—-Talk ลีวาย—ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่น เมื่อโทรหามิลินแล้วเธอไม่รับ แถมยังไม่กลัวคำขู่ของผมอีก ปีกกล้าขาแข็งมาจากไหน!!คิดว่าผมจะเชื่อเหรอ ว่าเธอไม่กลัวอย่างปากว่า แค่ทำเป็นเก่งต่อหน้าผมก็เท่านั้น และผมก็ไม่ได้เดือดร้อนใจอะไรกับที่เธอบอกให้รับให้ได้บ้างแล้วกัน แต่แค่หงุดหงิดที่เธอไม่ยอมง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อนก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิด เพราะเรื่องมิลินแม่งทำให้หมดอารมณ์กับทุกอย่าง ทั้งเที่ยว ดื่ม หรือแม้แต่เรื่องผู้หญิง มันน่าหงุดหงิดฉิบหายตั้งแต่มิลินไปผมก็แทบไม่อยากจะคุยหรือยุ่งกับผู้หญิงที่ไหน ถึงจะนึกมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแต่พอคิดว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่เธอแล้วมันก็หดนี่ผมกำลังติดใจเธอจริง ๆ เหรอ หึ! ไม่มีทาง ผมก็แค่หัวเสียเกินไปเพราะเธอทำเป็นสู้กลับก็เท่านั้นแหละ คนอย่างผมไม่มีทางรู้สึกอะไรกับเธอหรอก#วันต่อมาตื่นนอนเสร็จ ผมก็อาบน้ำแต่งตัว พยายามลบเรื่องมิลินออกจากหัวและไม่นึกถึงมันอีก จากนั้นก็ออกไปซื้อของมาจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่บ้านริมสระไม่ใช่เป็นการจัดปาร์ตี้ธรรมดาแต่ผมจ้างผู้หญิงตัวท็อปของทุกร้านมา เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองหมดอารมณ์กับผู้หญิงจริงรึเปล่าหมายถึงผู้หญิงค
พ่อมองหน้าผมเหมือนหมดคำที่จะพูดต่อ ก่อนจะเดินไปไล่พวกผู้หญิงที่ผมเรียกมา ซึ่งผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว“เตรียมตัวจัดการธุระให้เสร็จภายในเดือนนี้ซะ และหวังว่าแกจะไม่ขัดคำสั่งของฉัน” พ่อเดินกลับมาพร้อมสั่งเสียงกร้าวก่อนจะหันหลังให้“จะไปไหนครับ”“กลับต่างประเทศ”“หึ! พ่อมาแค่เรื่องนี้เองสินะ” ผมใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดที่รู้ว่าพ่อมาเพื่อจะต่อว่าเรื่องแค่นี้“ใช่!! เพราะฉันโทรมาแล้วแกไม่รับ ถึงได้ต้องมาถึงที่นี่ไง!! ต่อไปนี้เลิกทำให้ฉันหนักใจสักที”“เพราะเด็กนั่นที่ทำให้พ่อหงุดหงิดผมขนาดนี้”“หนูมิลินเสียใจกับการกระทำของแกขนาดไหน ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง”“…”“คอยดูเถอะ แกจะคิดได้ในวันที่หนูมิลินไม่สนใจแกแล้ว ถึงวันนั้นตัวแกเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายรู้สึกผิด”“ทำไมต้องรู้สึกผิด ผมทำอะไรผิดครับ?”“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคลิปนั่นมันเป็นคลิปตัดต่อ ฉันให้ลูกน้องสืบแล้ว แกนี่มันทำได้ทุกอย่างจริง ๆ”“บ่นเสร็จแล้วใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว”“จะไปไหน!!”“ออกไปข้างนอกครับ”“กลับมาเดี๋ยวนี้!! ฉันสั่งให้แกกลับมา!!”ผมไม่สนใจคำที่ตวาดตามหลังของพ่อ ก่อนจะเหยียบคันเร่งรถขับออกจากบ้านด
