“อีกไม่นานค่ะ อีกไม่นานคุณใหญ่จะว่างจากงาน คุณชัญญารอหน่อยนะคะ ดิฉันรับรองอีกแรงว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมในอีกไม่กี่เดือน”
“คุณใหญ่ซุ่มทำกิจการใหม่อีกแล้วหรือคะ” คราวนี้ชัญญาเบิกตาโต สีหน้ามีทั้งความตื่นเต้นและชื่นชม แต่อีกคนนั้นหรือ ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะเก็บความกระอักกระอ่วนไว้ข้างในอย่างมิดชิด“ใช่ค่ะ ทุกอย่างที่ทำเพื่ออนาคตของราชเกียรติกูร คุณใหญ่มีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบ มีคนให้ดูแลมากมาย สงสารและเข้าใจเธอด้วยนะคะ คุณชัญญา”“ค่ะ คุณทิพย์ ชัญญาเข้าใจคุณใหญ่ วันนี้ชัญญากลับก่อน สายมากแล้ว ต้องไปรอรับคุณแม่ที่สนามบิน ท่านกำลังกลับจากเยี่ยมเพื่อนสมัยเรียนที่มาเลเซียค่ะ”“งั้นเชิญค่ะ ว่างๆ แวะมาอีกนะคะ เนินคุ้มหมอกยินดีต้อนรับคุณชัญญาเสมอ”เช่นตอนเข้ามา พวงทิพย์ถือเป็นหน้าที่ตามส่งสาวสวยถึงรถคันหรูที่มีคนขับพร้อม หญิงสาวเข้าไปนั่งตอนหลังอย่างสง่างาม ก่อนรถคันนั้นจะเคลื่อนจากไป โดยคนข้างหลังยังมองตามด้วยสีหน้าและแววตาชื่นชมและคาดหวังแม่บ้านวัยกลางคนกลับเข้าคฤหาสน์ไปแล้วภาพร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนในกระจกสะท้อนเข้ามา เมื่อเปลือกตาบางขยับเปิดปรือ หลังจากเธอหลับตาทบทวนนิ่งนาน แม้คำตอบจะชัดอยู่ในหัวมาสักพักแล้ว แต่เพราะความรู้สึกที่เปลี่ยนไป เธอจึงเลือกที่จะหลอกตัวเองมากกว่ายอมรับความจริง...ความจริงที่ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆสายตากวาดทั่วดวงหน้านวลผ่อง ทุกส่วนที่ประกอบเป็นเธอยังเหมือนเดิม หากจะเปลี่ยนก็คงเป็นดวงตาหวานซึ้งที่มีรอยครุ่นคิดมากขึ้น ประกายกล้าทอแสงแห่งชีวิตชีวานั้นจางลงอย่างน่าใจหายสามเดือนที่อยู่ในบ้านสีฟ้า ภายในรอบรั้วกำแพงสูง สามเดือนที่เธอไม่เคยออกไปพบปะผู้คน เป็นสามเดือนที่เธอไม่เคยมีอิสระอย่างแท้จริงหากทุกวันที่ผ่านไป เธออยู่มาได้ด้วยความหวัง แม้จะริบหรี่ แต่เพราะภาพลวงที่ตนเพียรสร้างขึ้นมา กระตุ้นให้จิตใจหลงคล้อยตาม...ภาพลวงตาที่เข้ามาเติมเต็มอยู่ทุกคืนวันถ้าปิ่นลดาจะเปิดดวงตาและหัวใจให้กว้างกว่านี้ เธอคงได้คำตอบสำหรับตัวเองนานแล้ว“เราไม่มีทางเปลี่ยนแปลงใครได้ ไม่มีทางเขาจะมองเราเป็นคนสำคัญ เพราะไม่อย่างนั้น เราคงไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้มาตั้งสามเดือน”สายตากดต่ำ มองหน้าท้องเนียนนุ่ม สิ่งท
