เกิดความเงียบขึ้นหลังจากพิธานพูดประโยคนั้นจบ พัลลภไม่มีอะไรจะเถียงหลานชาย นอกจากพยักหน้ารับเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมา“คิดดีแล้วใช่ไหม?”“ครับ” พิธานตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจเขาได้อีกแล้ว“แม่หนูคนนั้น... สำคัญกว่าบริษัทอย่างนั้นเหรอ?”“เทียบกันไม่ได้ครับ” พิธานตอบตามความจริง คนกับสิ่งของ มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถเอามาเทียบกันได้ “ผมรักบริษัทนี้แน่นอน เพราะผมสร้างมันมากับมือ แต่ดอกแก้วก็เป็นคนสำคัญ เป็นลมหายใจของผม”“.....”“และที่สำคัญ การที่ผมลาออกจากตำแหน่งไม่ได้แปลว่าผมหมดสิทธิ์ในบริษัท ผมยังคงเป็นผู้ที่ถือหุ้นมากสุดอยู่ดี แค่เปลี่ยนมือบริหาร แต่อำนาจการตัดสินใจทุกย่างก็ต้องผ่านผม”“นี่หมายความว่า...”“ผมขอโทษที่ดึงอามาลำบากครับ แต่ผมขอเวลาแค่ไม่นาน อาแค่มานั่งเก้าอี้ตัวนี้แทนผมในระหว่างที่ผมติดต่อผู้ร่วมทุนคนใหม่”“...เฮ้อ”พัลลภส่ายหน้าเบาๆ กับความคิดของหลานชาย เขาคิดอยู่แล้วว่าพิธานไม่ยอมปล่อยบริษัทนี้ไปง่ายๆ แน่ นักธุรกิจแบบพิธาน จะทำอะไรต้องคำนวนมาดีอยู่แล้ว“หรือถ้าอาอยากนั่งยาวๆ ผมก็ไม่ขัด”“พอเลยหลานรัก” พัลลภรีบปฏิเสธทันที “อาแก่แล้ว อยากอยู่กับเมียกับลูกมากกว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ช่างคุ้นตา เหมือนว่ามันเพิ่งเกิดไปเมื่อไม่ถึงสิบวันก่อน ทางที่ลำบากทำให้คนที่ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองแก่ดมยาดมยี่ห้อดังไปตลอดทาง“ไหวไหมคะคุณพ่อ?”ว่าที่ลูกสะใภ้มีแก่ใจหันกลับมาถามตลอด ต่างจากลูกชายที่ลอบยิ้มอย่างอารมณ์ดีอยู่ในตำแหน่งของคนขับ“แด๊ดไหวอยู่แล้ว ยังไม่แก่เสียหน่อย”หน็อย! ไอ้เจ้าลูกชายคนไม่แก่ได้แต่คาดโทษลูกในใจ ก่อนจะหันไปส่ายหน้ากับว่าที่ลูกสะใภ้ให้เธอหมดห่วง แต่ไม่วายยกยาดมขึ้นจ่อจมูกอีกครั้ง“คุณธาน ขับดีๆ หน่อยสิคะ”ดอกแก้วเห็นว่าคุณพ่อไม่ชินกับเส้นทางแบบนี้จนเวียนหัวก็รีบบอกเตือนคนรัก เธอเห็นนะว่าพิธานยกยิ้มที่แกล้งพ่อตัวเองได้ แต่นี่มันใช่เวลามาแกล้งกันหรือยังไง“แหนะ! ไม่ฟังดอกแก้วเลยนะคะ”พอพิธานไม่เชื่อฟัง ดอกแก้วก็งอนเสียเลยรอยยิ้มของคนที่ได้แกล้งพ่อจางหายไปทันที พิธานอยากจะหันไปง้อดอกแก้ว แต่เพราะเขายังไม่สะดวก จึงได้แต่ปล่อยให้ดอกแก้วงอนไปก่อน ถึงที่หมายแล้วค่อยง้อยังไม่สายบางทีดอกแก้วก็ต้องรู้จักพ่อของเขาให้มากขึ้นแด๊ดของเขามีงานอดิเรกเป็นนักแข่งรถ เห็นอายุหกสิบแล้วแบบนี้แต่ยังลงสนามเดือนละครั้งเป็นอย่างต่ำ และเส้นทางบางครั้งก็ไ
พิธานตัดสินใจอยู่ที่บ้านของแม่ยายต่อไม่มีกำหนดกลับ จากกำหนดการณ์เดิมที่จะกลับในวันจันทร์เขาอยู่เพื่อจัดการเรื่องของผู้ชายคนนั้นให้เรียบร้อย ช่วงสายของวันอาทิตย์มีตำรวจเข้ามาหาแม่ดาวเรืองจริงๆ ทางนั้นมาพร้อมหมายค้นบ้าน และเชิญภรรยาผู้ต้องหาไปให้ปากคำที่โรงพัก พิธานได้แต่บอกแม่ยายว่าให้ไปตามที่ตำรวจต้องการ และให้การตามความจริงเท่าที่จะพูดได้เรื่องทุกอย่างมันต้องใช้เวลา แม่ดาวเรืองถูกปล่อยตัวกลับมาที่บ้านในเย็นวันอาทิตย์ และจากการค้นบ้านตำรวจก็ไม่เจอสิ่งผิดกฎหมายใดๆ แต่ทุกอย่างมันยังไม่จบแค่นี้ หลังจากนี้แม่ดาวเรืองคงต้องวิ่งขึ้นลงโรงพักอีกหลายครั้ง