“ศจีอย่าเพิ่งไป” เสียงเรียกนั้นทำให้คนที่ย่างเท้ามาถึงประตูครัวต้องหันกลับ “วันนี้อยู่เป็นเพื่อนฉัน ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”
“เอ่อ...” ศจีอึกอัก เพราะเห็นร่างสูงตรงของเจ้านายยืนกอดอกพิงผนัง ทอดมองออกนอกหน้าต่างเหมือนกำลังรอคนในห้องครัวอยู่“ฉันไม่อยากอยู่กับเขาตามลำพัง หรือศจีจะไล่เขาให้ฉัน”“ตายแล้วคุณ อย่าพูดอย่างนี้นะ เดี๋ยวคุณใหญ่ได้ยิน” ศจีตกอกตกใจ ปรี่ไปหาคนบนเก้าอี้แล้วก้มหน้ากระซิบด้วยท่าทางกริ่งเกรง แต่มีหรือที่อีกคนจะรู้สึกเหมือนปิ่นลดาวางช้อน หยิบน้ำมาดื่ม หมดความอยากอาหารขึ้นมาดื้อๆ“ได้ยินแล้วเป็นไง เขาโหดร้ายขนาดจะฆ่าฉันกับศจีไหม”เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ แต่เห็นทางหางตาว่าศจีค่อยๆ ยืดกายแล้วเดินออกไป ปิ่นลดานิ่วหน้า เม้มริมฝีปากแน่น ที่นี่ก็มีแต่คนของเขา จะหาใครที่เห็นใจเธอก็ไม่มีเลยสักคน“อิ่มแล้วใช่ไหม” เสียงห้าวทุ้มดังขึ้น แม้จะเป็นคำถามห้วนๆ แต่มีแววอ่อนโยนเจืออยู่...จนหล่อนยิ่งขัดใจที่รู้สึกว่ากระแสเสียงนั้นกำลังโลมไล้เข้าไปถึงหัวใจและจิตว“ปล่อยนะ ปล่อยฉันลง”ปิ่นลดาดิ้นรน ยิ่งตกใจเมื่อเห็นว่าเป้าหมายของเขาเป็นห้องนอน ที่ที่เธอไม่อยากเฉียดใกล้เมื่อมีเขาอยู่ แต่พอรู้ว่าต่อต้านอย่างไรก็ไม่มีผล แถมเหตุการณ์เมื่อคืนยังตอกย้ำชัดเข้ามา ปิ่นลดาถึงกับร้องไห้โฮ“ไม่นะ อย่าทำฉันอีก ฉันกลัว ไม่เอา”ร่างน้อยถูกวางกลางเตียง เจ้าหล่อนรีบพลิกกาย กระถดหนี แต่ข้อเท้ากลมกลึงกลับถูกจับแน่น แล้วกระชากกลับ จนไถลลงนอนอย่างหมดท่ารัชตะรับรู้ถึงร่างกายสั่นเทาของเธอ ดวงหน้าทอความหวาดกลัว จนเขาต้องถอนหายใจ ไม่อยากบอกเลยว่าท่าทางของเจ้าหล่อนช่างสั่นคลอนจิตใจของเขาจริงๆ“ถ้าเธอไม่ดื้อ ฉันก็ไม่ทำอะไรเธอ” เขาบอก บางอย่างในสีหน้าและแววตาทำให้ปิ่นลดานิ่ง มองอย่างประเมิน...แต่เธอมีทางเลือกอื่นที่ไหนกันล่ะ นอกจากทำตามที่เขาว่า เผื่อตนจะรอด“เมื่อคืนเธอไม่ได้พักทั้งคืน” น้ำเสียงเขาโลมไล้ อย่างที่ปิ่นลดาเปลี่ยนอารมณ์มาเป็นแช่งชักหักกระดูกอยู่ในใจ และยังทอดนุ่มนวล “วันนี้คงอ่อนเพลีย แถมเพิ่งยอมทานข้าว เธอไม่เป็นลมล้มพับก็บุญเท่าไหร่แล้ว ฉันไม่ทำอะไรเธอตอนนี้หรอก&rd