ปิ่นลดาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยความรู้สึกว่าได้นอนเต็มอิ่ม หล่อนพลิกตัวออกจากเขาเบาๆ ด้วยเกรงคนตัวโตที่อุทิศต้นแขนให้เธอหนุนทั้งคืนจะตื่นขึ้นมาแสงสว่างเพียงนิดที่ส่องจากด้านนอก ทำให้เธอพินิจดวงหน้าคมได้จนอิ่มใจ คิ้วเข้มหนาเหนือกรอบดวงตายามนี้ปิดสนิท ไล่มาเป็นจมูกโด่งตรงรับกับริมฝีปากหยักที่สามารถสร้างความรุ่มร้อนและวาบหวิวให้หล่อนอย่างง่ายดายปิ่นลดาชะงักมือที่เผลอยื่นหา ใกล้จะแตะแก้มสากระคาย มองสันกรามที่มีเคราสั้นๆ ขึ้นหนาจนเขียวเป็นปื้นอย่างชินตาทุกเช้าที่ตื่นมาเห็น ก่อนจะดึงมือกลับ วางประกบหน้าท้องเนียนเธอรู้ว่าอนาคตตัวเองในบ้านหลังนี้ไม่แน่นอนและไม่มั่นคงเอาเสียเลย แต่จะเดินหน้าต่อในเส้นทางที่เลือกแล้ว คนเรามีสิทธิ์เลือกเดินในทางที่หวังไม่ใช่หรือเธอยอมเป็นผู้หญิงใจง่าย ไร้ยางอาย หลงรักผู้ชายที่ไม่เคยยื่นสิ่งดีงามให้เลย หากจะชั่งน้ำหนัก สิ่งที่เขาทำกับเธอ เอนเอียงไปในทางเลวร้ายเสียมากกว่ารักด้วยหัวใจ...คงเป็นอย่างนี้เองดวงหน้านวลแย้มละไม ดวงตาหวานทอดมองแผงอกหนา แววตาเหมือนคนตกอยู่ในโลกของตัวเอง เธอดูอ่อนหวานและสดใส แสนบริสุทธิ์งดงามในยามเ
“ไม่ค่ะ ไม่ท้อง” หล่อนส่ายหน้า ก้มมองมือที่ประสานกันบนตัก เป็นพักถึงเงยหน้าขึ้น “ฉันไม่ท้อง เพราะรอบเดือนมาเมื่อวาน ฉัน...ฉันเลยไม่พร้อมนอนกับคุณ”ปิ่นลดาอยากจะเชื่อว่าตนตาไม่ฝาด สีหน้าเขาเหมือนผิดหวัง หากแค่ชั่ววินาทีแต่แล้วต้องปัดสิ่งนี้ออกจากใจ เพราะมันไม่แน่นอนเลย ไม่มีอะไรที่หล่อนเชื่อมั่นและมั่นใจในตัวผู้ชายคนนี้อย่าคิดเข้าข้างตัวเองสิ ถ้าไม่อยากเจ็บ...เขายันกายลุกขึ้น คว้าเสื้อคลุมมาสวม ปิ่นลดาเบือนหนี จับฟังเสียงความเคลื่อนไหว จนคิดว่าเขาจัดการตัวเองเสร็จ จึงหันมามอง“คุณใหญ่จะกลับแล้วหรือคะ”“อืม พักผ่อนแล้วกัน อยากได้อะไรบอกศจี ฉันไม่กวนเธอละ” เขาว่าและคงหมายความตามนั้นจริงๆเสียงประตูห้องนอนปิด กระชากหัวใจของปิ่นลดาให้หลุดปลิวตามวันนั้นทั้งวันปิ่นลดาอยู่กับความคิดสับสน พยายามดึงสมาธิมาอยู่กับการถักนิตติงอยู่หลายรอบ แรกๆ หล่อนทำได้ดีอยู่หรอก แต่พอใกล้เย็น ความคาดหวังและรอคอยเริ่มรุนแรงขึ้น จนต้องวางมือศจีที่เดินเข้ามาพร้อมกับตะกร้าในมือสองข้างที่วางบนโต๊ะไม้เนื้อแข็งตร
เช้าตรู่ในคฤหาสน์ราชเกียรติกูรแห่งเนินคุ้มหมอก รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อคันใหญ่แล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาแล้วเทียบจอดด้านหน้าตึกคนร่างใหญ่เปิดประตูรถลงมา แล้วถามหาเจ้าของสถานที่กับเด็กรับใช้คนแรกที่เจอ เมื่อรู้ว่าคนเป้าหมายอยู่ที่ไหน เจ้าตัวก็ตรงไปหาอย่างไม่รีรอเสียงผลักประตูเปิด ทำให้คนข้างในรู้ตัว