จนกว่าจะหลุดพ้นจากทุกอย่างได้จริงๆพิธานที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้จึงได้เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อม ทั้งพยานหลักฐาน หรือแม้แต่ทนายกรณีที่ต้องถึงขั้นขึ้นศาลจริงๆ และที่พิธานรู้เรื่องทุกอย่าง ก็เป็นเพราะเขานั่นแหละที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นถูกจับโชคดีที่เขามีคนรู้จักเป็นนายตำรวจที่ติดตามการขนยาเสพติดข้ามแดนอยู่พอดี และเขาก็ใช้อำนาจของเงินนิดหน่อยสืบจนรู้ว่าหนึ่งในตัวการหลักที่คอยขนยาเสพติดไปประเทศเพื่อนบ้านคือสามีของแม่ดาวเรือง โดยผู้ช
หลังจากพิธานพูดคุยกับพ่อตาจบ คนตัวใหญ่ก็ขยับออกห่าง เขาปล่อยให้ดอกแก้วได้พูดคุยและทำความสะอาดเจดีย์เก็บเถ้ากระดูกของพ่อเงียบๆสุดท้าย... คนเราต่อให้เกิดมาแบบไหน เติบโตมาอย่างไร ยากดีมีจน หรือรวยล้นฟ้ามาจากไหน จุดสิ้นสุดของทุกๆ คนก็มีแค่นี้ไม่มีอะไรที่คงอยู่ได้ตลอดไป และไม่มีใครรู้ว่าช่วงชีวิตของคนเรามันจะสั้นหรือยาวแค่ไหน เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่ยังได้ตื่นขึ้นมาเจอหน้ากัน ก็ควรทำดีต่อกันให้มากเท่าที่จะทำได้ดวงตาคมกริบทอดมองแผ่นหลังเล็กของดอกแก้ว ทุกวันนี้พิธานยังไม่รู้ว่าตัวเองรักดอกแก้วเพราะอะไร และรักตอนไหน รู้ตัวอีกทีเขาก็รักจนรู้สึกว่าทั้งชีวิตคงขาดผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อีกแล้วมือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง บางสิ่งบางอย่างนอนนิ่งสงบอยู่ในนั้น“ดอกแก้วยังคิดถึงพ่ออยู่เลย” เสียงหวานใสของคนรักดึงความคิดพิธานให้กลับมา เขามองแผ่นหลังบอบบางที่ยืดตรง เส้นผมยาวสลวยปลิวไปตามสายลมที่พัดเอื่อยๆ “แต่ดอกแก้วไม่ร้องไห้แล้วนะ”“.....”“ดอกแก้วเก่งใช่ไหมจ๊ะ?”“.....”“ดอกแก้วขอโทษที่ไม่ได้มาเยี่ยมพ่อตั้งหลายปี แต่หลังจากนี้ดอกแก้วจะมาบ่อยๆ ดอกแก้วสัญญา”พิธานทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กับคนรัก เขาแตะเอวบา
หลังจากงานแต่งงานเล็กๆ จบลง ชาวบ้านต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านตัวเองพิธานไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนได้แต่มองด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ทุกคนที่มาร่วมงานมาแค่ตัวเปล่า ไม่มีการเอาเงินใส่ซองใดๆ เพราะแม่ดาวเรืองไม่ได้เรียกร้อง แต่เมื่องานจบทุกคนต่างก็ช่วยเจ้าภาพเก็บกวาดจนสถานที่จัดงาน และช่วยล้างจานชามที่เลอะเทอะจนกลับมาสะอาดสะอ้านด้วยความเต็มอกเต็มใจ แบบนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่า น้ำใจเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พิธานก็เดินตามหลังภรรยาที่ถูกต้องตามพิธีและพฤตินัยขึ้นไปบนห้อง ไม่มีการส่งตัว ไม่มีการบังคับว่าบ่าวสาวห้ามออกจากห้องหอคืนแรก เป็นการแต่งงานที่ไม่มีพิธีรีตองอะไรเลยจริงๆ“เหนื่อยไหมคะ?”เข้าห้องมาได้เจ้าสาวป้ายแดงก็รีบถามคนรัก เธอช่วยพิธานปลดกระดุมเสื้อออก เพราะรู้ว่าคนตัวโตร้อนจนเสื้อผ้าชื้นเหงื่อไปหมดแล้วพิธานส่ายหน้า วันนี้เขาไม่เหนื่อยเลย อาจจะเพราะพิธีอะไรมันไม่ได้มากมายเหมือนงานแต่งงานทั่วไป“ร้อนมากกว่า”“วันนี้แดดแรงค่ะ แต่ถ้าหน้าหนาวที่นี่ก็หนาวจัดเหมือนกัน”พิธานมองดอกแก้วที่ปรนนิบัติตัวเองอยู่เงียบๆ ที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากให้ดอกแก้วต้องมาดูแลเขาแบบนี้
