามหน่อยสิ”“แม่ก็อนุญาตให้ฉันเสือกเรื่องของเจ้านายได้ก่อนสิ เร็วๆ สิแม่” ป้าสำลีมองหน้าลูกสาวแล้วพยักหน้าช้าๆ อย่างเสียไม่ได้ทางด้านคุณดิเรกกับคุณดาริกาซึ่งได้รับกล่องพัสดุจากชายนิรนามคนหนึ่งกำลังเปิดดูสิ่งที่ถูกส่งมาให้ทุกๆ สัปดาห์ด้วยความตื่นเต้นเมื่อมันคือโปสการ์ดสวยๆ ซึ่งมีรูปของบุตรสาวของตนในอิริยาบถต่างๆ พร้อมข้อความ
ตอนที่10. ดวงยิหวาเดินกลับเข้าบ้านหลังจากจัดการงานในไร่เสร็จเรียบร้อยแล้วอย่างเหนื่อยแสนเหนื่อย ดีที่ว่าเธอเป็นคนแข็งแรงจึงสามารถทำงานหนักขนาดนี้ได้ ตอนนี้น้องปราณยังอยู่ดูม้าตัวใหม่กับเปลว เปลวจึงอนุญาตให้เธอกลับบ้านมาก่อนเพราะเห็นว่าทำงานมาทั้งวันแล้ว ก็นับว่าเขายังมีเมตตาบ้าง แต่ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นชั้นบนสายฝนก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา ดวงยิหวามองใบหน้าที่เปิดทุกความรู้สึกของสายฝนอย่างขันๆ “มีอะไรรึฝน...”“อ้าว ทำไมคุณรู้ล่ะคะว่าฝนมีอะไรจะพูด” สายฝนเกาหัวแกรกๆ ดูน่าขันดวงยิหวายิ้มบางๆ“ก็มีจริงมั้ยล่ะ”“เอ่อ มีค่ะมี คือว่า...” แล้วสายฝนก็เล่าให้นายสาวฟังด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นจนมองเห็นภาพราวเธออยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเลยทีเดียว“ขอบใจนะ” ดวงยิหวาพูดสั้นๆ แล้วทำท่าจะเดินขึ้นห้อง“อ้าว.. แล้วคุณไม่สงสัยอะไรเลยเหรอคะ...” สายฝนเกาหัวท่าทางเหมือนงงกับท่าทางเฉยๆ ของเธอซึ่งดวงยิหวาพอจะเข้าใจดีว่าทำไมสายฝนจึงสงสัยว่าทำไมเธอจึงไม่แสดงอาการอะไรออกมาที่น้ำหวานมาที่นี่ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าระหว่างดวงดาหวันกับ น้ำหวานนั้นมีอะไรๆ ที่ไม่กินเส้นกันอยู่มากมาย การที่คู่ปรับมาถึงที่แบบนี้เธอกลับทำ
ตอนที่11.“กรี๊ดๆ นังบ้า แกมาเอางูออกไปที นังดาหวัน นังบ้า กรี๊ดดด ฉันจะฟ้องพี่เปลว...”เสียงแปดหลอดของอาน้ำหวานคนสวยที่ฟังไม่ไพเราะเหมือนเดิมเลยสักนิดดังขึ้นขัดความซาบซึ้งของสองแม่ลูกดวงยิหวาหันไปมองอย่างไม่พอใจแล้วเดินไปคว้างูออกมาจากคอน้ำหวานแล้วถือไว้เหมือนมันเป็นของเล่นซ้ำยังแกว่งไปมาใกล้ๆ ใบหน้าของน้ำหวานที่ถอยร่นไปอย่างหวาดกลัวขยะแขยง“ตามสบายค่ะ อย่าลืมบอกคุณเปลวด้วยล่ะว่าเธอเป็นคนเอางูมาไว้ในห้องฉัน แล้วฉันเองก็จะบอกคุณเปลวด้วยว่าเธอมาเสี้ยมสอนให้ลูกฉันทำแบบนี้...”