Talk มิลินสองอาทิตย์ผ่านไปค่อนข้างแปลกที่พี่ลีวายหายไปเลยไม่ได้ใช้เบอร์อื่นโทรมากวนอย่างก่อนหน้า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่เขาเงียบไปแบบนั้น ถ้าจะให้ดีก็อยากให้เงียบไปตลอด อย่ากลับมากวนใจฉันอีก“ไปร้านนั้นกันไหมครับ” แทนหันมาถามก่อนจะจับมือฉันพาเดินเข้าช็อปแบรนด์เนมช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาแทนมักจะอยู่กับฉันบ่อย ๆ ชวนออกไปนู้นไปนี่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาทำให้ฉันสบายใจขึ้นแต่ก็ไม่อยากให้คิดไปไกล ฉันไม่อยากทำให้คนดี ๆ อย่างเขาเสียใจเลยไม่รู้ทำไมทั้งที่ปฏิเสธไปแล้วแต่แทนก็คิดว่ายังมีความหวัง ฉันเองก็หนักใจเหมือนกัน“สร้อยเส้นนี้เหมาะกับพี่มิลินมากเลยนะครับ” แทนหยิบสร้อยขึ้นมา มันสวยก็จริงแต่พอเห็นราคาที่แพงเฉียดล้านแล้วฉันก็รีบส่ายหน้าทันที “พี่ไม่อยากได้นะ ห้ามซื้อให้”“แต่ผมอยากซื้อให้” แทนรีบแย้งคำพูดของฉันทันที“รวยขนาดนั้นเลยหรือไง”“ใช่ครับ ซื้อสร้อยแค่เส้นเดียวเงินผมไม่หมดหรอก” ฉันไม่น่าถามเลยจริง ๆ“ไม่เอา ถ้าซื้อให้พี่จะโกรธ” ฉันทำหน้าจริงจังแต่แทนก็ยังยิ้มออกมาอย่างสดใส เหมือนเขาไม่ได้สนใจที่ฉันห้ามเลย“ผมก็แค่อยากให้ของขวัญวันเกิด อย่าปฏิเสธเลยนะครับ” แทนทำหน้าอ้อน แต่ที่น่าต
Talk ลีวายผมมองหน้าลูกน้องอย่างหงุดหงิด เพราะสั่งให้คอยจับตาดูมิลินเอาไว้แต่ตอนนี้มันเสือกกลับมาไทย“มึงกลับมาทำไม”“เธอขู่ว่าจะบอกนายใหญ่ครับ ผมไม่มีทางเลือก”“แค่ถูกขู่มึงก็กลัว?” ผมขบกรามแน่น ถ้ามันไม่ใช่ลูกน้องที่ผมไว้ใจมากที่สุดคงไล่ออกไปนานแล้ว“นายก็รู้ว่าถ้ามีคำสั่งจากนายใหญ่ก็ไม่มีใครขัดได้”ผมพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะปัดมือแล้วบอก “ออกไปกูอยากอยู่คนเดียว”“แต่… มีอีกเรื่องที่มิลินเธอฝากผมมาบอกกับนาย”“เรื่อง?”“เอ่อ…” เริ่มจะหงุดหงิดที่มันเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดสักที “กูถามว่าเรื่องอะไร มึงจะอ้ำอึ้งทำไม!!”“เธอบอกว่าห้ามยุ่งกับเด็กผู้ชายคนนั้น ห้ามนายทำร้ายเด็กนั่น ถ้านายทำเธอจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แถมยังบอกว่าจะแจ้งตำรวจด้วยครับ”“เธอบอกมึงแบบนั้นจริง ๆ?”“ครับนาย”“ออกไป”“นาย…”“กูบอกให้ออกไป!!” ผมตวาดเสียงดังลั่นทำให้มันรีบออกไปทันทีเดี๋ยวนี้เธอกล้าขู่ผมกลับด้วยสินะ!!ปัก!!!! ผมวางกำปั้นกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงเมื่อได้ฟังสิ่งที่มิลินเธอฝากลูกน้องมาบอก เธอกำลังท้าทายผมอยู่ ถ้าไม่ติดเรื่องของไอ้คาแลนผมจะไปสั่งสอนเธอด้วยตัวเองอีกครั้งไอ้เด็กผู้ชายคนนั้นที่คอยตามติดชีว
