ไม่คิดว่าคนอย่างพี่ลีวายจะตอบตกลงทำเอาฉันแปลกใจ และอึ้งไปครู่ใหญ่ เพราะปกติเขาไม่ได้กลัวคุณท่านขนาดนั้นหรือว่าครั้งนี้มันรุนแรงเกินไปถึงขั้นที่ฉันต้องเข้าโรงพยาบาล… ถึงยังไงที่พี่ลีวายตอบตกลงก็คงไม่ใช่เพราะอยากจะดูแลฉันแน่นอน“นานเท่าไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาทำลายความเงียบ“คะ?”“เธอต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานเท่าไร”“หมอบอกว่าหนึ่งอาทิตย์ค่ะ”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ พร้อมสีหน้าที่หงุดหงิด ดูเหมือนว่าเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องดูแลฉันมันนานเกินไปสำหรับเขา“เสียเวลา!!” เป็นครั้งที่สองแล้วที่พี่ลีวายพ่นคำนี้ออกมาแทนที่จะโกรธกับเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลแท้ ๆ ไม่รู้ทำไม จากที่เศร้าอารมณ์มันก็ดีขึ้นมาเฉยเลย คงเพราะโอกาสแบบนี้ที่พี่ลีวายจะมาดูแลฉันไม่ได้มีมาบ่อย ๆ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้… ถึงเขาจะไม่เต็มใจทำก็ตาม“หิวน้ำจังเลยค่ะ”“แล้ว?” พี่ลีวายหรี่ตาถามพร้อมขมวดคิ้วเป็นปม“เอาน้ำให้มิลินดื่มหน่อยค่ะ”“วางอยู่ตรงนั้น หยิบเองมันลำบาก?” เสียงเย็น ๆ เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เพราะแก้วน้ำมันอยู่ใกล้ ๆ ในระยะที่มือเอื้อมถึงแต่ฉันกลับสั่งให้พี่ลีวายหยิบให้“ก็… หมอบอกว่าไม่ให้มิลิ
ฉันเบิกตากว้างเมื่อพี่ลีวายล้วงมือเข้ามาด้านใน เขาจะทำจริง ๆ โดยไม่สนใจเรื่องสถานที่เลยหรือไง“มิลินบอกให้หยุด อื้อ~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นเมื่อปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับจุดกระสันของร่างกาย“จะหยุดได้ยังไง แค่ปลายนิ้วแตะก็ครางออกมาซะเสียงหวาน”“คนนะคะไม่ใช่หุ่นยนต์ จะได้ อ๊ะ~ ไม่มีความรู้สึก”พี่ลีวายยิ้มมุมปากก่อนจะตวัดปลายนิ้วถูขึ้นลงบนติ่งเกสรช้า ๆ ทำให้ร่างกายของฉันเริ่มขยับ“ยะ... หยุดทำอะไร บะ... บ้า ๆ นะ อ๊า~”“ฉันไม่หยุด” เสียงครางกระเส่าของฉันมันทำให้พี่ลีวายใช้นิ้วบดขยี้ติ่งเกสรถี่รัวขึ้น“อ๊ะ~ มิลิน โอ้ย จะ... เจ็บหลัง”แค่ขยับตัวนิดเดี๋ยวก็เจ็บจี๊ดไปทั่วแผ่นหลัง สายตาคมจ้องมองใบหน้าที่เจ็บปวดของฉันก่อนที่พี่ลีวายจะหยุดชะงัก“เจ็บมาก?”“ค่ะ”ฉันขมวดคิ้วนิ่วหน้าเพราะความเจ็บที่ไม่สามารถอธิบายได้ คุณหมอสั่งไว้แล้วว่าห้ามขยับเยอะแต่พี่ลีวายทำแบบนี้จะให้นอนแน่นิ่งได้ยังไง“เธอทำให้ฉันเสียอารมณ์ฉิบ!!”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ราวกับว่ามันเป็นความผิดของฉันก่อนจะดึงมือออกฉันไม่อยากเห็นหรอก แต่สายตามันเหลือบมามองตรงเป้ากางเกงของพี่ลีวายพอดี“มันตื่นเพราะเธอ หายดีเมื่อไรรับผิดชอบมันด
