“แล้วเข้ามานี่มีธุระอะไร”
“คือ ฉันจะถามว่าฉันเข้าไปในห้องน้องเปรียวได้ไหม เห็นว่าเมื่อเย็นไม่ได้ทานข้าวฉันจะเอาข้าวต้มไปให้แก”
“เธอน่ะเหรอ รู้จักห่วงใยลูก”
“ถ้าฉันรู้ว่าคุณจะกวนประสาทขนาดนี้ฉันไม่เข้ามาถามให้เมื่อยปากหรอกเข้านอนดีกว่าเป็นไหนๆ”
“โอเคๆ เธออยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่อย่าให้เดือดร้อนวุ่นวายล่ะ หมดธุระแล้วก็ไปสิ” เขาพูดเหมือนอนุญาตและไล่เธอกรายๆ ดวงยิหวาหน้างอเดินออกมาจากห้องทำงานของเขาด้วยความขุ่นเคือง
เด็กหญิงเปรียวปรียานอนร้องไห้ท้องร้องจ๊อกๆ อยู่บนเตียงสีหวานของตนด้วยความน้อยใจ เธอกำลังคิดถึงภาพมารดากำลังตักข้าวให้น้องปราณ ก่อนนอนคุณแม่ก็อ่านนิทานให้น้องปราณฟัง ทุกอย่างที่น้องชายได้รับเธอกลับเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ไม่มีใครสนใจเธอเลย แต่น้องเปรียวลืมคิดไปว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตัวเธอเองนั่นล่ะ...
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เด็กหญิงปาดน้ำตาออกจากใบหน้าที่มีแววสวยคมโดดเด่นในอนาคตอันใกล้ แล้วมองประตูอย่างฉุนเฉียวตอนนี้เธอยังไม่มีแก่ใจจะคุยกับใครทั้งนั้น แม้แต่น้ำหวานหรือเอื้อง
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ออกไป๊ ฉันอยากอยู่คนเดียว” เด็กหญิงแผดเสียงก้องโดยไม่กลัวว่าอาเปลวจะโกรธ เพราะตอนนี้กำลังอยากเรียกร้องความสนใจจากทุกคนโดยเฉพาะ คุณแม่
“โอเค เปรียวไม่อยากทานข้าวต้มฝีมือคุณแม่ปราณก็ไม่ว่าอะไร...” เสียงน้องชายเอ่ยมาจากปลังประตูทำให้น้องเปรียวตาโตด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ได้ยินว่า คุณแม่ทำข้าวต้มให้เธอ เด็กหญิงเก็บอาการไว้ด้วยหัวใจพองโตแต่ก็แกล้งพูดเสียงแข็ง
“ไม่เห็นจะอยากกิน กินได้รึเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้าเปรียวไม่กินแล้วจะเสียใจปราณลองแล้วอร่อยเหาะไปเล้ย ใช่มั้ยครับคุณแม่”
“ใช่ที่สุดจ้ะลูกรัก” เสียงมารดาที่คุยอยู่กับน้องชายทำให้ เด็กหญิงตาโตด้วยความตื่นเต้นแนบหูกับบานประตูใจเต้นระทึกด้วยความดีใจลึกๆ ที่มารดาสนใจตนบ้าง
ประตูห้องนอนสีหวานค่อยๆ แง้มออกมาน้อยๆ ใบหน้าของเด็กหญิงโผล่มาอย่างไว้เชิงเรือนผมยาวสลายถึงกลางหลังที่ถักเปียไว้อย่างงดงามไหวตามการเคลื่อนไหวของเจ้าตัวราวเจ้าหญิงตัวน้อยแสนซน หน้าตามอมแมมด้วยคราบน้ำตาเกรอะกรังก็ยิ่งทำให้ดวงยิหวารู้สึกเอ็นดูน้องเปรียวอยู่ไม่น้อย นี่มันตัวเธอสมัยเด็กๆ เลยล่ะ คุณแม่ของเธอเคยบอกไว้อย่างนั้น
“เข้ามาสิ แต่แค่ปราณคนเดียวนะ”
“ก็ได้ แต่หากปราณเข้าไปแล้วเปรียวทานข้าวต้มให้หมดนะ เพราะปราณจะรีบกลับห้องไปฟังคุณแม่เล่านิทาน” น้องปราณพูดเชิงเชิญชวนตามที่ดวงยิหวาบอกไว้
“นี่คิดจะชิ่งเปรียวเหรอปราณ ตัวไม่อยู่ข้างเปรียวแล้วใช่มั้ย”
“เปล่า แต่ปราณก็อยากได้คุณแม่ อยากให้คุณแม่อยู่ข้างๆ เรา เอาเถอะเปรียวทานข้าวเถอะ ปราณจะอยู่เป็นเพื่อน รู้มั้ยอาเปลวโกรธมากนะ”
“ช่างอาเปลวสิ ก็เปรียวกินข้าวไม่ลงจริงๆ นี่นาตอนนั้น”
“แล้วตอนนี้ล่ะ...”
“หิวมากจนปวดท้องไปหมดไงล่ะ...” ว่าแล้วเด็กหญิงก็ตักข้าวต้มหอมกรุ่นยั่วน้ำลายเข้าปากเคี้ยวอยางเอร็ดอร่อย
ดวงยิหวาที่แอบดูอยู่หน้าประตูเพราะน้องปราณแอบแง้มไว้ยิ้มอย่างยินดีที่เด็กหญิงรับประทานอย่างตั้งใจสีหน้าและแววตาของน้องเปรียวดูมีความสุขจนเธอเองก็น้ำจะไหล นี่แสดงว่าดวงดาหวันไม่เคยใส่ใจลูกๆ เลยสินะ ความรู้สึกรักและสงสารเด็กทั้งสองคนมีท่วมท้นจนเธอก็ยังตกใจในความรู้สึกของตนเอง ดวงยิหวาเดินกลับห้องของตนเองอย่างครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะให้เด็กๆ มีความสุข
ทางด้านน้องเปรียวนั้นกำลังยิ้มอย่างมีความสุขเด็กหญิงมองถ้วยข้าวต้มที่เธอไม่ยอมให้น้องชายเอาไปเก็บด้วยหัวใจพองโตน้ำตาแทบไหลเมื่อข้าวต้มถ้วยนี้มารดาเป็นคนลงมือปรุงเอง เธอไม่เคยได้รับประทานอาหารฝีมือของคุณแม่เลยสักครั้ง และตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยเห็นมารดาเข้าครัวหรือทำงานอะไรนอกจากแต่งตัวสวยไปวันๆ ไม่เคยสนใจเลยว่าวันนี้เธอกับน้องจะอยู่กินกันอย่างไร มีเพียงอาเปลวเท่านั้นที่ดูแลพวกเธอมาอย่างดีแต่บางครั้งงานอาเปลวก็เยอะเสียจนไม่ค่อยมีเวลาดูแลพวกเธอ...
