บรรยากาศในวัดตอนกลางคืนคงเป็นสถานที่ที่คนไม่ค่อยย่างเข้ามา ทว่ากลับมีเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มนั่งพิงอัฐิเจดีย์บัวใส่กระดูกกระดูกของพ่อตัวเองอยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางความมืด แสงสว่างอันน้อยนิดจากศาลาใกล้เมรุไม่ได้ทำให้ตรงที่เขาอยู่สว่างขึ้นแม้แต่น้อยดวงตาคลอหน่วยน้ำแฝงความหม่นหมอง หากใครเห็นเขาคงนึกสงสาร หากแต่อัยย์ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น เขาไม่อยากให้ใครมาสงสารชีวิตอาภัพน่าบัดซบของตัวเองเบื่อเหลือเกินที่มานั่งโศกเศร้าเงียบ ๆ อยู่ที่นี่ มองไปทางไหนก็ไม่เจอใครสักคน หากพ่อรับรู้ได้ท่านจะอยากกอดปลอบเขาหรือเปล่า“อัยย์คิดถึงพ่อ.. พ่อคิดถึงอัยย์ไหมจ๊ะ”ศีรษะทุยซบลงกับอัฐิเจดีย์ ฝ่ามือบางลูบรูปของผู้เป็นพ่อ พร่ำพูดสิ่งที่อยู่ในใจ หยาดน้ำตาไหลลงข้างแก้มหยดลงพื้นไม่รู้กี่หยดต่อกี่หยด ทว่าไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น หรืออาการสั่นไหว“อัยย์เหนื่อย… ทำไมเกิดเป็นอัยย์ถึงเหนื่อยขนาดนี้”สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบ จิ้งหรีดเรไรที่ร้องดังอยู่กลาย ๆ เป็นเพื่อนกัน พวกมันอาจจะนึกสงสารหรือไม่ก็เวทนาเขาอยู่ไม่น้อย“ถ้าพ่อยังอยู่ข้าง ๆ อัยย์ตอนนี้ก็คงจะดี”“…”“อัยย์ก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อยากใช้ชีวิตเหม
ริมฝีปากหนากดจูบไหล่มนผ่านเนื้อผ้า พลางเกลี่ยนิ้วลูบผิวกายแผ่วเบา ใบหน้าจิ้มลิ้มหันมาสบตากัน หลุบตาลงมองริมฝีปากช้ำที่ตัวเองตั้งใจต่อยไปเต็มแรง“ทำแผลหรือยังครับ”“ยังครับ”“…” พอหายโมโหแล้วก็แอบรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่ทำรุนแรงแบบนั้นไป “อัยย์ขอโทษที่ทำตัวก้าวร้าว แล้วก็ขอโทษที่ต่อยเฮีย”“ไม่เป็นไร จริง ๆ เฮียก็สมควรโดนแล้ว”“…”“เฮียไม่โกรธเธอหรอก”ชัชวินยกยิ้มบาง ๆ ให้กันเพื่อให้เด็กบนตักสบายใจว่าเขาไม่ได้คิดโกรธที่โดนต่อยจนปากแตกแบบนี้“กลับบ้านไหม.. อัยย์จะทำแผลให้”“ทำตอนนี้เลยสิ ในเมื่อยาดีก็อยู่ตรงหน้าเฮียแล้ว”อัยย์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ทว่าเพียงเสี้ยววิก็กระจ่าง เมื่อมือหนายกขึ้นลูบศีรษะตนเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนลงไปรั้งท้ายทอยเข้ามาป้อนจูบหวาน กลีบปากถูกดูดดึงสลับกันสองมือเล็กจับใบหน้าเจ้าของตัก ก่อนจะเป็นฝ่ายควบคุมเองด้วยท่าทางเงอะงะ แต่กลับทำให้อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจได้เรียวลิ้นเล็กไล่เลียกลีบปากชัชวินอย่างที่อีกคนเคยทำตอนเขาได้แผลมาจากการต่อยมวย ปลายลิ้นเลียแผลตรงมุมปากเบา ๆ ก่อนจะสอดแทรกเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นร้อนใบหน้าหวานผละออกมามองชัชวินเล็กน้อย ก่อนทิ้งศีรษ
