พ่อมองหน้าผมเหมือนหมดคำที่จะพูดต่อ ก่อนจะเดินไปไล่พวกผู้หญิงที่ผมเรียกมา ซึ่งผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว“เตรียมตัวจัดการธุระให้เสร็จภายในเดือนนี้ซะ และหวังว่าแกจะไม่ขัดคำสั่งของฉัน” พ่อเดินกลับมาพร้อมสั่งเสียงกร้าวก่อนจะหันหลังให้“จะไปไหนครับ”“กลับต่างประเทศ”“หึ! พ่อมาแค่เรื่องนี้เองสินะ” ผมใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดที่รู้ว่าพ่อมาเพื่อจะต่อว่าเรื่องแค่นี้“ใช่!! เพราะฉันโทรมาแล้วแกไม่รับ ถึงได้ต้องมาถึงที่นี่ไง!! ต่อไปนี้เลิกทำให้ฉันหนักใจสักที”“เพราะเด็กนั่นที่ทำให้พ่อหงุดหงิดผมขนาดนี้”“หนูมิลินเสียใจกับการกระทำของแกขนาดไหน ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง”“…”“คอยดูเถอะ แกจะคิดได้ในวันที่หนูมิลินไม่สนใจแกแล้ว ถึงวันนั้นตัวแกเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายรู้สึกผิด”“ทำไมต้องรู้สึกผิด ผมทำอะไรผิดครับ?”“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคลิปนั่นมันเป็นคลิปตัดต่อ ฉันให้ลูกน้องสืบแล้ว แกนี่มันทำได้ทุกอย่างจริง ๆ”“บ่นเสร็จแล้วใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว”“จะไปไหน!!”“ออกไปข้างนอกครับ”“กลับมาเดี๋ยวนี้!! ฉันสั่งให้แกกลับมา!!”ผมไม่สนใจคำที่ตวาดตามหลังของพ่อ ก่อนจะเหยียบคันเร่งรถขับออกจากบ้านด
เพราะไม่คิดว่าจะเป็นพี่ลีวายจึงรับสาย ฉันน่าจะฉุกคิดได้ว่าคงไม่มีใครที่บ้าโทรมาหลายสายขนาดนี้“ขอตัวสักครู่นะคะ” ฉันบอกผู้ชายลูกครึ่งที่มาขอชนแก้ว จากนั้นก็รีบเดินไปยังห้องน้ำโดยที่ถือสายของพี่ลีวายอยู่“ดูออกด้วยเหรอคะว่าตอนนี้มิลินมีความสุขมาก” เมื่อดึงสติของตัวเองกลับมาได้ฉันก็ตั้งคำถามกลับทันที(เธอต้องการแบบนี้สินะ เขี่ยฉันออกให้พ้นทางเพื่อจะได้หลอกเอาสมบัติจากพ่อของฉันง่าย ๆ)ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อได้ยินพี่ลีวายพูดแบบนั้น เขาก็แค่โมโหแล้วหาเรื่องไปทั่ว“เคยโทษตัวเองบ้างไหมคะ”(ฉันไม่ได้ผิดอะไร)ฉันรู้ว่าการคุยกับพี่ลีวายมันทำให้ปวดหัวและหงุดหงิด เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองผิด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ความผิดทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่ฉัน“… อย่าโทรมาหามิลินอีกเลยนะคะ… ต่อไปนี้มิลินจะไม่รับสายเบอร์แปลกอีก”(เมื่อกี้… เสียงใคร) ขณะที่ฉันกำลังจะวางสายพี่ลีวายก็ถามคำ ๆ หนึ่งออกมา“ต้องบอกด้วยเหรอคะว่าเสียงใคร” ฉันตอบกลับอย่างยียวน “อาจจะเป็นคู่ขาคนใหม่ของมิลินมั้งคะ”ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากปลายสายไปครู่ใหญ่ ก่อนจะมีเสียงเย็นถามขึ้น (เธอกล้าทำ?)“กล้าสิคะ ทำไมจะไม่กล้า!!” ฉันบอกเสีย
ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง ก่อนจะฉุกคิดว่าใครคือคนที่ส่งข้อความมา บุคคลปริศนาคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมต้องทำร้ายเคเดนขนาดนี้ เขาทำอะไรผิดไม่อยากคิดว่าเป็นเขา… ต้องไม่ใช่ฝีมือเขาสิหัวใจดวงน้อยเต้นแรงเพราะเผลอคิดไปว่าคนที่ทำเคเดนแบบนี้คือพี่ลีวาย แต่ก็มีอีกความคิดที่โต้เถียงว่าจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อพี่ลีวายอยู่ที่ไทย“คุณเป็นใคร”ฉันพิมพ์ถามไปเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนที่ข้อความจะถูกเปิดอ่านแต่ไร้การตอบกลับข้างในใจตอนนี้มันฟุ้งซ่านกระวนกระวายและกลัว กลัวว่าจะเป็นพี่ลีวายจริง ๆ คุณท่านก็ยังไม่กลับมา หากเป็นเขาจริง ๆ แล้วฉันจะทำยังไงเราจะเจอกันไม่ได้…เมื่อตั้งสติได้ฉันก็รีบขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง พร้อมล็อกประตูให้แน่นหนา ปิดหน้าต่างและผ้าม่านให้มิดชิด บอกตามตรงว่าตอนนี้มันรู้สึกระแวงจนนั่งไม่ติด ถึงกับสร่างเมาไปเลยฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเช็กว่าคนปริศนานั้นได้ตอบกลับหรือเปล่าแต่ก็ยังเงียบ เขามีคอนแท็กต์ของฉันได้ยังไง ต้องเป็นคนรู้จักสิตอนนี้ฉันลังเลว่าจะปลดบล็อกเบอร์ของพี่ลีวายดีไหมแล้วโทรไปถามตรง ๆ ว่าใช่เขาหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากทำแบบนั้นเลยไม่อยากคุยกับเขาอีกแ
“มาถึงที่นี่ต้องการอะไรคะ” “ทำไมจะมาไม่ได้ นี่บ้านของพ่อฉัน”ฉันถามเพราะอยากรู้เหตุผลของพี่ลีวายแต่ลืมคิดไปว่าคนอย่างเขามันไม่มีเหตุผล“คุณท่านจะกลับมาพรุ่งนี้ พี่ลีวายรีบกลับไปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพอถูกบ่นก็จะมาโทษมิลินอีก”“คิดว่าฉันจะโง่เชื่อคำโกหกของเธอหรือไง” พี่ลีวายตวาดถามเสียงเบา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา“…” ฉันเม้มปากแน่นเมื่อการอ้างคำนั้นไม่สามารถข่มขู่พี่ลีวายได้“เธอดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”“… ถ้าพี่ลีวายยังเป็นแบบนี้มิลินเปลี่ยนได้มากกว่านี้อีกค่ะ”“เพราะฉัน?” เขาขมวดคิ้วหนาก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขาเดินอ้อมเตียงมาทางฉัน “ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วเธอเองก็ยอมรับได้ไม่ใช่หรือไง”“ตอนนั้นรับได้ ตอนนี้อยากถอยมันก็ไม่แปลกนี่คะ”“… ฉันไม่ยอมให้เธอถอยง่าย ๆ หรอกนะมิลิน” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกนั้นทำให้ฉันเริ่มกลัว ก่อนจะถอยหลังหนีจนแผ่นหลังมาติดกับบานหน้าต่างฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ พยายามใจเย็น ก่อนจะพูด“ลงไปรอข้างล่างก่อนได้ไหมคะ มิลินแต่งตัวเสร็จแล้วจะตามไป”“ทำไมต้องลงไปข้างล่าง คุยกันบนเตียงน่าจะสะดวกกว่านะ”“…” ฉันเม้มปากพร้อมกำมือแน่นกับคำพูดที่บอกถึงความหมายชัดเจนอย่างไม่ปิดบังของพ
