ฉันใช้มือดันแผงอกแกร่งของอลันไว้แล้วพยายามดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น แต่ยิ่งดิ้นเข้าก็ยิ่งกอดรัดฉันแน่นขึ้น “ไปเข้าห้องน้ำเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างนอก เด็กไอ้กันเลยรับสายให้” “เพิ่งรู้ว่าไม่ได้เป็นอะไรกันแต่มีสิทธิ์รับโทรศัพท์แทนด้วย” “พูดความจริงจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ” “เดินออกมาพร้อมกับแบบนั้นจะให้ฉันเชื่ออะไรไม่ทราบ นายก็แค่แก้ตัว” “สำหรับคนที่ไม่สำคัญไม่จำเป็นต้องแก้ตัวอะไร” “…….” จากที่ดิ้นๆ อยู่ ฉันก็ต้องหยุดอัตโนมัติเมื่อได้ยินคำนี้หลุดออกมาจากปากของอลัน “จะหึงจนหน้ามืดตามัวเลยหรือไง ไหนบอกไม่ชอบเด็ก ?” อลันขยับหน้ามาใกล้ๆ แล้วพูดต่อ “เมื่อกี้สารภาพมาหมดแล้วนะ” “นายมาทำกับฉันแบบนี้ทำไมล่ะ ฉันก็มีความรู้สึกเหมือนกัน” ในเมื่อพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปแล้วฉันก็ไม่จำเป็นต้องแก้ตัวอะไร ถึงจะอายที่ตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปชอบเขาก่อนก็ตาม “ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็บอกแล้วไงว่าคิดไปเอง” “ปล่อยฉัน” ฉันเริ่มดิ้นอีกครั้ง “วันนี้ไปเก็บเสื้อผ้ามาที่ห้อง” พูดจบเขาก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองแล้วหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาเอาให้ฉัน “ห้องรกฝากเก็บด้วยแล้วกัน” อลันปล่อยตัวฉันให้เป
ฉันดันอกแกร่งของอลันออกห่างพร้อมกับเอนศีรษะหนี เพราะตอนนี้เราอยู่ใกล้กันมากเกินไปแล้ว “ฉะ ฉันไม่มี” “ไม่มีอะไร ?” อลันเค้นถามในสิ่งที่ฉันไม่อยากพูดถึง แถมยังขยับหน้ามาใกล้ๆ ทำให้ฉันยอมพูด “ผะ ผัวไง” “หึ” เขาหยัดตัวขึ้นตรงแล้วหัวเราะในลำคอ ถึงแม้จะอายุห่างกันหลายปีแต่เวลาที่อยู่ด้วยกันมันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ “ฉันกล้บห้องก่อนนะ” “คืนนี้กลับมานอนที่นี่”“เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้” ฉันแย้งขัดทำให้อลันแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา “คืนนี้” เขาพูดย้ำอีกครั้ง ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบ “อื้อ” “อย่าทำให้หงุดหงิด” “นายล่ะ จะควงผู้หญิงไปที่โต๊ะหรือเปล่า ?” “ปกติมีผู้หญิงมาหาที่โต๊ะ ไม่เคยไปควงใครมา”“แล้วนายจะเล่นด้วยงั้นหรอถ้ามีผู้หญิงเข้าหา” ฉันเผลอเม้มปากแน่นเมื่อถามจบ เพราะลุ้นคำตอบของอลัน“อยากให้ทำแบบนั้นหรือเปล่า ?” “คิดดูสิว่านายควรทำหรือเปล่า” ฉันเลือกที่จะตอบแบบให้อลันกลับไปคิดทบทวนดู ฉันหยิบกระเป๋าลุกขึ้นยืนแล้วเดินผ่านหน้าอลันไปยังประตูห้อง ก่อนจะเปิดประตูออกมีเสียงของอลันดังขึ้นมาตามหลัง “แต่งตัวให้มันดีๆ อย่าท้าทาย”ฉันหันกลับมาถามอลัน “ถ้าท้า
