เพราะไม่คิดว่าจะเป็นพี่ลีวายจึงรับสาย ฉันน่าจะฉุกคิดได้ว่าคงไม่มีใครที่บ้าโทรมาหลายสายขนาดนี้“ขอตัวสักครู่นะคะ” ฉันบอกผู้ชายลูกครึ่งที่มาขอชนแก้ว จากนั้นก็รีบเดินไปยังห้องน้ำโดยที่ถือสายของพี่ลีวายอยู่“ดูออกด้วยเหรอคะว่าตอนนี้มิลินมีความสุขมาก” เมื่อดึงสติของตัวเองกลับมาได้ฉันก็ตั้งคำถามกลับทันที(เธอต้องการแบบนี้สินะ เขี่ยฉันออกให้พ้นทางเพื่อจะได้หลอกเอาสมบัติจากพ่อของฉันง่าย ๆ)ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อได้ยินพี่ลีวายพูดแบบนั้น เขาก็แค่โมโหแล้วหาเรื่องไปทั่ว“เคยโทษตัวเองบ้างไหมคะ”(ฉันไม่ได้ผิดอะไร)ฉันรู้ว่าการคุยกับพี่ลีวายมันทำให้ปวดหัวและหงุดหงิด เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองผิด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ความผิดทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่ฉัน“… อย่าโทรมาหามิลินอีกเลยนะคะ… ต่อไปนี้มิลินจะไม่รับสายเบอร์แปลกอีก”(เมื่อกี้… เสียงใคร) ขณะที่ฉันกำลังจะวางสายพี่ลีวายก็ถามคำ ๆ หนึ่งออกมา“ต้องบอกด้วยเหรอคะว่าเสียงใคร” ฉันตอบกลับอย่างยียวน “อาจจะเป็นคู่ขาคนใหม่ของมิลินมั้งคะ”ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากปลายสายไปครู่ใหญ่ ก่อนจะมีเสียงเย็นถามขึ้น (เธอกล้าทำ?)“กล้าสิคะ ทำไมจะไม่กล้า!!” ฉันบอกเสีย
ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง ก่อนจะฉุกคิดว่าใครคือคนที่ส่งข้อความมา บุคคลปริศนาคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมต้องทำร้ายเคเดนขนาดนี้ เขาทำอะไรผิดไม่อยากคิดว่าเป็นเขา… ต้องไม่ใช่ฝีมือเขาสิหัวใจดวงน้อยเต้นแรงเพราะเผลอคิดไปว่าคนที่ทำเคเดนแบบนี้คือพี่ลีวาย แต่ก็มีอีกความคิดที่โต้เถียงว่าจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อพี่ลีวายอยู่ที่ไทย“คุณเป็นใคร”ฉันพิมพ์ถามไปเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนที่ข้อความจะถูกเปิดอ่านแต่ไร้การตอบกลับข้างในใจตอนนี้มันฟุ้งซ่านกระวนกระวายและกลัว กลัวว่าจะเป็นพี่ลีวายจริง ๆ คุณท่านก็ยังไม่กลับมา หากเป็นเขาจริง ๆ แล้วฉันจะทำยังไงเราจะเจอกันไม่ได้…เมื่อตั้งสติได้ฉันก็รีบขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง พร้อมล็อกประตูให้แน่นหนา ปิดหน้าต่างและผ้าม่านให้มิดชิด บอกตามตรงว่าตอนนี้มันรู้สึกระแวงจนนั่งไม่ติด ถึงกับสร่างเมาไปเลยฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเช็กว่าคนปริศนานั้นได้ตอบกลับหรือเปล่าแต่ก็ยังเงียบ เขามีคอนแท็กต์ของฉันได้ยังไง ต้องเป็นคนรู้จักสิตอนนี้ฉันลังเลว่าจะปลดบล็อกเบอร์ของพี่ลีวายดีไหมแล้วโทรไปถามตรง ๆ ว่าใช่เขาหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากทำแบบนั้นเลยไม่อยากคุยกับเขาอีกแ
