หลายวันต่อมา...
"อเมริกาโน่เย็นคั่วเข้ม 1 แก้วนะคะ"
หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เชื่อไหมว่าเขามากินกาแฟที่ร้านทุกวัน แล้วเธอก็ได้ทิปจากผู้ชายตรงหน้าวันละหลายร้อยบาท ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงใจดีแบบนี้ แต่ก็ขอบคุณมากเพราะว่าทำให้เธอมีเงินเก็บเยอะขึ้นเชียวแหละ
"เก่งนี่ จำได้โดยที่ไม่ต้องบอกแล้ว"
"หนูจำได้ตั้งแต่วันแรกที่คุณมาแล้วค่ะ แต่ถ้าเกิดว่าอยากจะเปลี่ยนดูบ้างก็บอกกันได้นะคะ หนูจะได้ทำเมนูอื่นให้ดื่มบ้าง"
"ไม่เป็นไรหรอกดื่มอเมเนี่ยแหละ ไปนั่งที่เดิมนะ"
"รับทราบค่ะ"
เธอตอบรับชายหนุ่มก่อนจะปริ้นใบเสร็จออกมาเพื่อให้เขาชำระเงิน แน่นอนว่าดื่มกาแฟแก้วละ 80 บาทแต่จ่ายแบงค์พันให้เธอทุกวัน เธอได้ทิปวันละ 920 บาท พนักงานแถวนี้อิจฉาเธอตาลุกวาวแล้ว
"ที่เหลือเป็นทิปนะ"
"ขอบคุณค่ะ"
หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปชงอเมริกาโน่เย็นให้เขาทันที พนักงานคนอื่นเมื่อเห็นฟีลิกซ์เดินออกไปจากตรงนั้นก็รีบเข้าไปหาข้าวฟ่างทันที
"พี่ว่าเขาชอบน้องข้าวฟ่างแน่เลย"
"คงไม่ใช่หรอกมั้งคะ เขาเป็นเจ้านายของคุณแม่หนูด้วยนะ สงสัยจะเอ็นดูหนูมั้งคะเห็นหนูขยันทำงานหลายที่"
เธอคิดในทางที่ดีไม่ได้มีจิตใจอกุศลคิดร้ายแบบนั้น อีกอย่างเขาเป็นคนร่ำรวย มีตำแหน่งเป็นประธานบริษัท และเธอผู้ซึ่งเป็นนักศึกษาฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ไม่มีทางที่จะมาสนใจคนอย่างเธอหรอก
"แต่พี่ว่าใช่นะ เขาไม่เคยมากินกาแฟที่นี่มาก่อนเลย พอมาวันแรกแล้วก็เจอข้าวฟ่าง หลังจากนั้นเขาก็มาทุกวัน แล้วก็ให้ทิปเยอะมาก"
เธอทำหน้ามึนงงไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่รุ่นพี่ที่ทำงานต้องการจะสื่อ เขาอาจจะพึ่งค้นพบเจอร้านกาแฟที่ถูกปาก ก็เลยมากินบ่อยเป็นเรื่องปกติแหละ
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะไม่ต้องคิดมาก งั้นเดี๋ยวหนูเอากาแฟไปเสิร์ฟก่อนนะคะ"
เธอยิ้มออกมาก่อนจะถือแก้วอเมริกาโน่เดินไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโซฟา ซึ่งวันนี้เขามาคนเดียวไม่ได้พาผู้ช่วยมาด้วย
"อเมริกาโน่เย็นได้แล้วค่ะ"
"ขอบใจ... ว่างไหมมานั่งคุยกันก่อนสิ"
"ก็พอได้ค่ะวันนี้คนไม่ค่อยเยอะ ว่าแต่จะคุยอะไรกับหนูเหรอคะ"
หญิงสาวเดินมานั่งลงตรงโซฟากับชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะดูท่าทางเหมือนเขามีอะไรอยากจะคุยกับเธอ
"เรียนอยู่ปีอะไรแล้ว"
"ใกล้จะจบปี 1 แล้วค่ะ"
"เธอต้องทำงานหาเงินจ่ายค่าเทอมเองเหรอ น้ารพีก็ไม่ใช่ว่าจะเงินเดือนน้อย ๆ นะ แม่ฉันให้เดือนละตั้งหลายหมื่น"
เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก ด้วยความที่น้ารพีเป็นคนสนิทของคุณแม่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เงินเดือนได้เยอะกว่าแม่บ้านไม่รู้กี่เท่า เทศกาลต่าง ๆ ก็ได้เงินเพิ่ม มีความแปลกใจว่าทำไมลูกสาวถึงมาทำงานเยอะขนาดนี้
"หนูไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องงานของแม่หรอกค่ะ อีกอย่างหนึ่งคุณพ่อไม่ค่อยสบายอยู่ที่บ้าน ต้องไปโรงพยาบาลเกือบทุกอาทิตย์ ไปครั้งหนึ่งก็เสียค่าใช้จ่ายเยอะไม่น้อยเลยค่ะ หนูก็เลยอยากแบ่งเบาภาระด้วยการทำงานด้วยตัวเอง มันก็พอค่าเทอมนะคะ ส่วนค่ากินก็ประหยัดเอาหน่อยไม่ได้ลำบากอะไรเลยค่ะ"
เธอเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง การทำงานหลายที่ถือว่าเป็นความเคยชิน และทำให้หญิงสาวรู้สึกสนุกไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก ยิ่งงานไหนที่ได้เงินเยอะเธอก็ยิ่งชอบ ดีกว่าเอาเปรียบครอบครัวอยู่ฝ่ายเดียว เธอโตพอที่จะดูแลตัวเองได้บ้างแล้ว ไม่อยากจะรบกวนพวกท่านให้ลำบากใจ
"แต่ว่าเธอเรียนหนังสืออยู่นะ แบบนี้จะรู้เรื่องหรือไง ฉันเห็นทีไรเธอก็ทำงานตลอด"
"หนูอ่านหนังสือประมาณช่วงดึกค่ะ นอนก็ประมาณตี 1 เช้าก็ตื่นปกติแวะไปจัดของที่ร้านกาแฟจากนั้นก็ไปเรียนค่ะ พอเรียนเสร็จก็กลับมาชงกาแฟต่อช่วงบ่าย"
"ฟังแล้วเหนื่อยแทนดี"
ฟีลิกซ์ยกกาแฟขึ้นดื่มไม่ได้พูดอะไรอีก เป็นเด็กที่ขยัน และมีความพยายามดี หายากมากเลยนะที่จะเจอคนแบบนี้ เขาดื่มกาแฟจนหมดจากนั้นก็หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋า


"นี่นามบัตรของฉัน แล้วก็เอาเบอร์ของเธอมาให้ฉัน เดี๋ยวจะลองดูว่ามีงานอะไรให้ทำไหม จะได้ไม่ต้องทำหลายที่แบบนี้"
เธอจ้องมองนามบัตรที่อยู่ในมือของเขาก่อนจะรับมาถือไว้ จากนั้นก็ยกมือไหว้ขอบคุณชายหนุ่มที่ดีกับเธอมากเหลือเกิน
"ขอบคุณมากเลยนะคะ เดี๋ยวหนูจดเบอร์ให้ค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณมีงานอะไรให้หนูทำจ้างได้เลยนะคะ หนูทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ"
เธอรีบหยิบปากกากับกระดาษที่อยู่ในผ้าเอี๊ยมจากนั้นก็เขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองส่งไปให้เขา ชายหนุ่มรับมาถือไว้ในมือ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับส่งยิ้มให้ข้าวฟ่าง
"ฉันจะไปประชุมต่อแล้ว เอาไว้เจอกัน"
"ขอบคุณนะคะ โอกาสหน้าเชิญใหม่ค่ะ"
เธอโบกไม้โบกมือให้ชายหนุ่มก่อนจะเดินกลับไปอยู่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อรับลูกค้าต่อ การที่ได้คุยกับเขามันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเพราะว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีชายใดใกล้ชิดกับเธออย่างเช่นเขา แถมยังใจดีอีก ก็เลยทำให้อาจจะหวั่นไหวเอาได้
ช่วงเย็น... เวลาประมาณ 19:00 น.