“อย่านะคะคุณแม่ น้องเปรียวกลัวอาเปลวดุเอา น้องเปรียวขอโทษ..” เด็กหญิงร้องบอกแววตาของน้องเปรียวดูหวาดหวั่นน่าสงสาร“แกกล้าเหรอ...” น้ำหวานแทรกขึ้นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นน้องเปรียวเหมือนจะแปรพรรคและตนก็จะโดนเล่นงานอยู่คนเดียว“แน่นอนฉันกล้า... หรือว่าเธอจะลองดูก็ได้ว่าฉันจะกล้ามั้ย” ดวงยิหวามองน้ำหวานอย่างท้าทาย... “กรี๊ดดด... นังบ้า นังดาหวัน นางมารร้าย...” น้ำหวานกรีดร้องอยู่ในรถของตัวเองเมื่อเธอออกมาจากบ้านไร่ตะวันงามด้วยสารรูปที่เรียกได้ว่ายับเยิน เธอไม่เคยรู้สึกเสียเหลี่ยมและเสียหน้ามากขนาดนี้มาก่อน คุณน้ำหวานค
ตอนที่12.“นี่เธอ หยุดดิ้นก่อนได้มั้ย”“ไม่หยุด จนกว่าคุณจะปล่อยฉัน”“แล้วถ้าหากฉันไม่ปล่อยล่ะ” คำตอบแบบกวนๆ ทำให้ดวงยิหวากัดฟันแน่นด้วยความโมโห เธอไม่เคยเสียท่าให้ผู้ชายลามกที่พยายามลวนลามเธอสักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน...“ได้ ไม่ปล่อยใช่มั้ย นี่แน่ะๆๆ”หญิงสาวกระทืบเท้าเล็กๆ ลงบนหลังเท้าแกร่งแรงๆ แล้วใช้ความว่องไวเอี้ยวตัวมากัดใบหูของเขาอย่างแม่นยำเมื่อเปลวคลายวงแขนเล็กน้อยเพราะเจ็บเท้า“โอ๊ยๆ นี่เธอ ยัยเด็กบ้า”เปลวร้องลั่นปล่อยร่างบางทันที เมื่อวงแขนแข็งแรงคลายออกหญิงสาวก็เตรียมจะวิ่งออกไปให้พ้นร่างสูง แต่แล้วก็ต้องหวีดร้องออกมาอย่างตระหนกเมื่อเปลวคว้าเอวบางไว้ได้อีกครั้งและคราวนี้เขากับเธอก็ล้มกลิ้งอยู่บนพื้นพรมนุ่มโดยที่เปลวเปลวคร่อมร่างงามไว้จนดวงยิหวาไม่อาจจะขยับไปไหนได้เลย“ปล่อยนะคุณจะรังแกพี่สะใภ้เลยเหรอ ทุเรศที่สุด” ตวาดเสียงเขียวในใจก็เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ“แต่เธอไม่ใช่...” เปลวหลุดปากพูดไปแค่นั้นแล้วก้มลงปิดปาก ระเรื่อที่จะขยับต่อว่าเขาก่อนที่เธอจะแหกปากร้องลั่นบ้านโลกทั้งโลกของดวงยิหวาเหมือนจะสะเทือนหวั่นไหวราวจะถล่มทลายเมื่อริมฝีปากร้อนผะผ่าวของเปลวทาบลงมายังกลีบปากขอ
ตอนที่13.“นี่ เธอ” เปลวเรียกหญิงสาวอีกครั้งเมื่อเจ้าหล่อนเอาแต่นิ่งเฉย และในที่สุดดวงยิหวาลุกขึ้นแล้วหันมามองหน้าคนตัวโตตาเขียวปัดเมื่อคิดว่าเขาจะมาจิกใช้เธออีกแน่ๆ “อะไร มีอะไรก็ว่ามา ฉันเหนื่อยและเจ็บมือหมดแล้วเนี่ย เห็นมั้ย จะใช้อะไรนักหนาฮะ”“ฉันไม่ได้จะมาใช้เธอแค่จะมาชวนไปดูม้าตัวใหม่ จะไม่ไปก็ได้นะ ฉันไปล่ะ”“เฮ้ย.. เดี๋ยวๆ คุณว่าอะไรนะม้าตัวใหม่เหรอ” ดวงยิหวาถลันมาขวางไว้ มือบางดันอกแกร่งไว้ก่อนด้วยความสนใจม้าตัวใหม่ที่เปลวพูดถึง“ฮื่อ แต่ดูท่าทางเธอคงไม่อยากไปกับฉันหรอก ถ้าอย่างนั้นฉันไปล่ะ” เปลวเมินหน้าเหมือนไม่ใส่ใจแล้วเดินหนีไปดวงยิหวารีบเดินตามเขาไปทันที...