ผมมองหน้าไอ้เฟยอย่างเอาเรื่องที่มันวุ่นวายกับผมมากจนเกินไป ความจริงมันก็แค่อยากพิสูจน์ว่าผมไม่มีอารมณ์กับผู้หญิงคนอื่นจริงหรือเปล่า ไม่ได้อยากจะช่วยอย่างที่อ้าง“ถ้ากูอยากเอากูเรียกเองได้มึงไม่ต้องเสือก”“หรือเพราะว่ามึงเหี้ยเกินไป เบื้องบนก็เลยลงโทษทำให้นกเขา ไม่ขัน”“ไอ้เหี้ยเฟย!! มึงหุบปาก” ผมตวาดบอกถ้ามันยังพูดได้มีเรื่องจริง ๆ แน่“ไอ้เฟยมึงก็รู้ว่าไอ้ลีวายมันหัวเสียอยู่ เลิกกวนประสาทมันได้แล้ว” เพราะไอ้คัลเลนห้ามมันเลยยอมเงียบ“ถ้าพวกมึงชวนกูมาเพราะอยากพิสูจน์เรื่องแบบนี้ กูจะกลับ!!”“เออ ๆ ไอ้ลีวายกูแค่ล้อเล่นนั่งก่อนงอนเป็นเด็กไปได้ สัส”“พวกมึงกวนประสาทกูฉิบหาย!!”“ไอ้เฟยมันก็แค่แปลกใจ มันทำไปเพราะเป็นห่วงมึง”“ไม่ต้องมาห่วงกู”ผมยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มทั้งที่อารมณ์ยังร้อนระอุ ทั้งหงุดหงิดเพื่อนและหงุดหงิดเรื่องที่มิลินเธอสั่งให้ลูกน้องมาบอก ตอนนี้อารมณ์มันร้อนจนแทบจะระเบิดออกมา—End ลีวาย—Talk มิลินวันต่อมาผู้ชายคนนั้นที่เคยตามติดชีวิตฉันได้หายไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกว่ามีคนตามแบบก่อนหน้าเลย และเขาก็คงเอาเรื่องที่ฉันฝากไปบอกกับพี่ลีวายแล้ว“อยากรู้จังว่าพี่ลีวายจะเป็
คำขู่ของพี่ลีวายทำให้ฉันร้อนใจจนแทบไม่มีสมาธิทำอะไรเลยทั้งวัน พยายามทำให้ตัวเองหยุดฟุ้งซ่านอยู่หลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังกังวลพี่ลีวายก็แค่ฟังคุณท่านแต่เขาไม่ได้กลัวเลย เพราะยังเอาคลิปนั้นมาขู่ฉันมันใกล้ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไทยแล้วด้วย คุณท่านบอกว่าสั่งให้พี่ลีวายไปฮ่องกงเพื่อเขาจะได้ไม่มารังแกฉันอีก แต่คนอย่างพี่ลีวายน่ะเหรอจะยอมปล่อยให้ฉันอยู่อย่างสงบสุข เขาต้องทำทุกวิธีทางให้ยอมจำนนแน่ ๆ“คิดอะไรอยู่เหรอครับ ผมเห็นพี่มิลินเหม่อนานแล้ว” แทนสะกิดแขนฉันให้ได้สติ ตอนนี้เราสองคนมาดื่มด้วยกันที่บาร์เดิม“มีเรื่องกวนใจนิดหน่อยน่ะ”แทนขมวดคิ้วหลังจากได้ฟังคำตอบของฉัน ก่อนจะถามต่อ “คงไม่ใช่เรื่องผมใช่ไหมครับ”“พี่ไม่อยากให้แทนต้องมาเจ็บตัว อย่าเข้าใกล้พี่มากเกินไปได้ไหม”“เป็นห่วงผมเหรอครับ ^_^” เขาไม่กลัวเลยสักนิดแถมยังยิ้มสดใสใส่ฉันอีกต่างหาก“มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะแทน”“แค่พี่มิลินเป็นห่วงผมขนาดนี้ก็ไม่กลัวอะไรแล้วครับ”“ช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม พี่จริงจังอยู่นะ”“ครับผม”แทนยังคงยิ้มก่อนที่เขาจะหยิบแก้วมาชนแก้วของฉัน แล้วดื่มโดยที่สายตายังคงมองใบหน้าฉันอยู่อย่างนั้นฉันถอนหายใจออกมาเบ