ก่อนจะมองแล้วทักถามอย่างแปลกใจ“มาตั้งแต่เช้าเชียวนายเล็ก”รัชตะมองน้องชายฝาแฝดที่ปรากฏกายตรงประตูห้องฟิตเนสชั้นล่างของคฤหาสน์ ซึ่งนานๆ ครั้งเขาจะได้ใช้ เพราะติดการออกกำลังกายในที่แจ้งมากกว่า“ถ้ารู้ว่าเมื่อคืนนายอยู่ตึกใหญ่ทั้งคืน ฉันมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”เสียงยียวนดังจากคนทอดฝีเท้าเอื่อยมาหา ดวงตาคมมองพี่ชายอย่างล้อเลียนรัชตะวางบาร์เบลลง ไถลตัวออกมา หยิบผ้าขนหนูมาคล้องคอ ยกชายผ้าซับเหงื่อบนใบหน้าที่ไหลซึม“มีอะไรหรือเปล่า”“ออกไปคุยข้างนอก ฉันกำลังหิวติดหมัด จะได้กินไปด้วย”“นายนี่ ตะกละจริงๆ”“ฉันมันคนป่าคนดอย ไม่ได้อยู่อย่างอุดมสมบู
กว่ารัชภาคย์จะคุยธุระสำคัญเสร็จ ก็เป็นเวลาสายมากแล้ว จากนั้นจึงขับรถออกไป ท่าทีที่แฝงความเคร่งเครียดของเขา แฝดผู้พี่รับรู้ได้ไม่ยากรัชตะไม่อาจละเลยความเป็นไปของน้องชายเพราะความรู้สึกส่วนตัวได้อีกแล้วหากพอจะออกไปทำงานของตัวเองบ้าง ก็พบว่าแขกสาวสวยที่ไม่ได้เจอหน้ามาพักใหญ่ และรู้จากพวงทิพย์ว่าหล่อนแวะมาเยี่ยมเยียนหาบ่อยครั้ง ที่สำคัญเจ้าหล่อนยังอยู่ในหัวข้อสนทนากับน้องชายเมื่อครู่ด้วยสิ ทำให้รัชตะต้องอยู่ทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดีต่อชัญญาเอาตะกร้าของฝากจากทางใต้ที่มารดาหอบหิ้วมาให้ หลังกลับจากพักผ่อนกับญาติๆ แล้วนั่งพูดคุยกันอย่างที่รัชตะเองไม่รู้สึกฝืนใจ หากกลับเพลิดเพลินไปกับเธอมีไม่กี่คนหรอกที่จะพูดคุยและเข้าถึงชายหนุ่ม อย่างที่เธอทำได้...สิ่งนี้ชัญญารู้ดี“ถ้าการติดต่อธุรกิจกับทางฝั่งโน้นเกิดติดขัดยังไง บอกชัญญาได้นะคะ ชัญญาเต็มใจช่วย ถือว่าได้เรียนรู้งานจากคุณใหญ่ไปในตัวด้วย”เธอหมายถึงธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านที่รัชตะไปลงทุนไว้เมื่อปีก่อน“ขอบคุณครับ เท่าที่เป็นตอนนี้ผมได้รับความสะดวกดี แต่ถ้ามีปัญหา
พวกเขาต้องการเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของรัชตะเพื่อนำไปแสดงตัว รับสมบัติจากใครสักคน แล้วหล่อนก็ถูกเลือกให้มาเป็นแม่พันธุ์...เราหลงมาติดกับพวกเขาได้อย่างไรกัน“โหดร้ายทุกคนเลย ทำไมเราต้องเจอเรื่องพวกนี้ด้วย”มือเรียวบางเลื่อนมาจับหน้าท้องตัวเอง เจ็บแปลบทั้งหัวใจ สิ่งที่เคยนึกระแวง แต่หล่อนพยายามปัดออกจากใจ แท้จริงมันเกิดขึ้นแล้วด้วยซ้ำถ้ายังอยู่ในเขตรั้วกำแพงนั้น จะมีอะไรเกิดกับเธอต่อไป รัชตะจะพรากสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของเธอไปใช่ไหม สู้หนีออกมาดีกว่าอยู่ให้เป็นเครื่องมือคนใจร้าย เพราะถ้าเขาทำได้สำเร็จ เธอก็จะอยู่ในสภาพตายทั้งเป็นชั่วชีวิต“คนใจร้าย ฉันเกลียดคุณ ไม่รักคุณอีกแล้ว”หล่อนคร่ำครวญ ยอมให้ตัวเองเป็นผู้หญิงโง่เขลาแค่วันนี้วันสุดท้าย ต่อจากนี้อย่าหวังเลยว่าจะกลับไปลุ่มหลงในตัวเขาอีกหล่อนป้ายน้ำตา เบือนมองทางข้างหน้า ถ้อยคำของศจีเป็นแรงผลักดันให้เธอหนีไปเรื่อยๆ‘ไกลที่ไหนกันคุณ คนแถบนี้เดินกันเป็นปกติ คนงานไร่บางคนเดินไปขึ้นสองแถวตรงถนนใหญ่หน้าไร่เกือบสองกิโลฯ ก็ยังเดินกันไหว ค