ดวงยิหวารู้สึกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่มิดเมื่อรถคันใหญ่พาเธอมายังทุ่งหญ้ากว้างท้ายไร่ ซึ่งม้าหนุ่มตัวหนึ่งกำลังวิ่งวนไปมาอย่างคึกคะนองไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้แม้จะมีคนงานหลายคนพยายามจะจับมัน“นั่นม้าตัวใหม่ที่เพิ่งได้มา พ่อมันเป็นม้าแข่งฝีเท้าเร็วระดับแชมป์โลกแม่มันก็เป็นม้าแข่งที่กระโดดข้ามเครื่องกีดขวางได้ดีเยี่ยม เธอคิดว่าเจ้าตัวนี้มันจะเป็นไง..” เปลวถามพลางเฝ้าสังเกตอาการของหญิงสาว“มันก็สุดยอดน่ะสิ ดูสิ นั่น เวลามันยืน
ตอนที่82. ตอนอวสานบทส่งท้าย...น้องเปรียวกับน้องปราณโบกมือลาเพื่อนๆ ซึ่งพ่อแม่มารับกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม เด็กทั้งสองมีความสุขที่สุด ณ ตอนนี้ พวกเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือขาดความรักความอบอุ่นแม้แต่น้อย แม้ดวงยิหวาจะไม่ใช่แม่ที่แท้จริงแต่ความรักความผูกพันที่มีในสายเลือดก็ผูกพวกเขาไว้ด้วยกันอย่างเหนียวแน่นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“เด็กๆ จ๊ะ มาทานข้าวกันได้แล้วค่ะ พี่ฝนจะตั้งโต๊ะแล้ว”ดวงยิหวาเรียกลูกๆ ด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกดีใจที่น้องเปรียวรู้จักคิดแยกแยะและให้อภัยรินลดา หญิงสาวเชื่อว่าเด็กทั้งสองจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปในอนาคต“คุณแม่ว่าน้องเปรียวทำถูกมั้ยคะ” เด็กหญิงถามหน้ายุ่ง“ถูกสิคะ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี การมีเพื่อนก็เป็นสิ่งที่ดี ลูกของคุณแม่น่ารักที่สุดค่ะ” ดวงยิหวายิ้มแล้วลูบเรือนผมของน้องเปรียวเบาๆ อย่างรักใคร่เอ็นดู“แล้วสามีละครับที่รัก น่ารักรึเปล่า” เปลวถามขึ้นพร้อมทั้งยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มนวลใสของภรรยาต่อหน้าเด็กๆ ดวงยิหวาหันมาค้อนขวับแล้วหยิกหมับเข้าที่ต้นแขนแกร่งเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ที่สามีชอบแสดงความรักกับเธอต่อหน้าเด็กๆ แบบนี้“คนบ้าหน้าไม่อาย นี่แน่ะๆ”“โอ๊ยๆ เจ็บครับที่รั
ตอนที่81.“ก็มองเหมือนจะถอดเสื้อผ้ายิหวา แบบนี้ไง คนบ้า”เธออ้อมแอ้มตอบรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทั่วร่างกับสายตาของสามีที่มองมาเหมือนจะกลืนกินทั้งที่เธอสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขาอยู่ แต่ภายใต้เสื้อตัวใหญ่ที่ยาวถึงโคนขาเสลาก็ไร้สิ่งอื่นห่อหุ้มความงามของอิสรีไว้และตอนนี้ดวงยิหวาก็รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรอยู่ดี“อื้ม สามีของยิหวานี่หื่นจริงๆ เลยนะครับ ไม่ไหวเลยมองภรรยาแบบจะกลืนกินได้ยังไงกัน สู้กินจริงๆ ไม่ดีกว่าเหรอ..” เขาเย้ายิ้มๆ ยกร่างบางมานั่งบนเคาน์เตอร์หินอ่อนตัวยาวตรงอ่างล้างหน้าที่สามารถขึ้นไปนั่งได้สบายๆ ทันที“อุ้ย พี่เปลวไม่นะ ยิหวาอยากอาบน้ำ หิวแล้ว”“ก็ใครว่าเราจะไม่อาบน้ำล่ะที่รัก”“ก็ปล่อยสิคะ ยิหวาจะอาบน้ำ พี่เปลวอาบแล้วก็ออกไปสิ” หญิงสาวต่อรองเมื่อเห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาของสามีที่บ่งบอกว่าจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ใจสั่นหวิวเพราะแรงปรารถนาจากดวงตาคมมันชัดเจนเหลือเกิน นี่อย่าบอกนะว่าเขาจะ...“ยิหวาจ๋า พี่อยากรักยิหวาอีกแล้ว”ไม่พูดเปล่าแต่ร่างแกร่งแทรกเข้ามาระหว่างเรียวขาเสลาแล้วโน้มใบหน้างามลงมาชิด ปลายจมูกคมปัดเบาๆ กับปลายจมูกรั้นอย่างหยอกเย้าแล้วริมฝีปากหยักก็บดจูบ
ตอนที่80.“คุณแม่ก็บอกว่า หากสิ้นปีนี้ไม่มีวี่แววว่าจะได้อุ้มหลาน พี่เตรียมตัวกระเด็นออกจากชีวิตลูกสาวท่านไปเลย” เปลวยิ้มกรุ้มกริ่มมองเธอตาหวานเชื่อมอย่างมีความหมาย ดวงยิหวาหน้าแดงรู้ทันทีว่าตนพลาดท่าคนเจ้าเล่ห์เสียแล้ว“ยี้ คนบ้า เจ้าเล่ห์กับยิหวาอีกแล้วนะ อุ้ย ไม่เอาค่ะ นี่ยังไม่มืดนะคะเพิ่งจะสี่โมงเย็นเอง” หญิงสาวจะลุกหนีคนเจ้าเล่ห์ที่เริ่มมือไม้อยู่ไม่สุขแต่ก็ดูเหมือนจะช้าไป “ไม่เป็นไรหรอกที่รัก เราทำอะไรกันเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวมันก็ค่ำแล้ว มาทำเจ้าตัวเล็กให้คุณแม่อุ้มดีกว่าไม่อย่างนั้นพี่ได้โดนเฉดหัวออกจากชีวิตยิหวาแน่ๆ เลย”ชายหนุ่มพูดงึมงำอยู่กับซอกคอขาวเนียนที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู ดวงยิหวาใจสั่นเมื่อรู้ตัวดีว่าไม่สามารถต้านทานแรงพิศวาสอันเร่าร้อนจากสามีได้ ริมฝีปากบางระเรื่อที่พยายามจะคัดค้านก็ถูกครอบครองด้วยปากร้อนๆ ของคนที่รอเวลานี้มาทั้งวันอย่างหิวกระหาย ลิ้นหนาสอดไล้ดูดกลืนเรียวลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อนช่ำชอง ดวงยิหวาครางเบาๆ ด้วยความซ่านหวิวมือร้อนผ่าวก็กำจัดเสื้อผ้าของเธอออกจากร่างกายอย่างรวดเร็วจนดวงยิหวานึกทึ่งที่เขาสามารถทำได้รวดเร็วกว่าที่เธอถอดเองเสียอีก“อื้ม พี่เปลว