เพราะไม่คิดว่าจะเป็นพี่ลีวายจึงรับสาย ฉันน่าจะฉุกคิดได้ว่าคงไม่มีใครที่บ้าโทรมาหลายสายขนาดนี้“ขอตัวสักครู่นะคะ” ฉันบอกผู้ชายลูกครึ่งที่มาขอชนแก้ว จากนั้นก็รีบเดินไปยังห้องน้ำโดยที่ถือสายของพี่ลีวายอยู่“ดูออกด้วยเหรอคะว่าตอนนี้มิลินมีความสุขมาก” เมื่อดึงสติของตัวเองกลับมาได้ฉันก็ตั้งคำถามกลับทันที(เธอต้องการแบบนี้สินะ เขี่ยฉันออกให้พ้นทางเพื่อจะได้หลอกเอาสมบัติจากพ่อของฉันง่าย ๆ)ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อได้ยินพี่ลีวายพูดแบบนั้น เขาก็แค่โมโหแล้วหาเรื่องไปทั่ว“เคยโทษตัวเองบ้างไหมคะ”(ฉันไม่ได้ผิดอะไร)ฉันรู้ว่าการคุยกับพี่ลีวายมันทำให้ปวดหัวและหงุดหงิด เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองผิด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ความผิดทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่ฉัน“… อย่าโทรมาหามิลินอีกเลยนะคะ… ต่อไปนี้มิลินจะไม่รับสายเบอร์แปลกอีก”(เมื่อกี้… เสียงใคร) ขณะที่ฉันกำลังจะวางสายพี่ลีวายก็ถามคำ ๆ หนึ่งออกมา“ต้องบอกด้วยเหรอคะว่าเสียงใคร” ฉันตอบกลับอย่างยียวน “อาจจะเป็นคู่ขาคนใหม่ของมิลินมั้งคะ”ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากปลายสายไปครู่ใหญ่ ก่อนจะมีเสียงเย็นถามขึ้น (เธอกล้าทำ?)“กล้าสิคะ ทำไมจะไม่กล้า!!” ฉันบอกเสีย
ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง ก่อนจะฉุกคิดว่าใครคือคนที่ส่งข้อความมา บุคคลปริศนาคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมต้องทำร้ายเคเดนขนาดนี้ เขาทำอะไรผิดไม่อยากคิดว่าเป็นเขา… ต้องไม่ใช่ฝีมือเขาสิหัวใจดวงน้อยเต้นแรงเพราะเผลอคิดไปว่าคนที่ทำเคเดนแบบนี้คือพี่ลีวาย แต่ก็มีอีกความคิดที่โต้เถียงว่าจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อพี่ลีวายอยู่ที่ไทย“คุณเป็นใคร”ฉันพิมพ์ถามไปเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนที่ข้อความจะถูกเปิดอ่านแต่ไร้การตอบกลับข้างในใจตอนนี้มันฟุ้งซ่านกระวนกระวายและกลัว กลัวว่าจะเป็นพี่ลีวายจริง ๆ คุณท่านก็ยังไม่กลับมา หากเป็นเขาจริง ๆ แล้วฉันจะทำยังไงเราจะเจอกันไม่ได้…เมื่อตั้งสติได้ฉันก็รีบขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง พร้อมล็อกประตูให้แน่นหนา ปิดหน้าต่างและผ้าม่านให้มิดชิด บอกตามตรงว่าตอนนี้มันรู้สึกระแวงจนนั่งไม่ติด ถึงกับสร่างเมาไปเลยฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเช็กว่าคนปริศนานั้นได้ตอบกลับหรือเปล่าแต่ก็ยังเงียบ เขามีคอนแท็กต์ของฉันได้ยังไง ต้องเป็นคนรู้จักสิตอนนี้ฉันลังเลว่าจะปลดบล็อกเบอร์ของพี่ลีวายดีไหมแล้วโทรไปถามตรง ๆ ว่าใช่เขาหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากทำแบบนั้นเลยไม่อยากคุยกับเขาอีกแ