ประตูรถเปิดออกกว้าง ตามด้วยร่างสูงใหญ่ที่ก้าวลงมา พร้อมร่างหนึ่งแบกไว้บนบ่าเหมือนวัตถุไร้น้ำหนัก ก้าวสู่คฤหาสน์รูปทางเมดิเตอร์เรเนียนที่โอบล้อมด้วยขุนเขา สาวเท้ายาวๆ ขึ้นบันได ไม่สนใจคนงานที่วิ่งออกมาดูด้วยสีหน้าแตกตื่น จนถึงห้องนอนใหญ่บริเวณปีกขวา เปิดประตูกว้าง ร่างนุ่มนิ่มที่เพิ่งรู้สึกตัวดิ้นรนขลุกขลักพอให้รำคาญ ชายหนุ่มทุ่มลงอย่างไม่อนาทรกลางเตียงนอนใหญ่หญิงสาวพลิกตัวมานอนคู้ตะแคง เจ็บแปลบตรงข้อมือที่ถูกมัดไพล่หลัง พยายามยันกายขึ้นนั่ง ไม่พยายามมองคนป่าเถื่อนคนนั้นที่เห็นทางหางตาว่ากำลังยืนมองเธออยู่กลางห้อง“เป็นบ้าอะไร ปิ่นลดา ถึงได้หนีทะเล่อทะล่าออกไป เธอจะสร้างปัญหาให้ฉันเพื่ออะไร”ปิ่นลดายันกายขึ้นนั่งได้สำเร็จ ปรายตามองเขาอย่างชิงชัง เขาคิดว่าเป็นเจ้าของชีวิตหรืออย่างไรที่เธอต้องยอมทนรับการกระทำอย่างต่ำช้าอยู่ทุกคืนวัน แล้วยังหวังให้เธอรับสภาพอย่างไม่มีปากมีเสียง ยอมทนทุกอย่างตามแต่เขาต้องการอีก“หุบปากอยู่ทำไม พูดสิว่าต้องการอะไร”“ฉันไม่ต้องการอยู่ในขุมนรกบ้านี่ ฉันไม่ต้องการให้คุณมาทำกับฉันเหมือนสัตว์เลี้ยง คุณไม่
รัชภาคย์เดินวนไปมาอยู่ในโถงด้านล่างเกือบสิบนาที ก็ได้ยินเสียงรถของรัชตะแล่นมาจอดหน้าตึก หนุ่มผู้น้องสูดลมหายใจลึก ข่มใจระงับความกรุ่นโกรธ แล้วเดินไปขวางหน้า“นายทำอะไรไว้เมื่อกลางวัน รู้ตัวหรือเปล่า”รัชภาคย์ขยุ้มคอเสื้อเชิ้ตของพี่ชายแล้วกระชากถามเสียงกร้าว ไม่สนใจคนสนิทที่ตามมาคุมเชิงให้เจ้านาย...แม้ว่าเขาจะเป็นน้องในไส้ก็เถอะ!“มีอะไร พูดมา อย่าท่ามาก”รัชตะเค้นเสียงต่ำ ไม่ได้ต่อต้านหรือดึงตัวเองออก จ้องมองน้องชายที่มีความสูงไล่ๆ กัน ดวงตาแข็งกร้าวเท่านั้นที่บอกว่าจะไม่ยอมลงให้“ปิ่นลดาแทบตายคาห้องนาย ทำไมถึงทำกันขนาดนี้ ฉันรู้ว่าเธอพยายามหนี แต่ไม่น่าจะลงโทษกันรุนแรง ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง และจะเป็นแม่ของลูกนาย แล้วฉันก็เพิ่งคิดได้ว่าการที่เธอหนี มันก็มีเหตุสมควรให้เธอทำ”ถ้อยคำของน้องชาย ทำให้แววตาของรัชตะเปลี่ยน ดวงตาคู่นั้นทอความสงสัยขึ้นมา“เธอเป็นอะไร ฉันบอกให้คุณทิพย์ดูแลแล้วไง”“คุณทิพย์งั้นหรือ นายบอกเมื่อไหร่ ฉันเข้าไปดูในห้องนายตอนค่ำ ยังเห็นเธอถูกมัดเป็นหมูนอนไม่ได้