ตอนที่79.“เออนะ เหมือนกันทั้งคนทั้งม้า ไอ้วิทย์อยากจะบ้า”หมอวิทย์ทำท่าเหมือนอยากจะขาดใจตาย เจ้าม้าสาวเอียงคอมองเขาตาใสแจ๋ว มันคงจะสงสัยว่ามนุษย์คนนี้เป็นอะไรไปเป็นแน่แท้เปลวเดินตรงขึ้นไปห้องหอแสนหวาน ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าห้องว่างเปล่าแต่ได้ยินเสียงน้ำไหลซู่ๆ อยู่ในห้องน้ำเปลวยิ้มกริ่มจินตนาการไปไกล“ยิหวาจ๋า ทำอะไรอยู่จ๊ะที่รัก..”แสร้งร้องเรียกภรรยาแต่เธอไม่ตอบเขาจึงเดินไปเปิดประตูห้องน้ำด้วยความคาดหวังว่าจะเห็นร่างเปลือยเปล่างดงามของภรรยาอยู่ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำแต่..เมี้ยวววว เจ้าแมวเหมียวสีตุ่นๆ กระดำกระด่างหน้าตาน่าเกลียดเปียกมะลอกมะแลกถูกยื่นมาตรงหน้าตามด้วยเสียงหัวเราะสดใสของภรรยา“อะไรกันนี่ยิหวา..” เปลวหน้าหงิกเมื่อมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้สักนิด“ก็น้องแมวไงคะ พอดีว่าฝนเจอมันหลงมาอยู่ข้างรั้วเมื่อกี้ ยิหวาเลยจะเลี้ยงมันไว้แต่ตัวมันเปรอะมากก็เลยพามามันมาอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งค่ะ”เธอบอกแล้วพามันไปเช็ดตัวและไดร์เป่าขนให้มันอย่างอ่อนโยนเจ้าแมวน้อยก็อยู่นิ่งให้บริการมันด้วยท่าทางแสนสุขน่าหมั่นไส้ เปลวเดินไปกอดร่างบางไว้แล้วซุกจมูกลงกับพวงแก้มนุ่มอย่างออดอ้อนกลัวว่า
ตอนที่78.“ยิหวาจ๋า สวยเหลือเกินคนดี..” เปลวครางแผ่วละเรียวลิ้นจากยอดทรวงสีหวานที่ดูดกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อยเพื่อมุ่งไปยังทุ่งดอกไม่แสนสวยที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้ดื่มกินความหวานล้ำที่เคยได้ลิ้มรสมาก่อนหน้านี้ทำให้เปลวแทบอดใจไม่ไหวที่จะได้ลิ้มรสน้ำหวานจากดอกไม้สาวฉ่ำเยิ้มหลอกล่อให้เขาหลงใหลมึนเมา มือหนาเลื่อนไล้ไปยังต้นขาและสะโพกตึงแน่นลูบไล้วนเวียนใกล้ดงดอกไม้งามหยอกเย้าให้เธอดิ้นพล่านด้วยความซ่านกระสัน ดวงยิหวาเผยอครางกระเส่ามือเรียวจิกบ่ากว้างของเขาแน่นเพื่อระบายความเสียวเสียด เลือดในกายสาวร้อนระอุเดือดพล่านราวกับว่ากายของเธอจะมอดไหม้ลงไปเพราะลิ้นและมือร้อนๆ ของเขา“อื้ม พี่เปลว อา...” ดวงยิหวาครางกระเส่าเมื่อลิ้นร้อนไล้เลียต่ำลงไปยังสะดือน่ารักและต่ำลงๆ จนถึงกึ่งกายสาวพร้อมกับนิ้วแกร่งเดินทางมาถึงจุดอ่อนไหวชื้นฉ่ำด้วยน้ำหวานเอ่อซึมยั่วเย้าให้ดูดดื่มและเปลวก็ไม่รอช้าที่จะทำดังนั้นและเมื่อลิ้นร้อนแตะแต้มลงบนกลีบดอกไม้งามดวงยิหวาก็สะดุ้งสุดตัวทั้งยังครางออกมาด้วยความซ่านกระสันสุดใจ ร่างงามส่ายพลิ้วดั่งใบไม้ต้องลมเมื่อถูกความเสียวซ่านโจมตีจากทั้งมือและปากของเขาก็ทำให้เธอแทบขาดใจ แล้วร่
