ก่อนฟ้าสางร่างเล็กย่องเบากลับห้องตัวเองอย่างทุลักทุเล ความเจ็บแล่นปราดไปทั่วทั้งกาย ราวกับจะฉีกแยกออกจากกันอย่างไรอย่างนั้นสายน้ำจากฝักบัวไหลผ่านผิวเนื้อขาวที่มีรอยแดงประดับเป็นจ้ำอยู่ทั่วทั้งร่างกาย แขนขาอ่อนแรงแทบจะยืนไม่ไหว เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นกระเบื้อง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนทำให้เขารู้สึกสมเพชตนเองขึ้นมาในใจทว่าจะโทษใครได้ในเมื่อตอนนั้นเขายอมให้อีกฝ่ายกระทำตามใจอย่างไม่ร้องห้าม เพียงแค่คิดว่าหนี้ที่มีอยู่คงจะลดลงไปไม่มากก็น้อย นึกเจ็บใจที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ยอมพลีกายให้กับชายที่ไม่ได้รัก ไม่ต่างกับขายตัวเองเพื่อชดใช้หนี้น่ารังเกียจเหลือเกิน…คำขอโทษมากมายกล่าวอยู่ในใจถึงผู้เป็นพ่อ ร่างกายที่ท่านเฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่เล็ก ตอนนี้กลับน่ารังเกียจจนเขาเองก็ไม่อยากยอมรับ ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ได้เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงกระเส่าครวญครางยังดังก้องอยู่ในหูไม่หาย สีหน้าแววตาของชัชวินตอนมองกันมันแฝงอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ คำพูดปลอบโยนทำให้คลายความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นรู้สึกดียังชัดเจนอยู่ในความรู้สึกทว่าสิ่งเหล่านั้นไม
ตกดึกอัยย์แอบออกมาจากบ้านใหญ่ เดินเท้ามาจนถึงถนนใหญ่ก็รีบโบกรถนั่งไปที่ค่ายมวยตามที่คุยกับครูชัยเอาไว้ ยังดีที่ทางสะดวก ไม่มีใครเห็น แม้แต่คุณหญิงอรอนงเองก็ไม่รู้ ชัชวินก็ไม่รู้ไปไหนตั้งแต่มาส่งเขาถึงบ้าน ถือว่าโชคเข้าข้างเขาก็ว่าได้ทันทีที่มาถึงครูชัยกับเต้ก็ยืนรออยู่ที่รถพร้อมที่จะไปสถานที่แข่ง"ตรงเวลาเป๊ะเลยนะมึง"อัยย์เผื่อเวลาเอาไว้แล้วเพราะคาดว่ารถคงติดระหว่างทาง และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ยังดีที่มาถึงตรงตามเวลา"พร้อมแล้วใช่ไหม จะได้ไปกันเลย"“พร้อมจ้ะ"เอ่ยตอบพลางยกยิ้มอย่างมั่นใจ แม้ช่วงนี้จะไม่ได้ซ้อมแต่เรื่องฝีมือก็คงไม่ตกไปสักเท่าไร หวังว่าวันนี้เขาจะเอาชนะฝ่ายนั้นได้อย่างเช่นครั้งก่อนสถานที่แข่งรอบนี้เปลี่ยนที่เป็นที่ใหม่เหมือนจะใหญ่กว่านิดหน่อย เพื่อรองรับผู้ชมที่เข้ามาร่วมดูการแข่งครั้งนี้ เงินพนันรอบที่แล้วที่คิดว่ามาก ทว่ารอบนี้กลับมากกว่าถึงสองเท่า"มึงไหวนะอัยย์""สบายมาก"เต้รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมครั้งนี้ถึงรู้สึกไม่มั่นใจว่าเพื่อนตัวเองจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ หรือเป็นเพราะก่อนมาแข่งอัยย์ไม่ได้ซ้อมก่อนเหมือนครั้งอื่น ๆกั