“มาถึงที่นี่ต้องการอะไรคะ” “ทำไมจะมาไม่ได้ นี่บ้านของพ่อฉัน”ฉันถามเพราะอยากรู้เหตุผลของพี่ลีวายแต่ลืมคิดไปว่าคนอย่างเขามันไม่มีเหตุผล“คุณท่านจะกลับมาพรุ่งนี้ พี่ลีวายรีบกลับไปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพอถูกบ่นก็จะมาโทษมิลินอีก”“คิดว่าฉันจะโง่เชื่อคำโกหกของเธอหรือไง” พี่ลีวายตวาดถามเสียงเบา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา“…” ฉันเม้มปากแน่นเมื่อการอ้างคำนั้นไม่สามารถข่มขู่พี่ลีวายได้“เธอดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”“… ถ้าพี่ลีวายยังเป็นแบบนี้มิลินเปลี่ยนได้มากกว่านี้อีกค่ะ”“เพราะฉัน?” เขาขมวดคิ้วหนาก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขาเดินอ้อมเตียงมาทางฉัน “ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วเธอเองก็ยอมรับได้ไม่ใช่หรือไง”“ตอนนั้นรับได้ ตอนนี้อยากถอยมันก็ไม่แปลกนี่คะ”“… ฉันไม่ยอมให้เธอถอยง่าย ๆ หรอกนะมิลิน” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกนั้นทำให้ฉันเริ่มกลัว ก่อนจะถอยหลังหนีจนแผ่นหลังมาติดกับบานหน้าต่างฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ พยายามใจเย็น ก่อนจะพูด“ลงไปรอข้างล่างก่อนได้ไหมคะ มิลินแต่งตัวเสร็จแล้วจะตามไป”“ทำไมต้องลงไปข้างล่าง คุยกันบนเตียงน่าจะสะดวกกว่านะ”“…” ฉันเม้มปากพร้อมกำมือแน่นกับคำพูดที่บอกถึงความหมายชัดเจนอย่างไม่ปิดบังของพ
ไอ้ผู้ชายโรคจิต!!ฉันอยากจะเอ่ยคำนี้ใส่หน้าเขามาก ๆ แต่กลัวว่าพูดออกไปแล้วจะทำให้พี่ลีวายยิ่งโมโห สายตาคู่นั้นที่จ้องมองฉันอยู่มันทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณท้องน้อย“อย่ามองแบบนั้นนะ”“ทำไม? กลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้หรือไง”“…” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี“ของมันเคย ๆ สัมผัสนิดหน่อยไฟก็ปะทุแล้ว” ไม่พูดเปล่าพี่ลีวายยังใช้มือค่อย ๆ ลูบไล้บนเรียวแขนของฉัน“ซี๊ด~” ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้แต่เหมือนพี่ลีวายจะมีอารมณ์มาก ๆ ราวกับไม่ได้ทำเรื่องบนเตียงกับใครมาเป็นเวลานาน“บอกแล้วไงว่าสุดท้ายเธอก็ต้องยอมฉันอยู่ดี”ฉันนอนนิ่งให้พี่ลีวายลูบคลำไปตามร่างกายเพื่อตอกย้ำว่าเขาให้ค่าฉันแค่เรื่องบนเตียงก็เท่านั้น มันฟังโง่มากที่ฉันเสียใจ แต่ก็ดี เขามาเพื่อตอกย้ำว่าฉันควรถอยจริง ๆ เราสองคนไม่มีทางลงเอยกันได้“… ถ้าชอบผู้หญิงบริสุทธิ์อย่างพี่ลีวายคงหาได้ไม่ยากหรอกค่ะ” คำพูดของฉันทำให้คนที่ซุกไซ้ใบหน้าอยู่ตรงซอกคอชะงัก ก่อนจะเงยขึ้นมามอง “เธอหมายถึงอะไร?”“จำเป็นด้วยเหรอคะที่ต้องเป็นมิลิน”“… เพราะคนอื่นไม่ทำให้ฉันสะใจเท่าเธอ”“ที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอคะ ถึงขั้นตามมาทำเรื่องแบบนี้