ตอนที่77.แต่เพราะพ่อเลี้ยงเปลวไม่อยากให้ใครพูดถึงเพราะสงสารหลานๆ จึงให้ดวงยิหวาสวมรอยเป็นดวงดาหวันไปชั่วคราวรอจนมั่นใจว่าหลานๆ รับได้จึงจะบอกความจริงให้รับรู้ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจดีเพราะเจ๊ขาเม้าท์ทั้งสองถึงแม้จะเป็นคนที่ค่อนข้างพูดมากและชอบจับกลุ่มนินทาคนอื่นแต่พวกนางก็พูดในเรื่องที่มีมูลความจริงทุกเรื่อง ดังนั้นความเป็นมาของดวงยิหวาจึงไม่มีใครติดใจทั้งยังร่วมยินดีกับการแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของพ่อเลี้ยงเปลวกับดวงยิหวาที่กำลังจะมีขึ้นอีกด้วยเมื่อเรื่องวุ่นวายต่างๆ ผ่านไปเปลวก็จัดการทำบุญและจัดการเรื่องศพของดวงดาหวันที่เอื้องอำพรางคดีด้วยการฝังไว้ที่ชายป่าท้ายไร่นั่นเองซึ่งอาคมได้บอกกับเขาตอนที่ยอมจำนนต่อความผิดที่ก่อไว้แต่สุดท้ายเมื่ออาคมรู้ว่าหญิงสาวที่ตนรักนั้นได้จบชีวิตลงเขาก็ฆ่าตัวตายในคุก นับว่าอาคมมีความรักที่จริงใจต่อเอื้องมากอย่างไม่น่าเชื่อ เปลวได้นำอัฐิของปราบกับดวงดาหวันและเอื้องมาทำบุญครั้งใหญ่และนำไปเก็บไว้รวมกันอย่างน้อยๆ พี่ชายของเขาก็คงจะได้อยู่ใกล้ๆ คนที่รัก และเอื้องก็คงจะได้รับรู้ว่าตนมีญาติมีพี่น้องอยู่ในโลกใบนี้แต่สำหรับดวงดาหวันซึ่งจากโลกนี้ไปโดยที่เธอไม่มีโอกาสได้บ
ตอนที่76.ไร่ตะวันงามคือที่ที่พ่อเลี้ยงธวัชจะไม่กล้าเข้าไปก้าวก่าย ดังนั้นอาคมจึงพาคนรักหลบหนีมาจากไร่พ่อเลี้ยงธวัชมาอยู่ที่ไร่ตะวันงามหลังจากศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้าใหม่ให้แปลกจากเดิมและเปลี่ยนชื่อจากคำแก้วเป็น เอื้อง พ่อเลี้ยงธวัชจึงจำคำแก้วไม่ได้และดวงดาหวันก็จำคำแก้วไม่ได้เช่นกันทุกคนจึงรู้จักเพียงเอื้องสาวใช้คนซื่อแสนเรียบร้อย กว่าสิบปีที่คำแก้วอยู่ที่ไร่ตะวันงามหญิงสาวก็เฝ้าใส่ความเกลียดชังแม่เลี้ยงดาหวันให้กับทุกๆ คนไม่เว้นแม้แต่ลูกๆ ของดวงดาหวัน เธอเฝ้าเลี้ยงดูเด็กๆ อย่างดีเพื่อที่จะได้แก้แค้นดาหวันด้วยการบ่มเพาะความเกลียดชังใส่หัวของเด็กๆ นั่นเอง จนเมื่อคำแก้วถูกเปลวให้ออกจากไร่ตะวันงามเธอก็ไปศัลยกรรมใบหน้าอีกครั้งให้เหมือนกับดวงดาหวัน ซึ่งก็เป็นเรื่องง่ายเพราะรูปร่างและรูปหน้าของเธอกับดวงดาหวันมีส่วนที่คล้ายกันอยู่มาก เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตเพราะดวงดาหวันมักแต่งหน้าเข้มจัดจ้าน...หลังจากที่ศัลกรรมหน้าตาแล้วหญิงสาวก็ปลอมตัวไปเป็นคนรับใช้อยู่ในไร่ของน้ำหวานด้วยการใส่ฟันปลอมให้ฟันเหยิน ติดไฝเม็ดใหญ่ผมเผ้าไม่เป็นรูปทรงทำตัวเป็นสาวใช้เฉิ่มเชยขี้ริ้วขี้เหร่เพื่อสังเกตการณ์ความเป็