“มาถึงที่นี่ต้องการอะไรคะ” “ทำไมจะมาไม่ได้ นี่บ้านของพ่อฉัน”ฉันถามเพราะอยากรู้เหตุผลของพี่ลีวายแต่ลืมคิดไปว่าคนอย่างเขามันไม่มีเหตุผล“คุณท่านจะกลับมาพรุ่งนี้ พี่ลีวายรีบกลับไปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพอถูกบ่นก็จะมาโทษมิลินอีก”“คิดว่าฉันจะโง่เชื่อคำโกหกของเธอหรือไง” พี่ลีวายตวาดถามเสียงเบา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา“…” ฉันเม้มปากแน่นเมื่อการอ้างคำนั้นไม่สามารถข่มขู่พี่ลีวายได้“เธอดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”“… ถ้าพี่ลีวายยังเป็นแบบนี้มิลินเปลี่ยนได้มากกว่านี้อีกค่ะ”“เพราะฉัน?” เขาขมวดคิ้วหนาก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขาเดินอ้อมเตียงมาทางฉัน “ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วเธอเองก็ยอมรับได้ไม่ใช่หรือไง”“ตอนนั้นรับได้ ตอนนี้อยากถอยมันก็ไม่แปลกนี่คะ”“… ฉันไม่ยอมให้เธอถอยง่าย ๆ หรอกนะมิลิน” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกนั้นทำให้ฉันเริ่มกลัว ก่อนจะถอยหลังหนีจนแผ่นหลังมาติดกับบานหน้าต่างฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ พยายามใจเย็น ก่อนจะพูด“ลงไปรอข้างล่างก่อนได้ไหมคะ มิลินแต่งตัวเสร็จแล้วจะตามไป”“ทำไมต้องลงไปข้างล่าง คุยกันบนเตียงน่าจะสะดวกกว่านะ”“…” ฉันเม้มปากพร้อมกำมือแน่นกับคำพูดที่บอกถึงความหมายชัดเจนอย่างไม่ปิดบังของพ
ไอ้ผู้ชายโรคจิต!!ฉันอยากจะเอ่ยคำนี้ใส่หน้าเขามาก ๆ แต่กลัวว่าพูดออกไปแล้วจะทำให้พี่ลีวายยิ่งโมโห สายตาคู่นั้นที่จ้องมองฉันอยู่มันทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณท้องน้อย“อย่ามองแบบนั้นนะ”“ทำไม? กลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้หรือไง”“…” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี“ของมันเคย ๆ สัมผัสนิดหน่อยไฟก็ปะทุแล้ว” ไม่พูดเปล่าพี่ลีวายยังใช้มือค่อย ๆ ลูบไล้บนเรียวแขนของฉัน“ซี๊ด~” ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้แต่เหมือนพี่ลีวายจะมีอารมณ์มาก ๆ ราวกับไม่ได้ทำเรื่องบนเตียงกับใครมาเป็นเวลานาน“บอกแล้วไงว่าสุดท้ายเธอก็ต้องยอมฉันอยู่ดี”ฉันนอนนิ่งให้พี่ลีวายลูบคลำไปตามร่างกายเพื่อตอกย้ำว่าเขาให้ค่าฉันแค่เรื่องบนเตียงก็เท่านั้น มันฟังโง่มากที่ฉันเสียใจ แต่ก็ดี เขามาเพื่อตอกย้ำว่าฉันควรถอยจริง ๆ เราสองคนไม่มีทางลงเอยกันได้“… ถ้าชอบผู้หญิงบริสุทธิ์อย่างพี่ลีวายคงหาได้ไม่ยากหรอกค่ะ” คำพูดของฉันทำให้คนที่ซุกไซ้ใบหน้าอยู่ตรงซอกคอชะงัก ก่อนจะเงยขึ้นมามอง “เธอหมายถึงอะไร?”“จำเป็นด้วยเหรอคะที่ต้องเป็นมิลิน”“… เพราะคนอื่นไม่ทำให้ฉันสะใจเท่าเธอ”“ที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอคะ ถึงขั้นตามมาทำเรื่องแบบนี้