“คุณอย่าโกรธฉันเลย เรื่องของเจ้านาย คนทำงานอย่างฉันหรืออีกหลายคนในบ้านไม่กล้ายุ่งหรอก”“แม้ว่าเขาจะฆ่าแกงใครให้ตายต่อหน้าต่อตาใช่ไหม” ปิ่นลดาว่าเสียงแข็ง เห็นสาวใหญ่ชะงักจากหางตา ก่อนได้ยินเสียงตอบ“คุณใหญ่ไม่เคยทำร้ายใคร”ได้ยินชื่อคนคนนี้ ปิ่นลดามีปฏิกิริยาขึ้นมาทันควัน แม้ไม่ต้องทนเห็นเขาถึงสามวัน...แต่ความหวาดหวั่นก็ไม่ได้จางจากหัวใจ“เขาทำร้ายฉันแล้ว ศจีอย่าพูดปกป้องเขาให้ฉันได้ยินอีก ไม่งั้นจะไม่ให้เข้าบ้านหลังนี้” เสียงต่อว่าพาลๆ ทำให้ศจีหัวเราะออกมาได้ อย่างน้อยก็ผ่อนคลายบรรยากาศ“แล้วกันสิคุณ ถ้าฉันไม่มาทำงานในบ้านนี้แล้วจะเอาเงินที่ไหนให้เด็กๆ ไปโรงเรียนกัน”พอมองอีกด้านของชีวิต ปิ่นลดาก็ทอดถอนใจ ปลงตกว่าจะหวังพึ่งใครไม่ได้อีก นอกจากตัวเธอเอง“ศจีมีลูกด้วยหรือ ไม่เห็นเคยพูดถึง”“มีสองคน อยู่กับตายายบนที่ราบด้านล่าง ใกล้เมือง ไปโรงเรียนสะดวก พอปิดเทอมก็มาอยู่ด้วย รับจ้างคุณใหญ่เก็บลูกพลับ ผลเบอร์รีในไร่ สนุกไป”แต่พอเล่า ก็ดันพาดพิงถึง
ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียวก้าวพ้นประตูห้องน้ำ หยาดน้ำเกาะพราวพร่างทั่วแผงอกกำยำ มือหนายกผ้าขนหนูขึ้นมาขยี้เรือนผมซับหยาดน้ำจนแห้งหมาดด้วยท่าทีผ่อนคลายกว่าเดิม แต่แล้วก็ปาผ้าขนหนูสุดแรงลงกับพื้นพรมเมื่อความว่างเปล่าเข้ามาเกาะจับหัวใจกะทันหันปัญหาและภาระหน้าที่ที่บางครั้งทำให้เกิดคำถามขึ้นในหัว โดยเฉพาะในระยะหลังมีถี่ขึ้นว่าแท้จริงเขาจะทำเพื่อใคร...เพื่อรัชภาคย์ น้องชายคนเดียวอย่างนั้นหรือรัชตะหลับตา แล้วหัวเราะหยันเขาคงไม่โบ้ยให้รัชภาคย์ต้องรับมันแน่…และเชื่อว่าฝ่ายนั้นก็ไม่เต็มใจรับเหมือนกันพลันใบหน้ากระจ่างใสของใครบางคนผุดขึ้นมาแทน คราวนี้ชายหนุ่มต้องหัวเราะอีกครั้ง แต่เป็นการนึกขำตัวเองมากกว่าเจ้าตัวจะรู้ไหมว่าตามติดในความคิดของเราอยู่สามวันสามคืนเต็มๆ“ปิ่นลดา... ปิ่นลดา”เสียงทุ้มครางคล้ายละเมอหา ก่อนจะส่ายหน้าให้ตัวเอง เมื่อคิดว่าอาการที่เป็นอยู่ไม่ต่างกับเด็กหนุ่มริรัก...ช่างน่าขายหน้าจริงๆแม้จะคิดดังนั้น แต่ปฏิกิริยาที่เกิดต่อมาเหมือนว่าเป็นคนละคนกับเมื่อครู่ชายหนุ่มตรงเข้าห้องแต่ง
ร่างในอ้อมกอดเริ่มขยับ คนที่นอนซ้อนหลังเฝ้าจับมองปฏิกิริยาของหล่อนอย่างไม่คลาดสายตา แสงนวลที่ส่องจากหัวเตียงทำให้เขาเห็นทุกท่าทาง อารมณ์ที่แสดงผ่านสีหน้าและลูกแก้วกลมใสภายใต้แผงขนตายาวที่กระพือถี่ ก่อนเจ้าหล่อนจะตื่นเต็มตาเมื่อรับรู้ว่าคนบุกรุกเข้ามายามเธอหลับใหล หญิงสาวก็รีบหันมองแววตาตื่นตระหนกอย่างที่เขาคาดไว้ไม่ผิด“คุณ”“เป็นไง หลับนานเชียว ฉันรอเธอตื่นนานแล้วนะ รับผิดชอบด้วยที่ทำให้ฉันเสียเวลา”“คุณเข้ามาได้ยังไง”“เธอนี่ถามตลกจริง นี่บ้านของฉัน ฉันจะเข้ามาหาผู้หญิงของฉัน ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของคุณ”“อ๋อ แค่คืนเดียวแต่ซ้ำหลายครั้ง ไม่ทำให้เธอจำใช่ไหม งั้นฉันจะประทับรอยบนร่างกายเธอบ่อยๆ เธอจะได้จำติดตรึง แบบลืมไม่ลง”เสียงห้าวพร่าดังพร้อมกับแววตาคมกริบที่ทอประกายหื่นกระหายบ่งบอกความต้องการอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้คนร่างเล็กรีบขยับตัว ทำท่าจะผละออก แต่เธอไม่อาจทำได้สำเร็จรัชตะรั้งร่างนุ่มนิ่มเข้าสู่อ้อมกอดแน่นขึ้น พลิกกายหนาทาบทับทันทีและเป็นไปอย่า