การเดินตามใครสักคนช่างเป็นเรื่องน่าตลก ยิ่งเป็นการแอบตามมายิ่งทำให้ดูน่าสมเพชเข้าไปอีกบรรยายรอบตัววุ่นวายเสียงดัง แต่ภายในหูสองข้างกับอื้อเสียจนไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง หลายนาทีกับการเดินตามแม่อยู่ห่าง ๆ นั่งรถตามมาจนถึงห้างสรรพสินค้าเท้าเล็กยังคงก้าวเดินตามอีกฝ่าย เฝ้ามองในระยะที่สายตาพอจะมองเห็น ยิ่งมองเท่าไรความทรงจำในวัยเด็กก็ยิ่งแล่นผ่านย้อนเข้ามาตอกย้ำตัวเขาซ้ำแล้วซ้ำแล้วเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่เขาเคยนับเป็นความสุขของเขากับแม่ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมในตอนนี้ถึงแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดเสียได้หญิงวัยกลางคนย่อตัวลงนั่งเสมอกับเด็กน้อย ช่วยกันเลือกของเล่นด้วยท่าทางสนุกสนาน พลันมุมปากยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ ดวงตาเริ่มพร่ามัวเมื่อหยาดน้ำนัยน์ตาเริ่มเอ่อคลอสิ่งเหล่านั้นที่แม่กับเด็กคนนั้นทำ มันเคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน อยากรู้เหลือเกินว่ามีสักวินาทีหรือเปล่าที่แม่ฉุกใจคิดถึงเขาขึ้นมาบ้างในความทรงจำของแม่ตอนนี้ยังหลงเหลือเขาอยู่บ้างไหม…ไม่รู้ว่าเขาเฝ้ามองตามทั้งสองคนมานานเท่าไร รู้ตัวอีกทีก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาหา หากไม่เข้าใจผิดไปนี่คงเป็นฉากของครอบครัว…เป็นครอบครัวที่อบอุ
รถยนต์ขับเคลื่อนไปตามเส้นทางที่ตนหามา และเป็นที่ที่เคยไปจึงไม่ต้องกังวลว่าจะหลงตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว ท้องฟ้ามืดครึ้มตั้งเค้าไปทั่วทั้งฟ้า แสงไฟจากสองข้างทางถนนสว่างขึ้น เสียงฟ้าร้องดังติดกันหลายครั้ง ก่อนที่เม็ดฝนจะค่อย ๆ โปรยปรายลงมาดวงตาคมสีรัตติกาลพยายามมองหาเด็กหนุ่ม นึกแปลกใจว่าอัยย์มาทางนี้ได้ยังไง สวนสาธารณะเก่า เรียกได้ว่าร้างไปแล้วด้วยซ้ำ เส้นทางนี้คนละทางกับบ้านคุณแม่ รวมถึงเพนท์เฮาส์ของเขาด้วยวนรถหาอยู่รอบหนึ่งถึงจะเห็นเงาดำข้างต้นไม้ สายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาทำให้ทัศนวิสัยพร่ามัว แต่สีผมน้ำตาลธรรมของอัยย์สามารถยืนยันได้ว่านั่นคือคนที่เขาตามหาชัชวินเทียบรถจอดข้าง ๆ ก่อนจะหยิบร่มที่พกติดรถเอาไว้ลงมากาง กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาคนตัวเล็ก เสียงสะอึกสะอื้นดังอยู่เบา ๆ เพราะเสียงฝนได้กลบไปหมดแล้วร่างสูงย่อตัวลงนั่งยอง ยื่นร่มไปกางให้เด็กหนุ่ม โดยที่ไม่สนใจว่าตัวเองจะเปียกหรือเปล่า“รอนานหรือเปล่า เฮียมาแล้ว”ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก ความน่าสงสารตรงหน้ากัดกินหัวใจชัชวินอย่างบอกไม่ถูก มือหนายกขึ้นทาบแก้มนวล ใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ยังคงหลั่งไหลไม่ขาดสายแม้ไ
สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ตั้งแต่เมื่อคืนอัยย์เอาแต่นอนละเมอเพ้อพูดพึมพำอยู่เบา ๆ เขาไม่สามารถจับใจความได้ ครั้นเอามือไปแตะตามตัวอุณหภูมิความร้อนในร่างกายสูงจนตัวร้อนจี๋แม้จะให้ทานข้าวทานยาก่อนนอนไปแล้ว แต่ก็เอาไม่อยู่ เด็กที่ดูเหมือนจะแข็งแรงแต่กลับไข้ง่ายเสียจริง เหมือนตอนนั้นที่เจอกันหน้าคลับ เป็นลมไปต่อหน้าต่อตาจนต้องพาไปโรงพยาบาลทว่าครั้งกลับนอนป่วยอยู่ข้าง ๆ เขาเสียอย่างนั้น ชัชวินเอาน้ำใส่กะละมังพร้อมผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก นำมาเช็ดตัวให้คนน้องเพื่อให้ไข้ลดลงเมื่อคืนทั้งคืนเขาเอาแต่นั่งเฝ้า คอยกอดปลอบเด็กขวัญเสียที่สะดุ้งร้องไห้ตลอดทั้งคืน จนตอนนี้พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าเริ่มทอแสงสีทองแล้วคนในอ้อมกอดยังคงนอนหลับพริ้มเพราะพิษไข้ แม้ไข้จะลดลงบ้างแล้ว แต่ตัวยังรุม ๆ อยู่ ไม่แน่ไข้อาจจะกลับมาได้ ชัชวินจับร่างเล็กให้ผละตัวออกนอนหงาย ดึงผ้าห่มลงมาถึงอก พลางโน้มหน้ากดจูบหน้าผากมนแผ่วเบา ก่อนจะลุกออกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาไทท์เข้ามาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เสร็จสรรพตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น สมกับที่เป็นเลขาคนสนิทที่ได้รับการไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุดถึงได้ให้คีย์การ์ดสำรองใบหนึ่งกับไทท์ เพ
ร่างบางทอดน่องเดินมาที่สวนดอกไม้ของคุณหญิงอรอนง ซึ่งไม่ว่าลงมาเมื่อใดท่านมักจะนั่งเชยชมดอกไม้นานาพันธุ์ที่ตั้งใจปลูกและเอาใจใส่ดูแลมาอย่างดี ถึงได้ออกดอกงดงาม ส่งกลิ่นหอมน่าหลงใหล“คุณแม่ครับ” เอ่ยเรียกพลางนั่งลงข้าง ๆ หญิงวัยกลางคนหันมาส่งยิ้มให้“เป็นไข้หายดีแล้วเหรอหนูอัยย์ ออกมาตากแดดตากลมตาชัชรู้เขาเดี๋ยวก็มาบ่นแม่ว่าดูแลหนูไม่ดีอีก”พูดไปขำไปไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะลูกชายตัวดีโทรมาสั่งเอาไว้ว่าให้ดูแลน้องอย่างนั้นอย่างนี้ คงลืมไปแล้วว่าเธอเป็นแม่ ถึงไม่บอกเธอก็ดูแลหนูอัยย์ของเธอดีอยู่แล้ว“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะครับ คุณแม่ดูแลอัยย์ดีมากเกินไปด้วยซ้ำ อีกอย่างหน้าที่ที่ต้องดูแลเป็นของอัยย์ที่ต้องดูแลคุณแม่ต่างหาก”เด็กหนุ่มตอบกลับเสียงอ่อย คุณหญิงท่านไม่ควรที่จะต้องดูแลเขาด้วยซ้ำ มันไม่ใช่หน้าที่ของท่านสักนิด“ไม่มีอะไรเกินไปหรอกจ้ะ”“…”“หนูอัยย์ก็เหมือนลูกของแม่อีกคน ทุกอย่างที่แม่ทำแม่เต็มใจ”“…”“แม่อยากให้หนูอัยย์มองแม่เหมือนแม่ของหนูอีกสักคน ให้แม่ได้เป็นที่พึ่งของหนูได้หรือเปล่า”สายตาอ่อนโยนที่ส่งมาทำให้เขาอยากร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด หากคนตรงหน้าเขาเป็นแม่แท้ ๆ ม
[เฮียน่าจะกลับไปถึงที่ไทยประมาณหกโมงเย็น]“อยากทานอะไรไหม อัยย์จะทำไว้รอ”[เธอหิวก็ทานก่อนได้เลย เดี๋ยวเฮียแวะทานก่อนเข้าไปที่บ้านก็ได้]“แต่อัยย์อยากทานข้าวพร้อมเฮีย..”[อืม.. งั้นทำอะไรก็ได้ครับ ฝีมือเธอเฮียทานได้หมด เฮียถึงไทยแล้วจะรีบกลับไปทานข้าวด้วย โอเคไหม]“โอเคครับ!”