คุณแม่ดาหวันทำอาหารให้เธอกิน เธอจะได้กินอาหารฝีมือของคุณแม่อีกไหมนะ พรุ่งนี้จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อจะดูว่าคุณแม่ทำอาหารให้จริงๆ รึเปล่า...
เช้าวันใหม่เด็กๆ ก็ยังคงไปเรียนตามปกติ แต่เช้านี้แม้น้องเปรียวจะไม่ได้เห็นหน้าพี่เลี้ยงของเธอแต่เด็กหญิงไม่ได้ใส่ใจนักเพราะตอนนี้เธอมีเรื่องที่น่าสนใจกว่า เด็กหญิงตื่นเต้นจนไม่อาจจะทนนอนตื่นสายได้วันนี้น้องเปรียวจึงตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เพื่อจะได้อาบน้ำแต่งตัวไปดูคุณแม่ทำอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แต่เมื่อออกมาจากห้องก็พบว่าน้องชายเปิดประตูออกมาพร้อมๆ กันพอดี
“ว้าว วันนี้เปรียวตื่นเช้าจังแฮะ”
“ก็ทำไมละทีตัวยังตื่นเช้าเลย” เปรียวปรียาเมินหลบสายตาน้องชายเขินๆ แล้วเดินเชิดหน้าเดินนำไปก่อนน้องปราณยิ้มกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของแฝดผู้พี่
เปลวเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์มองหลานๆ ที่เดินลงมาพร้อมกันอย่างแปลกใจ วันนี้ดูน้องเปรียวสดใสกว่าทุกวัน ชายหนุ่มวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอาหารกล่าวทักทายหลานๆ ด้วยน้ำเสียงสดใส ที่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เขาได้เห็นใบหน้าสดชื่นสดในของหลานทั้งสองมานานแล้ว
“วันนี้ดูสดใส ตื่นเช้ากันจังนะครับมีอะไรพิเศษรึเปล่าเอ่ย” น้ำเสียงอาหนุ่มอ่อนโยนเสมอเมื่อพูดกับหลานๆ
“เปล่านี่คะ ก็แค่น้องเปรียวอยากลองตื่นเช้าเหมือนปราณมั่งก็เท่านั้นเองค่ะ”
“อ้อ เหรอจ๊ะ อืม... ก็มีเหตุผลดีนะ” เปลวพยักหน้าเห็นด้วยพลางยกหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านเพื่อปิดบังรอยยิ้มของตนไว้ เพราะกลัวว่าหากน้องเปรียวเห็นเขายิ้มหรือหัวเราะตอนนี้เธอจะโกรธเอาได้
“เอ่อ... อาเปลวคะแล้วพี่เอื้องไปไหนคะ”
“พี่เอื้องเขามาขอลาออกหลายวันแล้วจ้ะ เพราะต้องกลับไปดูแลพ่อแม่ที่กำลังป่วยหนักที่บ้าน น้องเปรียวดูแลตัวเองได้ใช่ไหม” เปลวให้เหตุผลที่ดีที่สุด
“ค่ะ เปรียวดูแลตัวเองได้ เปรียวโตแล้ว...” เด็กหญิงพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วนั่งรอมารดาอย่างใจจดจ่อ
“อาเปลวอ่านข่าวอะไรครับดูเหมือนจะสนุกจนยิ้มไม่หุบ” น้องปราณเองก็รู้ดีว่าเพราะเหตุใดเอื้องจึงลาออกจึงชวนคุยเปลี่ยนเรื่องเสีย
“สองคนนี้ไม่รู้คุยอะไรกันน้องเปรียวไปหานมอุ่นๆ ในครัวมาดื่มดีกว่า” เด็กหญิงว่าพลางเดินเข้าไปในครัวทั้งๆ ที่เหยือกนมพร้อมดื่มของเธออยู่บนโต๊ะแล้ว
ร่างสูงโปร่งของเด็กหญิงเดินเบาๆ เหมือนย่องไปยังห้องครัวด้วยใจเต้นตึกตักตื่นเต้นที่จะได้เห็นภาพมารดาทำอาหารเช้าให้พวกเธอรับประทาน มันก็เหมือนความฝันของเด็กๆ ทั่วไป ที่อยากเห็นคุณแม่ของตนทำอาหาร ถักเปียสวยๆ ให้ก่อนไปโรงเรียน เข้านอนก็มีคุณแม่อ่านนิทานให้ฟัง และเมื่อคืนนี้เธอก็ได้ฟังนิทานก่อนนอนแล้วยังฝันดีที่สุดอีกด้วย เด็กหญิงยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นคุณแม่สวมผ้ากันเปื้อนกำลังพูดคุยกันเบาๆ กับป้าสำลีเรื่องอาหาร
ตอนที่7.“ป้าว่าน้องเปรียวจะทานมั้ยคะ มันมีผักนิดหน่อย ไข่เจียวชะอมทอด และผัดรวมมิตรใส่กุ้งสด”“ไม่แน่ใจนะคะ คุณน้องปราณน่ะทานง่าย แต่คุณน้องเปรียวค้อนข้างทานยากเพราะนางเอื้องมันสอนให้กินแต่อาหารฝรั่งที่มีแต่เนื้อสัตว์และอาหารที่หาเครื่องปรุงยากๆ บางทีเราก็หาของที่เธอต้องการจนเหนื่อยค่ะ สุดท้ายก็กินไม่กี่คำ” “อืม แต่ฉันว่าเธอน่าจะทานนะคะ อาหารทุกอย่างเราตั้งใจทำขนาดนี้ มีประโยชน์ทั้งนั้นเลย ตอนเด็กๆ ฉันก็กินแต่อาหารพวกนี้และหัดทำเองด้วย มันสนุกและอร่อยที่สุด คุณแม่ของฉันน่ะทำอาหารเก่งมากเลยนะคะ อ้อ เอ่อ... เสร็จแล้วยกไปตั้งโต๊ะได้เลยค่ะ...” ดวงยิหวาคุยเรื่อยๆ จนลืมตัว แล้วก็รีบหันไปล้างมือหลบสายตาจับผิดของป้าสำลีในขณะเดียวกันน้องเปรียวกับน้องปราณซึ่งแอบตามมาดูทีหลังพี่สาวก็รีบวิ่งปรู้ดไปนั่งที่โต๊ะอาหารรอด้วยความดีใจ...