ฉันรีบใส่เสื้อให้เรียบร้อยเป็นจังหวะเดียวกันกับพี่ลีวายที่สูบบุหรี่เสร็จพอดีเห็นว่าเขาเดินมายังตู้เสื้อผ้าตรงที่ฉันยืนอยู่จึงรีบถอยหนี แต่พี่ลีวายกลับไม่ได้สนใจฉันอย่างที่คิด เขาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วใช้สายตาสำรวจมองครู่ใหญ่ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบเอาชุดที่ฉันเพิ่งซื้อออกมา“ทำอะไรคะ”“เสื้อผ้าพวกนี้ห้ามใส่” เขาหันมาบอกเสียงแข็งก่อนจะฉีกชุดของฉันจนขาดลุ่ย“ปะ... เป็นบ้าหรือไง ชุดพวกนั้นราคาแพงมากนะคะ” ภาพที่เห็นทำให้ฉันตกใจเพราะไม่รู้ว่าพี่ลีวายเป็นอะไร มาฉีกเสื้อผ้าของฉันแบบนี้มันเกินไปแล้วพี่ลีวายไม่สนใจฉันจึงปล่อยให้ทำต่อไปโดยเมินเฉยใส่เหมือนกัน ฉีกได้ก็ฉีกไปซื้อใหม่ก็ได้“จะไปไหน” เสียงทุ้มตวาดถามฉันขณะที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง“ไปข้างนอกค่ะ”“ทำไม อึดอัดมากรึไง!!”อะไรของเขา!! ทำไมต้องจ้องหาเรื่องอยู่ตลอดเวลานี่มันดึกมากแล้ว ง่วงก็ง่วงยังจะต้องมารับมือกับความบ้าของพี่ลีวายอีก อยากให้เขากลับไทยไปวันนี้เลย“ใช่ค่ะมิลินอึดอัดมาก”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะพุ่งปรี่มากระชากแขนฉัน เขาไม่เคยนุ่มนวลเลยทุกครั้งที่เจอหน้ากันฉันต้องเจ็บตัวตลอด“พูดมาว่าเธอจะเลิกทำตัวแบบนั้น”“แบบไหนเ
คำขู่ของพี่ลีวายมันทำให้ฉันกลัวแต่คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าแสดงออกเขาก็จะรู้ จึงต้องรีบตอบกลับ “มิลินไม่อยากจำอะไรทั้งนั้น”พี่ลีวายขบกรามแน่น ก่อนจะพูด “ก็ลองท้าทายฉันดูอีกครั้งสิ”เขาพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไปจากห้อง ยอมกลับไปง่าย ๆ แบบนี้แปลว่ามีเรื่องด่วนมากจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะสงสัยแต่ฉันก็โล่งใจที่พี่ลีวายกลับไปเร็วขนาดนี้ จะได้นอนหลับแบบเต็มตาไม่ใช่เอาแต่คอยระแวงเมื่อแน่ใจว่าพี่ลีวายกลับไปแล้วจริง ๆ ฉันก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงพลางมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าพี่ลีวายเป็นอะไร การเจอกันครั้งนี้มันทำให้รู้สึกว่าเขาหวงฉัน ทั้งสั่งห้ามเรื่องผู้ชายและเรื่องการแต่งตัว ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย แถมตอนที่เกือบจะพลาดท่าเขายังยอมหยุดเพียงเพราะคำขู่ของฉัน“ทำไมต้องคิดถึงคนแบบนั้นด้วย”“จำเอาไว้สิมิลินว่าเขาทำอะไรเอาไว้บ้าง เขาใจร้ายขนาดไหน”ฉันพูดเพื่อเตือนสติของตัวเองก่อนจะลบความคิดบ้า ๆ ออกจากหัวแล้วข่มตานอน#วันต่อมาฉันลืมตาตื่นขึ้นแล้วจ้องมองเพดานที่จุดเดิม ราวกับเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นเพียงความฝันอยากจะไปเยี่ยมเคเดนเพราะต้นเหตุที่ทำให้