รีบตอบตกลงทันทีราวกับกลัวว่าอีกคนจะเปลี่ยนใจ หลังจากที่ชัชวินไปทำงานที่จีนเกือบหนึ่งอาทิตย์วันนี้เจ้าตัวโทรมาบอกว่ากำลังเก็บของเดินทางกลับได้ยินเพียงเท่านั้นหัวใจห่อเหี่ยวก็พองโตขึ้นอย่างน่าประหลาด ตั้งแต่ยอมรับความรู้สึกตัวเองเขาก็กลายเป็นเด็กน้อยวัยใสกำลังหัดรักอย่างไรอย่างนั้น เอาแต่เฝ้ารอวันที่ชัชวินจะกลับมา ในหนึ่งวันเผลอมองโทรศัพท์ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งรอสายจากคนที่เอาแต่กวนใจเขาทั้งวี่ทั้งวันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ กับความแปลกใหม่ที่ดูไม่เป็นตัวเองแบบนี้ พอถึงตอนนี้เขาเข้าใจใบพลูแล้วละว่าอาการว้าวุ่นเพราะชอบใครสักคนมันเป็นยังไงร่างบางเดินลงมาจากห้องนอนตรงไปยังห้องครัว เห็นนมเจียนและสาวใช้คนอื่น ๆ กำลังช่วยกันเตรียมของทำอาหารมื้อเย็น“ผมช่วยครับนมเจียน” อัยย์อาสาช่วยหญิ
อัยย์นำกับข้าวที่ตักแบ่งเอาไว้มาอุ่นให้ร้อนก่อนจะยกไปวางที่โต๊ะที่ชัชวินนั่งรออยู่ พร้อมตักข้าว เทน้ำให้เสร็จสรรพ สมกับที่เคยทำงานบริการมาก่อนหลังจากนั่งมองอีกคนตักข้าวทานอยู่สักพัก ก็พูดขึ้นเสียงอ้อมแอ้ม เมื่อเห็นชัชวินไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าไข่ตุ๋นที่ตัวเองทำรสชาติเป็นยังไงบ้างสำหรับชัชวิน แม้คุณหญิงอรอนงจะบอกว่าอร่อย แต่เขาก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่าชัชวินทานแล้วจะพูดแบบเดียวกัน“ไม่รู้ว่ารสชาติจะถูกปากหรือเปล่า…”“อร่อย.. เหมือนที่คุณแม่เคยทำให้เฮียทานตอนเด็ก ๆ”“ไม่ต้องรักษาน้ำใจกันก็ได้ครับ”“อร่อยจริง ๆ เฮียจะโกหกเธอทำไม”พูดย้ำให้เด็กตรงหน้ามั่นใจอีกครั้ง สิ่งที่บอกไปไม่มีคำไหนโป้ปดมดเท็จเลยสักนิดคุณหญิงอรอนงเดินมาจากห้องนั่งเล่นหลังดูละครจบ เหลือบตามองลูกชายที่กำลังตักอาหารใส่จานให้กับเด็กไร้เดียงสา พลันยกยิ้มขึ้นราวกับมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว ก่อนจะละความสนใจกลับขึ้นห้องไปพักผ่อนทานข้าวเสร็จอัยย์ก็ล้างถ้วยล้างจาน ส่วนชัชวินขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า“เดี๋ยวปูทำเองก็ได้ค่ะคุณอัยย์”“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมทำเอง”“แต่..”“แล้วก็หยุดเรียกผมว่าคุณได้แล้วครับ ผมบอกไปหลายครั้งแล้ว
ตลอดสองเดือนชัชวินโทรหาคนรักกับลูกทุกเวลาที่ว่างอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เขาอยากจะบินไปภูเก็ตใจแทบขาด ทว่างานรัดตัวจนไปไม่ได้ อีกทั้งไทท์ยังเอาแต่ห้าม ไหนจะโรงแรมที่จีนที่เขาต้องจัดการบัญชีทุกเดือน ยังต้องบินไปดูงานด้วยตัวเอง มีคุยงานกับนักธุรกิจหลายท่านเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเริ่มลงทุนร่วมกันเร็ว ๆ นี้ เพราะแต่ละคนมีเวลาว่างต่างกัน ชัชวินจึงไม่สามารถไปไหนได้ ตารางงานแต่ละวันแน่นจนเขาอยากจะหนีไป แต่ก็ทำไม่ได้ทุกการเคลื่อนไหวของชัชวินไทท์ได้รายงานให้อัยย์ทราบทุกอย่าง เนื่องจากอีกฝ่ายขอร้องมา ไทท์เองก็ไม่อยากทำตัวเป็นนกสองหัว เพราะเหมือนกับกำลังทรยศเจ้านาย แต่ทว่าชัชวินไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรไม่ดี เขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไร หากบอกให้อัยย์ทราบ ดีเสียอีกที่อีกคนจะได้เห็นว่าเจ้านายของเขาปรับตัวเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อครอบครัวแล้วจริง ๆ ไม่ทำตัวเหลวไหล หรือมั่วผู้หญิงอย่างแต่ก่อนอัยย์จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ ทำเรื่องย้ายลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ โดยไม่บอกชัชวิน กะไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย โดยมีเขมทัศน์ช่วยเหลืออีกเช่นเคย“เราจะไปไหนกันเหรอม๊า” เด็กน้อยตาใสเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื
เวลาเกือบสองทุ่มครึ่งอัยย์ส่งลูกเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะลงมาหาคนที่ยังเอาแต่นั่งอ่านเอกสารหน้าเครียด ก่อนหน้านี้ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้วอัยย์ตั้งใจจะบอกให้ชัชวินกลับไป แต่พอเห็นว่าคนพี่กำลังตั้งใจทำงานก็ไม่อยากกวนคนตัวเล็กแอบทำอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในครัวประมาณยี่สิบนาที ออกมาพร้อมข้าวไข่เจียวร้อน ๆ คาดว่าชัชวินน่าจะหิว เพราะเมื่อตอนเย็นทานไปแค่นิดเดียวก็กลับมานั่งทำงานต่อ คงจะมีปัญหาตรงไหนสักอย่าง“ทานข้าวก่อนสิครับค่อยทำต่อ”ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองเด็กหนุ่ม จากที่ทำหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที ทว่าดวงตาคมดูล้ากว่าปกติ“ขอบคุณครับ แต่เฮียขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวค่อยกินครับ”“ไม่ได้ครับ” ตอบกลับเสียงแข็ง “กินก่อนเถอะครับ เมื่อตอนเย็นคุณกินไปแค่นิดเดียว กว่างานจะเสร็จหิวไส้กิ่วกันพอดี”“กินก็กินครับ ไม่เห็นต้องดุเลย”“ไม่ได้ดุสักหน่อย!”“นี่ไงหนูกำลังดุเฮียอยู่ชัด ๆ”อัยย์กรอกตามองบนพลางถอนหายใจ เบื่อจะเถียงกับคนแก่ ทว่าไม่ทันได้เดินออกไป อีกคนดันจับข้อมือรั้งเขาไว้เสียก่อน“มีอะไรครับ?”“มีเรื่องจะรบกวนครับ”“อะไรครับ?”“พอดีรู้สึกเหนื่อยมากเลยครับ อยากรบกวนขอกำลังใจเป็นกอด
เช้าวันนี้ดูเหมือนเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสามปีของชัชวิน เสียงนกร้องดังอยู่บริเวณบ้านปลุกคนนอนหลับฝันดีให้ตื่นขึ้นมา ร่างหนาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้าน กลิ่นของอาหารหอมโชยมาจากในครัวชัชวินเดินมาตามกลิ่น คนตัวเล็กกำลังง้วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเช้าสำหรับวันนี้ เด็กน้อยที่พึ่งตื่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมานั่งเล่นรอมารดาตัวเองที่โต๊ะทานข้าว“อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช”ศรัณย์เอ่ยพูดประโยคที่ชัชวินเคยสอนเมื่อครั้งก่อน เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ขึ้นใจ“อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์”ชัชวินยกยิ้มให้เด็กน้อย จากตอนแรกที่ได้เจอกันรู้สึกถูกชะตามากอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของตัวเองแท้ ๆ เขายิ่งหลงรักเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าศรัณย์รู้ว่าเขาเป็นพ่อจะดีใจบ้างหรือเปล่าเขาไม่รู้ว่าอัยย์จะบอกลูกตอนไหน แต่ความร้อนใจของเขาเขาอยากให้ลูกรู้เร็ว ๆ ว่าเขาเป็นพ่อ เขาอยากแสดงตัวว่าเป็นพ่อ อยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากชดเชยเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทดแทนได้หรือเปล่าเขาก็อยากทำมันให้เต็มที่ เพื่ออัยย์และลูก“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาครับจะได้กินข้าว”เรื่องที
