ร่างบางในชุดสูทสีครีมเรียบสบายตา ภายในสวมเสื้อกั๊กสีเข้มกว่านิดหน่อยเพียงตัวเดียว เผยคอระหงขาวประดับด้วยสร้อยเพชรเม็ดเล็กกำลังดี เพิ่มเสน่ห์ให้กับคนใส่เป็นอย่างมาก ใบหน้าจิ้มลิ้มยกยิ้มบาง ๆ ให้คนที่เดินผ่านครั้นอีกฝ่ายยิ้มให้เสียงจอแจคละเคล้าไปกับเสียงเพลงฮิตติดชาร์ตที่เขาได้เคยได้ยินผ่าน ๆ มาบ้างตามสื่อโซเชียลต่าง ๆบรรยากาศภายในงานถูกจัดขึ้นบริเวณส่วนกลางที่บ้านเจ้าของงาน ยิ่งใหญ่สมกับฐานะ คนรู้จักมากมายที่ได้รับบัตรเชิญมาร่วมงานจับกลุ่มกันพูดคุยตามประสาคนรู้จัก ไม่เว้นแม้แต่คุณหญิงอรอนงที่ก้าวเข้ามาในงานก็ถูกแม่เจ้าของวันเกิดลากไปนั่งคุยกันที่โต๊ะใกล้เวทีการพบปะผู้คนจำนวนมากเป็นสิ่งที่อัยย์อยากหลีกเลี่ยงมากที่สุด แม้จะเคยทำงานตามผับตามบาร์ ทว่านั่นเป็นเพราะหน้าที่ที่เขาต้องทำ แม้ต้องฝืนตัวเองอยู่ไม่น้อยก็ตามเมื่อช่วงเช้าคุณหญิงอรอนงพาเขาไปทำผมที่ร้านประจำของเธอ ทั้งยังพาไปเดินเลือกซื้อเครื่องประดับราคาแพงที่เขาปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีกก็ยังถูกยัดเยียดซื้อมาจนได้เพิ่งเข้าใจก็ตอนที่ย่างเข้ามาในงานว่าทำไมถึงต้องตัดชุดใหม่เพราะแค่มางานวันเกิด ครั้นสายตามองไปรอบ ๆ ก็จะเห็นว่าทุกคนต่างแต่ง
คำอ้อนได้ผลจริง ๆ ชัชวินยอมปล่อยเขาลง ทว่าคงเข้าใจกันคนละอย่าง เพราะแทนที่จะปล่อยให้เขาลงเดิน กลับถูกปล่อยให้นอนลงบนเตียงกว้างแทนร่างหนาคร่อมตัวทาบทับอยู่เบื้องบน สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต้องจินตนาการก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร“ไหนเฮียบอกมีเรื่องจะคุย”“เอาไว้ก่อนก็ได้.. ยังมีเวลาอีกเยอะเลย”“…”สายตาหยาดเยิ้มทอดมองกันไม่ละสายตาทำให้ใบหน้าสวยร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แก้มนวลขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปถึงหู เสียงแค่นขำเบา ๆ ระคนความเอ็นดูยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นระส่ำแปลก.. ทั้งร่างกายและความรู้สึกของอัยย์มันสับสนจนแปลกไปหมด“ถ้าไม่อยากทำก็ผลักเฮียออกไป”“…”ทั้งที่คนบนร่างให้โอกาสแล้ว แต่เขากลับนอนนิ่งราวกับคนไม่มีแรง มือสองข้างขยำเสื้อชัชวินจนยับยู่ใบหน้าหล่อโน้มลงมอบจุมพิตลงบนหน้าผากหนึ่งครั้ง ผละไปหน้าออกมายิ้มให้กันเพียงเสี้ยววิ ก่อนจะป้อนจูบอ่อนโยนอย่างเนิบนาบ ลิ้นร้อนไล้ต้อนชิมความหวาน ปลายลิ้นเกี่ยวตวัดหยอกล้อ ทว่าเด็กน้อยในอ้อมกอดทำตามอย่างเงอะงะ แต่กลับปลุกเร้าอารมณ์ชัชวินได้เป็นอย่างดี“อื้อ..!”ครั้นจังหวะอ่อนละมุนเริ่มหนักหน่วงขึ้น ปากถูกดูดดึงจนบวมเจ่อ อัยย์รีบร้อ