โลกทั้งใบของพิธานเหมือนถล่มลงมา เมื่อเห็นว่าคนรักล้มลงไปต่อหน้าต่อตา แต่ตัวเองไปรับไว้ไม่ทันใช่... พิธานรับดอกแก้วไว้ไม่ทันแต่ยังโชคดีที่ตรงนี้เป็นสนามหญ้านุ่มๆ ไม่ใช่พื้นปูนร้อนๆ ที่อาจจะทำร้ายดอกแก้วไปมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นพิธานก็ไม่รีรอ เขารีบช้อนร่างที่ไม่ได้สติขึ้นแนบอก“ดอกแก้ว!” เสียงกรีดร้องของคนเป็นแม่ดังขึ้น หลังจากเห็นว่าลูกสาวถูกสามีอุ้มมาในสภาพที่ไม่รู้สึกตัว “ธาน ดอกแก้วเป็นอะไร?”“ผมไม่แน่ใจครับ เล่นกับแมวอยู่ดีๆ พอลุกขึ้นยืนก็เป็นแบบนี้”“หรือเป็นเพราะเมื่อเช้าตื่นเช้าเกินไป?”“ผมไม่อยากเดาอาการและด่วนสรุปไปเองครับคุณแม่ ผมอยากพาดอกแก้วไปหาหมอ” พิธานรีบวางร่างของคนรักลงบนเบาะหลังของรถ ก่อนจะยื่นกุญแจให้แด๊ดตัวเอง “ให้ผมขับเองคงไม่มีสมาธิ”“อืม” คนเป็นพ่อไม่ถามอะไรมากมาย ได้แต่รับกุญแจจากลูกชาย และเข้าไปประจำที่คนขับทันทีดาวเรืองเองก็รีบขึ้นนั่งตอนหน้าของรถคู่กับบิดาของพิธาน เธอไม่พูดอะไรอีกเพราะไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ตลอดระยะทางไปโรงพยาบาลดาวเรืองเอาแต่มองไปด้านหลัง และทุกครั้งเธอก็จะเห็นว่าพิธานเฝ้ามองดอกแก้วไม่วางตา สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวลมากมา
สองเท้าเปลือยก้าวเข้ามาในห้องที่ถูกปิดตายไปหลายปี แม้จะถูกเรียกว่าห้องปิดตาย แต่ก็ไร้ซึ่งฝุ่นไรราวกับถูกดูแลอย่างดีอยู่ตลอดเวลาไฟกลางห้องเพียงดวงเดียวถูกเปิดจนสว่าง เผยให้เห็นห้องขนาดใหญ่ที่เคยเป็นห้องนอนของใครซักคนมาก่อน เตียงนอนหลังใหญ่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางห้อง ริมหน้าต่างที่ถูกปิดไว้มีโต๊ะเขียนหนังสือขนาดกำลังพอดี และใกล้ๆ กันก็มีเก้าอี้ตัวเล็กสีชมพูที่เคยเป็นเก้าอี้ตัวโปรดของแก้วตาดวงใจในบ้านหลังนี้ดาวเรืองเดินไปใกล้กับที่นอน มือหยาบกร้านแตะลงบนเตียงนุ่มแผ่วเบา ก่อนที่ร่างผอมเล็กจะนั่งลงบนนั้นคิดถึง...เธอคิดถึงคนที่จากไปแล้วเหลือเกินห้องนี้เป็นห้องที่ดาวเรืองเคยใช้ชีวิตกับสามีเมื่อครั้งที่เขายังมีชีวิตอยู่ เป็นห้องที่เธอทั้งหัวเราะ ร้องไห้ และมีความสุขตลอดเวลาสิบกว่าปี เป็นห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำและกลิ่นอายของคนที่เคยอยู่อาศัยในนี้ และเป็นห้องที่เธอไม่ยอมให้คนนอกเข้ามาได้เป็นอันขาด แม้แต่ผู้ชายอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอเหมือนกัน“พ่อ” ดาวเรืองพูดกับล้มฟ้าอากาศ เธอมองไปรอบๆ ห้อง ทุกพื้นที่... ทุกตารางนิ้วมีความทรงจำที่สวยงามอยู่ในนั้น “เราจะได้เป็นตายายกันแล้วนะ”“.....
กลับมาถึงกรุงเทพฯ ได้แค่วันเดียว พิธานก็รีบติดต่อเพื่อนอีกคนที่ไม่ได้คุยกันมาซักพักทันที“ยังจำเพื่อนได้ด้วยเหรอ?” นันทิดาเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากได้เจอหน้าเพื่อนสนิท เป็นเวลากว่าสองสามเดือนแล้วที่พิธานไม่ได้ติดต่อเธอมาเลย และเธอก็ยุ่งจนไม่ได้ติดต่อเพื่อนไปเหมือนกัน “หรือมีปัญหาอะไร ถึงได้นึกถึงกัน?”“จริงๆ ก็มี”“งวดนี้ฉันต้องถูกรางวัลที่หนึ่งแน่ๆ” คุณหมอสาวดีดนิ้วเปาะ และเธอก็ลองเดาดูอีกครั้ง “อย่าบอกนะว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้หญิงของนายอีก?”