หล่อนหอบกระเส่า เปล่งเสียงเรียก ทิ้งศีรษะกับที่นอนอย่างหมดทางเมื่อเรียวลิ้นสากระคายกดคลึงยอดเกสรสวย ช่องทางรักอุ่นชื้นถูกรุกรานด้วยนิ้วแกร่งที่ทำงานประสานกัน เร่งจังหวะรัวเร็ว จนหล่อนดีดตัวสูง บิดกายเมื่อความเสียวซ่านกำซาบทั่วทุกรูขุมขน หากเขาไม่ปรานี กลับเร่งอารมณ์โถมใส่ กายอิ่มสั่นระริก ส่งเสียงครางกระเส่าเคล้าเสียงสะอื้นไห้อย่างยอมจำนนดวงหน้านวลแดงก่ำด้วยฤทธิ์อารมณ์สะบัดไปมา ดวงตาหวานเปิดปรือเย้ายวนอย่างไม่รู้ตัว มือนุ่มที่ถูกมัดไว้กำแน่นเข้ามากัน ระลอกคลื่นอารมณ์ใหญ่ยักษ์ซัดสาดเข้ามาต่อเนื่อง กระทั่งสิ่งที่อัดแน่นในกายระเบิดโพลง พล่านพร่าเกินจะควบคุม“คุณใหญ่ขา ลดาไม่ไหวแล้ว”ปิ่นลดาครวญอย่างน่าสงสาร ก่อนกรีดร้องอย่างไม่อาจทนไหว ทิ้งกายเปลือยลงระทวยทอดอย่างหมดทาง ปรับลมหายใจและอารมณ์ข้างในที่ปลดปล่อยออกมาร่างหนาใหญ่ขยับนั่งคุกเข่า เขาถอดเสื้อคลุมออก เหลือเพียงกายแกร่งเปลือย โน้มคร่อมเจ้าร่างบาง ปลดเชือกที่พันธนาการข้อมือเธอไว้ แล้วไล้เลื่อนต่ำมาผลักท่อนขาอวบให้เปิดกว้างปิ่นลดาผวาเฮือก แอ่นกายไขว่คว้าสามีหนุ่ม เมื่อเขาดันกายเข้า
บทส่งท้ายปิ่นลดา...ยอดรักยอดปรารถนาหลังจากแต่งงาน ไม่กี่เดือนต่อมาปิ่นลดาก็คลอดลูกชายคนแรกให้กับรัชตะ และว่างเว้นไม่ถึงปีหญิงสาวก็ตั้งท้องลูกสาวคนที่สอง ตอนนี้ทารกน้อยออกมาลืมตาดูโลกได้กว่าแปดเดือนแล้วในแต่ละวันหญิงสาวต้องหัวหมุนกับลูกชายหญิง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในความวุ่นวายนั้นช่างเปี่ยมด้วยความสุขอย่างที่เธอนึกไม่ออกว่าชีวิตนี้จะต้องการอะไรอีก...นอกเหนือจากสามีหนุ่มและลูกสองคนอันเป็นแก้วตาดวงใจในวันนี้รัชตะออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อเข้าร่วมประชุมหุ้นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นนักธุรกิจต่างชาติในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีโรงงานตั้งอยู่ในประเทศพม่า โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่กลางเมืองเชียงราชของฝั่งไทยเขากลับเข้าบ้านในเวลาสองทุ่ม ทันทีที่ภรรยาสาวซึ่งเพิ่งจัดการกับลูกน้อยสองคนเสร็จเห็นเขาก็ยิ้มกว้างแล้วเดินไปหา“งานเป็นยังไงบ้างคะ เสร็จเรียบร้อยดีไหม”ปิ่นลดากอดท่อนแขนล่ำสันของสามีไว้ แนบแก้มนวลด้วยท่าทางประจบอย่างแสนน่ารัก ทุกท่าทางเป็นไปโดยธรรมชาติ“เรียบร้อยครับ”“คุณใหญ่มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอุ่นให