เวลาผ่านมาจนถึงวันที่ฉันต้องกลับไทย ฉันเก็บกระเป๋าพร้อมหันมองห้องนอนของตัวเองอย่างเศร้าใจ เพราะยังอยากอยู่ที่นี่ “เตรียมตัวเสร็จหรือยัง เดี๋ยวจะตกเครื่องเอานะ”คุณท่านบอก จริง ๆ ท่านจะไปส่งที่สนามบินแต่ฉันขอเอาไว้ว่าไม่ต้อง กลัวจะลำบาก อีกอย่างแทนอาสาจะมารับที่บ้านเพราะเขากลับไทยพร้อมฉัน“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“เรื่องคอนโดที่เคยบอกไว้ ถ้าอยากไปอยู่ฉันจะให้ลูกน้องจัดการให้”ฉันคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคุณท่านบอกแบบนั้น เพราะตอนแรกขออยู่คอนโดแต่ท่านเป็นห่วงอยากให้อยู่บ้านมากกว่า แต่มาวันนี้ท่านอนุญาตแล้ว ที่จะย้ายไปอยู่คอนโดก็เพื่อหลีกเลี่ยงการประจันหน้ากับพี่ลีวาย ฉันว่าต่างคนต่างอยู่มันดีที่สุดแล้ว“ขอบคุณคุณท่านมากนะคะ^_^”“เด็กคนนั้นมารอนานแล้วรีบไปเถอะ”“คุณท่านดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”คุณท่านยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันอย่างอบอุ่นเหมือนที่เคยทำตลอด ทำให้เกือบจะร้องไห้เพราะเป็นห่วงและอยากให้คุณท่านกลับไปด้วยกัน#บนเครื่องบินฉันคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีมาก ๆ เพราะได้นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ทั้งขาไปและขากลับโดยไม่ต้องจ่ายเงินเลยสักบาทแทนมองชุดที่ฉันใส่แล้วก็ก้มหน้าหลบสายตา เขาเป็นแบบนี้พั
ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปภายในตัวบ้านโดยมีป้านาเดินตามมาติด ๆ“พี่ลีวายอยู่ที่ไหนเหรอคะ”“คงจะอยู่ตรงสระน้ำ ป้าเห็นกำลังเตรียมของอยู่”“เตรียมของเหรอคะ”“ไปดูสิ เดี๋ยวป้าไปทำกับข้าวไว้ก่อนคืนนี้แขกคงจะมาเยอะ” ฉันขมวดคิ้วแปลกใจว่าแขกที่ไหนจะมาเยอะในเมื่อฉันไม่มีเพื่อนไม่รู้จักใครด้วยความสงสัยฉันจึงตัดสินใจเดินมาที่สระน้ำเพื่อดูว่าพี่ลีวายกำลังทำอะไร เห็นเขากำลังนั่งจิบไวน์ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย ปาร์ตี้ที่ป้านาว่าก็ไม่เห็นจะมีอะไรสักอย่างสายตาคมของพี่ลีวายจ้องมายังฉันที่กำลังยืนมองอยู่ ก่อนที่เขาจะยกไวน์กระดกจนหมดแก้วแล้วลุกขึ้นเดินตรงมาทางนี้ ส่วนฉันก็ยืนนิ่ง ๆ ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา“ไม่ยักรู้นะคะว่าพี่ลีวายจะดีใจที่มิลินกลับมาไทยจนต้องจัดปาร์ตี้ต้อนรับขนาดนี้” ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน“ใช่ ฉันดีใจมาก” เขาตอบเสียงเย็นเหมือนอยากให้ฉันกลัว แต่ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้วพี่ลีวายใช้สายตามองชุดที่ฉันใส่แล้วจู่ ๆ เขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะบอก “ชุดสวยดี”“ขอบคุณที่ชมนะคะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่พี่ลีวายชมมิลิน ขนลุกเลยค่ะดูสิ” ฉันยื่นแขนไปให้พี่ลีวายดู แต่เขากล