มือแข็งแรงบีบเคล้นบั้นท้ายงามงอน ไม่ใส่ใจคนใต้ร่างที่นอนคว่ำหน้าซึ่งกำลังดิ้นรนหนี โดยไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ทำได้สร้างความสำราญให้คนกุมเกมสักแค่ไหน ดวงตาคมหรี่มองภาพสวยงาม มือหนากอบกำท่อนเนื้อขนาดเขื่องของตัวเอง สอดลำแขนใต้สะโพกผายตึง ดึงจนบั้นท้ายลอยเด่น แล้วผลักดันแก่นกายเข้าสู่ช่องทางสวรรค์อย่างแม่นยำปิ่นลดาสะดุ้งเมื่อความใหญ่โตดุนดันเข้ามา ส่งเสียงร้องเมื่อรู้สึกถึงแรงชำแรกเข้าสู่ช่องทางที่ยังบอบช้ำ เธอครวญสะอื้น สองมือบางที่ยันค้ำกับที่นอนสั่นระริก เข่ามนที่สัมผัสพื้นเตียงนอนนั้นอ่อนแรงจนพานจะพับลงมากองเสียให้ได้ หากไม่มีแรงมหาศาลรั้งเธออยู่หญิงสาวนิ่วหน้า รอรับความเจ็บปวดปานร่างถูกฉีกเป็นเสี่ยงๆ อย่างคืนนั้นที่ยังจำไม่ลืมหากผ่านไปหลายวินาที เธอถึงรู้ว่าสิ่งที่กลัวฝังใจกลับไม่เกิดขึ้น“คุณใหญ่”เสียงหวานเรียกแผ่วเบา ก่อนเจ้าหล่อนจะปล่อยเสียงครางจากลำคอระหง เมื่อท่อนเหล็กกล้าค่อยๆ ไหลชำแรกสู่กายบางอย่างมั่นคง นุ่มนวลทว่าหนักหน่วงและแข็งแกร่ง เติมเต็มจนอัดแน่นรัชตะหอบหายใจ จับสะโพกผายตึงไว้แน่น ผลักดันเข้าไปในตัวเธออีก
“อืม แต่ฉันหิวกว่า ขอกินเธอก่อน”“ไม่ค่ะ คุณใหญ่”“น่า ไม่นาน”เขารุกเร้าเอาแต่ใจ ร่างหนาใหญ่เคลื่อนมาทาบทับ นิ้วแกร่งเคลื่อนสู่ใจกลางกายเธอ ปิ่นลดาบีบต้นขาอวบแน่น หากมืออีกข้างของเขายันไว้ ก่อนผลักหน้าขาเธอเปิดออก เร่งเร้าด้วยเรียวนิ้วจนเธอพร้อมรองรับ จากนั้นจึงส่งแก่นกายใหญ่ที่ขยายเหยียดยาวกดแทรกลงไปอย่างแม่นยำและมาดหมาย“อ๊า คุณใหญ่”มือหนาหยาบระคายกอบกำอกอวบ บีบเคล้นเร้าอารมณ์ประสานกัน จนหญิงสาวต้องเปล่งเสียงครางระงมอย่างไม่อาจกลั้น ยกบั้นท้ายงามงอนขึ้นรองรับเขาอย่างถนัดถนี่โดยไม่รู้ตัวรัชตะโจนจ้วงไม่ยั้งตัวเองอีก แรงกระแทกส่งผลให้ร่างน้อยสั่นสะเทือน สายตาคมจับจ้องทรวงอกงามที่กำลังกระเพื่อมไหว โน้มตัวลง ครอบครองเม็ดทับทิมสีสดที่ชูชันท้าทายด้วยเรียวปากหยัก ดูดดึงไว้ในอุ้งปาก ส่งเรียวลิ้นสากระคายดันดุนลากไล้วนทั่ว ประสานกับสะโพกแกร่งที่เคลื่อนไหวกระแทกหนักหน่วง จนร่างสาวสะท้านเยือกปิ่นลดาหวีดร้องเมื่อความซ่านเสียวจุดประทุ แตกซ่านออกมาทั่วทุกอณูเนื้อ ร่างน้อยบีบรัดแน่น กระตุกเกร็งเมื่อสายรุ้ง