พิธานเงียบไป เขาไม่ได้ตอบอะไร ในเมื่อสิ่งที่เพื่อนพูดไม่ผิดจากความจริงเท่าไหร่เขามาหานันทิดา เพราะเรื่องของดอกแก้วจริงๆ“ไม่เอาแล้วนะธาน” คุณหมอส่ายหน้าหวือเมื่อสิ่งที่คาดเดาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่เอาแล้ว... เธอไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องผู้หญิงของเพื่อนสนิทอีกแล้ว “ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องแบบนั้นอีก ฉันบอกตรงๆ ว่าสงสาร เศสของผู้หญิงคนนั้นยังติดอยู่ในหัว นายจะทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าดึงฉันเข้าไปเกี่ยวข้องอีก”“แต่ฉันไม่ไว้ใจใครนอกจากเธอ”“ขนาดนั้นเลย?” นันทิดาเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าที่ดูกังวลของเพื่อนเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน “บอกก่อนว่าจะให้ทำอะไร ฉ
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำนอน กลายเป็นว่างานเลี้ยงฉลองงานแต่งที่ยิ่งใหญ่จบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฝังอยู่ในใจแขกเหรื่อทุกคนไม่รู้ลืมห้องสวีทราคาคืนละสองหมื่นคือห้องหอในค่ำคืนนี้ พิธานกับดอกแก้วนั่งอยู่บนพื้น รอคอยให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรก่อนส่งตัวตามพิธี อดีตเสี่ยหนุ่มตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ ถ้าตามพฤตินัยพิธานเข้าหอกับภรรยามานับครั้งไม่ถ้วนจนมีตัวน้อยคนที่สามแล้ว แต่ถ้าตามพิธีจริงๆ นี่เป็นครั้งแรก“ตื่นเต้นหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามสามี พิธานดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองเหมือนเคย ลบภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมไปจนหมด“ตื่นเต้นสิ ดอกแก้วไม่ตื่นเต้นเหรอ?”“ตื่นเต้นค่ะ”พิธานมองภรรยาที่ส่งยิ้มหวานมาให้ เธอบอกว่าตื่นเต้น แต่ท่าทางของดอกแก้วกลับดูปกติ “คงมีแค่คุณพิธานสินะที่อยู่ไม่สุข”
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งานที่ควรจะสบายๆ กลับจริงจังขึ้น ข่าวการแต่งงานแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สื่อหลายสื่อให้ความสนใจทั้งยังขอสัมภาษณ์ราวกับพิธานเป็นดาราดัง แม้จะไม่ชอบใจแต่พิธานก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะการได้พื้นที่สื่อก็มีประโยชน์กับบริษัทของเขามากพอสมควรพิธานเลยจัดการนัดสื่อทั้งหลายให้มาสัมภาษณ์ที่เพนท์เฮ้าส์ โดยมีข้อแม้ว่าเขาอนุญาตให้แต่จะสำนักส่งทีมงานมาได้ไม่เกินสองคนเท่านั้น เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นเพราะเจอคนเยอะเด็กๆ ที่ว่าหมายถึงลูกชายและลูกสาวของพิธานกับดอกแก้ว ส่วนหนึ่งที่สื่ออยากสัมภาษณ์เป็นเพราะเด็กปริศนาสองคนนี้ด้วย พิธานไม่ค่อยพาลูกออกงานที่ไหน และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังครั้งแรก“เหนื่อยค่ะ”ดอกแก้วไม่โกหก เธอเหนื่อยเหมือนตัวจะขาด วันนี้เธอต้องไปลองชุดเจ้าสาวที่จะใช้ในงานทั้งห