ขณะที่พี่ลีวายกำลังจูบ ฉันไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ เพราะถูกฝ่ามือหนารั้งศีรษะเอาไว้“อื้อ~” พยายามใช้มือทุบแผงอกแกร่งแต่ก็ไม่เป็นผล พี่ลีวายควานลิ้นสากมาตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของฉันจนสำเร็จ จากนั้นก็จับปลายคางให้ฉันเงยหน้าขึ้นมาตอบรับจูบของเขา“อื้ออออ~” เสียงประท้วงของฉันดังออกมาจากลำคอเบา ๆ ก่อนที่พี่ลีวายจะถอนริมฝีปากออก เขาใช้ลิ้นตวัดเลียริมฝีปากของตัวเองแล้วจ้องหน้าฉันพร้อมกับพูด “ปากหวานดีหนิ”ฉันกำมือแน่นอยากจะตบหน้าเขาสักที แต่ถ้าทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้พี่ลีวายโกรธ เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็อาจจะเกิดขึ้น“อย่ารุนแรงกับมิลินสิคะ”“เมื่อกี้ยังขัดขืน?” พี่ลีวายขมวดคิ้วถามเพราะเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดเสียงหวานกับเขาและไม่มีท่าว่าจะยอม“พี่ลีวายก็รู้ว่ามิลินคิดยังไง… สุดท้ายก็ต้องยอมอยู่ดีแล้วจะขัดขืนให้เหนื่อยทำไมล่ะคะ” ฉันบอกเสียงหวาน“เธอคิดแผนอะไรอยู่ในหัว?” เหมือนครั้งนี้พี่ลีวายจะขี้ระแวงมากขึ้น เขายังคงขมวดคิ้วถามอย่างไม่เชื่อ“เปล่าค่ะ มิลินไม่ได้คิดแผนอะไรเลย”พี่ลีวายโน้มลงมาใกล้ ๆ สายตาคู่นั้นยังคงมองฉันแบบจับผิด ก่อนจะก้มมาซุกไซ้ที่ซอกคออย่างอดใจไม่ไหวที่พี่คัลเลนบอกว่าพ
ฉันถอนหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกมาจากบ้านและตรงไปยังรถของพี่ลีวายอย่างไม่เต็มใจ“ขึ้นรถสิ หรืออยากให้ฉันเปิดประตูให้?”“ไม่ต้องค่ะ มิลินเปิดเองได้” ฉันบอกเสียงห้วนแล้วเปิดประตูรถพร้อมกับหย่อนก้นเข้าไปนั่งข้าง ๆ กับเบาะคนขับ“เสื้อคลุมอยู่ด้านหลัง”“ทำไมคะ” ฉันถามอย่างงุนงง เสื้อคลุมอยู่ตรงไหนแล้วจะมาบอกทำไม“จะไปมหาวิทยาลัยหรืออยากให้ฉันพาไปที่อื่น?” สายตาคู่นั้นของพี่ลีวายกำลังมองเรียวขาอ่อนของฉันมันทำให้ต้องรีบเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมที่เบาะหลังเอามาปิดขาไว้“รีบ ๆ ไปสิคะเดี๋ยวสาย”บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสะงัดฉันเลือกที่จะหันหน้าออกไปมองด้านนอกกระจก เพราะไม่อยากพูดอะไรมากมายพอถึงมหาวิทยาลัยฉันก็เอาเสื้อคลุมไว้ที่เบาะหลังเหมือนเดิม แต่พี่ลีวายกลับไม่ยอมปลดล็อกประตูรถให้“ปลดล็อกรถให้มิลินเดี๋ยวนี้นะคะ”“เอาเสื้อคลุมไปด้วย”ฉันขมวดคิ้วงุนงงกับคำสั่งนั้นของเขา จะให้เอาเสื้อคลุมไปด้วยทำไมกัน พอไม่ยอมเอื้อมไปหยิบสักทีพี่ลีวายก็จ้องอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายเอื้อมไปที่เบาะหลังแล้วเอาเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่มาวางไว้บนท่อนขาของฉัน“ใส่เสื้อของฉันเอาไว้ ห้ามถอดออก” คำสั่งนั้นช
สี่เดือนผ่านไปหลังจากที่พูดเรื่องแต่งครั้งนั้นก็ไม่ได้พูดถึงอีกเลยเพราะฉันยุ่งเรื่องเรียน ส่วนพี่ลีวายก็ยุ่งเรื่องงานที่บริษัท เอาจริง ๆ คือเราแทบไม่เจอกันเลยด้วยซ้ำเพราะโทรหากันบ่อยมากกว่าไปเจอฉันไม่ยอมย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน เพราะคอนโดมันใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่า ทั้งที่คุณท่านและพี่ลีวายก็ขอให้ย้ายกลับไป