ตื่นเช้ามาอัยย์ก็ไม่เจอคนที่นอนอยู่ด้วยเมื่อคืนนี้แล้ว ทั้งที่ตอนนี้เพิ่งจะตีห้า ทว่าชัชวินออกไปตั้งแต่ตอนไหนเขาก็ไม่รู้ อาจจะเพราะร่างกายบอบช้ำและเหนื่อยล้าจนเผลอหลับลึกจนไม่รู้สึกตัวร่างบางล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็หกโมงพอดี เดินลงมาถึงชั้นล่างได้ยินเสียงสาวใช้คุยกันอยู่ในครัวก็เข้าไปหา เอ่ยปากอาสาขอช่วยทำอาหารมื้อเช้าร่วมด้วย“ทำมื้อเช้ากันอยู่เหรอครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม”เจ้านายดี สาวใช้ก็ดีไปด้วย ทุกคนที่นี่ใจดีกับเขาตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ ยิ้มแย้มเป็นมิตรต่อกัน“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณอัยย์ งานครัวพวกนี้มันหน้าที่พวกเรา”“แต่ผมทำได้นะครับ อยากให้ช่วยอะไรบอกได้เลย”สาวใช้ต่างมองหน้ากันอย่างละล่ำละลัก แสดงออกให้เห็นถึงความเกรงใจ ไหนจะยังเรียกเขาว่าคุณ ทั้งที่เขาเองก็มีสถานะไม่ต่างจากพวกเธอสักเท่าไร ไม่ได้มีอำนาจอะไรเหนือกว่าแม้แต่น้อย“งั้นแค่ช่วยล้างผักก็พอค่ะ”ครั้นจะปฏิเสธน้ำใจเสียทีเดียวทุกครั้งก็กลัวจะเสียน้ำใจ จึงเลี่ยงให้ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ต้องจับมีด หรือยืนร้อน ๆ หน้าเตา เมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่ก็ตั้งใจทำเป็นอย่างดีเสียงพูดคุยกันของสาวใช้ทำให้ภายในคร
ทานข้าวเสร็จอัยย์ก็เก็บถ้วยเก็บจานมาล้าง ส่วนอีกสองคนก็พากันขึ้นไปชั้นสอง คาดว่าคงเป็นห้องทำงานของชัชวินใช้เวลาไม่นานทุกอย่างภายในครัวก็เสร็จเรียบร้อย หน้าที่ของเขาก็หมดแล้ว ตอนนี้ก็เกือบหนึ่งทุ่มเข้าไปแล้วเขาควรจะกลับบ้านไปหาคุณหญิงอรอนง ป่านนี้ท่านคงกำลังรออยู่เพราะเมื่อบ่ายคุณหญิงท่านได้เอ่ยปากชวนให้ดูละครเรื่องใหม่ด้วยกันคืนนี้ อัยย์ตกปากรับคำไปแล้วจึงไม่อยากผิดคำพูดดวงหน้าหวานหันมองซ้ายมองขวา ชะเง้อหาเลขาคนสนิทของชัชวิน ทว่ากลับไม่เจอแม้แต่เงาร่างเล็กค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดด้วยความลังเล ไม่รู้ตัวเองลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไปหรือเปล่า แต่อย่างน้อยหากจะกลับเขาควรจะบอกกล่าวอีกฝ่ายสักคำ“อื้อ.. คุณชัช”เสียงหวานดังแว่วออกมาจากห้องข้างหน้า เท้าหยุดชะงักสายตาจดจ้องไปยังห้องที่ประตูปิดไม่สนิท ก้อนเนื้อภายในอกข้างซ้ายเต้นกระหน่ำ น้ำลายเหนียวถูกกลืนลงคออย่างฝืดเคือง ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้อย่างเชื่องช้าหากนี้คือการสอดรู้ก็คงจะใช่ ทั้งที่เขาสามารถออกไปจากตรงนี้ได้ แต่กลับมายืนมองภาพชายหญิงนัวเนียกันผ่านช่องว่างของประตู เสียงหัวเราะคิกคักชอบใจของธัญญ่าทำให้อัยย์เริ่มหูอื้อคนสนิทที
เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งร้าน สถานบันเทิงที่ถูกสร้างมาเพียงเพราะใช้เป็นที่พักผ่อนของตัวเองยามเครียด มีหุ้นส่วนเพียงคนเดียวคือเพื่อนสนิทที่ทำหน้าที่แทนแทบทุกอย่างชัชวินกระดกเหล้าเข้าปากอย่างเบื่อหน่าย เพิ่งรู้สึกว่ารสชาติของมันแย่กว่าครั้งไหน ๆ ทั้งที่เป็นยี่ห้อเดิมที่ดื่มเป็นประจำ“เป็นเหี้ยอะไรของมึงตั้งแต่มาไม่พูดไม่จา เอาแต่แดกเหล้า ปล่อยกูนั่งเงียบอยู่คนเดียว”เขมทัศน์กลอกตามองบนพลางถอนหายใจใส่เพื่อนอย่างเบื่อหน่าย หากมาแล้วไม่คุยกับเขาก็ไม่ควรเรียกให้เขามานั่งด้วยตั้งแต่ทีแรก รู้อย่างนี้นั่งทำงานอยู่ในห้องเสียยังดีกว่า“เดี๋ยวมึงเรียกอาชิให้ไปหากูที่โรงจอดรถหน่อยนะ”พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทันที ไม่รอให้เขมทัศน์ได้ตอบอะไรกลับมา“อะไรของมันวะ!”