เท่านั้นเอง ปิ่นลดาก็เดินลงน้ำหนักเท้าไปยังอาหารที่จัดรอ แต่เลือกนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่คิดว่าไกลและปลอดภัยจากเขาแต่คิดหรือว่าคนตัวโตจะยอมรัชตะย่างเท้าเอื่อยตรงมา คนตัวเล็กมองตาม เกร็งตัวรับ แม้ไม่อาจคาดเดาว่าเขาจะทำอะไรเธออีก และพอมาถึง ร่างใหญ่ก็โน้มลง สอดลำแขนช้อนร่างกลมกลึงขึ้นอย่างง่ายดายและอ่อนโยน ก่อนจะหมุนกาย เดินมาแค่สองก้าวแล้วโยนเธอโครมลงบนโซฟายาวหนานุ่มอย่างไม่เบามือ“ว้าย!” ปิ่นลดาร้องอุทาน ทั้งตกใจและโมโห กลบความเจ็บเสียจนมิดทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอคนบ้าแบบนี้ด้วย!ร่างสูงยืนค้ำอยู่เหนือศีรษะ เป็นนาทีเขาถึงหย่อนกายลงนั่ง หญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน ทำท่าจะขยับหนี แต่อ้อมแขนแข็งแรงรั้งเอวบางไว้แน่น แล้วดึงมาแนบชิดกาย“เธอหนาว นั่งใกล้กันจะได้อุ่น”เหตุผลของเขา พร้อมฝ่ามือใหญ่ลูบไล้สีข้างเนียนนวลอย่างถือสิทธิ์ ทำให้ปิ่นลดาสะกดใจไม่ยกมือขึ้นข่วนใบหน้าคมที่โน้มมาใกล้ให้เลือดซิบแทบไม่ไหว“ฉันไม่หนาว แต่ตอนนี้หิวข้าว ถ้าคุณยังนั่งอยู่อย่างนี้ ฉันกินไม่ลง”หล่อนพยายามว่าเสียงเข้ม แต่ดูจะทำได้ไม่ดี เพร
รัชตะกลับเข้าคฤหาสน์ในเวลารุ่งสาง โดยทิ้งหญิงสาวในบ้านสีฟ้าไว้ หลังจากแนบชิดหล่อนอยู่ทั้งคืนชายหนุ่มเปิดประตูเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นสองทางปีกขวา รูดผ้าม่านหนาหนักออกมา ทอดสายตามองไกลออกไปที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของพ่อและแม่เขา ที่ดินผืนงามกลางหุบเขาที่ยังอุดมสมบูรณ์ ด้านหน้ามีลำธารใหญ่ที่น้ำไม่เคยแห้งขอด“ฉันได้ทุกอย่างไว้ในมือ ขณะที่นายเล็กยังต้องดิ้นรนเพราะเงื่อนไขบ้าๆ นั่น...ดังนั้นปิ่นลดา เธอมีหน้าที่ต้องช่วยฉันทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”ดวงตาคมดูมุ่งมั่นและเยียบเย็น เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะได้มาโดยสมบูรณ์และคงอยู่ตลอดไปหากห้วงความคิดขณะนั้นกลับไม่มีภาพของสาวสวยที่เขาเพิ่งผละจากมา แม้จะกอบโกยความสุขจากเรือนกายเธออยู่ทั้งคืนก็ตามชายหนุ่มเข้าห้องน้ำ จัดการตัวเอง แล้วลงมาชั้นล่างในเครื่องแต่งกายสมาร์ตและภูมิฐาน ด้วยเสื้อเชิ้ตเนื้อดีราคาแพงและกางเกงสแล็กแบรนด์ดัง ยิ่งอยู่บนเรือนกายใหญ่ที่มีส่วนสูงถึงร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร กายแกร่งอุดมด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทุกอย่างช่างเหมาะเจาะ เสริมส่งให้เขากลายเป็