หลายวันต่อมา“อัยย์ว่าใบนี้สวยหรือเปล่า”“สวยดีนะครับ น้ารินน่าจะชอบ”อัยย์ชูกระเป๋าถือแบรนด์ดังทรงสวยขึ้นดูรอบ ๆ คาดว่าคนรับอาจจะชอบ เขมทัศน์พยักหน้าเห็นด้วย ทว่าเก็บไว้เป็นตัวเลือกในใจ ก่อนจะเดินดูกระเป๋าใบอื่น ๆ ในร้านอัยย์ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้สักเท่าไร จะให้แนะนำก็เป็นเรื่องยาก หากให้บอกว่าสวยหรือไม่สวยก็คงจะพอบอกได้อยู่เกือบชั่วโมงหนึ่งได้แล้วตั้งแต่ออกมาเดินเลือกของขวัญวันเกิดให้น้ารินแม่ของเขมทัศน์ ที่จริงวันนี้เขาควรจะต้องอยู่ดูแลคุณหญิงอรอนงอย่างเช่นทุกวัน แต่คุณหญิงท่านบอกว่าเขาควรจะมีวันหยุดพักผ่อนบ้าง วันนี้ถึงได้ออกมาหาเขมทัศน์ได้อัยย์ตั้งใจจะซื้อของวันเกิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ฝากเขมทัศน์ไปให้น้ารินด้วยอีกคน ทว่าเดินเข้าออกมาหลายร้านก็ยังเลือกไม่ได้ว่าจะซื้ออะไร ห้างที่นี่มีแต่สินค้าราคาแพง เกินเอื้อมมากไปสำหรับเขาเสียด้วยซ้ำ แต่จะให้ซื้อของถูกเกินไปก็คงจะดูไม่ดีสักเท่าไร“ใบนี้เป็นไง ไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไป”“สวยเลยพี่เขม แบบนี้น่าจะเข้ากับทุกชุด ใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย”“งั้นเอาใบนี้เนอะ”“ครับ”เด็กหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเดินตามเขมทัศน์ไปจ่ายเงิน ราคากระเป
แฟ้มเอกสารถูกปิดลงด้วยแรงอารมณ์ ความหงุดหงิดขุ่นเคืองภายในใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามคิดถึงเรื่องที่ได้ฟังเมื่อสองวันก่อน นับตั้งแต่วันนั้นเขมทัศน์ก็ยังไม่เห็นเพื่อนโผล่หัวมาที่คลับเลยสักครั้งเสียงเหอะดังขึ้นในลำคอ ครั้นนึกไปถึงครั้งก่อนที่เขาเคยแซวชัชวินเรื่องที่อีกคนกลับบ้านบ่อย ๆ ทั้งที่ปกติไม่ค่อยจะกลับไป ที่แท้เหตุผลของการกลับไปก็คือคนใกล้ตัวของเขานี่เองน้ำมึนเมาสีอำพันในขวดกลมรินลงในใส่แก้วเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วเขาก็จำไม่ได้ คนคอแข็งเริ่มมีอาการหนักอึ้งขึ้นมาเพียงเล็กน้อยคำพูดของเด็กหนุ่มที่เขาเฝ้าถนอมยังดังก้องอยู่ในหู ‘พี่ชาย’ คำนี้ช่างบาดลึกลงกลางใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าแกร่ก!เสียงลูกบิดประตูดังขึ้นเรียกสายตาแข็งกร้าวให้หันไปมอง ร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่เขาต้องการเจอมากที่สุด ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาอยากคุยให้เข้าใจ ในที่สุดการรอคอยตลอดสองวันก็สิ้นสุดลงชัชวินเดินมานั่งลงที่โซฟามุมห้องริมกระจกที่ประจำของตน ทอดสายตามองบรรยากาศชั้นล่างของร้านสองวันที่ผ่านมาเขาอยู่ติดบ้านไม่ได้ออกไปไหน แม้แต่เอกสารที่ต้องเคลียร์ก็ให้ไทท์เอามาให้ที่บ้าน จะเรียกว่าคอยจับตามองอัย
สามวันที่แล้วหลังจากเขมทัศน์มาส่งถึงหน้าบ้านชัชวินอัยย์ก็บอกลาอีกคนเพียงเล็กน้อยก่อนจะกลับขึ้นมาที่ห้องนอน ไม่กี่นาทีต่อมาประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยลูกชายเจ้าของบ้านอย่างหน้าตาเฉย ไม่แม้แต่จะเคาะประตูหรือขออนุญาตกลิ่นบุหรี่ลอยตีเข้าจมูกทันทีที่ร่างสูงเข้ามาใกล้ ไม่รู้ว่าสูบไปมากเท่าไร กลิ่นถึงได้แรงขนาดนี้ ดวงตาใสช้อนขึ้นมองอีกฝ่าย ไม่ได้ถดกายหนี หรือรู้สึกเกรงกลัวต่อสายตาที่ถูกมองมา“อ๊ะ!!”