ฉันรีบใส่เสื้อให้เรียบร้อยเป็นจังหวะเดียวกันกับพี่ลีวายที่สูบบุหรี่เสร็จพอดีเห็นว่าเขาเดินมายังตู้เสื้อผ้าตรงที่ฉันยืนอยู่จึงรีบถอยหนี แต่พี่ลีวายกลับไม่ได้สนใจฉันอย่างที่คิด เขาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วใช้สายตาสำรวจมองครู่ใหญ่ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบเอาชุดที่ฉันเพิ่งซื้อออกมา“ทำอะไรคะ”“เสื้อผ้าพวกนี้ห้ามใส่” เขาหันมาบอกเสียงแข็งก่อนจะฉีกชุดของฉันจนขาดลุ่ย“ปะ... เป็นบ้าหรือไง ชุดพวกนั้นราคาแพงมากนะคะ” ภาพที่เห็นทำให้ฉันตกใจเพราะไม่รู้ว่าพี่ลีวายเป็นอะไร มาฉีกเสื้อผ้าของฉันแบบนี้มันเกินไปแล้วพี่ลีวายไม่สนใจฉันจึงปล่อยให้ทำต่อไปโดยเมินเฉยใส่เหมือนกัน ฉีกได้ก็ฉีกไปซื้อใหม่ก็ได้“จะไปไหน” เสียงทุ้มตวาดถามฉันขณะที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง“ไปข้างนอกค่ะ”“ทำไม อึดอัดมากรึไง!!”อะไรของเขา!! ทำไมต้องจ้องหาเรื่องอยู่ตลอดเวลานี่มันดึกมากแล้ว ง่วงก็ง่วงยังจะต้องมารับมือกับความบ้าของพี่ลีวายอีก อยากให้เขากลับไทยไปวันนี้เลย“ใช่ค่ะมิลินอึดอัดมาก”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะพุ่งปรี่มากระชากแขนฉัน เขาไม่เคยนุ่มนวลเลยทุกครั้งที่เจอหน้ากันฉันต้องเจ็บตัวตลอด“พูดมาว่าเธอจะเลิกทำตัวแบบนั้น”“แบบไหนเ
คำขู่ของพี่ลีวายมันทำให้ฉันกลัวแต่คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าแสดงออกเขาก็จะรู้ จึงต้องรีบตอบกลับ “มิลินไม่อยากจำอะไรทั้งนั้น”พี่ลีวายขบกรามแน่น ก่อนจะพูด “ก็ลองท้าทายฉันดูอีกครั้งสิ”เขาพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไปจากห้อง ยอมกลับไปง่าย ๆ แบบนี้แปลว่ามีเรื่องด่วนมากจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะสงสัยแต่ฉันก็โล่งใจที่พี่ลีวายกลับไปเร็วขนาดนี้ จะได้นอนหลับแบบเต็มตาไม่ใช่เอาแต่คอยระแวงเมื่อแน่ใจว่าพี่ลีวายกลับไปแล้วจริง ๆ ฉันก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงพลางมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าพี่ลีวายเป็นอะไร การเจอกันครั้งนี้มันทำให้รู้สึกว่าเขาหวงฉัน ทั้งสั่งห้ามเรื่องผู้ชายและเรื่องการแต่งตัว ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย แถมตอนที่เกือบจะพลาดท่าเขายังยอมหยุดเพียงเพราะคำขู่ของฉัน“ทำไมต้องคิดถึงคนแบบนั้นด้วย”“จำเอาไว้สิมิลินว่าเขาทำอะไรเอาไว้บ้าง เขาใจร้ายขนาดไหน”ฉันพูดเพื่อเตือนสติของตัวเองก่อนจะลบความคิดบ้า ๆ ออกจากหัวแล้วข่มตานอน#วันต่อมาฉันลืมตาตื่นขึ้นแล้วจ้องมองเพดานที่จุดเดิม ราวกับเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นเพียงความฝันอยากจะไปเยี่ยมเคเดนเพราะต้นเหตุที่ทำให้