“ไอ้เบิ้ม ที่แกว่าแม่คุณดาหวันตายตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็ก็อยู่กับแม่น้าขี้เมา ก่อนจะมาเจอคุณปราบคุณดาหวันทำงานในบาร์ของเสี่ยเจียง มันจริงรึเปล่าวะ” อยู่ๆ ป้าสำลีก็ถามเบิ้มผู้เป็นลูกเขยอย่างสงสัยพลางขมวดคิ้วมุ่น“จริงสิครับคุณแม่ยาย ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งบางว่าคุณดาหวันเธอเห
ตอนที่8.เปลวมองเอกสารในมืออีกครั้งก่อนจะเก็บมันไว้ในลิ้นชักของโต๊ะทำงานตัวใหญ่แล้วใส่กุญแจล็อกไว้ ร่างสูงเอนกายพิงพนักของเก้าอี้ตัวใหญ่พลางยิ้มจางๆ ในหน้า เธอไม่ใช่ดวงดาหวันจริงๆ ทำไมนะเขาถึงรู้สึกปลอดโปร่งอย่างนี้ เขารู้ดีว่าดวงยิหวายอมสวมสวมรอยดวงดาหวันเพราะอะไร จากประวัติที่ละเอียดยิบที่นักสืบฝีมือดีของเขาดวงยิหวาหญิงสาววัยยี่สิบเจ็ด เป็นบุตรสาวคนเดียวของ นายดิเรก กับนาง ดาริกา เลิศรัตนาไพศาล เข้าตำรา ฉลาด สวย และรวยมาก ดวงยิหวาอยู่กับมารดาที่อเมริกาตั้งแต่เรียนชั้นประถม และเรียนหนังสืออยู่ที่นั่นเพราะเธอย้ายตามมารดาซึ่งต้องไปผ่าตัดรักษาโรคประจำตัวอย่างกะทันหันและอยู่ที่อเมริกามาตลอดเพราะมารดาของเธอต้องรับการรักษาตัวอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งบิดาขยายกิจการของครอบครัวไปที่นั่นเพื่อจะได้มีโอกาสได้ดูแลครอบครัวด้วยแต่คุณดิเรกก็เดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยและอเมริกาเป็นประจำ ด้วยเหตุนี้เองที่เมืองไทยจึงไม่มีใครเคยเห็นหน้าเธอ คงไม่มีใครคิดว่าดวงยิหวาจะหน้าตาเหมือนกับดวงดาหวันราวกับแกะ และคงไม่ต้องพูดถึงความแสบซ่าของเธอ ดวงยิหวานั้นนับได้ว่าเป็นสาวซ่าคนหนึ่งเลยทีเดียว เธอเล่นกีฬาที่นับว่าต
ตอนที่9.“นี่นังฝน เอ็งอย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายให้มันมากนักได้มั้ยวะ”“โธ่แม่ แม่เองก็คิดเหมือนฉันล่ะน่า รึไม่จริง”“เอ๊ะ นังลูกคนนี้นี่แม่สอนยังจะมาย้อน เดี๋ยวแม่ตบกบาลแยก...” ป้าสำลีเงื้อมือขึ้นหมายจะตบกบาลแยกตามที่พูดจริงๆ แต่สายฝนก็ไวกว่าหลบมือนางได้ทันแล้วหันมายิ้มแหยๆ“โอยๆ แม่ละก็ลองคิดดีๆ สิ นี่นะ หากเราไม่ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้คุณๆ เขา คุณหนูเราอาจจะเป็นเด็กเกเรไม่มีสัมมาคารวะเหมือนกับหลานสาวของคุณน้ำหวานก็ได้นาแม่นา...” สายฝนทำท่าขึงขังจริงจังทำให้ผู้เป็นแม่ลดมือลงแล้วครุ่นคิดตามที่ลูกสาวพูด“เออ มันก็จริงของเอ็งนะ แล้วเราจะทำไงกันดีวะ”“เดี๋ยวฉันจัดการเอง เพียงแต่แม่บอกว่าให้ฉันเสือกเรื่องของเจ้านายได้เท่านั้นล่ะ” สายฝนยิ้มเจ้าเล่ห์“แล้วเอ็งจะทำไงวะ ข้าถามหน่อยสิ”“แม่ก็อนุญาตให้ฉันเสือกเรื่องของเจ้านายได้ก่อนสิ เร็วๆ สิแม่” ป้าสำลีมองหน้าลูกสาวแล้วพยักหน้าช้าๆ อย่างเสียไม่ได้ทางด้านคุณดิเรกกับคุณดาริกาซึ่งได้รับกล่องพัสดุจากชายนิรนามคนหนึ่งกำลังเปิดดูสิ่งที่ถูกส่งมาให้ทุกๆ สัปดาห์ด้วยความตื่นเต้นเมื่อมันคือโปสการ์ดสวยๆ ซึ่งมีรูปของบุตรสาวของตนในอิริยาบถต่างๆ พร้อมข้อความ