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ส่วนพิธานเองก็อมยิ้มเพราะเสียงสดใสของลูกๆ ที่เป็นเหมือนยาวิเศษช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กับเขาแค่ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงลูกทุกวัน แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุข มีแรงทำงานได้ทั้งวันแล้ว“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของดอกแก้วเอ่ยขึ้น ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วห้องเพราะกลัวว่าจะหลงลืมอะไรวันนี้เธอและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลกัน เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีเวลามากพอจนพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตาได้ ไม่ใช่ว่าเธอและพิธานงานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แต่เพราะตอนนี้พนธกรใกล้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว ส่วนพริบพราวดาว ลูกสาวอีกคนก็เรียนเตรียมอนุบาลอยู่ คนที่ไม่มีเวลาคือเด็กๆ ทั้งสองคนต่างหาก“เหมือนจะลืมนะ”“ลืมอะไรคะ-“ ยังไม่ทันได้ถามจนจบ แก้มใสก็ถูกจมูกโด่งกดลงมาแนบแน่นฟอด!“คุณพิธ
“น้องดล ไหนเรียกแด๊ดเร็วเข้า แด๊ด”“แด๊ะ”“ไม่ใช่ลูก แด๊ด ไม่แด๊ะ”“แด๊ะ”“เฮ้อ...”พิธานหมดแรงจะสอนเจ้าตัวแสบ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนในคอกกั้นที่ปูด้วยพื้นนุ่มสำหรับลูก และเมื่อพนธกรเห็นพ่อนอนหมดแรงอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย“อุ่ก! ตัวแสบ ตัวหนักแบบนี้กระโดดลงมาได้ยังไง”“คิก คิก”“หัวเราะงั้นเหรอ? มาให้แด๊ดฟัดพุงซะโดยดีเจ้าอ้วน”“มะ... คิกๆ กรี๊ด!!”เสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดทำให้คนเป็นแม่อดใจไม่ไหว ดอกแก้วละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะเดินมาดูว่าสองพ่อลูกเขาเล่นซนอะไรกันภาพที่เธอเห็นคือร่างใหญ่ของสามีนอนหงายอยู่บนพื้น โดยที่บนตัวมีร่างอวบอ้วนของลูกชายนอนทับอยู่ ใบหน้าคมพยายามก้มลงฟัดพุงเจ้าตัวแสบ และนั่นคือสาเหตุที่พนธกรทั้งหัวเราะและกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้“คุณพิธาน”ดอกแก้วยืนดูซักพัก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มเหนื่อยแล้วจึงเรียกสามีไว้“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้องดลเก็บเอาไปฝัน”คำเตือนของดอกแก้วทำให้พิธานหยุดชะงักแทบจะทันที ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวีกรรมของลูกชายเมื่ออาทิตย์ก่อนพิธานเป็นผู้ชาย และพนธกรเองก็เป็นลูกชาย การเล่นกับลูกของพิธานจึงค่อนข้างหวาดเสียวตามประสา พิธาน
หลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้ห้าวัน ดอกแก้วก็ได้รับอนุญาตจากหมอน้ำให้กลับมาพักที่บ้านได้พิธานยังคงแย้งเหมือนเคย ชายหนุ่มกังวลไปสารพัด ต่างจากดอกแก้วที่อยากกลับบ้านเต็มทน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วด้วยโต้แย้งกันอยู่นานสุดท้ายพิธานก็เป็นคนแพ้ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือขอให้คนเป็นอาช่วยงานอีกซักพัก เพราะตนอยากใช้เวลาอยู่กับลูกในช่วงแรกให้มากเท่าที่จะทำไดใครๆ ก็รู้ว่าเหตุผลที่พิธานพูดนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณพ่อมือใหม่ทำราวกับว่าที่ทำงานกับบ้านที่อยู่อาศัยไกลกันมากมาย ทั้งๆ ที่ความจริงห่างกันเพียงไม่กี่ชั้น ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็กลับมาหาลูกได้โดยไม่ต้องกระทบกับงานที่ทำ แต่เพราะพิธานกังวลมากเกินไป