ด้วยความตกใจที่จู่ ๆ ร่างทั้งร่างก็ลอยขึ้นจากแรงของอีกฝ่ายที่อุ้มเขาขึ้นมานั่งลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง“วันนี้ไปไหนกับเขมมาบ้าง” ไม่อ้อมค้อมไปมาเปิดประเด็นถามทันที“แค่ไปเดินห้างอย่างเดียว”“ไปทำอะไร”“ซื้อของวันเกิดให้แม่พี่เขม”“ทำไมถึงไม่เห็นบอกเฮียว่าจะออกไปหามัน”คนถูกถามลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายครั้นถูกซักไซ้ในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ปกติเวลาจะไปไหนมาไหนกับเขมทัศน์เขาไม่จำเป็นต้องร่ยงานใครสักหน่อย แม้แต่ครูชัยยังไม่ซอกแซกเรื่องพวกนี้กับเขาเลยสักนิด“ก็แค่เห็นว่ามันไม่สำคัญ”“รู้ได้ไงว่าไม่สำคัญ”“…”“เรื่องที่เกี่ยวกับเธอสำคัญสำหรับเฮียทั้งหมด”“…”“อย่างน้อยก็น่าจะบอกเฮียหน่อยเวลาจะไปไหนมาไหน”“ที
บรรยากาศในวัดตอนกลางคืนคงเป็นสถานที่ที่คนไม่ค่อยย่างเข้ามา ทว่ากลับมีเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มนั่งพิงอัฐิเจดีย์บัวใส่กระดูกกระดูกของพ่อตัวเองอยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางความมืด แสงสว่างอันน้อยนิดจากศาลาใกล้เมรุไม่ได้ทำให้ตรงที่เขาอยู่สว่างขึ้นแม้แต่น้อยดวงตาคลอหน่วยน้ำแฝงความหม่นหมอง หากใครเห็นเขาคงนึกสงสาร หากแต่อัยย์ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น เขาไม่อยากให้ใครมาสงสารชีวิตอาภัพน่าบัดซบของตัวเองเบื่อเหลือเกินที่มานั่งโศกเศร้าเงียบ ๆ อยู่ที่นี่ มองไปทางไหนก็ไม่เจอใครสักคน หากพ่อรับรู้ได้ท่านจะอยากกอดปลอบเขาหรือเปล่า“อัยย์คิดถึงพ่อ.. พ่อคิดถึงอัยย์ไหมจ๊ะ”ศีรษะทุยซบลงกับอัฐิเจดีย์ ฝ่ามือบางลูบรูปของผู้เป็นพ่อ พร่ำพูดสิ่งที่อยู่ในใจ หยาดน้ำตาไหลลงข้างแก้มหยดลงพื้นไม่รู้กี่หยดต่อกี่หยด ทว่าไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น หรืออาการสั่นไหว“อัยย์เหนื่อย… ทำไมเกิดเป็นอัยย์ถึงเหนื่อยขนาดนี้”สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบ จิ้งหรีดเรไรที่ร้องดังอยู่กลาย ๆ เป็นเพื่อนกัน พวกมันอาจจะนึกสงสารหรือไม่ก็เวทนาเขาอยู่ไม่น้อย“ถ้าพ่อยังอยู่ข้าง ๆ อัยย์ตอนนี้ก็คงจะดี”“…”“อัยย์ก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อยากใช้ชีวิตเหม
ริมฝีปากหนากดจูบไหล่มนผ่านเนื้อผ้า พลางเกลี่ยนิ้วลูบผิวกายแผ่วเบา ใบหน้าจิ้มลิ้มหันมาสบตากัน หลุบตาลงมองริมฝีปากช้ำที่ตัวเองตั้งใจต่อยไปเต็มแรง“ทำแผลหรือยังครับ”“ยังครับ”“…” พอหายโมโหแล้วก็แอบรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่ทำรุนแรงแบบนั้นไป “อัยย์ขอโทษที่ทำตัวก้าวร้าว แล้วก็ขอโทษที่ต่อยเฮีย”“ไม่เป็นไร จริง ๆ เฮียก็สมควรโดนแล้ว”“…”“เฮียไม่โกรธเธอหรอก”ชัชวินยกยิ้มบาง ๆ ให้กันเพื่อให้เด็กบนตักสบายใจว่าเขาไม่ได้คิดโกรธที่โดนต่อยจนปากแตกแบบนี้“กลับบ้านไหม.. อัยย์จะทำแผลให้”“ทำตอนนี้เลยสิ ในเมื่อยาดีก็อยู่ตรงหน้าเฮียแล้ว”อัยย์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ทว่าเพียงเสี้ยววิก็กระจ่าง เมื่อมือหนายกขึ้นลูบศีรษะตนเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนลงไปรั้งท้ายทอยเข้ามาป้อนจูบหวาน