แต่คิดว่าอีกไม่ถึงสองเดือนก็จะเรียนจบแล้วฉันจึงขออยู่ให้ถึงเรียนจบเลยดีกว่านี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่พี่ลีวายว่างมารอรับที่มหาวิทยาลัย เพราะปกติเขางานยุ่งแทบไม่มีเวลาปลีกตัวทำอะไรเลยไหนจะต้องบินไปฮ่องกงบ่อย ๆ อีก“มิลิน ๆ งานโปรเจกต์ที่จะทำด้วยกันจะนัดทำที่ไหนดี” อาตถามเพราะอาจารย์จับคู่ให้เขาสองคน“อาตสะดวกที่ไหน ถ้าบ้านมิลินคงต้องขออนุญาตคุณท่านก่อน”“ที่บ้านมิลินก็ได้เพราะถ้าทำที่บ้านเราเดี๋ยวเธออึดอัด มันไม่เหมาะสมด้วย” อาตค่อนข้างวางตัวดี ยังจำได้ว่าตอนนั้นเขาเกือบจะจีบฉัน แต่มีน้องแทนมาตัดหน้าซะก่อนพูดถึงน้องแทนตอนนี้เขาย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว นาน ๆ ทีจะส่งข้อความมาคุยกัน พอถามเรื่องหัวใจก็บอกว่ามีดู ๆ อยู่บ้าง ฉันดีใจนะที่ตอนนี้แทนยอมเปิดโอกาสให้ตัวเองแล้ว
กว่าจะโอ๋ให้พี่ลีวายหยุดร้องไห้ได้ก็นานพอสมควร เขาคงรู้สึกผิดและเข็ดหลาบแล้วจริง ๆ แต่ตอนนี้นี่สิ นั่งกอดฉันไว้บนตักไม่ยอมให้ลุกขึ้นไปไหนเลย“พี่ลีวาย”“หืม?”“มิลินนั่งอยู่บนตักพี่ลีวายแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะคะ”“แล้วยังไงต่อครับ”“ปล่อยหนูก่อนได้ไหม”“รู้ไหมว่าพูดแบบนี้แล้วยิ่งทำให้ไม่อยากปล่อย”ไม่พูดเปล่าพี่ลีวายกดริมฝีปากจูบลงมาบนซอกคอของฉันด้วย เขาลากไล้ริมฝีปากดูดเลียและขบเม้มจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว“อื้อ~ ยะ... หยุดก่อน”“พี่คิดถึงเธอใจแทบขาด”พอได้ยินอีกฝ่ายแทนตัวเองว่าพี่ทำเอาฉันถึงกับทำตัวไม่ถูก ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวแล้วตอนนี้“อยากเป็นเด็กเหรอคะถึงแทนตัวเองว่าพี่”“ก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น”“แต่ก็แก่อยู่ดีนี่นา”“ทำไมชอบว่าฉันแก่” พี่ลีวายถามเสียงเข้ม เมื่อกี้ยังพูดเสียงอ้อนเสียงหวานอยู่เลยพอพูดเข้มใส่มันทำให้ฉันตกใจไม่น้อย“ก็พี่ลีวายสามสิบกว่าแล้ว”“ทำไมชอบพูดเรื่องอายุ”“ทำไมต้องโกรธมิลินด้วย” ฉันถามกลับเพราะเหมือนว่าตอนนี้พี่ลีวายกำลังไม่พอใจ“ก็ดูเธอพูด ทำไมชอบบอกว่าฉันแก่ แก่ยังไงก็เป็นผัวเธอ”“อื้อ!!!”ฉันร้องอุทานเสียงดังเมื่อถูกเขี้ยวฟันคมของพี่ลีวายงับมาบนพวงแก้ม ถึงแ
Talk ลีวาย“กูบอกมึงแล้วว่าแผนมันไม่เวิร์ค!!”“ทำอะไรไม่คิด”“เป็นไงพวกกูเลยถูกมิลินงอนไปด้วย”“มึงก็น่าจะบอกไปตั้งแต่แรกไม่น่ารอให้จับได้”“โง่ฉิบ!!”“พวกมึงหยุด!!!”ผมตวาดออกไปเสียงดังบอกให้คัลเลนและไอ้คาแลนให้หยุด เพราะตั้งแต่มาถึงที่คาสิโนมันก็เอาแต่บ่นไม่เว้นช่องว่างให้หายใจ“กูให้มาช่วยคิดวิธีง้อ ไม่ใช่ซ้ำเติม”“สมควร!!” มันสองพี่น้องสบถออกมาพร้อมกัน ทำให้ผมถอนหายใจพรืดใหญ่ คงคิดผิดจริง ๆ ที่ขอให้มันสองคนช่วย“แล้วยังไง มิลินก็โกรธกูเนี่ย” ไอ้คัลเลนยกมือขึ้นมากุมขมับ “โทรหาก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”“มึงโทรหาเมียกู?” ผมขมวดคิ้วถามมัน“เออ”“โทรหาทำไม”“ก็มึงบอกว่ามิลินโกรธกู”“มึงจะเดือดร้อนอะไร