ตอนที่75.ดวงยิหวาค่อยๆ ลูบเปลือกตาเอื้องให้หลับลง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างยืนมองหญิงสาวทั้งสองเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความเศร้าสลดและสะเทือนใจ...ดวงยิหวาร่ำไห้ประคองร่างอ่อนปวกเปียกไร้วิญญาณของเอื้องมาโอบกอดไว้ด้วยความอาลัย แม้จะไม่เคยรักผูกพันกันในฐานะพี่สาวน้องสาวมาก่อนแต่สายเลือดในกายของพวกเธอก็คือสายเลือดที่เกิดจากหน่อเนื้อเดียวกัน เปลวเดินมาหาหญิงสาวอันเป็นที่รักพร้อมกับน้องเปรียว ร่างสูงทรุดลงกอดร่างสั่นระริกด้วยแรงสะอื้นไห้ของดวงยิหวาไว้แนบอกแกร่งทั้งยังรวบร่างน้องเปรียวเข้าไปกอดไว้ด้วยกันอย่างแสนรักยิ่งชีวิต“อโหสิให้ฉันด้วยนะเอื้อง..” ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วพูดฝากความในใจไปกับสายลมที่พัดมากรูใหญ่ก่อนทุกอย่างจะผ่านพ้นไปน้ำหวานกับวริศก็ถูกจับและดำเนินคดีในข้อหาสมรู้ร่วมคิดการค้าไม้เถื่อนแม้ว่าน้ำหวานจะไม่ได้เข้าไปมีส่วนรู้เห็นในเรื่องค้าไม้เถื่อนก็ตาม แต่ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรมแม่เลี้ยงดาหวัน และก็นับว่าหญิงสาวจะซวยแบบซ้ำซ้อนที่ไม่รู้ว่าสาวใช้ตัวดำหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ที่ตนเพิ่งรับเข้าทำงานก็คือเอื้อง ซึ่งศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าแล้วปลอมตัวเข้ามาเพื่
ตอนที่74.เมื่อพ้นร่างของเปลวเอื้องก็โผนเข้ามาหมายจะแทงดวงยิหวาด้วยความบ้าคลั่งแต่ดวงยิหวาหลบได้ทันแล้วจับข้อมือของเอื้องไว้อย่างว่องไว สองสาวยื้อยุดกันอยู่ด้วยท่าทางหวาดเสียวเอื้องมีแรงเยอะกว่าคนปกติมากอย่างที่ดวงยิหวาคาดไว้ ดวงยิหวาออกแรงบิดข้อมือเอื้องก่อนจะผลักเต็มแรงจนเอื้องเซถลาไปปะทะกับต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ จนศีรษะของเอื้องกระแทกกับลำต้นอย่างจังเลือดสดๆ ไหลลงมาอาบแก้มขาวซีดด้านหนึ่ง“กรี๊ดดด นังยิหวา แกทำฉันเลือดออก แก...” ยิ่งเห็นเลือดของตัวเองเอื้องก็ยิ่งคลั่งเอื้องกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจดวงตาแดงก่ำกราดเกรี้ยวราวไม่ใช่ดวงตามนุษย์ เลือดจากบาดแผลที่ศีรษะไหลเข้าตาจนแดงฉานอย่างที่เรียกว่า เลือดเข้าตา.. เอื้องวิ่งถลันเข้ามาหาดวงยิหวาอย่างรวดเร็ว ดวงยิหวาถูกเอื้องกระโดดถีบลำตัวอย่างแรงจะเซไปหลายก้าวทั้งยังถูกเอื้องผลักไปชนกับต้นไม้จนร่างเพรียวทรุดลงกับพื้น“พ่อเลี้ยงคะเราจะไม่เข้าไปช่วยยิหวาหรือคะ..”คุณดาริกาซึ่งออกมาดูเหตุการณ์ด้วยความห่วงใยบุตรสาวเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นว่าเอื้องนั้นบ้าคลั่งเพียงใด “เรารอดูอยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่าครับ ผมเชื่อมั่นในยิหวาว่าจะจัดการกับเอื้องไ