ฟีลิกซ์ในชุดนอนนั่งอยู่บนเตียงในมือกำลังถือ iPad อยู่ เขาดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพราะว่าตอนนี้ไม่มีอะไรทำ เหลือบสายตามองนาฬิกาตรงฝาผนังเป็นเวลาประมาณ 19:00 น. เป็นเวลาที่แม่บ้านจะเอาผลไม้แล้วก็น้ำสมุนไพรมาให้
นึกถึงยังไม่ทันไรก็มีเสียงคนเคาะประตูอยู่ข้างนอก ชายหนุ่มตะโกนออกไปเพราะว่าในห้องนอนของเขาไม่ได้ล็อคประตูไว้
"เข้ามาครับ"
และเมื่อประตูถูกเปิดออกชายหนุ่มก็เลิกคิ้วด้วยความสงสัย เพราะคนที่เอาผลไม้กับน้ำสมุนไพรมาให้เขาก็คือข้าวฟ่างนั่นเอง
"ทำไมถึงมาได้"
"หนูมารับแม่ค่ะ แม่ก็เลยใช้ให้หนูเอาผลไม้กับน้ำสมุนไพรมาให้ก่อนค่ะ แต่ว่าเดี๋ยวก็จะกลับบ้านแล้ว งั้นหนูวางไว้ตรงนี้นะคะ"
หญิงสาวถือถาดผลไม้ และน้ำสมุนไพรไปวางไว้ให้เขาที่โต๊ะตรงหน้าทีวี ชายหนุ่มวาง iPad ลงบนเตียง จากนั้นก็เดินเข้าไปประชิดเธอจากทางด้านหลัง ข้าวฟ่างถึงกับตาโตด้วยความตกใจ รีบหันหลังกลับมามองสบตากับชายหนุ่ม แต่ทว่าใบหน้าของเราสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมากเกินไป แถมเขายังใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบเอวของเธอดึงรั้งเข้าหาตัวอีก
"คุณฟีลิกซ์คะ... มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ฉันมีข้อเสนอให้เธอ อยากลองฟังก่อนไหม"
"ข้อเสนออะไรคะ..."
"มาเป็นเด็กเลี้ยงของฉัน ฉันจะจ่ายเงินเดือนเธอเดือนละ 100,000 บาท"
"100,000 บาท!"
"ตอนนี้ที่โรงแรมของเราทุกสาขามีการจองห้องพักเต็มทุกห้องเลยครับ รวมถึงห้องสัมมนาที่จองไปจนถึงสิ้นปี"เสียงฝีเท้าของทั้งสองคนดังขึ้นตามพื้นกระเบื้องมาเบิล ฟีลิกซ์ประธานบริษัทของโรงแรมในเครือพงศ์สกุลไพศาล ถือโทรศัพท์เดินนำหน้าออกไปก่อน โดยมีผู้ช่วยคนสนิทถือแฟ้มเอกสารเดินตามมา ระหว่างที่เดินไปขึ้นลิฟต์เขาก็ได้อธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของโรงแรมในเบื้องต้น อัพเดทความเคลื่อนไหวทุก ๆ สัปดาห์ "และก็จะมีคณะทัวร์จากต่างประเทศเข้าพักในช่วงเดือนหน้าด้วย ส่วนเดือนเมษายนจะมีแบรนด์กระเป๋าระดับโลกใช้โรงแรมของเราในการเปิดตัวแบรนด์ที่ประเทศไทย ซึ่งงานนี้ทางแบรนด์ได้เชิญท่านประธานเข้าร่วมด้วยนะครับ""ลงคิวไว้เลยแล้วก็ใกล้ ๆ ค่อยเตือนผมอีกทีหนึ่ง""ได้เลยครับท่านประธาน ว่าแต่ตอนนี้เราจะไปที่ไหนกันก่อนดีครับ""ไปแวะซื้อกาแฟก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะเข้าไปตรวจงานที่สาขาใหญ่ ไม่ต้องแจ้งไปทางผู้จัดการสาขาว่าผมจะเข้าไป เดี๋ยวจะเกณฑ์คนมาต้อนรับวุ่นวายกันไปหมด"เขาเอ่ยออกมาก่อนจะยืนอยู่ตรงหน้าประตูลิฟท์ ใช้บัตรพนักงานแตะที่สแกน และเพียงไม่นานประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออก เขา และผู้ช่วยพากันเดินเข้าไปข้างใน กดลิฟต์ให้ลงไปยัง