ไอ้ผู้ชายโรคจิต!!ฉันอยากจะเอ่ยคำนี้ใส่หน้าเขามาก ๆ แต่กลัวว่าพูดออกไปแล้วจะทำให้พี่ลีวายยิ่งโมโห สายตาคู่นั้นที่จ้องมองฉันอยู่มันทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณท้องน้อย“อย่ามองแบบนั้นนะ”“ทำไม? กลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้หรือไง”“…” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี“ของมันเคย ๆ สัมผัสนิดหน่อยไฟก็ปะทุแล้ว” ไม่พูดเปล่าพี่ลีวายยังใช้มือค่อย ๆ ลูบไล้บนเรียวแขนของฉัน“ซี๊ด~” ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้แต่เหมือนพี่ลีวายจะมีอารมณ์มาก ๆ ราวกับไม่ได้ทำเรื่องบนเตียงกับใครมาเป็นเวลานาน“บอกแล้วไงว่าสุดท้ายเธอก็ต้องยอมฉันอยู่ดี”ฉันนอนนิ่งให้พี่ลีวายลูบคลำไปตามร่างกายเพื่อตอกย้ำว่าเขาให้ค่าฉันแค่เรื่องบนเตียงก็เท่านั้น มันฟังโง่มากที่ฉันเสียใจ แต่ก็ดี เขามาเพื่อตอกย้ำว่าฉันควรถอยจริง ๆ เราสองคนไม่มีทางลงเอยกันได้“… ถ้าชอบผู้หญิงบริสุทธิ์อย่างพี่ลีวายคงหาได้ไม่ยากหรอกค่ะ” คำพูดของฉันทำให้คนที่ซุกไซ้ใบหน้าอยู่ตรงซอกคอชะงัก ก่อนจะเงยขึ้นมามอง “เธอหมายถึงอะไร?”“จำเป็นด้วยเหรอคะที่ต้องเป็นมิลิน”“… เพราะคนอื่นไม่ทำให้ฉันสะใจเท่าเธอ”“ที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอคะ ถึงขั้นตามมาทำเรื่องแบบนี้
ฉันรีบใส่เสื้อให้เรียบร้อยเป็นจังหวะเดียวกันกับพี่ลีวายที่สูบบุหรี่เสร็จพอดีเห็นว่าเขาเดินมายังตู้เสื้อผ้าตรงที่ฉันยืนอยู่จึงรีบถอยหนี แต่พี่ลีวายกลับไม่ได้สนใจฉันอย่างที่คิด เขาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วใช้สายตาสำรวจมองครู่ใหญ่ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบเอาชุดที่ฉันเพิ่งซื้อออกมา“ทำอะไรคะ”“เสื้อผ้าพวกนี้ห้ามใส่” เขาหันมาบอกเสียงแข็งก่อนจะฉีกชุดของฉันจนขาดลุ่ย“ปะ... เป็นบ้าหรือไง ชุดพวกนั้นราคาแพงมากนะคะ” ภาพที่เห็นทำให้ฉันตกใจเพราะไม่รู้ว่าพี่ลีวายเป็นอะไร มาฉีกเสื้อผ้าของฉันแบบนี้มันเกินไปแล้วพี่ลีวายไม่สนใจฉันจึงปล่อยให้ทำต่อไปโดยเมินเฉยใส่เหมือนกัน ฉีกได้ก็ฉีกไปซื้อใหม่ก็ได้“จะไปไหน” เสียงทุ้มตวาดถามฉันขณะที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง“ไปข้างนอกค่ะ”“ทำไม อึดอัดมากรึไง!!”อะไรของเขา!! ทำไมต้องจ้องหาเรื่องอยู่ตลอดเวลานี่มันดึกมากแล้ว ง่วงก็ง่วงยังจะต้องมารับมือกับความบ้าของพี่ลีวายอีก อยากให้เขากลับไทยไปวันนี้เลย“ใช่ค่ะมิลินอึดอัดมาก”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะพุ่งปรี่มากระชากแขนฉัน เขาไม่เคยนุ่มนวลเลยทุกครั้งที่เจอหน้ากันฉันต้องเจ็บตัวตลอด“พูดมาว่าเธอจะเลิกทำตัวแบบนั้น”“แบบไหนเ