“พราวพิชชาค่ะ พี่สาวของลดา”“ชื่อยังกะลิเก”เสียงเปรยเข้าหูในระยะประชิด พราวพิชชาต้องกลั้นอารมณ์อีกรอบ แต่เธอไม่ต้องทนนานเมื่อเสียงคุ้นหูดังเข้ามา อย่างที่ต้องรีบหันมอง“คุณแหวว คุณแหววจริงๆ ด้วย ลดาดีใจจังเลย ในที่สุดคุณแหววก็มา”ร่างงามอิ่มในชุดไทยประยุกต์สีครีมที่เห็นชัดว่ากำลังตั้งครรภ์เดินแกมวิ่งมาหา จนต้องปราดไปรับ กลัวว่าเจ้าสาวจะล้มคว่ำเสียก่อน“ลดาคิดว่าคุณแหววจะไม่มาซะอีกค่ะ”“มาสิ พี่ต้องมา ลดาแต่งงานทั้งที”พราวพิชชายิ้ม ยกสองมือประคองแก้มนวลที่ตกแต่งไว้อย่างดี เธอมองทั่วดวงหน้าน้องสาวแล้วดันออกห่าง สังเกตถ้วนทั่วแล้วยิ้มพอใจ“ลดาสวยมากเลยจ้ะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พี่ดีใจจริงๆ ที่เห็นลดาในภาพนี้”เธอหลุดความคิดออกมา พราวพิชชาพอรู้ว่าน้องสาวบุญธรรมต้องเจอกับอะไรก็ต่อเมื่อเรื่องมันเลยมาจนถึงวันนี้แล้ว ถามพ่อกับแม่กลับได้คำตอบว่าปิ่นลดาสบายดี เจ้าตัวเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วเลือกทำงานที่เมืองไทยต่อ โดยปฏิเสธจะไปอยู่ออสเตรเลียด้วยกันหากค
“ไม่เชื่อค่ะ ลดาไม่เชื่อหรอกว่าตลอดชีวิตของคุณจะไม่มีใครอีก นอกจากเด็กมอมแมมอย่างลดาในตอนนั้น”“มันก็ใช่ ความจริงมีคนเต็มใจเยอะเชียวละ แต่ฉันไม่ตกลง” เขาว่าหน้าตาเฉย แต่คนฟังเบ้หน้า “ฉันอยากได้แม่เก่งๆ ให้ลูก แล้วถูกใจฉันด้วย”“คนเต็มใจของคุณใหญ่มีคุณชัญญาด้วยไหมคะ”“ฉันบอกแล้ว คุณชัญญาเป็นผู้หญิงที่ฉันให้ความสนิทสนม เธอเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ฉันไม่เคยคิดเป็นอื่น”“แต่คุณชัญญาคิด” หล่อนว่าเสียงเข้ม ชายหนุ่มต้องอธิบายด้วยท่าที งอนง้อ“ต่อจากนี้ไม่คิดแล้วละ เชื่อฉัน เรื่องที่คุณชัญญาช่วยเธอหนีกลับกรุงเทพฯ วันนี้ ฉันก็รู้ แต่ไม่อยากพูดถึงอีก ขอให้มันจบได้ไหม เรื่องนี้ฉันขอ เพราะเราต้องอยู่ร่วมกันในเชียงราช อาจจะตลอดชีวิตของเรา แล้วฉันเชื่อว่าคุณชัญญาเป็นผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรี เธอจะจบเรื่องของเราลงแค่นี้แน่นอน”“โอเคค่ะ ลดาเชื่อและคิดเหมือนคุณ...แต่ขอบอกไว้นะคะถ้าเมื่อกี้คุณใหญ่ไม่บอกว่ารักลดาก่อน ลดาจะไม่ยอมรับฟังอะไรง่ายๆ ลดาจะทำให้คุณเจ็บตัวด้วย ผู้ชายอะไร พิษสงรอบตัวจริ
หญิงสาวหันมอง อมยิ้มแก้มตุ่ย ไม่บอกเขาหรอกว่าตนกำลังมีความสุขเหลือเกิน ก็ผู้ชายที่รักเต็มหัวใจแถมยังเป็นพ่อของลูกในท้องบอกรักพร้อมกับขอแต่งงาน ต่อให้เหนื่อยอ่อนแค่ไหนก็เรียกพลังคืนได้ในพริบตา“ทานข้าวกันเลยไหมคะ ค่ำแล้ว คุณลดากำลังท้องกำลังไส้ ท้องว่างนานไม่ดี เดี๋ยวคุณหนูจะหิว”พวงทิพย์เดินออกมาบอกเสียงจริงจัง จนปิ่นลดาหน้าเหวอกับท่าทางที่เปลี่ยนไป กระนั้นก็รีบปรับสีหน้ายิ้มรับอย่างจริงใจพร้อมบอกขอบคุณ จนแม่บ้านใหญ่ยิ้มเก้อ รีบกลับเข้าห้องครัวสั่งเด็กตั้งโต๊ะเสียงหัวเราะในลำคอหนาทำให้ปิ่นลดาหันมอง“คุณใหญ่หัวเราะทำไม มีอะไรน่าขำหรือคะ”“ขำเธอกับคุณทิพย์ไง”“คุณใหญ่นี่ นิสัยไม่ดีอีกแล้ว”ปิ่นลดารู้ทันหรอกน่า หยิกท่อนแขนกำยำก่อนฝ่ายนั้นจะโอบพาเข้าห้องทานอาหาร เพราะไม่อยากให้เธอกินข้าวมื้อค่ำผิดเวลานานสองคนใช้เวลาส่วนตัวในห้องทานอาหาร ช่างน่าแปลกว่าวันนี้แม้จะเป็นอาหารรสเลิศ ไม่ต่างจากวันก่อนที่ปิ่นลดาเห็นแล้วอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง จนรัชตะต้องลงมือทำเมนูสารพัดไข่ให้หล่อนแทน
การกลับมาถึงคฤหาสน์ราชเกียรติกูรในช่วงเย็นความรู้สึกต่างจากการออกไปในตอนเช้าโดยสิ้นเชิงปิ่นลดาก้าวลงจากรถ มองรอบตัว สูดลมหายใจเต็มปอด เหมือนกับว่าได้จากไปนานแล้วเพิ่งหวนคืนมา สำนึกอีกส่วนบอกว่าที่นี่คือ ‘บ้าน’ ที่หล่อนจะอยู่ด้วยหัวใจอบอุ่นและมั่นคงรัชตะแตะเอวพาหญิงสาวเข้าไปในบ้าน ศจีที่วิ่งออกมาทำหน้าดีใจก้ำกึ่งจะร้องไห้ ปิ่นลดาจับมือไว้ ถามพลางยิ้มเต็มสีหน้า“เป็นอะไรศจี คิดถึงฉันมากหรือ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง”“ฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมา ฉันใจหายหมดเลยคุณรู้ไหม”หญิงร่างผอมบางบอก น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ จนปิ่นลดาต้องหัวเราะเสียงใสหวังจะสร้างบรรยากาศใหม่“ทำไมจะไม่กลับ ฉันไม่ได้ไปไหนสักหน่อย ศจีอย่าตื่นตูมไปหน่อยเลยน่า”เจ้าหล่อนว่าพลางเดินผ่านจะขึ้นไปชั้นบน ก่อนหยุดฝีเท้าตรงบันไดขั้นแรก แล้วหันมาถามอีกหน“ศจีเก็บลูกหม่อนไว้ให้ฉันไหม”“เก็บค่ะ ฉันเก็บมาเต็มตะกร้าเลย แล้วลงมานะคะ”“จ้ะ”แล้วร่างอิ่มในเดรสสวยเหมาะสำ
“ถ้า...เอ่อ คุณจะทำตามเงื่อนไข ฉันก็เข้าใจค่ะ ไม่เป็นไร”“เพื่อนายเล็ก เธอยอมขนาดนี้เลยหรือ ปิ่นลดา”น้ำเสียงคนตัวใหญ่บอกชัดว่าไม่พอใจและไม่ได้แสร้งทำด้วย ปิ่นลดามองอย่างงุนงง เขาแปรเจตนาเธอถึงไหนกัน“คุณโกรธฉันหรือคะ”“ฉันไม่ชอบให้เธอพูดถึงนายเล็กอย่างนี้”“ไม่ให้ฉันสงสารเขาหรือคะ คุณใหญ่บ้าหรือเปล่า ฉันจะทำได้ยังไง ก็เขาน่าสงสารและน่าเห็นใจจริงๆ แทนที่จะได้อยู่สุขสบาย กลับต้องทนลำบากในป่าเขา ตามศักดิ์เขาเป็นหม่อมราชวงศ์ เป็นคุณชายด้วยนะ เอ่อ...ความจริงก็คุณใหญ่ด้วยแหละ” ท้ายประโยคเสียงเบาลง เห็นชัดว่าเจ้าตัวเริ่มงุนงงและสับสนกับตัวเอง“พอเลย ไม่ต้องดรามา” รัชตะเห็นท่าไม่ดี รีบดักคอ “นายเล็กไม่ใช่ยาจก แต่มันชอบทำตัวซอมซ่อ และมันไม่ได้ตกระกำลำบากในป่า แต่มันเข้าป่าเพราะทำเหมืองทองคำที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลของประเทศพม่า เหมืองอยู่ใกล้เขตแดนที่ตอนนี้เปิดเสรีแล้ว มันรวยพอที่อยู่ได้สบายทั้งชาติ”“อ้าว จริงหรือคะ”คนเพิ่งถึงบางอ้อครางอย่างหม