“ใช่พี่ แม่บอกว่าเขาย้ายไปอยู่ออสเตรเลียแล้ว พี่ลดาไม่รู้หรือ ตอนแรกนัทยังอิจฉาพี่เลยว่าได้ไปอยู่เมืองนอกกัน”“ไม่ พี่ไม่รู้”“งั้นกลับเถอะพี่ อย่าเข้าไปเลย มันไม่ใช่บ้านของพี่ลดาแล้ว”เมื่อเห็นว่าเธอยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และรถบรรทุกข้างในกำลังแล่นออกมา เด็กหนุ่มจึงคว้าข้อมือหญิงสาวจูงให้พ้นรัศมี ก่อนจะปล่อยเธอ“พี่...เอ่อ พี่พักที่ไหน แล้วจะกลับยังไง”หล่อนส่ายหน้า สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก เด็กหนุ่มมอง แล้วพอปะติดปะต่อหลายอย่างได้ก็รู้สึกสงสารจับใจ นั่นคือการแสดงน้ำใจได้เท่าที่ตนสามารถ“ตรงนี้อากาศร้อน ไปที่ร้านก่อนดีกว่า พี่หน้าซีด เดี๋ยวจะเป็นลม”ปิ่นลดารู้สึกตัว กำมือแน่นอย่างเรียกกำลังใจ ถึงอย่างไรเธอต้องเดินต่อ จะหยุดชีวิตไว้ตรงนี้ได้อย่างไรกันพอจะย่างเท้ากลับไปทางต้นซอย รถหรูคันสีดำติดฟิล์มมืดสนิทก็แล่นมาจอดใกล้ ปิ่นลดาหลบทางให้ ตั้งท่าจะเดินต่อ หากต้องชะงัก เท้าหยุดนิ่งทั้งสองข้าง มองคนที่เปิดประตูก้าวออกมาด้วยความรู้สึกช็อก“พี่ลดา เราไปกันเถอะ”
“ปล่อยเธอไป” รัชตะมองผ่านผนังกระจกของห้างไปยังรถที่เคลื่อนออก ยกมือห้ามคนติดตามที่ทำท่าจะออกวิ่งตาม ขณะมือหนาลดโทรศัพท์มือถือลงมา หลังจากฟังการเคลื่อนไหวของหญิงสาวจากคนขับรถที่รายงานทันทีที่เธอเปิดประตูลงไปเครื่องบินโบอิ้งเหินตัวออกจากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงราช ซึ่งเป็นท่าอากาศยานเปิดใหม่ที่มีความทันสมัยได้มาตรฐานอีกแห่งของโลกปิ่นลดาหลับตาเมื่อเครื่องไต่ระดับจนถึงเพดานบิน ฟังคนนั่งเก้าอี้แถวเดียวกันพูดคุย พวกเขาคงเดินทางมาด้วยกันหัวใจที่เต้นรัวด้วยความหวาดหวั่นและลุ้นระทึกเริ่มคลายลง หากเกิดความรู้สึกใหม่ขึ้นมาแทน ใจหายและวูบหวิว เสี้ยววินาทีหนึ่งใจแทบจะขาดรอนด้วยความโหยหาที่พุ่งเข้ามาโดยที่ปิ่นลดาไม่ทันเตรียมตัวรับว่าจะเกิดกับตนได้ภาพรถแท็กซี่จอดตรงจุดส่งผู้โดยสาร ขณะที่เธอเปิดกระเป๋าสะพายแล้วหน้าเสีย ไม่รู้จะบอกคนขับว่าอย่างไรดี พลันก็มีพนักงานสาวในฟอร์มของท่าอากาศยานสองคนก้าวตรงมา พวกเธอคุยกับคนขับแท็กซี่แล้วมองมาทางตอนหลังของรถ ยิ้มให้เธอ แล้วหนึ่งในนั้นก็พูดขึ้น‘สวัสดีค่ะคุณปิ่นลดา ดิฉันมาจากคุณชัญญา เชิญตามเร