ตอนที่10. ดวงยิหวาเดินกลับเข้าบ้านหลังจากจัดการงานในไร่เสร็จเรียบร้อยแล้วอย่างเหนื่อยแสนเหนื่อย ดีที่ว่าเธอเป็นคนแข็งแรงจึงสามารถทำงานหนักขนาดนี้ได้ ตอนนี้น้องปราณยังอยู่ดูม้าตัวใหม่กับเปลว เปลวจึงอนุญาตให้เธอกลับบ้านมาก่อนเพราะเห็นว่าทำงานมาทั้งวันแล้ว ก็นับว่าเขายังมีเมตตาบ้าง แต่ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นชั้นบนสายฝนก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา ดวงยิหวามองใบหน้าที่เปิดทุกความรู้สึกของสายฝนอย่างขันๆ “มีอะไรรึฝน...”“อ้าว ทำไมคุณรู้ล่ะคะว่าฝนมีอะไรจะพูด” สายฝนเกาหัวแกรกๆ ดูน่าขันดวงยิหวายิ้มบางๆ“ก็มีจริงมั้ยล่ะ”“เอ่อ มีค่ะมี คือว่า...” แล้วสายฝนก็เล่าให้นายสาวฟังด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นจนมองเห็นภาพราวเธออยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเลยทีเดียว“ขอบใจนะ” ดวงยิหวาพูดสั้นๆ แล้วทำท่าจะเดินขึ้นห้อง“อ้าว.. แล้วคุณไม่สงสัยอะไรเลยเหรอคะ...” สายฝนเกาหัวท่าทางเหมือนงงกับท่าทางเฉยๆ ของเธอซึ่งดวงยิหวาพอจะเข้าใจดีว่าทำไมสายฝนจึงสงสัยว่าทำไมเธอจึงไม่แสดงอาการอะไรออกมาที่น้ำหวานมาที่นี่ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าระหว่างดวงดาหวันกับ น้ำหวานนั้นมีอะไรๆ ที่ไม่กินเส้นกันอยู่มากมาย การที่คู่ปรับมาถึงที่แบบนี้เธอกลับทำ
ตอนที่11.“กรี๊ดๆ นังบ้า แกมาเอางูออกไปที นังดาหวัน นังบ้า กรี๊ดดด ฉันจะฟ้องพี่เปลว...”เสียงแปดหลอดของอาน้ำหวานคนสวยที่ฟังไม่ไพเราะเหมือนเดิมเลยสักนิดดังขึ้นขัดความซาบซึ้งของสองแม่ลูกดวงยิหวาหันไปมองอย่างไม่พอใจแล้วเดินไปคว้างูออกมาจากคอน้ำหวานแล้วถือไว้เหมือนมันเป็นของเล่นซ้ำยังแกว่งไปมาใกล้ๆ ใบหน้าของน้ำหวานที่ถอยร่นไปอย่างหวาดกลัวขยะแขยง“ตามสบายค่ะ อย่าลืมบอกคุณเปลวด้วยล่ะว่าเธอเป็นคนเอางูมาไว้ในห้องฉัน แล้วฉันเองก็จะบอกคุณเปลวด้วยว่าเธอมาเสี้ยมสอนให้ลูกฉันทำแบบนี้...”“อย่านะคะคุณแม่ น้องเปรียวกลัวอาเปลวดุเอา น้องเปรียวขอโทษ..” เด็กหญิงร้องบอกแววตาของน้องเปรียวดูหวาดหวั่นน่าสงสาร“แกกล้าเหรอ...” น้ำหวานแทรกขึ้นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นน้องเปรียวเหมือนจะแปรพรรคและตนก็จะโดนเล่นงานอยู่คนเดียว“แน่นอนฉันกล้า... หรือว่าเธอจะลองดูก็ได้ว่าฉันจะกล้ามั้ย” ดวงยิหวามองน้ำหวานอย่างท้าทาย... “กรี๊ดดด... นังบ้า นังดาหวัน นางมารร้าย...” น้ำหวานกรีดร้องอยู่ในรถของตัวเองเมื่อเธอออกมาจากบ้านไร่ตะวันงามด้วยสารรูปที่เรียกได้ว่ายับเยิน เธอไม่เคยรู้สึกเสียเหลี่ยมและเสียหน้ามากขนาดนี้มาก่อน คุณน้ำหวานค
ตอนที่12.“นี่เธอ หยุดดิ้นก่อนได้มั้ย”“ไม่หยุด จนกว่าคุณจะปล่อยฉัน”“แล้วถ้าหากฉันไม่ปล่อยล่ะ” คำตอบแบบกวนๆ ทำให้ดวงยิหวากัดฟันแน่นด้วยความโมโห เธอไม่เคยเสียท่าให้ผู้ชายลามกที่พยายามลวนลามเธอสักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน...“ได้ ไม่ปล่อยใช่มั้ย นี่แน่ะๆๆ”หญิงสาวกระทืบเท้าเล็กๆ ลงบนหลังเท้าแกร่งแรงๆ แล้วใช้ความว่องไวเอี้ยวตัวมากัดใบหูของเขาอย่างแม่นยำเมื่อเปลวคลายวงแขนเล็กน้อยเพราะเจ็บเท้า“โอ๊ยๆ นี่เธอ ยัยเด็กบ้า”เปลวร้องลั่นปล่อยร่างบางทันที เมื่อวงแขนแข็งแรงคลายออกหญิงสาวก็เตรียมจะวิ่งออกไปให้พ้นร่างสูง แต่แล้วก็ต้องหวีดร้องออกมาอย่างตระหนกเมื่อเปลวคว้าเอวบางไว้ได้อีกครั้งและคราวนี้เขากับเธอก็ล้มกลิ้งอยู่บนพื้นพรมนุ่มโดยที่เปลวเปลวคร่อมร่างงามไว้จนดวงยิหวาไม่อาจจะขยับไปไหนได้เลย“ปล่อยนะคุณจะรังแกพี่สะใภ้เลยเหรอ ทุเรศที่สุด” ตวาดเสียงเขียวในใจก็เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ“แต่เธอไม่ใช่...” เปลวหลุดปากพูดไปแค่นั้นแล้วก้มลงปิดปาก ระเรื่อที่จะขยับต่อว่าเขาก่อนที่เธอจะแหกปากร้องลั่นบ้านโลกทั้งโลกของดวงยิหวาเหมือนจะสะเทือนหวั่นไหวราวจะถล่มทลายเมื่อริมฝีปากร้อนผะผ่าวของเปลวทาบลงมายังกลีบปากขอ