ตอนนี้ทุกคนในคลับต่างให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลัวก็กลัวอายก็อาย “มีอะไรกัน” เสียงทุ้มของเฮียเฟยท้วงขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดตรงโต๊ะฉัน แล้วมองอลันที่จับแขนฉันอยู่ด้วยสีหน้าที่เข้มขรึม “ไอ้นี่มันเอาขวดฟาดหัวผมครับเสี่ย” นักร้องหนุ่มรีบฟ้องเฮียเฟยทันที เฮียเฟยมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินมาหาอลัน ฉันรู้ดีว่าเฮียเฟยเวลาโกรธนั้นน่ากลัวขนาดไหนจึงรีบมายืนบังอลันไว้เพราะถ้าเป็นฉันเฮียคงไม่กล้าทำอะไร“มึงมีปัญหาอะไรกับคนของกู” เสียงทุ้มของเฮียเฟยถามอลัน อลันไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนๆ ของเขาก็เงียบ ไม่มีใครปริปากพูดรวมถึงเพื่อนฉันด้วย “กูถามทำไมมึงไม่พูด!!” พออลันไม่ยอมตอบเฮียเฟยก็ตวาดเสียงดัง“เฮียคะแพรขอโทษแทนอลันด้วยนะคะที่ทำให้วุ่นวายวันนี้” ฉันยอมขอโทษแทนไม่อย่างนั้นอลันเจอหนักแน่ๆ “มันเป็นอะไรกับแพร ?” เฮียเฟยขมวดคิ้วถาม ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรเสียงของอลันก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน “เป็นผัว” “เฮียไม่คิดว่าแพรจะชอบพวกอันธพาลแบบนี้นะ” “….….” ฉันเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง ไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลย ไม่คิดว่าอลันจะทำถึงขั้นนี้“ยุ่งอะไรไม่ทราบ อยากได้เมียคนอื่นว่างั้น ?” อลันถามเฮียเ
อลันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เหมือนเขากำลังไม่โอเคกับคำพูดของฉัน ซึ่งฉันมองว่ามันไม่ผิดอะไรเลยในเมื่อเขาหยุดไม่ได้ ต่อให้เราอยู่ด้วยกันแบบนี้มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหยุดที่ฉัน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องเซฟความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน ถึงจะทำแบบนั้นยากก็ตาม วันนี้ฉันถอยไม่ได้ก็จะเดินหน้าไปให้สุดทาง…เดินไปจนกว่าจะถึงทางตัน “นายบอกฉันว่าต้องใช้เวลา เวลาที่ว่าคือนายจะหยุดเจ้าชู้เพราะฉันงั้นหรอ”“ถ้าถึงวันนั้นจะรู้เอง” อลันยังไงก็คืออลัน เขาไม่เคยทำให้ฉันหายสงสัยในทุกๆ เรื่องที่ถามบางครั้งฉันคิดว่าตัวเองรู้จักเขาดี แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าฉันไม่รู้จักเขาเลย “วันนั้นที่ว่ามันอีกนานหรือเปล่าล่ะ ถ้านานมากๆ ฉันคงไม่รอ” ฉันพูดไปตามตรง ในเมื่อรู้สึกฉันรอให้เขาจัดการตัวเองได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรอไปตลอด คงไม่มีใครอยากเดินย้ำๆ อยู่กับที่ ฉันรู้ว่าไม่ควรเสี่ยงกับเสือตัวนี้ แต่ฉันเลือกเดินเข้ามาในกรงแล้วนี่ “หยุดพูดเรื่องนี้แล้วคุยเรื่องไอ้นักร้องนั่นดีกว่าไหม” อลันบอกเสียงเย็น เขาแกะมือที่ฉันสวมกอดออก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนจ้องฉันเขม็ง “ฉะ ฉันบอกไปแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่ได้ตั้งใจ เหอะ! ถ้าตั้งใจจะ
วันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาภายในห้องที่ว่างเปล่า อลันไม่ได้อยู่ในห้อง แค่ขยับตัวความปวดร้าวก็เข้ามาเล่นงาน มันเจ็บปวดไปทั้งร่างกายและเจ็บตรงนั้นเป็นพิเศษ “อื้อ~” ฉันร้องในลำคอขณะที่กำลังพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้ร่างกายไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น เมื่อลุกขึ้นได้ฉันก็มองหาโทรศัพท์ก่อนอันดับแรก จากนั้นก็หยิบมาเช็คดูว่ามีข้อความอะไรหรือเปล่า ฉันเลื่อนดูข้อความในโทรศัพท์เป็นข้อความจากมินนี่และขวัญส่งมา และข้อความจากอลันที่บอกว่าเขาไปมหาวิทยาลัยแล้ว ฉันเลือกที่จะเปิดอ่านแชตของเพื่อน เป็นแชตกลุ่มของเรา มินนี่: เป็นไงบ้างยัยแพรรายงานตัวด้วย ขวัญ: เงียบไปเลยแกโอเคหรือเปล่า ทั้งขวัญและมินนี่แท็กชื่อฉัน พอเปิดอ่านแล้วฉันก็ตอบกลับไปเพียงข้อความสั้นๆ ฉัน: ฉันโอเค หลังจากตอบแชตเพื่อนแล้วฉันก็กดปิดจอโทรศัพท์แล้วพยุงตัวเองลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ตอนนั่งฉี่บอกตามตรงว่าเจ็บตรงนั้นจนน้ำตาคลอ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฉันเข็ดหลาบ ไม่อยากเจออะไรที่รุนแรงแบบนั้นอีก อลันไม่เห็นใจฉันเลยสักนิด แถมยังทำจนเกือบจะเช้าจริงๆ เพิ่งสังเกตเห็นตอนกำลังจะอาบน้ำว่าที่ขาอ่อนของฉันมีคราบเลือดติดอยู่ด
ไม่คิดว่าอลันจะจมูกดีขนาดนั้นหรือว่าเขาแค่หาเรื่อง แล้วถ้าฉันบอกว่าเฮียเฟยกอดถึงได้ติดกลิ่นน้ำหอมมาคงจะซวยมากแน่ๆ “กะ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ไหนอย่ามาหาเรื่องสิ” “ทำอะไรกับมัน ?” ทั้งที่เฮียเฟยแก่กว่าตั้งหลายปีแต่อลันกลับใช้คำว่ามันอย่างไม่รู้เกรงกลัว เขามันคนอันธพาลอย่างที่เฮียเฟยว่า “ฉันแค่ไปคุยเรื่องเมื่อคืน ไม่ได้ทำอะไร” “ถ้าแค่คุยทำไมถึงมีกลิ่นน้ำหอมผู้ชายคนอื่นติดเสื้อ ?” “กลิ่นน้ำหอมนายหรือเปล่า”“ไม่ใช่กลิ่นนี้แน่!!” ฉันลอบถอนหายใจออกมาหนักๆ เมื่ออลันกำลังบีบให้จนมุม “เรื่องแค่นี้ตอบไม่ได้หมายความว่ายังไง ห๊ะ!!” “ละ แล้วนายจะขึ้นเสียงทำไม”“ถ้าคุยตรงนี้ไม่สะดวกกลับไปคุยที่ห้องดีไหม ?” ฉันเกลียดน้ำเสียงแบบนี้ของอลันที่สุด มันเหมือนความซวยจะกำลังมายืนในเวลาอันแสนใกล้นี้ “นะ นายไม่ไปเรียนหรอ” “ไม่ต้องห่วง มีเรียนแค่ตอนช่วงเช้า” พูดจบอลันก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากด้านหน้าคลับ ตลอดทางจนมาถึงที่คอนโดเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ฉันก็เอาแต่นั่งเกร็งไปทั้งตัว #คอนโดของอลัน เมื่อประตูห้องถูกปิดลงอลันก็เริ่มถามฉันอย่างหาเรื่องอีกครั้ง “ไปทำอะไรกับมันมา” อลันเดินมากระชากแขนฉันอย่