ภายในรถเงียบจนได้ยินเสียงลมแอร์เบา ๆ แสงไฟจากทางเข้าพอสลัวมาถึงที่จอดรถ ไม่ได้มืดจนเกินไป แผ่นหลังพิงเบาะรถปิดเปลือกตาสีมุกลงอย่างช้า ๆ ปกติแล้วเหล้าเพียงไม่กี่แก้วไม่ได้ทำให้เขาเมาง่าย ๆ ทว่าในตอนนี้มีความคิดบางอย่างกำลังฟุ้งซ่านอยู่ในหัวเหมือนคนเมา ที่เขาบอกกันว่าดื่มแล้วสมองจะโล่ง คงใช้ไม่ได้กับทุกคนนาฬิกาตรงหน้าจอแสดง
ร่างบางในชุดสูทสีครีมเรียบสบายตา ภายในสวมเสื้อกั๊กสีเข้มกว่านิดหน่อยเพียงตัวเดียว เผยคอระหงขาวประดับด้วยสร้อยเพชรเม็ดเล็กกำลังดี เพิ่มเสน่ห์ให้กับคนใส่เป็นอย่างมาก ใบหน้าจิ้มลิ้มยกยิ้มบาง ๆ ให้คนที่เดินผ่านครั้นอีกฝ่ายยิ้มให้เสียงจอแจคละเคล้าไปกับเสียงเพลงฮิตติดชาร์ตที่เขาได้เคยได้ยินผ่าน ๆ มาบ้างตามสื่อโซเชียลต่าง ๆบรรยากาศภายในงานถูกจัดขึ้นบริเวณส่วนกลางที่บ้านเจ้าของงาน ยิ่งใหญ่สมกับฐานะ คนรู้จักมากมายที่ได้รับบัตรเชิญมาร่วมงานจับกลุ่มกันพูดคุยตามประสาคนรู้จัก ไม่เว้นแม้แต่คุณหญิงอรอนงที่ก้าวเข้ามาในงานก็ถูกแม่เจ้าของวันเกิดลากไปนั่งคุยกันที่โต๊ะใกล้เวทีการพบปะผู้คนจำนวนมากเป็นสิ่งที่อัยย์อยากหลีกเลี่ยงมากที่สุด แม้จะเคยทำงานตามผับตามบาร์ ทว่านั่นเป็นเพราะหน้าที่ที่เขาต้องทำ แม้ต้องฝืนตัวเองอยู่ไม่น้อยก็ตามเมื่อช่วงเช้าคุณหญิงอรอนงพาเขาไปทำผมที่ร้านประจำของเธอ ทั้งยังพาไปเดินเลือกซื้อเครื่องประดับราคาแพงที่เขาปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีกก็ยังถูกยัดเยียดซื้อมาจนได้เพิ่งเข้าใจก็ตอนที่ย่างเข้ามาในงานว่าทำไมถึงต้องตัดชุดใหม่เพราะแค่มางานวันเกิด ครั้นสายตามองไปรอบ ๆ ก็จะเห็นว่าทุกคนต่างแต่ง
คำอ้อนได้ผลจริง ๆ ชัชวินยอมปล่อยเขาลง ทว่าคงเข้าใจกันคนละอย่าง เพราะแทนที่จะปล่อยให้เขาลงเดิน กลับถูกปล่อยให้นอนลงบนเตียงกว้างแทนร่างหนาคร่อมตัวทาบทับอยู่เบื้องบน สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต้องจินตนาการก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร“ไหนเฮียบอกมีเรื่องจะคุย”“เอาไว้ก่อนก็ได้.. ยังมีเวลาอีกเยอะเลย”“…”สายตาหยาดเยิ้มทอดมองกันไม่ละสายตาทำให้ใบหน้าสวยร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แก้มนวลขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปถึงหู เสียงแค่นขำเบา ๆ ระคนความเอ็นดูยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นระส่ำแปลก.. ทั้งร่างกายและความรู้สึกของอัยย์มันสับสนจนแปลกไปหมด“ถ้าไม่อยากทำก็ผลักเฮียออกไป”“…”ทั้งที่คนบนร่างให้โอกาสแล้ว แต่เขากลับนอนนิ่งราวกับคนไม่มีแรง มือสองข้างขยำเสื้อชัชวินจนยับยู่ใบหน้าหล่อโน้มลงมอบจุมพิตลงบนหน้าผากหนึ่งครั้ง ผละไปหน้าออกมายิ้มให้กันเพียงเสี้ยววิ ก่อนจะป้อนจูบอ่อนโยนอย่างเนิบนาบ ลิ้นร้อนไล้ต้อนชิมความหวาน ปลายลิ้นเกี่ยวตวัดหยอกล้อ ทว่าเด็กน้อยในอ้อมกอดทำตามอย่างเงอะงะ แต่กลับปลุกเร้าอารมณ์ชัชวินได้เป็นอย่างดี“อื้อ..!”ครั้นจังหวะอ่อนละมุนเริ่มหนักหน่วงขึ้น ปากถูกดูดดึงจนบวมเจ่อ อัยย์รีบร้อ