Talk มิลิน“กรี๊ด!!” ฉันส่งเสียงกรี๊ดออกมาดังลั่นเมื่อรถเกือบชนท้ายคันอื่น เพราะไม่ชินที่ต้องมาขับรถทางซ้าย อีกอย่างตอนอยู่ไทยก็แทบไม่ได้ขับรถเองเลยกว่าจะขับมาถึงร้านเสื้อผ้าค่อนข้างใช้เวลานานพอสมควร เพราะฉันขับรถช้าหลังจากซื้อเสื้อผ้าแล้วก็แวะหาอะไรกินสักหน่อย เหมือนฉันจะเริ่มชินกับการทำอะไรคนเดียว ไม่ใช่ว่าเก่งแต่ไม่รู้จะคุยหรือปรึกษาใครเพราะไม่มีเพื่อนเลย กลับไทยคราวนี้คงต้องหาเพื่อนสักคน ฉันเบื่อที่ต้องไปไหนมาไหนคนเดียวแล้วจริง ๆ“ผมก็ว่าทำไมถึงคุ้น ๆ” จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายพูดภาษาไทย และนั่งตรงหน้าฉันที่กำลังก้มหน้ากินสปาเกตตีอยู่พอเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงมันก็ทำให้ฉันตกใจพอสมควร เพราะไม่คิดว่าเราจะเจอกันที่นี่ “ท… แทน”“ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอครับที่เห็นหน้าผม”“ปะ… เปล่าแค่แปลกใจน่ะ”“พี่มิลินใจร้ายมากเลยนะที่หายไปแบบนั้น รู้ไหมว่าผมโคตรเสียใจ” มันแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อแทนพูดแบบนี้ เหมือนเขาตั้งใจมาเจอฉันเพื่อระบายความอึดอัดภายในใจ“ขอโทษนะแทนพี่ไม่อยาก…”“ช่างมันเถอะผมไม่อยากถูกปฏิเสธ ห้ามเอ่ยคำนั้นออกมา” แทนทำหน้าบึ้งไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ทำไมเขาถึงโผล่มาทำให้ฉันแปลกใจขน
กลับมาที่บ้าน ก็เห็นว่าคุณท่านกลับมาแล้วทำให้ใจชื้นขึ้นมามาก ๆ อย่างน้อย ๆ ตอนนี้พี่ลีวายก็ไม่สามารถบุกมาที่บ้านได้อีก“เป็นยังไงบ้างฉันไม่อยู่เหงาหรือเปล่า ได้ข่าวว่าตาคัลเลนก็กลับไทยไปแล้ว” มันรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งเวลาคุณท่านมองฉันด้วยสายตาเอ็นดูแบบนี้ เพราะนอกจากแม่แล้วก็ไม่มีใครมองฉันอย่างนั้นเลย“หนูคิดถึงคุณท่านมาก ๆ เลยค่ะ ^_^”“ฉันจัดการไอ้ลูกชายตัวดีเรียบร้อยแล้ว มันคงไม่กล้ามาก่อกวนหนูอีก”รอยยิ้มบนใบหน้าของฉันหายไปเมื่อได้ยินคุณท่านบอกแบบนั้น ดูเหมือนการมาของพี่ลีวายจะต้องการบอกเป็นนัย ๆ ว่าเขาไม่ได้กลัวคุณท่านเลยสักนิด แต่ฉันก็ไม่อยากบอกเรื่องที่เขามาที่นี่เพราะไม่อยากให้คุณท่านไปต่อว่าพี่ลีวายอีก ความจริงคือฉันเป็นคนนอกแค่โชคดีที่คุณท่านรักและเอ็นดูขนาดนี้ แต่กับพี่ลีวายเขาคือลูกชายแท้ ๆวันต่อมาวันนี้บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมคล้ายฝนจะตก เมืองที่นี่เงียบสงบมองไปทางไหนก็ดูสบายตาไปหมด เหมาะกับการมาฮีลใจจริง ๆ“หนูมิลินมีคนมาหาน่ะ” เสียงป้าแม่บ้านเรียกบอกฉันที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่“ใครเหรอคะป้า”ไม่รู้ว่าใครมาทำให้ฉันงุนงงแปลกใจเพราะนี่ไม่ใช่ประเทศไทยแน่นอนว่าฉันไม่มีคนรู้จั