กูมากกว่าไหมที่ต้องเดือดร้อน เมียไม่ยอมให้ไปเจอหน้า”“นั่นน้องกูไหมวะ”“มั่นใจว่ามึงคิดแค่น้อง?” ผมถามอย่างหาเรื่อง ถึงจะเป็นเพื่อนแต่เรื่องนี้คงยอมให้ไม่ได้“มึงสองตัวหยุด! จะเถียงกันเพื่อ”“ดูน้องชายมึง! ทำไมมันชอบวุ่นวายกับเมียกูนัก”“เออคัลเลนมึงเลิกวอแวกับเมียมันก่อน ดูดิหวงจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว”“มึงเลิกโทรหาเมียกูเลยนะ”“เมียจะทิ้งอยู่แล้วยังจะหวง”“ไอ้สัส มึงเลิกพูด! เมียกูแค่งอนไม
#วันต่อมาฉันนอนอยู่บนเตียงโดยมีพี่ลีวายนอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างกาย เมื่อคืนเขานั้นร้อนแรงราวกับเพลิงไฟ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนทั้งที่อายุก็เข้าเลขสามแล้วแท้ ๆ“ทำไมมีรอยตรงนี้นะ” ฉันมองท่อนแขนแกร่งที่มีรอยแผลเป็นซึ่งน่าจะเป็นรอยใหม่ ๆ ด้วย เพราะก่อนหน้าจำได้ว่าไม่มีแน่ ๆแผลมันอยู่สูงขึ้นมาเกือบจะถึงไหล่ ทำให้ฉันคิดว่าเขาไปได้รอยแผลนี้มาจากไหน หรือว่าถูกยิงสองจุดแล้วไม่ยอมบอกพรึบ! ฉันดึงผ้าห่มออกเพื่อจะสำรวจแผลที่ถูกยิงของพี่ลีวาย แต่ก็ต้องแปลกใจที่พยายามมองหาตรงแผงอกและหน้าท้องเท่าไร ก็ไม่เห็นแม้แต่รอยแผลเป็น บนตัวเขามีเพียงรอยแผลเดียวตรงท่อนแขนเท่านั้นแล้วตอนที่อยู่โรงพยาบาล เขาพันผ้าพันแผลรอบแผงอกล่ะ มันหมายความว่ายังไง แผลหายไปไหน“พี่ลีวาย!!” ฉันเรียกคนที่นอนหลับอยู่เสียงดังลั่นห้อง ทำให้ดวงตาคมค่อย ๆ ปรือขึ้นมามองช้า ๆ“ลุกขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่เข้าบริษัทขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม” เขาตอบเสียงงัวเงีย“ไม่ได้ มิลินจะคุยเดี๋ยวนี้ ตอนนี้” ฉันยื่นคำขาด ทำให้พี่ลีวายต้องฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ตายังไม่อยากจะลืมขึ้นมามอง“มีอะไร”“บอกมิลินอีกครั้งได้ไหม
พี่ลีวายหมกมุ่นอยู่กับฉันหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ฟังไม่ผิด เขาไม่ทำอะไรเลยนอกจากเรื่องบนเตียงแล้วก็ขี้อ้อนไปวัน ๆ“จะไปจริง ๆ ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ”พี่ลีวายทำหน้างอเมื่อฉันบอกว่าจะกลับคอนโดของตัวเอง อยากถ่ายคลิปตอนนี้เอาไว้ให้เขาดูจริง ๆ ว่าตัวเองงอแงขนาดไหน“ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน”“นี่เราก็อยู่ด้วยกันเป็นอาทิตย์แล้วนะคะ”“หมายถึงย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน”“อยู่คอนโดมันใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่าไงคะ”“อยู่ที่บ้านฉันก็ไปส่งเธอได้ ได้ทุกวัน”“แต่พี่ลีวายต้องทำงาน”“ไปส่งเธอแล้วไปทำงาน”“อยู่คอนโดดีแล้วค่ะ สะดวกที่สุดแล้ว”ฉันตัดบทสนทนาอย่างเด็ดขาด จริง ๆ เรื่องกลับไปอยู่ที่บ้านพี่ลีวายพูดหลายครั้งแล้วแต่ฉันคิดว่าการอยู่คอนโดมันสะดวกมากกว่า อีกไม่นานก็จะเรียนจบแล้วด้วย จบแล้วค่อยกลับไปอยู่ที่บ้านก็ได้#วันต่อมาวันนี้ฉันมาเรียนแล้วยื่นคำขาดกับพี่ลีวายว่าจะกลับมานอนที่คอนโดของตัวเอง ซึ่งเขาก็ทำหน้างอนตุบป่องตั้งแต่เช้า“ได้ข่าวว่าพี่ลีวายติดแกมากเลยเหรอมิลิน” น้ำอิงถามพร้อมยิ้มกริ่ม“พี่เฟยบอกใช่ไหม รู้ดีจริง ๆ เลย”“อือ เล่าว่างานไม่ยอมทำเลยด้วย”“วันนี้ฉันไล่ให้ไปทำงาน หน้างอมาก”“ก็เขาติดแ
พอได้ยินฉันพูดแบบนั้นพี่ลีวายก็เริ่มยิ้มออก เขายื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แล้วขโมยหอมไปหนึ่งที“ฉันรักเธอมาก ๆ มากที่สุด”“ค่ะ มิลินก็รักพี่ลีวายมาก ๆ มากที่สุดเหมือนกัน”สายตาของเราทั้งคู่มองประสานกัน ส่งมอบความรักทั้งหมดที่มีผ่านแววตานี้ ใบหน้าของพี่ลีวายขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนริมฝีปากของเราห่างกันไม่ถึงคืบปลายจมูกโด่งแนบชิดกับปลายจมูกฉัน พร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงมา ทำเอาหัวใจเต้นตุ้บตั้บไม่เป็นจังหวะฉันสัมผัสได้ถึงจังหวะการหายใจของพี่ลีวายที่คล้ายจะถี่ขึ้น จึงขยับใบหน้าออกห่าง ทว่ากลับถูกมือหนาคว้าท้ายทอยไว้ ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาจูบอย่างแนบแน่นดวงตาฉันเบิกกว้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทว่าครู่เดียวก็คล้อยตามไปกับจูบหวานละมุนของคนตรงหน้าพี่ลีวายบรรจงขบเม้มและดูดดึงกลีบปากของฉันอย่างอ่อนโยน เขาใช้ปลายลิ้นลากเลีย บางครั้งก็ใช้ฟันกัดมันเบา ๆ จนตอนนี้มันเริ่มบวมเห่อและได้กลิ่นคาวของเลือด“อื้อ~” ฉันส่งเสียงในลำคอเบา ๆ เมื่อเรียวลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าในโพรงปากโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวเขาตวัดเลีย รุกไล่ และเกี่ยวกระหวัดอย่างชำนาญ ลิ้นของเราทั้งคู่พัวพันกันจนน้ำลายสีใสไหล
แกร็ก!! เมื่อประตูเปิดออก ฉันสังเกตสีหน้าของพี่ลีวายดูซีด ๆ นี่เขาซุกกิ๊กเอาไว้จริงเหรอเนี่ย ทำไมถึงได้แสดงความกังวลออกมาแบบนั้น“ค... คุณท่าน”“พ่อ”ทั้งฉันและพี่ลีวายต่างหันมองหน้ากัน เพราะไม่คิดว่าคนที่มาเคาะห้องจะเป็นคุณท่าน นี่ก็ลืมไปเลยว่าคุณท่านบอกไปแล้วเรื่องกลับไทย ลืมสนิทจริง ๆ“เห็นหน้าฉันแล้วทำไมถึงตกใจขนาดนั้น”“กลับมาเมื่อไรครับ”คุณท่านไม่ตอบคำถามของพี่ลีวาย ก่อนจะเดินแทรกตัวเข้ามาในห้อง เดินไปนั่งบนโซฟา สีหน้าที่ค่อนข้างตึงเครียดทำให้ฉันค่อนข้างทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าท่านกำลังโกรธอยู่หรือเปล่า“ถูกยิงทำไมไม่บอกพ่อสักคำ”“ผมไม่อยากให้เป็นห่วง”“ลากตัวคนทำมาได้หรือยัง”“ผมให้ลูกน้องตามสืบอยู่”“ปกติลูกน้องแกไม่เคยทำงานช้า ไม่กี่วันก็รู้ตัวพวกบงการแล้ว ทำไมรอบนี้ถึงหาตัวคนทำมาไม่ได้”อืม! มันก็จริงอย่างที่คุณท่านว่า ปกติลูกน้องของพี่ลีวายเก่งเรื่องสืบจะตาย ไม่มีทางที่จะรู้ตัวคนทำช้าขนาดนี้“ผม… ก็ไม่รู้ครับ” พี่ลีวายก้มหน้าตอบ ปกติจะประจันหน้าตลอดครั้งนี้ทำเอาแปลกใจ หรือว่ากลัวคุณท่านอย่างนั้นเหรอ“นิสัยลูกชายฉันมันต้องเร่งหาตัวคนทำสิ ใครทำงานช้าก็จะไล่ออก แกทำให้