ตอนที่13.“นี่ เธอ” เปลวเรียกหญิงสาวอีกครั้งเมื่อเจ้าหล่อนเอาแต่นิ่งเฉย และในที่สุดดวงยิหวาลุกขึ้นแล้วหันมามองหน้าคนตัวโตตาเขียวปัดเมื่อคิดว่าเขาจะมาจิกใช้เธออีกแน่ๆ “อะไร มีอะไรก็ว่ามา ฉันเหนื่อยและเจ็บมือหมดแล้วเนี่ย เห็นมั้ย จะใช้อะไรนักหนาฮะ”“ฉันไม่ได้จะมาใช้เธอแค่จะมาชวนไปดูม้าตัวใหม่ จะไม่ไปก็ได้นะ ฉันไปล่ะ”“เฮ้ย.. เดี๋ยวๆ คุณว่าอะไรนะม้าตัวใหม่เหรอ” ดวงยิหวาถลันมาขวางไว้ มือบางดันอกแกร่งไว้ก่อนด้วยความสนใจม้าตัวใหม่ที่เปลวพูดถึง“ฮื่อ แต่ดูท่าทางเธอคงไม่อยากไปกับฉันหรอก ถ้าอย่างนั้นฉันไปล่ะ” เปลวเมินหน้าเหมือนไม่ใส่ใจแล้วเดินหนีไปดวงยิหวารีบเดินตามเขาไปทันที...ดวงยิหวารู้สึกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่มิดเมื่อรถคันใหญ่พาเธอมายังทุ่งหญ้ากว้างท้ายไร่ ซึ่งม้าหนุ่มตัวหนึ่งกำลังวิ่งวนไปมาอย่างคึกคะนองไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้แม้จะมีคนงานหลายคนพยายามจะจับมัน“นั่นม้าตัวใหม่ที่เพิ่งได้มา พ่อมันเป็นม้าแข่งฝีเท้าเร็วระดับแชมป์โลกแม่มันก็เป็นม้าแข่งที่กระโดดข้ามเครื่องกีดขวางได้ดีเยี่ยม เธอคิดว่าเจ้าตัวนี้มันจะเป็นไง..” เปลวถามพลางเฝ้าสังเกตอาการของหญิงสาว“มันก็สุดยอดน่ะสิ ดูสิ นั่น เวลามันยืน
ตอนที่14.“เอ๊ะ ก็ไหนว่าแม่ของเปรียวหนีตามชู้รักไปแล้วรถตกเขาตายไปแล้วนี่คะ” เด็กหญิงที่เพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ ถามน้าสาวอย่างสงสัย“ก็นั่นล่ะจ้ะ แต่ดวงดาหวันน่ะรอดมาได้ แค่มีแผลถลอกนิดหน่อยไม่ถึงกับตายหรอกจ้ะคุณเปลวเลยให้กลับมาพักฟื้นที่บ้านไร่”“อ้อ เหรอคะ”“แต่ไม่รู้ว่าสมองกระทบกระเทือนรึเปล่า กลับมาคราวนี้แปลกๆ ดูรักน้องเปรียวกับน้องปราณอย่างกับแม่งูหวงไข่ แต่ความร้ายกาจยังเหมือนเดิม” พูดเสียงหวานเหมือนพูดเรื่องทั่วๆ ไป แต่ทำให้หลานสาวตาวาวด้วยความอยากรู้อยากเห็น“น้าหวานไปไร่โน้นกับน้องรินมั้ยคะ” “ไม่หรอกจ้ะ น้ากลัวดาหวันจะทำร้ายเอาเพราะดาหวันเขาหวงพ่อเลี้ยงเปลวอย่างกับเป็นภรรยาพ่อเลี้ยงเสียเอง น้าไปทีไรก็โดนต่อว่ากล่าวหาว่าไปให้ท่าพ่อเลี้ยงเปลวจนน้ากลัวคนจะมองไม่ดี” น้ำหวานทำเสียงเศร้าใบหน้างามหม่นหมอง หญิงสาวแอบยิ้มในใจเมื่อรินลดามองตนอย่างสงสาร“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวน้องรินช่วยเอง” เด็กหญิงบอกน้าสาวอย่างลิงโลด ส่วนผู้เป็นน้านั้นแทบกรีดร้องด้วยความยินดี...“มาทำไม” เปลวถามตรงๆ มองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าดวงยิหวามาที่ทำงานทั้งที่วันนี้เขาอนุญาตให้เธอหยุดงานหนึ่งวัน“ก็เห็น
ตอนที่82. ตอนอวสานบทส่งท้าย...น้องเปรียวกับน้องปราณโบกมือลาเพื่อนๆ ซึ่งพ่อแม่มารับกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม เด็กทั้งสองมีความสุขที่สุด ณ ตอนนี้ พวกเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือขาดความรักความอบอุ่นแม้แต่น้อย แม้ดวงยิหวาจะไม่ใช่แม่ที่แท้จริงแต่ความรักความผูกพันที่มีในสายเลือดก็ผูกพวกเขาไว้ด้วยกันอย่างเหนียวแน่นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“เด็กๆ จ๊ะ มาทานข้าวกันได้แล้วค่ะ พี่ฝนจะตั้งโต๊ะแล้ว”ดวงยิหวาเรียกลูกๆ ด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกดีใจที่น้องเปรียวรู้จักคิดแยกแยะและให้อภัยรินลดา หญิงสาวเชื่อว่าเด็กทั้งสองจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปในอนาคต“คุณแม่ว่าน้องเปรียวทำถูกมั้ยคะ” เด็กหญิงถามหน้ายุ่ง“ถูกสิคะ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี การมีเพื่อนก็เป็นสิ่งที่ดี ลูกของคุณแม่น่ารักที่สุดค่ะ” ดวงยิหวายิ้มแล้วลูบเรือนผมของน้องเปรียวเบาๆ อย่างรักใคร่เอ็นดู“แล้วสามีละครับที่รัก น่ารักรึเปล่า” เปลวถามขึ้นพร้อมทั้งยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มนวลใสของภรรยาต่อหน้าเด็กๆ ดวงยิหวาหันมาค้อนขวับแล้วหยิกหมับเข้าที่ต้นแขนแกร่งเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ที่สามีชอบแสดงความรักกับเธอต่อหน้าเด็กๆ แบบนี้“คนบ้าหน้าไม่อาย นี่แน่ะๆ”“โอ๊ยๆ เจ็บครับที่รั