“เป็นอะไรหรือเปล่า ปิ่นลดา”รัชตะถามเมื่อสังเกตว่าหญิงสาวนิ่งเงียบตั้งแต่กลับจากงานเลี้ยงเมื่อคืน จนถึงบ้านอาบน้ำและเข้านอนไปพร้อมกัน ในตอนนั้นเขาไม่คิดจะถามเพราะเข้าใจว่าเธอเหนื่อย จึงให้พักผ่อนแต่พอเช้าวันรุ่งขึ้น ท่าทางของปิ่นลดายังไม่เปลี่ยนจากเดิม นิ่งเหมือนตกในภวังค์อยู่บ่อยครั้ง ผิดวิสัยของเธอ ที่ไม่ว่าจะพอใจ ดีใจหรือเศร้าใจ มักจะแสดงอารมณ์ออกมาทั้งสีหน้าและท่าทางอย่างไม่ต้องคิดเดาไปเอง“หรือเหนื่อย อ่อนเพลียอยู่ วันนี้จะพักอยู่บ้านไหม อยากกินอะไรบอกแม่ครัว หรือถ้าที่นี่ไม่มี ฉันจะให้โรงแรมเอามาส่ง”“ไม่ ไม่ค่ะ ฉัน...ฉันอยากออกไปข้างนอกมากกว่า”“งั้นไปได้แล้ว บ่ายนี้ฉันต้องไปเคลียร์งานที่โรงงานด้วย”หากพอนั่งรถออกจากคฤหาสน์เนินคุ้มหมอก รถผ่านประตูรั้วหญิงสาวเหลียวมองข้างหลัง ทอดสายตาที่อัดด้วยความรู้สึกข้างในออกมาอย่างไม่อาจกลั้น จนลับหายเธอจึงเบือนหน้ากลับมา นั่งกอดกระเป๋าสะพายที่เขาจัดหามาให้อย่างพร้อมเพรียงก้มมองรองเท้าเข้าชุดกันกับเสื้อผ้าที่พอจะให้คนท้องอ่อนๆ สวมใส่สบายที่มีดีไซน์สวยงามแ
งานเลี้ยงของภรรยาผู้ว่าฯ จัดในเขตรั้วบ้านหลังใหญ่ปลูกสร้างตามสถาปัตยกรรมของภาคเหนือ ใหญ่โตหรูหรา ไม่ใช่จวนผู้ว่าฯ อย่างที่ปิ่นลดาเข้าใจแต่แรก“คุณนายเป็นคนเมืองนี้ สามีจะเกษียณในปีหน้าเลยขอย้ายกลับมาอยู่บ้านในบั้นปลายชีวิตข้าราชการ”ปิ่นลดาพยักหน้าเมื่อได้ยินคำอธิบายจากคนข้างกาย ก่อนเขาจะเปิดประตูรถ แล้วอ้อมมารับเธอในงานนั้น หญิงสาวพบเจอคนมากมาย และดูรัชตะจะเป็นคนกว้างขวางไม่น้อย มีคนมาทักทายเขาไม่ขาดสาย ทั้งวัยหนุ่มสาวและผู้ใหญ่กว่า ยังไม่รวมถึงคนต่างชาติต่างภาษา โดยกลุ่มหลังปิ่นลดาเดาว่าน่าจะคนในแวดวงธุรกิจไม่กี่นาทีเจ้าภาพวัยกลางคนก็ควงคู่ลูกสาวเข้ามาในงาน โดยที่สามีของเธอรับรองแขกเหรื่ออยู่ก่อนแล้ว ความสวยเฉิดฉายของหญิงสาวที่เคียงข้างเจ้าภาพนั้นทำให้ปิ่นลดามองอย่างชื่นชม และยอมรับว่ามีความอิจฉาอย่างหักห้ามใจไม่ไหวอยู่ในอารมณ์นั้นด้วย เมื่อคิดต่อว่าหล่อนมีความสนิทสนมกับผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนกุมมือตนเพียงไร เพราะไม่ว่าจะได้ยินเขาพูดถึง ‘คุณชัญญา’ สักกี่ครั้ง แม้จะบอกว่าเป็นแค่คนรู้จัก หากปิ่นลดายังรับรู้ถึงความชื่นชมและให้เกียรติ
ปิ่นลดาซุกกายอยู่กับอกกว้าง หลับตาอย่างหมดเรี่ยวแรงหลังสิ้นจากกิจกรรมในอ่างอาบน้ำ เขาจับเธอล้างตัวจนสะอาด เช็ดผมและผิวบางจนแห้งสบาย ก่อนจะห่อกายสาวด้วยเสื้อคลุมแล้วยกอุ้มมาวางบนเตียงนอนหล่อนคิดว่าคงได้หลับพักผ่อน หากไม่ใช่เลย เมื่อคนร่างใหญ่เคลื่อนขยับมาทาบทับ เกมรักดำเนินตามครรลอง รุกเร้าผลักดันเธอจนสุขสมใจอีกครั้ง ก่อนผล็อยหลับในอ้อมกอดแข็งแรงด้วยใจเต็มอิ่มร่างขาวโพลนพลิกกายหนีเมื่อสัมผัสถึงความสากระคายเลื่อนไล้ตามแก้มและซอกคอ“ตื่นได้แล้ว ทุ่มกว่าแล้ว ลุกมาแต่งตัว”เสียงทุ้มแทรกเข้ามา