กลีบปากถูกดูดดึงสลับกันสองมือเล็กจับใบหน้าเจ้าของตัก ก่อนจะเป็นฝ่ายควบคุมเองด้วยท่าทางเงอะงะ แต่กลับทำให้อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจได้เรียวลิ้นเล็กไล่เลียกลีบปากชัชวินอย่างที่อีกคนเคยทำตอนเขาได้แผลมาจากการต่อยมวย ปลายลิ้นเลียแผลตรงมุมปากเบา ๆ ก่อนจะสอดแทรกเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นร้อนใบหน้าหวานผละออกมามองชัชวินเล็กน้อย ก่อนทิ้งศีรษ
การเดินตามใครสักคนช่างเป็นเรื่องน่าตลก ยิ่งเป็นการแอบตามมายิ่งทำให้ดูน่าสมเพชเข้าไปอีกบรรยายรอบตัววุ่นวายเสียงดัง แต่ภายในหูสองข้างกับอื้อเสียจนไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง หลายนาทีกับการเดินตามแม่อยู่ห่าง ๆ นั่งรถตามมาจนถึงห้างสรรพสินค้าเท้าเล็กยังคงก้าวเดินตามอีกฝ่าย เฝ้ามองในระยะที่สายตาพอจะมองเห็น ยิ่งมองเท่าไรความทรงจำในวัยเด็กก็ยิ่งแล่นผ่านย้อนเข้ามาตอกย้ำตัวเขาซ้ำแล้วซ้ำแล้วเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่เขาเคยนับเป็นความสุขของเขากับแม่ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมในตอนนี้ถึงแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดเสียได้หญิงวัยกลางคนย่อตัวลงนั่งเสมอกับเด็กน้อย ช่วยกันเลือกของเล่นด้วยท่าทางสนุกสนาน พลันมุมปากยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ ดวงตาเริ่มพร่ามัวเมื่อหยาดน้ำนัยน์ตาเริ่มเอ่อคลอสิ่งเหล่านั้นที่แม่กับเด็กคนนั้นทำ มันเคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน อยากรู้เหลือเกินว่ามีสักวินาทีหรือเปล่าที่แม่ฉุกใจคิดถึงเขาขึ้นมาบ้างในความทรงจำของแม่ตอนนี้ยังหลงเหลือเขาอยู่บ้างไหม…ไม่รู้ว่าเขาเฝ้ามองตามทั้งสองคนมานานเท่าไร รู้ตัวอีกทีก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาหา หากไม่เข้าใจผิดไปนี่คงเป็นฉากของครอบครัว…เป็นครอบครัวที่อบอุ
ตลอดสองเดือนชัชวินโทรหาคนรักกับลูกทุกเวลาที่ว่างอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เขาอยากจะบินไปภูเก็ตใจแทบขาด ทว่างานรัดตัวจนไปไม่ได้ อีกทั้งไทท์ยังเอาแต่ห้าม ไหนจะโรงแรมที่จีนที่เขาต้องจัดการบัญชีทุกเดือน ยังต้องบินไปดูงานด้วยตัวเอง มีคุยงานกับนักธุรกิจหลายท่านเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเริ่มลงทุนร่วมกันเร็ว ๆ นี้ เพราะแต่ละคนมีเวลาว่างต่างกัน ชัชวินจึงไม่สามารถไปไหนได้ ตารางงานแต่ละวันแน่นจนเขาอยากจะหนีไป แต่ก็ทำไม่ได้ทุกการเคลื่อนไหวของชัชวินไทท์ได้รายงานให้อัยย์ทราบทุกอย่าง เนื่องจากอีกฝ่ายขอร้องมา ไทท์เองก็ไม่อยากทำตัวเป็นนกสองหัว เพราะเหมือนกับกำลังทรยศเจ้านาย แต่ทว่าชัชวินไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรไม่ดี เขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไร หากบอกให้อัยย์ทราบ ดีเสียอีกที่อีกคนจะได้เห็นว่าเจ้านายของเขาปรับตัวเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อครอบครัวแล้วจริง ๆ ไม่ทำตัวเหลวไหล หรือมั่วผู้หญิงอย่างแต่ก่อนอัยย์จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ ทำเรื่องย้ายลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ โดยไม่บอกชัชวิน กะไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย โดยมีเขมทัศน์ช่วยเหลืออีกเช่นเคย“เราจะไปไหนกันเหรอม๊า” เด็กน้อยตาใสเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื
เวลาเกือบสองทุ่มครึ่งอัยย์ส่งลูกเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะลงมาหาคนที่ยังเอาแต่นั่งอ่านเอกสารหน้าเครียด ก่อนหน้านี้ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้วอัยย์ตั้งใจจะบอกให้ชัชวินกลับไป แต่พอเห็นว่าคนพี่กำลังตั้งใจทำงานก็ไม่อยากกวนคนตัวเล็กแอบทำอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในครัวประมาณยี่สิบนาที ออกมาพร้อมข้าวไข่เจียวร้อน ๆ คาดว่าชัชวินน่าจะหิว เพราะเมื่อตอนเย็นทานไปแค่นิดเดียวก็กลับมานั่งทำงานต่อ คงจะมีปัญหาตรงไหนสักอย่าง“ทานข้าวก่อนสิครับค่อยทำต่อ”ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองเด็กหนุ่ม จากที่ทำหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที ทว่าดวงตาคมดูล้ากว่าปกติ“ขอบคุณครับ แต่เฮียขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวค่อยกินครับ”“ไม่ได้ครับ” ตอบกลับเสียงแข็ง “กินก่อนเถอะครับ เมื่อตอนเย็นคุณกินไปแค่นิดเดียว กว่างานจะเสร็จหิวไส้กิ่วกันพอดี”“กินก็กินครับ ไม่เห็นต้องดุเลย”“ไม่ได้ดุสักหน่อย!”“นี่ไงหนูกำลังดุเฮียอยู่ชัด ๆ”อัยย์กรอกตามองบนพลางถอนหายใจ เบื่อจะเถียงกับคนแก่ ทว่าไม่ทันได้เดินออกไป อีกคนดันจับข้อมือรั้งเขาไว้เสียก่อน“มีอะไรครับ?”“มีเรื่องจะรบกวนครับ”“อะไรครับ?”“พอดีรู้สึกเหนื่อยมากเลยครับ อยากรบกวนขอกำลังใจเป็นกอด
เช้าวันนี้ดูเหมือนเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสามปีของชัชวิน เสียงนกร้องดังอยู่บริเวณบ้านปลุกคนนอนหลับฝันดีให้ตื่นขึ้นมา ร่างหนาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้าน กลิ่นของอาหารหอมโชยมาจากในครัวชัชวินเดินมาตามกลิ่น คนตัวเล็กกำลังง้วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเช้าสำหรับวันนี้ เด็กน้อยที่พึ่งตื่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมานั่งเล่นรอมารดาตัวเองที่โต๊ะทานข้าว“อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช”ศรัณย์เอ่ยพูดประโยคที่ชัชวินเคยสอนเมื่อครั้งก่อน เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ขึ้นใจ“อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์”ชัชวินยกยิ้มให้เด็กน้อย จากตอนแรกที่ได้เจอกันรู้สึกถูกชะตามากอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของตัวเองแท้ ๆ เขายิ่งหลงรักเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าศรัณย์รู้ว่าเขาเป็นพ่อจะดีใจบ้างหรือเปล่าเขาไม่รู้ว่าอัยย์จะบอกลูกตอนไหน แต่ความร้อนใจของเขาเขาอยากให้ลูกรู้เร็ว ๆ ว่าเขาเป็นพ่อ เขาอยากแสดงตัวว่าเป็นพ่อ อยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากชดเชยเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทดแทนได้หรือเปล่าเขาก็อยากทำมันให้เต็มที่ เพื่ออัยย์และลูก“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาครับจะได้กินข้าว”เรื่องที
ร่างสูงโปร่งลงจากรถแท็กซี่ ตั้งสติให้ตัวเองทรงตัวก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังหน้าบ้านของคนที่เขาคิดถึง สองมือเกาะรั้ว ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านเสียงดังลั่น"อัยย์! อัยย์ครับ ออกมาคุยกับเฮียหน่อย อัยย์!"เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรียกเจ้าของบ้าน เขมทัศน์ลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวมาเปิดประตู เห็นเพื่อนตัวเองยืนเกาะอยู่ที่รั้วไม้ จึงเดินเข้าไปหา“มึงมาที่นี่ได้ยังไง”อัยย์ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าชัชวินเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร กลัวว่าหากเขมทัศน์รู้เข้าจะมีปากเสียงกับชัชวินเพราะเขาอีก“อัยย์! มาคุยกับเฮียหน่อย”“ถ้าเมาก็กลับไปไอ้ชัช อย่ามาสร้างความเดือดร้อนที่นี่” เขมเอ่ยขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย“มึงไม่ต้องเสือก”น้อยครั้งที่ชัชวินจะพูดหยาบคายกับเขม ทว่าครั้งนี้เขามีเรื่องไม่พอใจที่อีกคนโกหกจึงไม่คิดที่จะยั้งปาก อีกทั้งยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลังจากลูกค้านัดไปคุยงานนั่งดื่มกัน ชัชวินก็ซัดเหล้าเข้าปากเพราะความเครียดที่ตัวเองพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ได้ อย่างน้อยถ้าเมาก็คงกล้าทำอะไรมากขึ้น ตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู
หลังจากโดนอัยย์จับได้ว่าแอบเดินตาม ชัชวินก็ใช้เวลาอยู่สามสี่วันกับการกลั่นกรองความคิดตัวเอง เมื่อตกผลึกแล้วสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่สุดคือความคิดถึง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคิดถึง ไม่ว่าจะกินจะนอนก็อยากเจอหน้าให้ได้ ถ้าเป็นคนงมงายสักนิดคงคิดว่าตัวเองโดนของแน่ ๆร่างหนาเดินเลือกซื้อขนมที่เด็ก ๆ ชอบ ซึ่งถามความคิดเห็นจากไทท์ เพราะเลขาของเขามีลูกชายอยู่หนึ่งคน คงจะพอรู้ว่าเด็กผู้ชายชอบกินอะไร รวมถึงพวกของเล่นต่าง ๆเดินเลือกไปเลือกมาสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือตุ๊กตากระต่ายหูยาวสีขาว เพียงแค่ได้สัมผัสความนุ่มชัชวินก็ถูกใจทันที คิดว่าศรัณย์อาจจะชอบ ไม่ว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ขายก็ชอบตุ๊กตาได้ทั้งนั้น ทว่าลึก ๆ แล้วเขาจะใช้มันเป็นตัวแทนของเขาเอง“จะซื้อจริง ๆ เหรอครับ” คนที่โดนหิ้วให้ติดตามขับรถให้อย่างไทท์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“อือ ผมว่าน้องรัณอาจจะชอบ” ว่าพลางยกยิ้มราวกับคนมีความสุขเต็มเปี่ยม หลายวันที่ไทท์เห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ขมวดคิ้วเหม่อคิดอะไรอยู่กับตัวเองคนเดียว ทว่าวันนี้ราวกับคนละคนจ่ายเงินเสร็จก็มุ่งตรงไปที่บ้านของอัยย์ทันที ไทท์ลอบมองชัชวินผ่านกระจกหลังเป็นระยะ ดูท่าแล้วจะมีความสุขมากจริง ๆ ถ
แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างพาดผ่านผิวกาย กระทบใบหน้าหล่อเหลา เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นหรี่ตาปรับแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเขยื้อนร่างกาย รู้สึกปวดเมื่อยจากการนอนขดตัวอยู่นโซฟาหลายชั่วโมงดวงตาคมหลุบลงมองผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างของเขาอยู่ จำได้ว่าเมื่อคืนอัยย์ไม่ได้เอามาให้ งั้นคงเอามาห่มให้เขาตอนเขาหลับไปแล้วแน่ ๆ พลันความคิดเข้าข้างตัวเองเกิดขึ้นในหัวมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเผลอไผลทว่าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อหันห้ามาเจอเด็กน้อยหน้าตาสดใสกำลังจ้องมองเขาไม่ละสายตา ชัชวินส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์""อรุณสวัสดิ์คืออะไร" เด็กน้อยทำหน้าตาสงสัยในคำที่ตัวเองไม่เข้าใจ"อรุณสวัสดิ์ก็คือสวัสดีตอนเช้า""อืม รัณเข้าใจแล้ว อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช"ความสดใสจากเด็กคนนี้ทำให้เขาอดนึกถึงภาพของอัยย์ตอนยิ้มร่ามีความสุขไม่ได้ แม่กับลูกเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน"ทำไมรัณตื่นเช้าจังครับ" จริง ๆ ก็ไม่ได้เช้าอะไรมากมาย ตอนนี้ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว"มะม๊าบอกว่าถ้าตื่นสายจะติดเป็นนิสัย ทำให้เป็นเด็กขี้เกียจ รัณไม่อยากเป็นเด็กขี้เกียจ" เด็กช่างพูดจำที่มารดาบอกได้ขึ้นใจ"แล้
เสียงผู้คนจอแจเดินผ่านไปผ่านมา นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่ชัชวินนั่งครุ่นคินอะไรบางอย่างอยู่ที่เดิม เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าสามปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง เด็กที่เขานั่งคุยด้วยเมื่อไม่นานมานี้เป็นลูกของอัยย์กับเขมทัศน์จริง ๆ หรือเปล่า หากให้เดาเด็กคนนั้นคงอายุประมาณ 3-4 ขวบ คาดว่าเท่ากับระยะเวลาที่อัยย์ออกจากบ้านเขามา เรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่ คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก“ยังอยู่อีกเหรอวะ คิดว่ามึงกลับไปแล้วซะอีก”ชัชวินเงยหน้ามองต้นเสียง เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ พลันสายตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นว่ามีใครอีกคนที่อยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้“ไม่ต้องหาหรอก กูพาอัยย์ไปส่งที่อื่นแล้ว” เขมทัศน์ไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหน เพราะคิดว่าไม่ได้มีจำเป็นใด ๆ ต้องบอกให้ชัชวินรู้“มึงมีอะไร” การที่เขมทัศน์มายืนอยู่ตรงนี้ทั้งคงไม่ใช่เพราะแค่เดินกลับมาเพื่อผ่านไปเฉย ๆ แน่นอน ดูเหมือนตั้งใจมาหาเขาเสียด้วยซ้ำ“ไปคุยกันหน่อย”หลังจากไปส่งอัยย์ที่ร้านขนมใกล้ ๆ ห้าง เขมทัศน์จึงวนรถกลับมาที่นี่อีกครั้ง เดาเอาไว้แล้วว่าชัชวินอาจจะยังอยู่และก็เป็นไปตามที่คิดไว้จริง ๆตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ภูเก็ตเขมทัศน์ก็แทบไม่ได้กลับไปกรุงเทพ
“มึงจะลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนที่นี่จริง ๆ เหรอวะ”ใบหน้าเคร่งเครียดเอ่ยถามเพื่อนสนิท ที่แวะเข้ามาหาเขาถึงเพนท์เฮาท์เพื่อขอถอนตัวจากการเป็นหุ้นส่วนคลับก่อนหน้านี้ที่มีเรื่องผิดใจกันเราทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันนอกจากเรื่องงาน ชัชวินคิดแค่ว่ารอเวลาให้ใจเย็นแล้วค่อยคุยกันอีกที จนเวลาล่วงเลยไป กลายมาเป็นแบบนี้“อือ กูกับแม่จะกลับไปอยู่ภูเก็ต ถ้าจะให้เทียวไปเทียวมาคงไม่สะดวก”“แล้วมึงจะไปทำงานอะไร”“รับช่วงต่อร้านอาหารของตา”ฐานะที่บ้านของเขมทัศน์ไม่ใช่จะน้อยหน้าชัชวิน ทางคุณตาของเขามีร้านอาหารภัตตาคารใหญ่โต ทั้งยังอยู่ในเมือง การเข้าออกของลูกค้าแต่ละวันสร้างรายได้ให้ไม่น้อยได้รับข่าวมาว่าคุณตาเริ่มจะป่วยบ่อยขึ้น พี่ชายของแม่ที่เคยอยู่ดูแลก็ต้องการจะทำงานอย่างอื่นมากกว่ารับช่วงต่อดูแลร้านอาหาร สุดท้ายสมบัติชิ้นนี้ที่คุณตาสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงก็ตกเป็นของแม่เขา ทว่าขวัญรินก็อายุมากขึ้นทุกวัน เธออยากอยู่บ้านอย่างสบายมากกว่าจึงมอบมันให้ลูกชายดูแลต่อ“ที่ย้ายไปคงไม่ใช่เพราะ..” ชัชวินนิ่งชะงักกับสิ่งที่ตนกำลังจะพูด“มึงให้คนตามสืบจนรู้แล้วเหรอว่าอัยย์อยู่ที่ไหน ถึงกูจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเพราะอัยย์
“มื้อเช้าพร้อมแล้วนะครับคุณชัช”เลขาคนสนิทขึ้นมาเคาะห้องเรียกผู้เป็นนายหลังจากจัดเตรียมมื้อเช้าไว้ให้เสร็จสรรพอย่างเช่นที่ทำเป็นประจำหลายวันมานี้ชัชวินพูดน้อยลงยิ่งกว่าเดิม จากปกติที่เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว บางครั้งก็นั่งเหม่อลอยคล้ายกำลังขบคิดอะไรบางอย่างคนเจ้าเสน่ห์อย่างชัชวินดูหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ไทท์ที่อยู่ใกล้ชิดทุกวันยังสังเกตเห็นได้ง่ายเจ้าของร่างสูงเดินลงมานั่งประจำที่ที่โต๊ะทานข้าว จ้องมองอาหารสองสามอย่างบนโต๊ะอย่างเบื่อหน่าย“ผมยังไม่หิว ขอไปทำงานก่อนแล้วกัน”ไทท์มองตามผู้เป็นนายเดินลุกออกจากโต๊ะขึ้นไปที่ห้องทำงาน ผิดปกติจริง ๆ ชัชวินไม่ใช่คนที่จะละเลยมื้ออาหาร หากตื่นมาแล้ว ยังไงก็ต้องทานอะไรสักนิดสักหน่อยเพื่อที่ท้องจะได้ไม่ว่างจนเกินไป แต่นี่กลับไม่แตะแม้แต่น้ำหากสาเหตุมาจากคนที่เก็บเสื้อผ้าออกไปจากบ้านอย่างที่เขาคิด อย่างนั้นชัชวินคงต้องคิดพิจารณาความรู้สึกตัวเองใหม่อย่างถี่ถ้วนนับตั้งแต่วันที่เขาเอาเงินจากอัยย์มาคืนให้ชัชวินตามที่อีกคนขอ นายของเขาก็นิ่งเงียบไป ไม่แม้แต่จะขยับปากเอื้อนเอ่ยหรือถามสิ่งใดออกมาจนถึงตอนนี้ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่ควรก้าวก่ายแต่ก็อด