บ้านเดิมของพ่อที่รัชตะบอกไว้ทำให้ปิ่นลดาถึงกับตะลึง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นวังเก่าที่ปัจจุบันตกอยู่ในมือหลานห่างๆ ครอบครองอยู่ โดยรู้มาว่าทายาทสายตรงนั้นย้ายไปอยู่ต่างประเทศอย่างถาวร หลังจากแต่งงานกับภรรยาฝรั่งและถูกถอดจากความเป็นราชนิกูลด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้และเป็นไปโดยการสมัครใจของทุกฝ่ายแต่ดูเหมือนพวกเขายังมีเงื่อนไขที่ยังติดพันอยู่ สิ่งนี้ทำให้เธอถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างเลี่ยงไม่ได้...และมันก็ใช่สิ่งที่ปิ่นลดารู้คร่าวๆ มาก่อนแล้ว“ฉันต้องมั่นใจด้วยว่าเด็กในท้องยายหนูคนนี้เป็นลูกของเธอ เป็นสายเลือดแท้จริงของราชเกียรติกูรถึงจะเซ็นมอบสมบัติส่วนของพ่อเธอให้”“ถ้าจะให้ตรวจ DNA ตอนนี้ ผมไม่อนุญาต ผมไม่ต้องการให้ลูกเมียมาเสี่ยงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” รัชตะสวนด้วยท่าทีแข็งกร้าว ทำให้ชายร่างผอมสูงผงะอย่างคิดไม่ถึง จนแม้แต่ปิ่นลดายังต้องสะดุ้ง “ผมไม่ได้มาเพื่อขอให้ท่านลุงเชื่อหรือไม่เชื่อว่าลูกในท้องปิ่นลดาเป็นลูกของผม แต่มาเพื่อบอกกล่าวท่านลุง ผมจะแต่งงานกับปิ่นลดา ผมกำลังจะมีลูก เลยอยากทำทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ผมเ
“ใช่พี่ แม่บอกว่าเขาย้ายไปอยู่ออสเตรเลียแล้ว พี่ลดาไม่รู้หรือ ตอนแรกนัทยังอิจฉาพี่เลยว่าได้ไปอยู่เมืองนอกกัน”“ไม่ พี่ไม่รู้”“งั้นกลับเถอะพี่ อย่าเข้าไปเลย มันไม่ใช่บ้านของพี่ลดาแล้ว”เมื่อเห็นว่าเธอยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และรถบรรทุกข้างในกำลังแล่นออกมา เด็กหนุ่มจึงคว้าข้อมือหญิงสาวจูงให้พ้นรัศมี ก่อนจะปล่อยเธอ“พี่...เอ่อ พี่พักที่ไหน แล้วจะกลับยังไง”หล่อนส่ายหน้า สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก เด็กหนุ่มมอง แล้วพอปะติดปะต่อหลายอย่างได้ก็รู้สึกสงสารจับใจ นั่นคือการแสดงน้ำใจได้เท่าที่ตนสามารถ“ตรงนี้อากาศร้อน ไปที่ร้านก่อนดีกว่า พี่หน้าซีด เดี๋ยวจะเป็นลม”ปิ่นลดารู้สึกตัว กำมือแน่นอย่างเรียกกำลังใจ ถึงอย่างไรเธอต้องเดินต่อ จะหยุดชีวิตไว้ตรงนี้ได้อย่างไรกันพอจะย่างเท้ากลับไปทางต้นซอย รถหรูคันสีดำติดฟิล์มมืดสนิทก็แล่นมาจอดใกล้ ปิ่นลดาหลบทางให้ ตั้งท่าจะเดินต่อ หากต้องชะงัก เท้าหยุดนิ่งทั้งสองข้าง มองคนที่เปิดประตูก้าวออกมาด้วยความรู้สึกช็อก“พี่ลดา เราไปกันเถอะ”