สี่เดือนผ่านไปหลังจากที่พูดเรื่องแต่งครั้งนั้นก็ไม่ได้พูดถึงอีกเลยเพราะฉันยุ่งเรื่องเรียน ส่วนพี่ลีวายก็ยุ่งเรื่องงานที่บริษัท เอาจริง ๆ คือเราแทบไม่เจอกันเลยด้วยซ้ำเพราะโทรหากันบ่อยมากกว่าไปเจอฉันไม่ยอมย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน เพราะคอนโดมันใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่า ทั้งที่คุณท่านและพี่ลีวายก็ขอให้ย้ายกลับไป แต่คิดว่าอีกไม่ถึงสองเดือนก็จะเรียนจบแล้วฉันจึงขออยู่ให้ถึงเรียนจบเลยดีกว่านี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่พี่ลีวายว่างมารอรับที่มหาวิทยาลัย เพราะปกติเขางานยุ่งแทบไม่มีเวลาปลีกตัวทำอะไรเลยไหนจะต้องบินไปฮ่องกงบ่อย ๆ อีก“มิลิน ๆ งานโปรเจกต์ที่จะทำด้วยกันจะนัดทำที่ไหนดี” อาตถามเพราะอาจารย์จับคู่ให้เขาสองคน“อาตสะดวกที่ไหน ถ้าบ้านมิลินคงต้องขออนุญาตคุณท่านก่อน”“ที่บ้านมิลินก็ได้เพราะถ้าทำที่บ้านเราเดี๋ยวเธออึดอัด มันไม่เหมาะสมด้วย” อาตค่อนข้างวางตัวดี ยังจำได้ว่าตอนนั้นเขาเกือบจะจีบฉัน แต่มีน้องแทนมาตัดหน้าซะก่อนพูดถึงน้องแทนตอนนี้เขาย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว นาน ๆ ทีจะส่งข้อความมาคุยกัน พอถามเรื่องหัวใจก็บอกว่ามีดู ๆ อยู่บ้าง ฉันดีใจนะที่ตอนนี้แทนยอมเปิดโอกาสให้ตัวเองแล้ว
กว่าจะโอ๋ให้พี่ลีวายหยุดร้องไห้ได้ก็นานพอสมควร เขาคงรู้สึกผิดและเข็ดหลาบแล้วจริง ๆ แต่ตอนนี้นี่สิ นั่งกอดฉันไว้บนตักไม่ยอมให้ลุกขึ้นไปไหนเลย“พี่ลีวาย”“หืม?”“มิลินนั่งอยู่บนตักพี่ลีวายแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะคะ”“แล้วยังไงต่อครับ”“ปล่อยหนูก่อนได้ไหม”“รู้ไหมว่าพูดแบบนี้แล้วยิ่งทำให้ไม่อยากปล่อย”ไม่พูดเปล่าพี่ลีวายกดริมฝีปากจูบลงมาบนซอกคอของฉันด้วย เขาลากไล้ริมฝีปากดูดเลียและขบเม้มจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว“อื้อ~ ยะ... หยุดก่อน”“พี่คิดถึงเธอใจแทบขาด”พอได้ยินอีกฝ่ายแทนตัวเองว่าพี่ทำเอาฉันถึงกับทำตัวไม่ถูก ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวแล้วตอนนี้“อยากเป็นเด็กเหรอคะถึงแทนตัวเองว่าพี่”“ก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น”“แต่ก็แก่อยู่ดีนี่นา”“ทำไมชอบว่าฉันแก่” พี่ลีวายถามเสียงเข้ม เมื่อกี้ยังพูดเสียงอ้อนเสียงหวานอยู่เลยพอพูดเข้มใส่มันทำให้ฉันตกใจไม่น้อย“ก็พี่ลีวายสามสิบกว่าแล้ว”“ทำไมชอบพูดเรื่องอายุ”“ทำไมต้องโกรธมิลินด้วย” ฉันถามกลับเพราะเหมือนว่าตอนนี้พี่ลีวายกำลังไม่พอใจ“ก็ดูเธอพูด ทำไมชอบบอกว่าฉันแก่ แก่ยังไงก็เป็นผัวเธอ”“อื้อ!!!”ฉันร้องอุทานเสียงดังเมื่อถูกเขี้ยวฟันคมของพี่ลีวายงับมาบนพวงแก้ม ถึงแ
Talk ลีวาย“กูบอกมึงแล้วว่าแผนมันไม่เวิร์ค!!”“ทำอะไรไม่คิด”“เป็นไงพวกกูเลยถูกมิลินงอนไปด้วย”“มึงก็น่าจะบอกไปตั้งแต่แรกไม่น่ารอให้จับได้”“โง่ฉิบ!!”“พวกมึงหยุด!!!”