หลังจากที่เขาซื้อกาแฟแล้วก็ซื้อเค้กเสร็จ ก็ออกมาจากคาเฟ่ชื่อดัง จากนั้นก็พากันไปตรวจงานที่สาขาใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาทำงานในโรงแรมจนถึงวันนี้ คุณพ่อท่านเห็นความสามารถ และยอมยกตำแหน่งท่านประธานบริษัทให้เขาบริหาร โดยระดับผู้บริหารจะมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนคอยดูแล ส่วนพี่สาวเธอเปิดร้านอาหารอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลของสามี แต่ทว่าเธอมีหุ้นส่วนอยู่ในโรงแรม ซึ่งเขากับพี่ฟีน่ามีหุ้นส่วนในบริษัทคนละ 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์ คุณพ่อท่านยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพียงแค่เขาได้รับการมอบหมายจากคุณพ่อ จะได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ และได้เงินเดือนพร้อมโบนัสพิเศษแยกจากเงินปันผลของหุ้นส่วนอีกทีหนึ่ง "ถึงแล้วครับท่านประธาน เดี๋ยวผมจะให้พนักงานเอาเค้กไปแช่ที่ตู้เย็นไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวถ้าเกิดว่าเราจะกลับก็ค่อยให้พนักงานเอามาให้ที่รถ""ผมก็ลืมไปเลยว่าเราทำงานต่อ แต่เห็นว่าร้านนั้นเค้กน่ากินดีผมก็เลยซื้อไว้ก่อน""ไม่ใช่ว่าพนักงานหน้าเคาน์เตอร์เป็นสเปคเหรอครับ หน้าตาจิ้มลิ้มเชียวอายุถึง 18 ปีหรือยังก็ไม่รู้ แต่ผมว่าเธอน่ารักดีนะครับ"ตฤณเอ่ยแซวเจ้านายเหมือนจะรู้ว่าคุณฟีลิกซ
เขาใช้เวลาในการรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านกินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็เรียกพนักงานมาเช็คบิลซึ่งเป็นคนเดิมที่เขาเจอเมื่อช่วงเช้า "ทั้งหมด 1,200 บาทค่ะ คุณลูกค้าจะชำระเงินเป็นบัตรเครดิต QR code หรือเงินสดดีคะ" "เงินสดก็ได้" เขาส่งแบงค์พันไปให้หญิงสาว 2 ใบ จากนั้นเธอก็รับเงินจำนวนนั้นมา และเดินไปยังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ หยิบเงินทอนใส่เข้าไปในถาดก่อนจะเดินกลับไปหาผู้ชายทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในห้อง VIP "นี่เป็นเงินทอนค่ะ เป็นจำนวนเงิน 800 บาท" "เธอเก็บไว้เถอะ ฉันให้" หญิงสาวอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เงินทอนที่ว่าหลายร้อยเลยนะ ทำไมเขาถึงให้เธอง่าย ๆ โดยไม่เสียดายแบบนี้ล่ะ "มันจะดีเหรอคะเงินตั้ง 800 บาท" "ไม่เป็นไรหรอกถือว่าเป็นรางวัลสำหรับคนขยัน ยินดีที่ได้เจอกันนะ ฉันชอบเด็กขยันตั้งใจทำงานล่ะ ถ้าเรียนจบก็มาสมัครงานที่บริษัทฉัน โรงแรมในเครือพงศ์สกุลไพศาล" "เป็นเจ้าของธุรกิจเหรอคะ แล้วโรงแรมที่ว่าหนูเคยได้ยินนะคะมีสาขาเยอะมากเลย ถ้าเป็นแบบนี้คุณต้องรวยมากแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ" "หึ... ก็ประมาณนั้นแหละ ฉันไปก่อนนะเอาไว้จะแวะมากินอีกแล้วกัน" "แวะไปกินกาแฟก็ได้นะคะ หนูอยู่ที่นั่นบ่อยกว่าท