#เช้าวันใหม่ฉันตื่นเช้าพร้อมกับความรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว เพราะเมื่อคืนเจอศึกหนัก กว่าพี่ลีวายจะยอมให้นอนก็เกือบตีสี่ เขาดุร้ายราวกับเสือที่อดอาหารมานาน ทำกับฉันเหมือนตัวเองไม่ได้เพิ่งถูกยิงมาบางทีก็แอบสงสัยว่าทำแรงขนาดนั้นพี่ลีวายไม่รู้สึกเจ็บแผลบ้างเลยหรือไงหลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เปิดตู้เสื้อผ้าของพี่ลีวายก่อนจะหยิบเสื้อออกมาตัวนึงอย่างถือวิสาสะ เพราะไม่มีชุดใส่ก็เลยต้องเอาชุดของเขามาใส่ก่อนเพราะพี่ลีวายตัวโตกว่ามากเมื่อชุดของเขามาอยู่บนตัวฉันจึงมีความยาวเกือบถึงเข่า เพิ่งรู้ว่าตัวเองตัวเล็กมากก็ตอนนี้แหละแต่งตัวเสร็จฉันก็หันมองพี่ลีวายที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อมาทำอาหารเช้าไว้รอเขา เลือกทำเมนูง่าย ๆ เช่นข้าวต้ม เพราะไม่มีของอะไรให้ทำมากนัก“พี่ลีวายตื่นได้แล้วค่ะ” หลังจากทำข้าวต้มเสร็จแล้ว ฉันก็เดินกลับมาปลุกคนขี้เซาที่นอนไม่ยอมตื่นสักที“อื้อ”“ตื่นได้แล้ว มิลินทำข้าวต้มไว้ให้รีบไปล้างหน้าเร็ว”พี่ลีวายค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง ใบหน้าตอนเพิ่งตื่นของเขานั้นไม่ได้ดูแย่เลย กลับกัน มันดูดีจนฉันรู้สึกหวง“ตื่นเช้าจัง เมื่อคืนฉันทำตั้งหลายรอบทำไมลุกไหว หืม” ริมฝีป
“ใจร้ายชะมัด” เขาทำหน้าบึ้ง แต่ก็ยอมดึงกางเกงขึ้นแล้วกลับมานอนในท่าเดิม “ไม่ทำแบบนั้นแต่ใช้มือช่วยหน่อยได้ไหม อารมณ์มันค้าง”“ถ้าพี่ลีวายพูดอีกคำเดียว มิลินจะกลับไปนอนโซฟาจริง ๆ ด้วย”“แค่มือก็ไม่ได้เหรอ” พี่ลีวายทำเสียงเศร้า ๆ หวังจะให้ฉันใจอ่อนเหรอ ไม่มีทางหรอก“มิลินว่ามิลินรู้จักพี่ลีวายดีค่ะ มันไม่มีทางจบแค่มือแน่นอน”คนอย่างเขาถ้าฉันใช้มือทำให้จริง ๆ เดี๋ยวก็หาทางแตะต้องร่างกายฉันจนเกิดอารมณ์ แล้วสุดท้ายเหตุการณ์แบบเมื่อกี้ก็จะวนมาอีกครั้งจุ๊บ~จู่ ๆ พี่ลีวายก็เขยิบใบหน้าเข้ามาขโมยจุ๊บที่หน้าผากฉันแรง ๆ “ชอบจังเลยคนรู้ทันเนี่ย”แล้วไม่ใช่แค่จุ๊บแต่เขายังใช้ปลายจมูกไล้หอมไปทั่วใบหน้าจนฉันแทบหายใจไม่ออก“หยุดลวนลามมิลินแล้วนอนสักทีได้ไหมคะ ไม่อยากออกจากโรงพยาบาลไว ๆ รึไง”“โอโห แค่จุ๊บกับหอมก็ไม่ได้ คอยดูนะแผลฉันหายดีเมื่อไรจะทบต้นทบดอกให้ร้องขอชีวิตเลย”“ถ้าพี่ลีวายทำแบบนั้นมันจะเป็นการมีอะไรกันครั้งสุดท้ายแน่นอนค่ะ”“นี่ฉันต้องโทษตัวเองใช่ไหม ที่ทำร้ายเธอบ่อย ๆ จนทำให้เธอเข้มแข็งได้ขนาดนี้เนี่ย”“ใช่ค่ะ โทษตัวเองไปเยอะ ๆ เลย ตอนมิลินยอมทุกอย่างก็มาใจร้ายด้วยเองนี่”“ค้าบ ๆ