ผมตวาดออกไปเสียงดังบอกให้คัลเลนและไอ้คาแลนให้หยุด เพราะตั้งแต่มาถึงที่คาสิโนมันก็เอาแต่บ่นไม่เว้นช่องว่างให้หายใจ“กูให้มาช่วยคิดวิธีง้อ ไม่ใช่ซ้ำเติม”“สมควร!!” มันสองพี่น้องสบถออกมาพร้อมกัน ทำให้ผมถอนหายใจพรืดใหญ่ คงคิดผิดจริง ๆ ที่ขอให้มันสองคนช่วย“แล้วยังไง มิลินก็โกรธกูเนี่ย” ไอ้คัลเลนยกมือขึ้นมากุมขมับ “โทรหาก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”“มึงโทรหาเมียกู?” ผมขมวดคิ้วถามมัน“เออ”“โทรหาทำไม”“ก็มึงบอกว่ามิลินโกรธกู”“มึงจะเดือดร้อนอะไร กูมากกว่าไหมที่ต้องเดือดร้อน เมียไม่ยอมให้ไปเจอหน้า”“นั่นน้องกูไหมวะ”“มั่นใจว่ามึงคิดแค่น้อง?” ผมถามอย่างหาเรื่อง ถึงจะเป็นเพื่อนแต่เรื่องนี้คงยอมให้ไม่ได้“มึงสองตัวหยุด! จะเถียงกันเพื่อ”“ดูน้องชายมึง! ทำไมมันชอบวุ่นวายกับเมียกูนัก”“เออคัลเลนมึงเลิกวอแวกับเมียมันก่อน ดูดิหวงจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว”“มึงเลิกโทรหาเมียกูเลยนะ”“เมียจะทิ้งอยู่แล้วยังจะหวง”“ไอ้สัส มึงเลิกพูด! เมียกูแค่งอนไม
#วันต่อมาฉันนอนอยู่บนเตียงโดยมีพี่ลีวายนอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างกาย เมื่อคืนเขานั้นร้อนแรงราวกับเพลิงไฟ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนทั้งที่อายุก็เข้าเลขสามแล้วแท้ ๆ“ทำไมมีรอยตรงนี้นะ” ฉันมองท่อนแขนแกร่งที่มีรอยแผลเป็นซึ่งน่าจะเป็นรอยใหม่ ๆ ด้วย เพราะก่อนหน้าจำได้ว่าไม่มีแน่ ๆแผลมันอยู่สูงขึ้นมาเกือบจะถึงไหล่ ทำให้ฉันคิดว่าเขาไปได้รอยแผลนี้มาจากไหน หรือว่าถูกยิงสองจุดแล้วไม่ยอมบอกพรึบ! ฉันดึงผ้าห่มออกเพื่อจะสำรวจแผลที่ถูกยิงของพี่ลีวาย แต่ก็ต้องแปลกใจที่พยายามมองหาตรงแผงอกและหน้าท้องเท่าไร ก็ไม่เห็นแม้แต่รอยแผลเป็น บนตัวเขามีเพียงรอยแผลเดียวตรงท่อนแขนเท่านั้นแล้วตอนที่อยู่โรงพยาบาล เขาพันผ้าพันแผลรอบแผงอกล่ะ มันหมายความว่ายังไง แผลหายไปไหน“พี่ลีวาย!!” ฉันเรียกคนที่นอนหลับอยู่เสียงดังลั่นห้อง ทำให้ดวงตาคมค่อย ๆ ปรือขึ้นมามองช้า ๆ“ลุกขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่เข้าบริษัทขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม” เขาตอบเสียงงัวเงีย“ไม่ได้ มิลินจะคุยเดี๋ยวนี้ ตอนนี้” ฉันยื่นคำขาด ทำให้พี่ลีวายต้องฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ตายังไม่อยากจะลืมขึ้นมามอง“มีอะไร”“บอกมิลินอีกครั้งได้ไหม
พี่ลีวายหมกมุ่นอยู่กับฉันหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ฟังไม่ผิด เขาไม่ทำอะไรเลยนอกจากเรื่องบนเตียงแล้วก็ขี้อ้อนไปวัน ๆ“จะไปจริง ๆ ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ”พี่ลีวายทำหน้างอเมื่อฉันบอกว่าจะกลับคอนโดของตัวเอง อยากถ่ายคลิปตอนนี้เอาไว้ให้เขาดูจริง ๆ ว่าตัวเองงอแงขนาดไหน“ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน”“นี่เราก็อยู่ด้วยกันเป็นอาทิตย์แล้วนะคะ”“หมายถึงย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน”“อยู่คอนโดมันใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่าไงคะ”“อยู่ที่บ้านฉันก็ไปส่งเธอได้ ได้ทุกวัน”“แต่พี่ลีวายต้องทำงาน”“ไปส่งเธอแล้วไปทำงาน”“อยู่คอนโดดีแล้วค่ะ สะดวกที่สุดแล้ว”ฉันตัดบทสนทนาอย่างเด็ดขาด จริง ๆ เรื่องกลับไปอยู่ที่บ้านพี่ลีวายพูดหลายครั้งแล้วแต่ฉันคิดว่าการอยู่คอนโดมันสะดวกมากกว่า อีกไม่นานก็จะเรียนจบแล้วด้วย จบแล้วค่อยกลับไปอยู่ที่บ้านก็ได้#วันต่อมาวันนี้ฉันมาเรียนแล้วยื่นคำขาดกับพี่ลีวายว่าจะกลับมานอนที่คอนโดของตัวเอง ซึ่งเขาก็ทำหน้างอนตุบป่องตั้งแต่เช้า“ได้ข่าวว่าพี่ลีวายติดแกมากเลยเหรอมิลิน” น้ำอิงถามพร้อมยิ้มกริ่ม“พี่เฟยบอกใช่ไหม รู้ดีจริง ๆ เลย”“อือ เล่าว่างานไม่ยอมทำเลยด้วย”“วันนี้ฉันไล่ให้ไปทำงาน หน้างอมาก”“ก็เขาติดแ
พอได้ยินฉันพูดแบบนั้นพี่ลีวายก็เริ่มยิ้มออก เขายื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แล้วขโมยหอมไปหนึ่งที“ฉันรักเธอมาก ๆ มากที่สุด”“ค่ะ มิลินก็รักพี่ลีวายมาก ๆ มากที่สุดเหมือนกัน”สายตาของเราทั้งคู่มองประสานกัน ส่งมอบความรักทั้งหมดที่มีผ่านแววตานี้ ใบหน้าของพี่ลีวายขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนริมฝีปากของเราห่างกันไม่ถึงคืบปลายจมูกโด่งแนบชิดกับปลายจมูกฉัน พร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงมา ทำเอาหัวใจเต้นตุ้บตั้บไม่เป็นจังหวะฉันสัมผัสได้ถึงจังหวะการหายใจของพี่ลีวายที่คล้ายจะถี่ขึ้น จึงขยับใบหน้าออกห่าง ทว่ากลับถูกมือหนาคว้าท้ายทอยไว้ ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาจูบอย่างแนบแน่นดวงตาฉันเบิกกว้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทว่าครู่เดียวก็คล้อยตามไปกับจูบหวานละมุนของคนตรงหน้าพี่ลีวายบรรจงขบเม้มและดูดดึงกลีบปากของฉันอย่างอ่อนโยน เขาใช้ปลายลิ้นลากเลีย บางครั้งก็ใช้ฟันกัดมันเบา ๆ จนตอนนี้มันเริ่มบวมเห่อและได้กลิ่นคาวของเลือด“อื้อ~” ฉันส่งเสียงในลำคอเบา ๆ เมื่อเรียวลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าในโพรงปากโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวเขาตวัดเลีย รุกไล่ และเกี่ยวกระหวัดอย่างชำนาญ ลิ้นของเราทั้งคู่พัวพันกันจนน้ำลายสีใสไหล
แกร็ก!! เมื่อประตูเปิดออก ฉันสังเกตสีหน้าของพี่ลีวายดูซีด ๆ นี่เขาซุกกิ๊กเอาไว้จริงเหรอเนี่ย ทำไมถึงได้แสดงความกังวลออกมาแบบนั้น“ค... คุณท่าน”“พ่อ”ทั้งฉันและพี่ลีวายต่างหันมองหน้ากัน เพราะไม่คิดว่าคนที่มาเคาะห้องจะเป็นคุณท่าน นี่ก็ลืมไปเลยว่าคุณท่านบอกไปแล้วเรื่องกลับไทย ลืมสนิทจริง ๆ“เห็นหน้าฉันแล้วทำไมถึงตกใจขนาดนั้น”“กลับมาเมื่อไรครับ”คุณท่านไม่ตอบคำถามของพี่ลีวาย ก่อนจะเดินแทรกตัวเข้ามาในห้อง เดินไปนั่งบนโซฟา สีหน้าที่ค่อนข้างตึงเครียดทำให้ฉันค่อนข้างทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าท่านกำลังโกรธอยู่หรือเปล่า“ถูกยิงทำไมไม่บอกพ่อสักคำ”“ผมไม่อยากให้เป็นห่วง”“ลากตัวคนทำมาได้หรือยัง”“ผมให้ลูกน้องตามสืบอยู่”“ปกติลูกน้องแกไม่เคยทำงานช้า ไม่กี่วันก็รู้ตัวพวกบงการแล้ว ทำไมรอบนี้ถึงหาตัวคนทำมาไม่ได้”อืม! มันก็จริงอย่างที่คุณท่านว่า ปกติลูกน้องของพี่ลีวายเก่งเรื่องสืบจะตาย ไม่มีทางที่จะรู้ตัวคนทำช้าขนาดนี้“ผม… ก็ไม่รู้ครับ” พี่ลีวายก้มหน้าตอบ ปกติจะประจันหน้าตลอดครั้งนี้ทำเอาแปลกใจ หรือว่ากลัวคุณท่านอย่างนั้นเหรอ“นิสัยลูกชายฉันมันต้องเร่งหาตัวคนทำสิ ใครทำงานช้าก็จะไล่ออก แกทำให้