เจ้าของร่างยิ่งกระถดหนีทั้งที่ตายังหลับ ทำให้เกิดเสียงหัวเราะอยู่ใกล้หู จนเธอต้องปัดป้องเจ้าเสียงก่อกวนนั้น“ไม่เอา ไม่ลุก จะนอน”“ฉันไม่อนุญาต ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ อย่าทำลูกฉันขี้เกียจนะ เร็วเข้า ชุดไปงานก็เตรียมไว้ให้แล้ว” เสียงสั่งเข้ม จนคนนอนขี้เซาต้องมุ่นคิ้วสงสัย หรี่ตามองอย่างอยากรู้“งานที่ไหนคะ แล้วชุดอะไร”“งานเลี้ยงวันเกิดภรรยาผู้ว่าฯ ฉันต้องไป เธอก็จะไปกับฉันด้วย”ปิ่นลด
งานเลี้ยงของภรรยาผู้ว่าฯ จัดในเขตรั้วบ้านหลังใหญ่ปลูกสร้างตามสถาปัตยกรรมของภาคเหนือ ใหญ่โตหรูหรา ไม่ใช่จวนผู้ว่าฯ อย่างที่ปิ่นลดาเข้าใจแต่แรก“คุณนายเป็นคนเมืองนี้ สามีจะเกษียณในปีหน้าเลยขอย้ายกลับมาอยู่บ้านในบั้นปลายชีวิตข้าราชการ”ปิ่นลดาพยักหน้าเมื่อได้ยินคำอธิบายจากคนข้างกาย ก่อนเขาจะเปิดประตูรถ แล้วอ้อมมารับเธอในงานนั้น หญิงสาวพบเจอคนมากมาย และดูรัชตะจะเป็นคนกว้างขวางไม่น้อย มีคนมาทักทายเขาไม่ขาดสาย ทั้งวัยหนุ่มสาวและผู้ใหญ่กว่า ยังไม่รวมถึงคนต่างชาติต่างภาษา โดยกลุ่มหลังปิ่นลดาเดาว่าน่าจะคนในแวดวงธุรกิจไม่กี่นาทีเจ้าภาพวัยกลางคนก็ควงคู่ลูกสาวเข้ามาในงาน โดยที่สามีของเธอรับรองแขกเหรื่ออยู่ก่อนแล้ว ความสวยเฉิดฉายของหญิงสาวที่เคียงข้างเจ้าภาพนั้นทำให้ปิ่นลดามองอย่างชื่นชม และยอมรับว่ามีความอิจฉาอย่างหักห้ามใจไม่ไหวอยู่ในอารมณ์นั้นด้วย เมื่อคิดต่อว่าหล่อนมีความสนิทสนมกับผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนกุมมือตนเพียงไร เพราะไม่ว่าจะได้ยินเขาพูดถึง ‘คุณชัญญา’ สักกี่ครั้ง แม้จะบอกว่าเป็นแค่คนรู้จัก หากปิ่นลดายังรับรู้ถึงความชื่นชมและให้เกียรติ
ปิ่นลดาซุกกายอยู่กับอกกว้าง หลับตาอย่างหมดเรี่ยวแรงหลังสิ้นจากกิจกรรมในอ่างอาบน้ำ เขาจับเธอล้างตัวจนสะอาด เช็ดผมและผิวบางจนแห้งสบาย ก่อนจะห่อกายสาวด้วยเสื้อคลุมแล้วยกอุ้มมาวางบนเตียงนอนหล่อนคิดว่าคงได้หลับพักผ่อน หากไม่ใช่เลย เมื่อคนร่างใหญ่เคลื่อนขยับมาทาบทับ เกมรักดำเนินตามครรลอง รุกเร้าผลักดันเธอจนสุขสมใจอีกครั้ง ก่อนผล็อยหลับในอ้อมกอดแข็งแรงด้วยใจเต็มอิ่มร่างขาวโพลนพลิกกายหนีเมื่อสัมผัสถึงความสากระคายเลื่อนไล้ตามแก้มและซอกคอ“ตื่นได้แล้ว ทุ่มกว่าแล้ว ลุกมาแต่งตัว”เสียงทุ้มแทรกเข้ามา เจ้าของร่างยิ่งกระถดหนีทั้งที่ตายังหลับ ทำให้เกิดเสียงหัวเราะอยู่ใกล้หู จนเธอต้องปัดป้องเจ้าเสียงก่อกวนนั้น“ไม่เอา ไม่ลุก จะนอน”“ฉันไม่อนุญาต ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ อย่าทำลูกฉันขี้เกียจนะ เร็วเข้า ชุดไปงานก็เตรียมไว้ให้แล้ว” เสียงสั่งเข้ม จนคนนอนขี้เซาต้องมุ่นคิ้วสงสัย หรี่ตามองอย่างอยากรู้“งานที่ไหนคะ แล้วชุดอะไร”“งานเลี้ยงวันเกิดภรรยาผู้ว่าฯ ฉันต้องไป เธอก็จะไปกับฉันด้วย”ปิ่นลด