ร่างสูงโปร่งลงจากรถแท็กซี่ ตั้งสติให้ตัวเองทรงตัวก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังหน้าบ้านของคนที่เขาคิดถึง สองมือเกาะรั้ว ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านเสียงดังลั่น"อัยย์! อัยย์ครับ ออกมาคุยกับเฮียหน่อย อัยย์!"เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรียกเจ้าของบ้าน เขมทัศน์ลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวมาเปิดประตู เห็นเพื่อนตัวเองยืนเกาะอยู่ที่รั้วไม้ จึงเดินเข้าไปหา“มึงมาที่นี่ได้ยังไง”อัยย์ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าชัชวินเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร กลัวว่าหากเขมทัศน์รู้เข้าจะมีปากเสียงกับชัชวินเพราะเขาอีก“อัยย์! มาคุยกับเฮียหน่อย”“ถ้าเมาก็กลับไปไอ้ชัช อย่ามาสร้างความเดือดร้อนที่นี่” เขมเอ่ยขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย“มึงไม่ต้องเสือก”น้อยครั้งที่ชัชวินจะพูดหยาบคายกับเขม ทว่าครั้งนี้เขามีเรื่องไม่พอใจที่อีกคนโกหกจึงไม่คิดที่จะยั้งปาก อีกทั้งยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลังจากลูกค้านัดไปคุยงานนั่งดื่มกัน ชัชวินก็ซัดเหล้าเข้าปากเพราะความเครียดที่ตัวเองพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ได้ อย่างน้อยถ้าเมาก็คงกล้าทำอะไรมากขึ้น ตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู
หลังจากโดนอัยย์จับได้ว่าแอบเดินตาม ชัชวินก็ใช้เวลาอยู่สามสี่วันกับการกลั่นกรองความคิดตัวเอง เมื่อตกผลึกแล้วสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่สุดคือความคิดถึง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคิดถึง ไม่ว่าจะกินจะนอนก็อยากเจอหน้าให้ได้ ถ้าเป็นคนงมงายสักนิดคงคิดว่าตัวเองโดนของแน่ ๆร่างหนาเดินเลือกซื้อขนมที่เด็ก ๆ ชอบ ซึ่งถามความคิดเห็นจากไทท์ เพราะเลขาของเขามีลูกชายอยู่หนึ่งคน คงจะพอรู้ว่าเด็กผู้ชายชอบกินอะไร รวมถึงพวกของเล่นต่าง ๆเดินเลือกไปเลือกมาสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือตุ๊กตากระต่ายหูยาวสีขาว เพียงแค่ได้สัมผัสความนุ่มชัชวินก็ถูกใจทันที คิดว่าศรัณย์อาจจะชอบ ไม่ว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ขายก็ชอบตุ๊กตาได้ทั้งนั้น ทว่าลึก ๆ แล้วเขาจะใช้มันเป็นตัวแทนของเขาเอง“จะซื้อจริง ๆ เหรอครับ” คนที่โดนหิ้วให้ติดตามขับรถให้อย่างไทท์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“อือ ผมว่าน้องรัณอาจจะชอบ” ว่าพลางยกยิ้มราวกับคนมีความสุขเต็มเปี่ยม หลายวันที่ไทท์เห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ขมวดคิ้วเหม่อคิดอะไรอยู่กับตัวเองคนเดียว ทว่าวันนี้ราวกับคนละคนจ่ายเงินเสร็จก็มุ่งตรงไปที่บ้านของอัยย์ทันที ไทท์ลอบมองชัชวินผ่านกระจกหลังเป็นระยะ ดูท่าแล้วจะมีความสุขมากจริง ๆ ถ
แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างพาดผ่านผิวกาย กระทบใบหน้าหล่อเหลา เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นหรี่ตาปรับแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเขยื้อนร่างกาย รู้สึกปวดเมื่อยจากการนอนขดตัวอยู่นโซฟาหลายชั่วโมงดวงตาคมหลุบลงมองผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างของเขาอยู่ จำได้ว่าเมื่อคืนอัยย์ไม่ได้เอามาให้ งั้นคงเอามาห่มให้เขาตอนเขาหลับไปแล้วแน่ ๆ พลันความคิดเข้าข้างตัวเองเกิดขึ้นในหัวมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเผลอไผลทว่าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อหันห้ามาเจอเด็กน้อยหน้าตาสดใสกำลังจ้องมองเขาไม่ละสายตา ชัชวินส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์""อรุณสวัสดิ์คืออะไร" เด็กน้อยทำหน้าตาสงสัยในคำที่ตัวเองไม่เข้าใจ"อรุณสวัสดิ์ก็คือสวัสดีตอนเช้า""อืม รัณเข้าใจแล้ว อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช"ความสดใสจากเด็กคนนี้ทำให้เขาอดนึกถึงภาพของอัยย์ตอนยิ้มร่ามีความสุขไม่ได้ แม่กับลูกเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน"ทำไมรัณตื่นเช้าจังครับ" จริง ๆ ก็ไม่ได้เช้าอะไรมากมาย ตอนนี้ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว"มะม๊าบอกว่าถ้าตื่นสายจะติดเป็นนิสัย ทำให้เป็นเด็กขี้เกียจ รัณไม่อยากเป็นเด็กขี้เกียจ" เด็กช่างพูดจำที่มารดาบอกได้ขึ้นใจ"แล้
เสียงผู้คนจอแจเดินผ่านไปผ่านมา นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่ชัชวินนั่งครุ่นคินอะไรบางอย่างอยู่ที่เดิม เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าสามปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง เด็กที่เขานั่งคุยด้วยเมื่อไม่นานมานี้เป็นลูกของอัยย์กับเขมทัศน์จริง ๆ หรือเปล่า หากให้เดาเด็กคนนั้นคงอายุประมาณ 3-4 ขวบ คาดว่าเท่ากับระยะเวลาที่อัยย์ออกจากบ้านเขามา เรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่ คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก“ยังอยู่อีกเหรอวะ คิดว่ามึงกลับไปแล้วซะอีก”ชัชวินเงยหน้ามองต้นเสียง เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ พลันสายตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นว่ามีใครอีกคนที่อยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้“ไม่ต้องหาหรอก กูพาอัยย์ไปส่งที่อื่นแล้ว” เขมทัศน์ไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหน เพราะคิดว่าไม่ได้มีจำเป็นใด ๆ ต้องบอกให้ชัชวินรู้“มึงมีอะไร” การที่เขมทัศน์มายืนอยู่ตรงนี้ทั้งคงไม่ใช่เพราะแค่เดินกลับมาเพื่อผ่านไปเฉย ๆ แน่นอน ดูเหมือนตั้งใจมาหาเขาเสียด้วยซ้ำ“ไปคุยกันหน่อย”หลังจากไปส่งอัยย์ที่ร้านขนมใกล้ ๆ ห้าง เขมทัศน์จึงวนรถกลับมาที่นี่อีกครั้ง เดาเอาไว้แล้วว่าชัชวินอาจจะยังอยู่และก็เป็นไปตามที่คิดไว้จริง ๆตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ภูเก็ตเขมทัศน์ก็แทบไม่ได้กลับไปกรุงเทพ
“มึงจะลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนที่นี่จริง ๆ เหรอวะ”ใบหน้าเคร่งเครียดเอ่ยถามเพื่อนสนิท ที่แวะเข้ามาหาเขาถึงเพนท์เฮาท์เพื่อขอถอนตัวจากการเป็นหุ้นส่วนคลับก่อนหน้านี้ที่มีเรื่องผิดใจกันเราทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันนอกจากเรื่องงาน ชัชวินคิดแค่ว่ารอเวลาให้ใจเย็นแล้วค่อยคุยกันอีกที จนเวลาล่วงเลยไป กลายมาเป็นแบบนี้“อือ กูกับแม่จะกลับไปอยู่ภูเก็ต ถ้าจะให้เทียวไปเทียวมาคงไม่สะดวก”“แล้วมึงจะไปทำงานอะไร”“รับช่วงต่อร้านอาหารของตา”ฐานะที่บ้านของเขมทัศน์ไม่ใช่จะน้อยหน้าชัชวิน ทางคุณตาของเขามีร้านอาหารภัตตาคารใหญ่โต ทั้งยังอยู่ในเมือง การเข้าออกของลูกค้าแต่ละวันสร้างรายได้ให้ไม่น้อยได้รับข่าวมาว่าคุณตาเริ่มจะป่วยบ่อยขึ้น พี่ชายของแม่ที่เคยอยู่ดูแลก็ต้องการจะทำงานอย่างอื่นมากกว่ารับช่วงต่อดูแลร้านอาหาร สุดท้ายสมบัติชิ้นนี้ที่คุณตาสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงก็ตกเป็นของแม่เขา ทว่าขวัญรินก็อายุมากขึ้นทุกวัน เธออยากอยู่บ้านอย่างสบายมากกว่าจึงมอบมันให้ลูกชายดูแลต่อ“ที่ย้ายไปคงไม่ใช่เพราะ..” ชัชวินนิ่งชะงักกับสิ่งที่ตนกำลังจะพูด“มึงให้คนตามสืบจนรู้แล้วเหรอว่าอัยย์อยู่ที่ไหน ถึงกูจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเพราะอัยย์
“มื้อเช้าพร้อมแล้วนะครับคุณชัช”เลขาคนสนิทขึ้นมาเคาะห้องเรียกผู้เป็นนายหลังจากจัดเตรียมมื้อเช้าไว้ให้เสร็จสรรพอย่างเช่นที่ทำเป็นประจำหลายวันมานี้ชัชวินพูดน้อยลงยิ่งกว่าเดิม จากปกติที่เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว บางครั้งก็นั่งเหม่อลอยคล้ายกำลังขบคิดอะไรบางอย่างคนเจ้าเสน่ห์อย่างชัชวินดูหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ไทท์ที่อยู่ใกล้ชิดทุกวันยังสังเกตเห็นได้ง่ายเจ้าของร่างสูงเดินลงมานั่งประจำที่ที่โต๊ะทานข้าว จ้องมองอาหารสองสามอย่างบนโต๊ะอย่างเบื่อหน่าย“ผมยังไม่หิว ขอไปทำงานก่อนแล้วกัน”ไทท์มองตามผู้เป็นนายเดินลุกออกจากโต๊ะขึ้นไปที่ห้องทำงาน ผิดปกติจริง ๆ ชัชวินไม่ใช่คนที่จะละเลยมื้ออาหาร หากตื่นมาแล้ว ยังไงก็ต้องทานอะไรสักนิดสักหน่อยเพื่อที่ท้องจะได้ไม่ว่างจนเกินไป แต่นี่กลับไม่แตะแม้แต่น้ำหากสาเหตุมาจากคนที่เก็บเสื้อผ้าออกไปจากบ้านอย่างที่เขาคิด อย่างนั้นชัชวินคงต้องคิดพิจารณาความรู้สึกตัวเองใหม่อย่างถี่ถ้วนนับตั้งแต่วันที่เขาเอาเงินจากอัยย์มาคืนให้ชัชวินตามที่อีกคนขอ นายของเขาก็นิ่งเงียบไป ไม่แม้แต่จะขยับปากเอื้อนเอ่ยหรือถามสิ่งใดออกมาจนถึงตอนนี้ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่ควรก้าวก่ายแต่ก็อด