รวมถึงเห่อลูกชายตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความจนไม่อยากไปทำงานก็เท่านั้น“กินเก่งจังเลยลูกชาย”ชายร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหนุ่ม ตาคมจ้องมองแก้มป่องๆ ที่ขยับขึ้นลงยามที่ได้ดูดกลืนน้ำนมจากมารดา ลูกชายของเขาช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกิน นอกจากกินนมเป็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ยังไม่เคยงอแงไม่มีเหตุผลนอกเสียจากเวลาที่ท้องหิวพนธกร ลูกชายของดอกแก้วแล
สัปดาห์ที่สามสิบสอง ดอกแก้วรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เธอไม่สามารถเข้าครัวช่วยแม่ทำกับข้าว หรือลุกเดินเร็วๆ ได้เหมือนปกติ และนั่นทำให้จิตใจของคุณแม่อ่อนแอลงคนท้องเจ็ดเดือนลุกเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก ดอกแก้วแม้ก่อนตั้งท้องจะไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง ทั้งยังมีเนื้อหนังให้กอดเล่นชื่นใจ แต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงไซส์มินิคนหนึ่ง เมื่อตั้งท้อง ร่างกายเล็กๆ ที่ต้องมารับน้ำหนักของลูกชายที่โตได้โตดีก็พาลให้ปรับตัวไม่ทัน เธอจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเธอยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท้องแรกเล็กจนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปคงดูไม่ออก แต่มาเดือนนี้หน้าท้องเธอกลับขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนอึดอัดไปหมด“อึ่ก” ฟันขาวกัดปากตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมฉ่ำน้ำมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของสามีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อาทิตย์นี้พิธานทำงานหนัก แต่ยังต้องคอยตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพาร่างอุ้ยอ้ายของเธอเข้าห้องน้ำทุกวัน ยิ่งท้องแก่ดอกแก้วก็ยิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย พิธานเองก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่เธอร้องขอไม่เคยบ่น แต่ดวงตาคู่คมฉายแววเหนื่อยล้าทุกเช้าจนครั้งนี้ดอกแก้วไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลืออีก“คนเก่ง”มือบางลูบหน้าท้องที่ขยับเป็นคลื่นเมื่อคนที่อยู่ภายในป
ช่วงที่อุ้มท้องลูกคนแรก เวลาในแต่ละวันของดอกแก้วช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินสัปดาห์ที่สิบหกของการตั้งครรภ์ นันทิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าช่วงนี้จะสามารถเห็นเพศของเจ้าตัวน้อยได้แล้ว ทั้งดอกแก้วและพิธานจึงลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะดูเพศลูกน้อยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้เตรียมตัวถูก คุณปู่และคุณยายเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าตัวน้อยไม่ขี้อายพิธานมองภาพของลูกน้อยด้วยความยินดี สายตาคมเข้มอ่อนลงจนบรรยากาศในห้องตรวจเต็มไปด้วยหมอกไอที่แสนอบอุ่น“ผู้ชาย ดูสิ... เปิดโชว์ไม่อายใครเลยหลานอา”นันทิดาชี้ให้คนเป็นพ่อและแม่ดูเพศของลูก หลานเธอคนนี้ไม่ขี้อาย พอรู้ว่าจะถูกดูเพศก็อวดโชว์สิ่งที่พ่อให้มาราวกับภาคภูมิใจนักหนา“ผู้ชายจริงๆ ด้วย”“ทำไมพูดเหมือนรู้อยู่แล้วคะ?”