เป็นอันว่าปิ่นลดาคงไม่ได้กลับไปบ้านหลังสีฟ้า...อย่างน้อยก็ชั่วระยะนี้ เมื่อศจีกลับมาทำหน้าที่ของเธอเต็มตัว แต่เปลี่ยนสถานที่เป็นคฤหาสน์ราชเกียรติกูรหากไม่กังวลถึงสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าซึ่งไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง และไม่มองย้อนว่าเธอมาอยู่ในที่แห่งนี้ได้อย่างไร ปิ่นลดาก็เป็นหญิงสาวที่มีความสุขกับปัจจุบันคนหนึ่งทุกวันในรอบรั้วกว้างใหญ่ เธอมีอิสระพอที่จะทำอะไรได้ แถมในบางเวลาคนตัวใหญ่มักพาเธอออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก ยิ่งทำให้ปิ่นลดาหลงรักเมืองเชียงราชมากขึ้น...แต่ไม่แปลกหรอก เป็นใครจะอดใจไหวกับเมืองที่ทันสมัยแต่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติพร้อมทว่ายังมีสิ่งที่หญิงสาวไม่ชินเอาเสียเลย นั่นคือหน้าที่ใหม่ในแต่ละวันที่ต้องดูแลรัชตะ แม้จะจำกัดแค่ตอนอยู่ด้วยกันตามลำพัง อย่างเช่นเวลานี้เมื่อเขากลับจากทำงานตอนใกล้หกโมงเย็นฝ่ามือบางนุ่มไล้เนื้อกายกำยำ กลิ่นหอมของสบู่อบอวลทั่วห้องน้ำ ชายหนุ่มหลับตา ความเหน็ดเหนื่อยและเคร่งเครียดที่เจอมาทั้งวันจางหาย ความผ่อนคลายเข้ามาแทนที่“อืม ดี”เขาครางในลำคอ ปล่อยคนร่างอวบอิ่มตามภาวะความเป็นมารดาได้ทำหน้าที่ของเธ
“คุณจะไปไหนคะ”“อย่าบอกนะว่าคิดถึงฉันจนไม่อยากให้ห่างตัว”“ไม่ใช่สักหน่อย แค่จะบอกว่าฉันเปลี่ยนใจ” หล่อนอุบอิบบอกชายหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เจ้าหล่อนช้อนตามอง กลั้นใจพูดต่อ “ที่บอกว่าอิ่มผลไม้จนตื้อน่ะ ตอนนี้มันย่อยหมดแล้ว ฉันหิวมากเลย”พอรู้ปัญหาของเธอ รัชตะก็หัวเราะอย่างกลั้นไว้ไม่ไหว ผู้หญิงคนนี้หลากหลายอารมณ์จนตามไม่ทันจริงๆ“เอาสิ ลงไปด้วยกัน อยากกินอะไรเดี๋ยวให้คนหามาให้ รับรองอร่อยไม่แพ้แม่ครัวในโรงแรม”“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นค่ะ ฉันไม่ใช่คนกินยากสักหน่อย แค่กับข้าวพื้นๆ สองอย่างก็พอแล้ว”หล่อนออกตัวได้อย่างน่ารักในความรู้สึกของคนฟัง!แล้วนายใหญ่แห่งคฤหาสน์ราชเกียรติกูรถึงกับงุนงง ไปไม่เป็นเอาเสียเลยเมื่อเจอกับปัญหาที่คาดไม่ถึงบนโต๊ะอาหารที่พาหญิงสาวลงมารับประทานในมื้อเที่ยงของวันนั้นแค่เห็นอาหารเมนคอร์สที่จัดไว้อย่างน่ารับประทาน เจ้าหล่อนก็โผเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง!“บอกแล้วว่าอยากกินกับข้าวพื้นๆ สองอย่าง”