ตอนที่81.“ก็มองเหมือนจะถอดเสื้อผ้ายิหวา แบบนี้ไง คนบ้า”เธออ้อมแอ้มตอบรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทั่วร่างกับสายตาของสามีที่มองมาเหมือนจะกลืนกินทั้งที่เธอสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขาอยู่ แต่ภายใต้เสื้อตัวใหญ่ที่ยาวถึงโคนขาเสลาก็ไร้สิ่งอื่นห่อหุ้มความงามของอิสรีไว้และตอนนี้ดวงยิหวาก็รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรอยู่ดี“อื้ม สามีของยิหวานี่หื่นจริงๆ เลยนะครับ ไม่ไหวเลยมองภรรยาแบบจะกลืนกินได้ยังไงกัน สู้กินจริงๆ ไม่ดีกว่าเหรอ..” เขาเย้ายิ้มๆ ยกร่างบางมานั่งบนเคาน์เตอร์หินอ่อนตัวยาวตรงอ่างล้างหน้าที่สามารถขึ้นไปนั่งได้สบายๆ ทันที“อุ้ย พี่เปลวไม่นะ ยิหวาอยากอาบน้ำ หิวแล้ว”“ก็ใครว่าเราจะไม่อาบน้ำล่ะที่รัก”“ก็ปล่อยสิคะ ยิหวาจะอาบน้ำ พี่เปลวอาบแล้วก็ออกไปสิ” หญิงสาวต่อรองเมื่อเห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาของสามีที่บ่งบอกว่าจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ใจสั่นหวิวเพราะแรงปรารถนาจากดวงตาคมมันชัดเจนเหลือเกิน นี่อย่าบอกนะว่าเขาจะ...“ยิหวาจ๋า พี่อยากรักยิหวาอีกแล้ว”ไม่พูดเปล่าแต่ร่างแกร่งแทรกเข้ามาระหว่างเรียวขาเสลาแล้วโน้มใบหน้างามลงมาชิด ปลายจมูกคมปัดเบาๆ กับปลายจมูกรั้นอย่างหยอกเย้าแล้วริมฝีปากหยักก็บดจูบ
ตอนที่80.“คุณแม่ก็บอกว่า หากสิ้นปีนี้ไม่มีวี่แววว่าจะได้อุ้มหลาน พี่เตรียมตัวกระเด็นออกจากชีวิตลูกสาวท่านไปเลย” เปลวยิ้มกรุ้มกริ่มมองเธอตาหวานเชื่อมอย่างมีความหมาย ดวงยิหวาหน้าแดงรู้ทันทีว่าตนพลาดท่าคนเจ้าเล่ห์เสียแล้ว“ยี้ คนบ้า เจ้าเล่ห์กับยิหวาอีกแล้วนะ อุ้ย ไม่เอาค่ะ นี่ยังไม่มืดนะคะเพิ่งจะสี่โมงเย็นเอง” หญิงสาวจะลุกหนีคนเจ้าเล่ห์ที่เริ่มมือไม้อยู่ไม่สุขแต่ก็ดูเหมือนจะช้าไป “ไม่เป็นไรหรอกที่รัก เราทำอะไรกันเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวมันก็ค่ำแล้ว มาทำเจ้าตัวเล็กให้คุณแม่อุ้มดีกว่าไม่อย่างนั้นพี่ได้โดนเฉดหัวออกจากชีวิตยิหวาแน่ๆ เลย”ชายหนุ่มพูดงึมงำอยู่กับซอกคอขาวเนียนที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู ดวงยิหวาใจสั่นเมื่อรู้ตัวดีว่าไม่สามารถต้านทานแรงพิศวาสอันเร่าร้อนจากสามีได้ ริมฝีปากบางระเรื่อที่พยายามจะคัดค้านก็ถูกครอบครองด้วยปากร้อนๆ ของคนที่รอเวลานี้มาทั้งวันอย่างหิวกระหาย ลิ้นหนาสอดไล้ดูดกลืนเรียวลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อนช่ำชอง ดวงยิหวาครางเบาๆ ด้วยความซ่านหวิวมือร้อนผ่าวก็กำจัดเสื้อผ้าของเธอออกจากร่างกายอย่างรวดเร็วจนดวงยิหวานึกทึ่งที่เขาสามารถทำได้รวดเร็วกว่าที่เธอถอดเองเสียอีก“อื้ม พี่เปลว
ตอนที่79.“เออนะ เหมือนกันทั้งคนทั้งม้า ไอ้วิทย์อยากจะบ้า”หมอวิทย์ทำท่าเหมือนอยากจะขาดใจตาย เจ้าม้าสาวเอียงคอมองเขาตาใสแจ๋ว มันคงจะสงสัยว่ามนุษย์คนนี้เป็นอะไรไปเป็นแน่แท้เปลวเดินตรงขึ้นไปห้องหอแสนหวาน ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าห้องว่างเปล่าแต่ได้ยินเสียงน้ำไหลซู่ๆ อยู่ในห้องน้ำเปลวยิ้มกริ่มจินตนาการไปไกล“ยิหวาจ๋า ทำอะไรอยู่จ๊ะที่รัก..”แสร้งร้องเรียกภรรยาแต่เธอไม่ตอบเขาจึงเดินไปเปิดประตูห้องน้ำด้วยความคาดหวังว่าจะเห็นร่างเปลือยเปล่างดงามของภรรยาอยู่ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำแต่..