คำขู่ของพี่ลีวายมันทำให้ฉันกลัวแต่คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าแสดงออกเขาก็จะรู้ จึงต้องรีบตอบกลับ “มิลินไม่อยากจำอะไรทั้งนั้น”พี่ลีวายขบกรามแน่น ก่อนจะพูด “ก็ลองท้าทายฉันดูอีกครั้งสิ”เขาพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไปจากห้อง ยอมกลับไปง่าย ๆ แบบนี้แปลว่ามีเรื่องด่วนมากจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะสงสัยแต่ฉันก็โล่งใจที่พี่ลีวายกลับไปเร็วขนาดนี้ จะได้นอนหลับแบบเต็มตาไม่ใช่เอาแต่คอยระแวงเมื่อแน่ใจว่าพี่ลีวายกลับไปแล้วจริง ๆ ฉันก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงพลางมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าพี่ลีวายเป็นอะไร การเจอกันครั้งนี้มันทำให้รู้สึกว่าเขาหวงฉัน ทั้งสั่งห้ามเรื่องผู้ชายและเรื่องการแต่งตัว ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย แถมตอนที่เกือบจะพลาดท่าเขายังยอมหยุดเพียงเพราะคำขู่ของฉัน“ทำไมต้องคิดถึงคนแบบนั้นด้วย”“จำเอาไว้สิมิลินว่าเขาทำอะไรเอาไว้บ้าง เขาใจร้ายขนาดไหน”ฉันพูดเพื่อเตือนสติของตัวเองก่อนจะลบความคิดบ้า ๆ ออกจากหัวแล้วข่มตานอน#วันต่อมาฉันลืมตาตื่นขึ้นแล้วจ้องมองเพดานที่จุดเดิม ราวกับเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นเพียงความฝันอยากจะไปเยี่ยมเคเดนเพราะต้นเหตุที่ทำให้
Talk มิลิน“กรี๊ด!!” ฉันส่งเสียงกรี๊ดออกมาดังลั่นเมื่อรถเกือบชนท้ายคันอื่น เพราะไม่ชินที่ต้องมาขับรถทางซ้าย อีกอย่างตอนอยู่ไทยก็แทบไม่ได้ขับรถเองเลยกว่าจะขับมาถึงร้านเสื้อผ้าค่อนข้างใช้เวลานานพอสมควร เพราะฉันขับรถช้าหลังจากซื้อเสื้อผ้าแล้วก็แวะหาอะไรกินสักหน่อย เหมือนฉันจะเริ่มชินกับการทำอะไรคนเดียว ไม่ใช่ว่าเก่งแต่ไม่รู้จะคุยหรือปรึกษาใครเพราะไม่มีเพื่อนเลย กลับไทยคราวนี้คงต้องหาเพื่อนสักคน ฉันเบื่อที่ต้องไปไหนมาไหนคนเดียวแล้วจริง ๆ“ผมก็ว่าทำไมถึงคุ้น ๆ” จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายพูดภาษาไทย และนั่งตรงหน้าฉันที่กำลังก้มหน้ากินสปาเกตตีอยู่พอเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงมันก็ทำให้ฉันตกใจพอสมควร เพราะไม่คิดว่าเราจะเจอกันที่นี่ “ท… แทน”“ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอครับที่เห็นหน้าผม”“ปะ… เปล่าแค่แปลกใจน่ะ”“พี่มิลินใจร้ายมากเลยนะที่หายไปแบบนั้น รู้ไหมว่าผมโคตรเสียใจ” มันแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อแทนพูดแบบนี้ เหมือนเขาตั้งใจมาเจอฉันเพื่อระบายความอึดอัดภายในใจ“ขอโทษนะแทนพี่ไม่อยาก…”“ช่างมันเถอะผมไม่อยากถูกปฏิเสธ ห้ามเอ่ยคำนั้นออกมา” แทนทำหน้าบึ้งไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ทำไมเขาถึงโผล่มาทำให้ฉันแปลกใจขน
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