หลายวันต่อมา“อัยย์ว่าใบนี้สวยหรือเปล่า”“สวยดีนะครับ น้ารินน่าจะชอบ”อัยย์ชูกระเป๋าถือแบรนด์ดังทรงสวยขึ้นดูรอบ ๆ คาดว่าคนรับอาจจะชอบ เขมทัศน์พยักหน้าเห็นด้วย ทว่าเก็บไว้เป็นตัวเลือกในใจ ก่อนจะเดินดูกระเป๋าใบอื่น ๆ ในร้านอัยย์ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้สักเท่าไร จะให้แนะนำก็เป็นเรื่องยาก หากให้บอกว่าสวยหรือไม่สวยก็คงจะพอบอกได้อยู่เกือบชั่วโมงหนึ่งได้แล้วตั้งแต่ออกมาเดินเลือกของขวัญวันเกิดให้น้ารินแม่ของเขมทัศน์ ที่จริงวันนี้เขาควรจะต้องอยู่ดูแลคุณหญิงอรอนงอย่างเช่นทุกวัน แต่คุณหญิงท่านบอกว่าเขาควรจะมีวันหยุดพักผ่อนบ้าง วันนี้ถึงได้ออกมาหาเขมทัศน์ได้อัยย์ตั้งใจจะซื้อของวันเกิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ฝากเขมทัศน์ไปให้น้ารินด้วยอีกคน ทว่าเดินเข้าออกมาหลายร้านก็ยังเลือกไม่ได้ว่าจะซื้ออะไร ห้างที่นี่มีแต่สินค้าราคาแพง เกินเอื้อมมากไปสำหรับเขาเสียด้วยซ้ำ แต่จะให้ซื้อของถูกเกินไปก็คงจะดูไม่ดีสักเท่าไร“ใบนี้เป็นไง ไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไป”“สวยเลยพี่เขม แบบนี้น่าจะเข้ากับทุกชุด ใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย”“งั้นเอาใบนี้เนอะ”“ครับ”เด็กหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเดินตามเขมทัศน์ไปจ่ายเงิน ราคากระเป
ตลอดสองเดือนชัชวินโทรหาคนรักกับลูกทุกเวลาที่ว่างอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เขาอยากจะบินไปภูเก็ตใจแทบขาด ทว่างานรัดตัวจนไปไม่ได้ อีกทั้งไทท์ยังเอาแต่ห้าม ไหนจะโรงแรมที่จีนที่เขาต้องจัดการบัญชีทุกเดือน ยังต้องบินไปดูงานด้วยตัวเอง มีคุยงานกับนักธุรกิจหลายท่านเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเริ่มลงทุนร่วมกันเร็ว ๆ นี้ เพราะแต่ละคนมีเวลาว่างต่างกัน ชัชวินจึงไม่สามารถไปไหนได้ ตารางงานแต่ละวันแน่นจนเขาอยากจะหนีไป แต่ก็ทำไม่ได้ทุกการเคลื่อนไหวของชัชวินไทท์ได้รายงานให้อัยย์ทราบทุกอย่าง เนื่องจากอีกฝ่ายขอร้องมา ไทท์เองก็ไม่อยากทำตัวเป็นนกสองหัว เพราะเหมือนกับกำลังทรยศเจ้านาย แต่ทว่าชัชวินไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรไม่ดี เขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไร หากบอกให้อัยย์ทราบ ดีเสียอีกที่อีกคนจะได้เห็นว่าเจ้านายของเขาปรับตัวเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อครอบครัวแล้วจริง ๆ ไม่ทำตัวเหลวไหล หรือมั่วผู้หญิงอย่างแต่ก่อนอัยย์จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ ทำเรื่องย้ายลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ โดยไม่บอกชัชวิน กะไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย โดยมีเขมทัศน์ช่วยเหลืออีกเช่นเคย“เราจะไปไหนกันเหรอม๊า” เด็กน้อยตาใสเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื
เวลาเกือบสองทุ่มครึ่งอัยย์ส่งลูกเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะลงมาหาคนที่ยังเอาแต่นั่งอ่านเอกสารหน้าเครียด ก่อนหน้านี้ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้วอัยย์ตั้งใจจะบอกให้ชัชวินกลับไป แต่พอเห็นว่าคนพี่กำลังตั้งใจทำงานก็ไม่อยากกวนคนตัวเล็กแอบทำอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในครัวประมาณยี่สิบนาที ออกมาพร้อมข้าวไข่เจียวร้อน ๆ คาดว่าชัชวินน่าจะหิว เพราะเมื่อตอนเย็นทานไปแค่นิดเดียวก็กลับมานั่งทำงานต่อ คงจะมีปัญหาตรงไหนสักอย่าง“ทานข้าวก่อนสิครับค่อยทำต่อ”ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองเด็กหนุ่ม จากที่ทำหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที ทว่าดวงตาคมดูล้ากว่าปกติ“ขอบคุณครับ แต่เฮียขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวค่อยกินครับ”“ไม่ได้ครับ” ตอบกลับเสียงแข็ง “กินก่อนเถอะครับ เมื่อตอนเย็นคุณกินไปแค่นิดเดียว กว่างานจะเสร็จหิวไส้กิ่วกันพอดี”“กินก็กินครับ ไม่เห็นต้องดุเลย”“ไม่ได้ดุสักหน่อย!”“นี่ไงหนูกำลังดุเฮียอยู่ชัด ๆ”อัยย์กรอกตามองบนพลางถอนหายใจ เบื่อจะเถียงกับคนแก่ ทว่าไม่ทันได้เดินออกไป อีกคนดันจับข้อมือรั้งเขาไว้เสียก่อน“มีอะไรครับ?”“มีเรื่องจะรบกวนครับ”“อะไรครับ?”“พอดีรู้สึกเหนื่อยมากเลยครับ อยากรบกวนขอกำลังใจเป็นกอด
เช้าวันนี้ดูเหมือนเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสามปีของชัชวิน เสียงนกร้องดังอยู่บริเวณบ้านปลุกคนนอนหลับฝันดีให้ตื่นขึ้นมา ร่างหนาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้าน กลิ่นของอาหารหอมโชยมาจากในครัวชัชวินเดินมาตามกลิ่น คนตัวเล็กกำลังง้วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเช้าสำหรับวันนี้ เด็กน้อยที่พึ่งตื่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมานั่งเล่นรอมารดาตัวเองที่โต๊ะทานข้าว“อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช”ศรัณย์เอ่ยพูดประโยคที่ชัชวินเคยสอนเมื่อครั้งก่อน เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ขึ้นใจ“อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์”ชัชวินยกยิ้มให้เด็กน้อย จากตอนแรกที่ได้เจอกันรู้สึกถูกชะตามากอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของตัวเองแท้ ๆ เขายิ่งหลงรักเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าศรัณย์รู้ว่าเขาเป็นพ่อจะดีใจบ้างหรือเปล่าเขาไม่รู้ว่าอัยย์จะบอกลูกตอนไหน แต่ความร้อนใจของเขาเขาอยากให้ลูกรู้เร็ว ๆ ว่าเขาเป็นพ่อ เขาอยากแสดงตัวว่าเป็นพ่อ อยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากชดเชยเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทดแทนได้หรือเปล่าเขาก็อยากทำมันให้เต็มที่ เพื่ออัยย์และลูก“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาครับจะได้กินข้าว”เรื่องที
ร่างสูงโปร่งลงจากรถแท็กซี่ ตั้งสติให้ตัวเองทรงตัวก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังหน้าบ้านของคนที่เขาคิดถึง สองมือเกาะรั้ว ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านเสียงดังลั่น"อัยย์! อัยย์ครับ ออกมาคุยกับเฮียหน่อย อัยย์!"เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรียกเจ้าของบ้าน เขมทัศน์ลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวมาเปิดประตู เห็นเพื่อนตัวเองยืนเกาะอยู่ที่รั้วไม้ จึงเดินเข้าไปหา“มึงมาที่นี่ได้ยังไง”อัยย์ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าชัชวินเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร กลัวว่าหากเขมทัศน์รู้เข้าจะมีปากเสียงกับชัชวินเพราะเขาอีก“อัยย์! มาคุยกับเฮียหน่อย”“ถ้าเมาก็กลับไปไอ้ชัช อย่ามาสร้างความเดือดร้อนที่นี่” เขมเอ่ยขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย“มึงไม่ต้องเสือก”น้อยครั้งที่ชัชวินจะพูดหยาบคายกับเขม ทว่าครั้งนี้เขามีเรื่องไม่พอใจที่อีกคนโกหกจึงไม่คิดที่จะยั้งปาก อีกทั้งยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลังจากลูกค้านัดไปคุยงานนั่งดื่มกัน ชัชวินก็ซัดเหล้าเข้าปากเพราะความเครียดที่ตัวเองพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ได้ อย่างน้อยถ้าเมาก็คงกล้าทำอะไรมากขึ้น ตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู
หลังจากโดนอัยย์จับได้ว่าแอบเดินตาม ชัชวินก็ใช้เวลาอยู่สามสี่วันกับการกลั่นกรองความคิดตัวเอง เมื่อตกผลึกแล้วสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่สุดคือความคิดถึง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคิดถึง ไม่ว่าจะกินจะนอนก็อยากเจอหน้าให้ได้ ถ้าเป็นคนงมงายสักนิดคงคิดว่าตัวเองโดนของแน่ ๆร่างหนาเดินเลือกซื้อขนมที่เด็ก ๆ ชอบ ซึ่งถามความคิดเห็นจากไทท์ เพราะเลขาของเขามีลูกชายอยู่หนึ่งคน คงจะพอรู้ว่าเด็กผู้ชายชอบกินอะไร รวมถึงพวกของเล่นต่าง ๆเดินเลือกไปเลือกมาสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือตุ๊กตากระต่ายหูยาวสีขาว เพียงแค่ได้สัมผัสความนุ่มชัชวินก็ถูกใจทันที คิดว่าศรัณย์อาจจะชอบ ไม่ว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ขายก็ชอบตุ๊กตาได้ทั้งนั้น ทว่าลึก ๆ แล้วเขาจะใช้มันเป็นตัวแทนของเขาเอง“จะซื้อจริง ๆ เหรอครับ” คนที่โดนหิ้วให้ติดตามขับรถให้อย่างไทท์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“อือ ผมว่าน้องรัณอาจจะชอบ” ว่าพลางยกยิ้มราวกับคนมีความสุขเต็มเปี่ยม หลายวันที่ไทท์เห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ขมวดคิ้วเหม่อคิดอะไรอยู่กับตัวเองคนเดียว ทว่าวันนี้ราวกับคนละคนจ่ายเงินเสร็จก็มุ่งตรงไปที่บ้านของอัยย์ทันที ไทท์ลอบมองชัชวินผ่านกระจกหลังเป็นระยะ ดูท่าแล้วจะมีความสุขมากจริง ๆ ถ
แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างพาดผ่านผิวกาย กระทบใบหน้าหล่อเหลา เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นหรี่ตาปรับแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเขยื้อนร่างกาย รู้สึกปวดเมื่อยจากการนอนขดตัวอยู่นโซฟาหลายชั่วโมงดวงตาคมหลุบลงมองผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างของเขาอยู่ จำได้ว่าเมื่อคืนอัยย์ไม่ได้เอามาให้ งั้นคงเอามาห่มให้เขาตอนเขาหลับไปแล้วแน่ ๆ พลันความคิดเข้าข้างตัวเองเกิดขึ้นในหัวมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเผลอไผลทว่าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อหันห้ามาเจอเด็กน้อยหน้าตาสดใสกำลังจ้องมองเขาไม่ละสายตา ชัชวินส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์""อรุณสวัสดิ์คืออะไร" เด็กน้อยทำหน้าตาสงสัยในคำที่ตัวเองไม่เข้าใจ"อรุณสวัสดิ์ก็คือสวัสดีตอนเช้า""อืม รัณเข้าใจแล้ว อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช"ความสดใสจากเด็กคนนี้ทำให้เขาอดนึกถึงภาพของอัยย์ตอนยิ้มร่ามีความสุขไม่ได้ แม่กับลูกเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน"ทำไมรัณตื่นเช้าจังครับ" จริง ๆ ก็ไม่ได้เช้าอะไรมากมาย ตอนนี้ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว"มะม๊าบอกว่าถ้าตื่นสายจะติดเป็นนิสัย ทำให้เป็นเด็กขี้เกียจ รัณไม่อยากเป็นเด็กขี้เกียจ" เด็กช่างพูดจำที่มารดาบอกได้ขึ้นใจ"แล้
เสียงผู้คนจอแจเดินผ่านไปผ่านมา นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่ชัชวินนั่งครุ่นคินอะไรบางอย่างอยู่ที่เดิม เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าสามปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง เด็กที่เขานั่งคุยด้วยเมื่อไม่นานมานี้เป็นลูกของอัยย์กับเขมทัศน์จริง ๆ หรือเปล่า หากให้เดาเด็กคนนั้นคงอายุประมาณ 3-4 ขวบ คาดว่าเท่ากับระยะเวลาที่อัยย์ออกจากบ้านเขามา เรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่ คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก“ยังอยู่อีกเหรอวะ คิดว่ามึงกลับไปแล้วซะอีก”ชัชวินเงยหน้ามองต้นเสียง เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ พลันสายตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นว่ามีใครอีกคนที่อยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้“ไม่ต้องหาหรอก กูพาอัยย์ไปส่งที่อื่นแล้ว” เขมทัศน์ไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหน เพราะคิดว่าไม่ได้มีจำเป็นใด ๆ ต้องบอกให้ชัชวินรู้“มึงมีอะไร” การที่เขมทัศน์มายืนอยู่ตรงนี้ทั้งคงไม่ใช่เพราะแค่เดินกลับมาเพื่อผ่านไปเฉย ๆ แน่นอน ดูเหมือนตั้งใจมาหาเขาเสียด้วยซ้ำ“ไปคุยกันหน่อย”หลังจากไปส่งอัยย์ที่ร้านขนมใกล้ ๆ ห้าง เขมทัศน์จึงวนรถกลับมาที่นี่อีกครั้ง เดาเอาไว้แล้วว่าชัชวินอาจจะยังอยู่และก็เป็นไปตามที่คิดไว้จริง ๆตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ภูเก็ตเขมทัศน์ก็แทบไม่ได้กลับไปกรุงเทพ
“มึงจะลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนที่นี่จริง ๆ เหรอวะ”ใบหน้าเคร่งเครียดเอ่ยถามเพื่อนสนิท ที่แวะเข้ามาหาเขาถึงเพนท์เฮาท์เพื่อขอถอนตัวจากการเป็นหุ้นส่วนคลับก่อนหน้านี้ที่มีเรื่องผิดใจกันเราทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันนอกจากเรื่องงาน ชัชวินคิดแค่ว่ารอเวลาให้ใจเย็นแล้วค่อยคุยกันอีกที จนเวลาล่วงเลยไป กลายมาเป็นแบบนี้“อือ กูกับแม่จะกลับไปอยู่ภูเก็ต ถ้าจะให้เทียวไปเทียวมาคงไม่สะดวก”“แล้วมึงจะไปทำงานอะไร”“รับช่วงต่อร้านอาหารของตา”ฐานะที่บ้านของเขมทัศน์ไม่ใช่จะน้อยหน้าชัชวิน ทางคุณตาของเขามีร้านอาหารภัตตาคารใหญ่โต ทั้งยังอยู่ในเมือง การเข้าออกของลูกค้าแต่ละวันสร้างรายได้ให้ไม่น้อยได้รับข่าวมาว่าคุณตาเริ่มจะป่วยบ่อยขึ้น พี่ชายของแม่ที่เคยอยู่ดูแลก็ต้องการจะทำงานอย่างอื่นมากกว่ารับช่วงต่อดูแลร้านอาหาร สุดท้ายสมบัติชิ้นนี้ที่คุณตาสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงก็ตกเป็นของแม่เขา ทว่าขวัญรินก็อายุมากขึ้นทุกวัน เธออยากอยู่บ้านอย่างสบายมากกว่าจึงมอบมันให้ลูกชายดูแลต่อ“ที่ย้ายไปคงไม่ใช่เพราะ..” ชัชวินนิ่งชะงักกับสิ่งที่ตนกำลังจะพูด“มึงให้คนตามสืบจนรู้แล้วเหรอว่าอัยย์อยู่ที่ไหน ถึงกูจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเพราะอัยย์
“มื้อเช้าพร้อมแล้วนะครับคุณชัช”เลขาคนสนิทขึ้นมาเคาะห้องเรียกผู้เป็นนายหลังจากจัดเตรียมมื้อเช้าไว้ให้เสร็จสรรพอย่างเช่นที่ทำเป็นประจำหลายวันมานี้ชัชวินพูดน้อยลงยิ่งกว่าเดิม จากปกติที่เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว บางครั้งก็นั่งเหม่อลอยคล้ายกำลังขบคิดอะไรบางอย่างคนเจ้าเสน่ห์อย่างชัชวินดูหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ไทท์ที่อยู่ใกล้ชิดทุกวันยังสังเกตเห็นได้ง่ายเจ้าของร่างสูงเดินลงมานั่งประจำที่ที่โต๊ะทานข้าว จ้องมองอาหารสองสามอย่างบนโต๊ะอย่างเบื่อหน่าย“ผมยังไม่หิว ขอไปทำงานก่อนแล้วกัน”ไทท์มองตามผู้เป็นนายเดินลุกออกจากโต๊ะขึ้นไปที่ห้องทำงาน ผิดปกติจริง ๆ ชัชวินไม่ใช่คนที่จะละเลยมื้ออาหาร หากตื่นมาแล้ว ยังไงก็ต้องทานอะไรสักนิดสักหน่อยเพื่อที่ท้องจะได้ไม่ว่างจนเกินไป แต่นี่กลับไม่แตะแม้แต่น้ำหากสาเหตุมาจากคนที่เก็บเสื้อผ้าออกไปจากบ้านอย่างที่เขาคิด อย่างนั้นชัชวินคงต้องคิดพิจารณาความรู้สึกตัวเองใหม่อย่างถี่ถ้วนนับตั้งแต่วันที่เขาเอาเงินจากอัยย์มาคืนให้ชัชวินตามที่อีกคนขอ นายของเขาก็นิ่งเงียบไป ไม่แม้แต่จะขยับปากเอื้อนเอ่ยหรือถามสิ่งใดออกมาจนถึงตอนนี้ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่ควรก้าวก่ายแต่ก็อด