เมี้ยวววว เจ้าแมวเหมียวสีตุ่นๆ กระดำกระด่างหน้าตาน่าเกลียดเปียกมะลอกมะแลกถูกยื่นมาตรงหน้าตามด้วยเสียงหัวเราะสดใสของภรรยา“อะไรกันนี่ยิหวา..” เปลวหน้าหงิกเมื่อมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้สักนิด“ก็น้องแมวไงคะ พอดีว่าฝนเจอมันหลงมาอยู่ข้างรั้วเมื่อกี้ ยิหวาเลยจะเลี้ยงมันไว้แต่ตัวมันเปรอะมากก็เลยพามามันมาอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งค่ะ”เธอบอกแล้วพามันไปเช็ดตัวและไดร์เป่าขนให้มันอย่างอ่อนโยนเจ้าแมวน้อยก็อยู่นิ่งให้บริการมันด้วยท่าทางแสนสุขน่าหมั่นไส้ เปลวเดินไปกอดร่างบางไว้แล้วซุกจมูกลงกับพวงแก้มนุ่มอย่างออดอ้อนกลัวว่า
ตอนที่78.“ยิหวาจ๋า สวยเหลือเกินคนดี..” เปลวครางแผ่วละเรียวลิ้นจากยอดทรวงสีหวานที่ดูดกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อยเพื่อมุ่งไปยังทุ่งดอกไม่แสนสวยที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้ดื่มกินความหวานล้ำที่เคยได้ลิ้มรสมาก่อนหน้านี้ทำให้เปลวแทบอดใจไม่ไหวที่จะได้ลิ้มรสน้ำหวานจากดอกไม้สาวฉ่ำเยิ้มหลอกล่อให้เขาหลงใหลมึนเมา มือหนาเลื่อนไล้ไปยังต้นขาและสะโพกตึงแน่นลูบไล้วนเวียนใกล้ดงดอกไม้งามหยอกเย้าให้เธอดิ้นพล่านด้วยความซ่านกระสัน ดวงยิหวาเผยอครางกระเส่ามือเรียวจิกบ่ากว้างของเขาแน่นเพื่อระบายความเสียวเสียด เลือดในกายสาวร้อนระอุเดือดพล่านราวกับว่ากายของเธอจะมอดไหม้ลงไปเพราะลิ้นและมือร้อนๆ ของเขา“อื้ม พี่เปลว อา...” ดวงยิหวาครางกระเส่าเมื่อลิ้นร้อนไล้เลียต่ำลงไปยังสะดือน่ารักและต่ำลงๆ จนถึงกึ่งกายสาวพร้อมกับนิ้วแกร่งเดินทางมาถึงจุดอ่อนไหวชื้นฉ่ำด้วยน้ำหวานเอ่อซึมยั่วเย้าให้ดูดดื่มและเปลวก็ไม่รอช้าที่จะทำดังนั้นและเมื่อลิ้นร้อนแตะแต้มลงบนกลีบดอกไม้งามดวงยิหวาก็สะดุ้งสุดตัวทั้งยังครางออกมาด้วยความซ่านกระสันสุดใจ ร่างงามส่ายพลิ้วดั่งใบไม้ต้องลมเมื่อถูกความเสียวซ่านโจมตีจากทั้งมือและปากของเขาก็ทำให้เธอแทบขาดใจ แล้วร่
ตอนที่77.แต่เพราะพ่อเลี้ยงเปลวไม่อยากให้ใครพูดถึงเพราะสงสารหลานๆ จึงให้ดวงยิหวาสวมรอยเป็นดวงดาหวันไปชั่วคราวรอจนมั่นใจว่าหลานๆ รับได้จึงจะบอกความจริงให้รับรู้ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจดีเพราะเจ๊ขาเม้าท์ทั้งสองถึงแม้จะเป็นคนที่ค่อนข้างพูดมากและชอบจับกลุ่มนินทาคนอื่นแต่พวกนางก็พูดในเรื่องที่มีมูลความจริงทุกเรื่อง ดังนั้นความเป็นมาของดวงยิหวาจึงไม่มีใครติดใจทั้งยังร่วมยินดีกับการแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของพ่อเลี้ยงเปลวกับดวงยิหวาที่กำลังจะมีขึ้นอีกด้วยเมื่อเรื่องวุ่นวายต่างๆ ผ่านไปเปลวก็จัดการทำบุญและจัดการเรื่องศพของดวงดาหวันที่เอื้องอำพรางคดีด้วยการฝังไว้ที่ชายป่าท้ายไร่นั่นเองซึ่งอาคมได้บอกกับเขาตอนที่ยอมจำนนต่อความผิดที่ก่อไว้แต่สุดท้ายเมื่ออาคมรู้ว่าหญิงสาวที่ตนรักนั้นได้จบชีวิตลงเขาก็ฆ่าตัวตายในคุก นับว่าอาคมมีความรักที่จริงใจต่อเอื้องมากอย่างไม่น่าเชื่อ เปลวได้นำอัฐิของปราบกับดวงดาหวันและเอื้องมาทำบุญครั้งใหญ่และนำไปเก็บไว้รวมกันอย่างน้อยๆ พี่ชายของเขาก็คงจะได้อยู่ใกล้ๆ คนที่รัก และเอื้องก็คงจะได้รับรู้ว่าตนมีญาติมีพี่น้องอยู่ในโลกใบนี้แต่สำหรับดวงดาหวันซึ่งจากโลกนี้ไปโดยที่เธอไม่มีโอกาสได้บ