#อู่ซ่อมรถมาถึงที่อู่อลันก็มาดื่มกับเพื่อนจริงๆ ไม่มีผู้หญิง รู้สึกว่าฉันถูกสายตาเพื่อนทั้งสองคนของอลันมองแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ เรานั่งกันบนโต๊ะหินอ่อน ที่นั่งจะเป็นสี่มุมหันหน้าเข้ากัน ฉันนั่งข้างๆ กับอลัน “มีอะไรหรือเปล่า” ฉันถามเพื่อนของอลันคนที่ชื่อกัน เพราะเขามองฉันบ่อยว่าอีกคนที่ชื่อตุล “ผมแค่ไม่คิดว่าพี่จะมากับมันด้วย” “…อ๋อ” ฉันพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “พอดีวันนี้ว่างน่ะก็เลยมา” “ดื่มไหม ?” อลันหันมาถามฉัน “อื้อดื่มนิดนึงก็ได้” จริงๆ วันนี้ไม่อยากดื่มเท่าไหร่แต่เห็นคนอื่นๆ ดื่มกัน อลันเปิดกระป๋องเบียร์แล้วยื่นมาให้ฉันที่นั่งข้างๆ “ไอ้อลันไปคุยกับกูหน่อย” กันเรียกให้อลันไปคุยกับตัวเองอีกมุมหนึ่ง สร้างความแปลกใจให้ฉันพอสมควร เขามีความลับอะไรถึงพูดตรงนี้ไม่ได้ “พี่จะกลับพร้อมมันหรือกลับก่อน ?” ตุลเพื่อนอีกคนของอลันถามฉัน “รอกลับพร้อมอลัน เขาสัญญาไว้แล้วว่าจะพาไปกินเนื้อย่าง” “ไอ้อลันเนี่ยนะกินเนื้อย่าง” เหมือนเขาจะตกใจไม่น้อยที่ได้ยินฉันพูดไปแบบนั้น “อื้อ ทำไมหรอ” “พวกผมชวนมันไม่เคยไปกินด้วยมันบอกไม่ชอบ พี่ชวนมันยังไงถึงยอม” “…….” พอได้ยินเพื่อนของอลันพูดแบบนั้นหัว
“อลันอย่าโหดสิ ชอบทำตัวโหดตลอดเลยนะ” เค้กเธอพูดขึ้น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอต้องพูดแทรกทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ทำไมถึงไม่ชวนกันคุยทั้งๆ ที่เป็นแฟนของเธอ ตั้งแต่มานั่งฉันเห็นแต่ชวนอลันคุย “เค้ก” กันเรียกเค้กเธอจึงหันไปมอง ฉันเห็นกันส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายเหมือนกันว่าสื่อถึงอะไร อลันลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้บอกว่าจะไปไหนฉันจึงรีบถามเขา “จะไปไหน” “สูบบุหรี่” “ขอไปด้วยได้ไหม” ฉันไม่อยากนั่งตรงนี้คนเดียว ไม่รู้สิแต่มันรู้สึกแปลกๆ “จะไปไมมันเหม็น” “ฉันทนได้” เหมือนอลันจะไม่ค่อยพอใจแต่เขาก็ไม่ห้ามก่อนจะเดินแยกตัวออกไป ฉันจึงรีบลุกขึ้นเดินตามไปติดๆ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วสูบมัน ฉันอยากห้ามนะแต่เด็กคนนี้คงไม่ฟังหรอก “มีอะไรจะพูด ?” อลันหันมาถามขณะที่กำลังพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก เขารู้สินะว่าฉันกำลังมีคำถามมากมายอยู่ในใจ “เค้กรู้จักกับพวกนายมานานแล้วหรอ คือ…ฉันเห็นว่าเธอดูสนิทกับพวกนายเป็นพิเศษเลยถามน่ะ” “อืม ก็รู้จักตั้งแต่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัย คณะเดียวกัน”“อ๋อ” “คิดอะไรอยู่ ?” อลันเลิกคิ้วถาม “ฉันคงคิดมากไปเอง อย่าใส่ใจเลย” ฉันยิ้มจางๆ ให้อลัน เขาจ