#เช้าวันใหม่ฉันตื่นเช้าพร้อมกับความรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว เพราะเมื่อคืนเจอศึกหนัก กว่าพี่ลีวายจะยอมให้นอนก็เกือบตีสี่ เขาดุร้ายราวกับเสือที่อดอาหารมานาน ทำกับฉันเหมือนตัวเองไม่ได้เพิ่งถูกยิงมาบางทีก็แอบสงสัยว่าทำแรงขนาดนั้นพี่ลีวายไม่รู้สึกเจ็บแผลบ้างเลยหรือไงหลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เปิดตู้เสื้อผ้าของพี่ลีวายก่อนจะหยิบเสื้อออกมาตัวนึงอย่างถือวิสาสะ เพราะไม่มีชุดใส่ก็เลยต้องเอาชุดของเขามาใส่ก่อนเพราะพี่ลีวายตัวโตกว่ามากเมื่อชุดของเขามาอยู่บนตัวฉันจึงมีความยาวเกือบถึงเข่า เพิ่งรู้ว่าตัวเองตัวเล็กมากก็ตอนนี้แหละแต่งตัวเสร็จฉันก็หันมองพี่ลีวายที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อมาทำอาหารเช้าไว้รอเขา เลือกทำเมนูง่าย ๆ เช่นข้าวต้ม เพราะไม่มีของอะไรให้ทำมากนัก“พี่ลีวายตื่นได้แล้วค่ะ” หลังจากทำข้าวต้มเสร็จแล้ว ฉันก็เดินกลับมาปลุกคนขี้เซาที่นอนไม่ยอมตื่นสักที“อื้อ”“ตื่นได้แล้ว มิลินทำข้าวต้มไว้ให้รีบไปล้างหน้าเร็ว”พี่ลีวายค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง ใบหน้าตอนเพิ่งตื่นของเขานั้นไม่ได้ดูแย่เลย กลับกัน มันดูดีจนฉันรู้สึกหวง“ตื่นเช้าจัง เมื่อคืนฉันทำตั้งหลายรอบทำไมลุกไหว หืม” ริมฝีป
“ใจร้ายชะมัด” เขาทำหน้าบึ้ง แต่ก็ยอมดึงกางเกงขึ้นแล้วกลับมานอนในท่าเดิม “ไม่ทำแบบนั้นแต่ใช้มือช่วยหน่อยได้ไหม อารมณ์มันค้าง”“ถ้าพี่ลีวายพูดอีกคำเดียว มิลินจะกลับไปนอนโซฟาจริง ๆ ด้วย”“แค่มือก็ไม่ได้เหรอ” พี่ลีวายทำเสียงเศร้า ๆ หวังจะให้ฉันใจอ่อนเหรอ ไม่มีทางหรอก“มิลินว่ามิลินรู้จักพี่ลีวายดีค่ะ มันไม่มีทางจบแค่มือแน่นอน”คนอย่างเขาถ้าฉันใช้มือทำให้จริง ๆ เดี๋ยวก็หาทางแตะต้องร่างกายฉันจนเกิดอารมณ์ แล้วสุดท้ายเหตุการณ์แบบเมื่อกี้ก็จะวนมาอีกครั้งจุ๊บ~จู่ ๆ พี่ลีวายก็เขยิบใบหน้าเข้ามาขโมยจุ๊บที่หน้าผากฉันแรง ๆ “ชอบจังเลยคนรู้ทันเนี่ย”แล้วไม่ใช่แค่จุ๊บแต่เขายังใช้ปลายจมูกไล้หอมไปทั่วใบหน้าจนฉันแทบหายใจไม่ออก“หยุดลวนลามมิลินแล้วนอนสักทีได้ไหมคะ ไม่อยากออกจากโรงพยาบาลไว ๆ รึไง”“โอโห แค่จุ๊บกับหอมก็ไม่ได้ คอยดูนะแผลฉันหายดีเมื่อไรจะทบต้นทบดอกให้ร้องขอชีวิตเลย”“ถ้าพี่ลีวายทำแบบนั้นมันจะเป็นการมีอะไรกันครั้งสุดท้ายแน่นอนค่ะ”“นี่ฉันต้องโทษตัวเองใช่ไหม ที่ทำร้ายเธอบ่อย ๆ จนทำให้เธอเข้มแข็งได้ขนาดนี้เนี่ย”“ใช่ค่ะ โทษตัวเองไปเยอะ ๆ เลย ตอนมิลินยอมทุกอย่างก็มาใจร้ายด้วยเองนี่”“ค้าบ ๆ