ตอนที่76.ไร่ตะวันงามคือที่ที่พ่อเลี้ยงธวัชจะไม่กล้าเข้าไปก้าวก่าย ดังนั้นอาคมจึงพาคนรักหลบหนีมาจากไร่พ่อเลี้ยงธวัชมาอยู่ที่ไร่ตะวันงามหลังจากศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้าใหม่ให้แปลกจากเดิมและเปลี่ยนชื่อจากคำแก้วเป็น เอื้อง พ่อเลี้ยงธวัชจึงจำคำแก้วไม่ได้และดวงดาหวันก็จำคำแก้วไม่ได้เช่นกันทุกคนจึงรู้จักเพียงเอื้องสาวใช้คนซื่อแสนเรียบร้อย กว่าสิบปีที่คำแก้วอยู่ที่ไร่ตะวันงามหญิงสาวก็เฝ้าใส่ความเกลียดชังแม่เลี้ยงดาหวันให้กับทุกๆ คนไม่เว้นแม้แต่ลูกๆ ของดวงดาหวัน เธอเฝ้าเลี้ยงดูเด็กๆ อย่างดีเพื่อที่จะได้แก้แค้นดาหวันด้วยการบ่มเพาะความเกลียดชังใส่หัวของเด็กๆ นั่นเอง จนเมื่อคำแก้วถูกเปลวให้ออกจากไร่ตะวันงามเธอก็ไปศัลยกรรมใบหน้าอีกครั้งให้เหมือนกับดวงดาหวัน ซึ่งก็เป็นเรื่องง่ายเพราะรูปร่างและรูปหน้าของเธอกับดวงดาหวันมีส่วนที่คล้ายกันอยู่มาก เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตเพราะดวงดาหวันมักแต่งหน้าเข้มจัดจ้าน...หลังจากที่ศัลกรรมหน้าตาแล้วหญิงสาวก็ปลอมตัวไปเป็นคนรับใช้อยู่ในไร่ของน้ำหวานด้วยการใส่ฟันปลอมให้ฟันเหยิน ติดไฝเม็ดใหญ่ผมเผ้าไม่เป็นรูปทรงทำตัวเป็นสาวใช้เฉิ่มเชยขี้ริ้วขี้เหร่เพื่อสังเกตการณ์ความเป็
ตอนที่75.ดวงยิหวาค่อยๆ ลูบเปลือกตาเอื้องให้หลับลง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างยืนมองหญิงสาวทั้งสองเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความเศร้าสลดและสะเทือนใจ...ดวงยิหวาร่ำไห้ประคองร่างอ่อนปวกเปียกไร้วิญญาณของเอื้องมาโอบกอดไว้ด้วยความอาลัย แม้จะไม่เคยรักผูกพันกันในฐานะพี่สาวน้องสาวมาก่อนแต่สายเลือดในกายของพวกเธอก็คือสายเลือดที่เกิดจากหน่อเนื้อเดียวกัน เปลวเดินมาหาหญิงสาวอันเป็นที่รักพร้อมกับน้องเปรียว ร่างสูงทรุดลงกอดร่างสั่นระริกด้วยแรงสะอื้นไห้ของดวงยิหวาไว้แนบอกแกร่งทั้งยังรวบร่างน้องเปรียวเข้าไปกอดไว้ด้วยกันอย่างแสนรักยิ่งชีวิต“อโหสิให้ฉันด้วยนะเอื้อง..” ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วพูดฝากความในใจไปกับสายลมที่พัดมากรูใหญ่ก่อนทุกอย่างจะผ่านพ้นไปน้ำหวานกับวริศก็ถูกจับและดำเนินคดีในข้อหาสมรู้ร่วมคิดการค้าไม้เถื่อนแม้ว่าน้ำหวานจะไม่ได้เข้าไปมีส่วนรู้เห็นในเรื่องค้าไม้เถื่อนก็ตาม แต่ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรมแม่เลี้ยงดาหวัน และก็นับว่าหญิงสาวจะซวยแบบซ้ำซ้อนที่ไม่รู้ว่าสาวใช้ตัวดำหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ที่ตนเพิ่งรับเข้าทำงานก็คือเอื้อง ซึ่งศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าแล้วปลอมตัวเข้ามาเพื่
ตอนที่74.เมื่อพ้นร่างของเปลวเอื้องก็โผนเข้ามาหมายจะแทงดวงยิหวาด้วยความบ้าคลั่งแต่ดวงยิหวาหลบได้ทันแล้วจับข้อมือของเอื้องไว้อย่างว่องไว สองสาวยื้อยุดกันอยู่ด้วยท่าทางหวาดเสียวเอื้องมีแรงเยอะกว่าคนปกติมากอย่างที่ดวงยิหวาคาดไว้ ดวงยิหวาออกแรงบิดข้อมือเอื้องก่อนจะผลักเต็มแรงจนเอื้องเซถลาไปปะทะกับต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ จนศีรษะของเอื้องกระแทกกับลำต้นอย่างจังเลือดสดๆ ไหลลงมาอาบแก้มขาวซีดด้านหนึ่ง“กรี๊ดดด นังยิหวา แกทำฉันเลือดออก แก...” ยิ่งเห็นเลือดของตัวเองเอื้องก็ยิ่งคลั่งเอื้องกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจดวงตาแดงก่ำกราดเกรี้ยวราวไม่ใช่ดวงตามนุษย์ เลือดจากบาดแผลที่ศีรษะไหลเข้าตาจนแดงฉานอย่างที่เรียกว่า เลือดเข้าตา.. เอื้องวิ่งถลันเข้ามาหาดวงยิหวาอย่างรวดเร็ว ดวงยิหวาถูกเอื้องกระโดดถีบลำตัวอย่างแรงจะเซไปหลายก้าวทั้งยังถูกเอื้องผลักไปชนกับต้นไม้จนร่างเพรียวทรุดลงกับพื้น“พ่อเลี้ยงคะเราจะไม่เข้าไปช่วยยิหวาหรือคะ..”คุณดาริกาซึ่งออกมาดูเหตุการณ์ด้วยความห่วงใยบุตรสาวเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นว่าเอื้องนั้นบ้าคลั่งเพียงใด “เรารอดูอยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่าครับ ผมเชื่อมั่นในยิหวาว่าจะจัดการกับเอื้องไ