ดอกแก้วอดถามสามีไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิธานไม่เคยพูดว่าอยากมีลูกเพศไหน ไม่เคยบอกเธอว่าคิดเรื่องเพศของลูกไว้แล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยค่อนข้างแปลกใจ สามีเธอแอบไปคิดมาตอนไหนว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย?“จำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” พิธานถามกลับ รอจนภรรยาพยักหน้าเล็กน้อยจึงเฉลยออกมา “ที่แม่เฒ่าบอกว่าผู้ชาย ฉันคิดว่าท่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณพิธานพูดไว้ไม่มีผิด คุณพิธานบอกว่าเจ้น้ำจะไม่โกรธเธอ และเจ้น้ำก็ไม่โกรธเธอจริงๆ จะมีก็แค่ความตกใจจนพูดไม่ออกไปหลายนาทีหลังจากเธอเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็เท่านั้นต่างจากคุณทิม เพื่อนของคุณพิธานที่ดอกแก้วเคยได้เจอมาแล้วครั้งหนึ่ง รายนั้นนอกจากจะไม่ตกใจแล้ว เขายังปรบมือเสียงดังอย่างชอบใจอีก“อะไร” พิธานตวัดสายตาเข้มๆ ไปที่เพื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของคนทะเล้นหายไป“ฉันปรบมือให้ตัวเอง”“เพื่อ?”“เพื่อชื่นชมความเก่งของตัวเองไง” หนุ่มลูกครึ่งตอบด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยี่หระกับสายตาเอือมระอาของเพื่อน “เดาไว้แล้วไม่มีผิดว่าคนนี้ต้องกลายเป็นตัวจริงของเสี่ยพิธาน”“เลิกเรียกว่าเสี่ยได้แล้ว” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมคนเป็นเพื่อนจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจริงจังแค่ไหนทีเมื่อก่อนล่ะชอบให้ผู้หญิงมาเรียกเสี่ยคะเสี่ยขา แต่พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนเข้าก็สั่งให้เลิกเรียกเด็ดขาดเชียว...“ไม่เสี่ยก็ไม่เสี่ย” ทิมไม่อยากเถียงกับเพื่อ ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกหันไปมองภรรยาเพื่อนแทน “ยินดีด้วยนะดอกแก้ว”“ขอบคุณค่ะ”เรื่องที่ทิมแสดงความยินดีไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ของ
หลังจากจับภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยกว่าเดิมแล้ว พิธานก็จับจูงมือดอกแก้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งแด๊ดของเขาที่กำลังนั่งคุยกับอาพัลลภอย่างออกรสเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แม่ดาวเรืองที่กำลังตักข้าวให้ทุกคน รวมถึงเกวลินที่วันนี้แปลงร่างเป็นลูกมือของแม่ดาวเรืองหนึ่งวัน“ธานมาแล้ว” อาพัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้ามา ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อดอกแก้วยกมือขึ้นไหว้ “นี่เหรอหลานสะใภ้?”“อาครับ อย่าทำเสียงดุสิ”“อาก็พูดปกตินะธาน” พัลลภเถียง เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม่หนูคนนั้นกลับไม่กล้าสบตาเขา แถมยังหลบอยู่ด้านหลังของพิธานไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตาออกมาอีก“ช่วงนี้ฮอร์โมนของดอกแก้วเขาแปรปรวนน่ะลภ เขาอ่อนไหวง่าย” คนเป็นพี่ชายกระซิบบอกน้อง พัลลภพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ“หนูดอกแก้ว ไม่ต้องกลัวอานะ อาใจดีกว่าพิธานเยอะ ไม่เชื่อถามเกวลินสิ”“อาครับ” พิธานโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงดอกแก้วที่เริ่มหายกลัวด้วย“มานั่งนี่สิดอกแก้ว