แทนเดินมาหยุดข้าง ๆ เตียงที่ฉันนอนอยู่แล้วมองด้วยสายตาเป็นห่วง ซึ่งพี่ลีวายไม่เคยมองแบบนี้ เลยถึงแม้เขาจะเป็นคนทำให้ฉันเข้าโรงพยาบาล เขาไม่เป็นห่วงและไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด“อาผมเป็นหมออยู่ที่นี่ครับ”“แล้วไม่เรียนเหรอ”“รู้ว่าพี่อยู่โรงพยาบาล ผมจะมีกะจิตกะใจเรียนได้ยังไง”“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”“จะอาลัยอาวรณ์กันอีกนานไหม” เสียงของพี่ลีวายพูดแทรกขึ้นมา บ่งบอกว่าเขาไม่พอใจเอามาก ๆ ที่เห็นแทนมาเยี่ยมฉัน“พี่ลีวายออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้นะคะ” ฉันแค่เสนอความคิดเห็นแต่ไม่คิดว่าคำพูดนั้นจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ“พอมันมาแล้วไล่ฉัน?”สายตาที่จ้องอย่างเอาเรื่องของพี่ลีวายทำให้แปลกใจว่า เพราะอะไรเขาถึงไม่ชอบแทนมากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เคยพูดว่าอยากให้แทนมาหมั้นกับฉันแทนตัวเอง ลืมคำพูดนั้นไปแล้วหรือไง“ตอนแรก เธอยังไม่อยากให้ฉันออกไปเลยนะ”“มิลินแค่ไม่อยากให้บรรยากาศมันอึดอัด”“ใช่ครับ อึดอัดมาก” แทนพูดแทรก คำพูดของเขาทำให้พี่ลีวายลุกขึ้นจากโซฟาแล้วพุ่งปรี่มาประชิดตัวแทนทันที“พี่ลีวายอย่าทำอะไรบ้า ๆ นะคะ”“ถ้าไม่อยากให้ทำ คราวหลังก็บอกมันว่าอย่ามาปากดี!!”“ผมแค่อยากอยู่กับพี่มิลินตามลำ
ฉันจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของพี่ลีวาย หลังจากที่ได้ยินคำตอบหัวใจดวงน้อยมันก็เต้นรัว แต่ก็คิดได้ว่าที่ไม่ยอมปล่อยให้ไปก็เพราะความเกลียด สำหรับพี่ลีวายมันแค่นั้น“อย่าเข้าใจผิดว่าที่ฉันพูดไปเพราะรักเธอ”“รู้ค่ะ มิลินรู้ว่าพี่ลีวายไม่มีหัวใจ”“ฉันเป็นคน ทำไมจะไม่มีหัวใจ แต่ในหัวใจของฉันไม่เคยมีเธออยู่”คำพูดที่ตอกย้ำทำให้ฉันเกือบจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ เข้าใจว่าไม่รักแต่ไม่เห็นจะต้องพูดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ แบบนี้เลย คำว่าไม่รักได้ยินพี่ลีวายพูดออกมาเป็นร้อย ๆ รอบแล้ว“สักวันหัวใจของมิลินก็จะไม่มีพี่ลีวายอยู่เหมือนกัน”“เธอทำไมได้หรอก”“…”“เธอเลิกรักฉันไม่ได้”“มั่นใจมากเกินไปหรือเปล่าคะ”พี่ลีวายยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ ฉันที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะพูดออกมาอย่างมั่นใจ“ยิ่งฉันเข้าใกล้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งหวั่นไหว เธอจะรู้สึกกับฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ”“…” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อคำที่เขาพูดมาเป็นความจริงพี่ลีวายเอามือมาจับปลายคางของฉันแล้วโน้มลงมาบอกเสียงเย็นยะเยือก “ถ้าชอบฉันมาก ก็อย่ามีใครนอกจากฉัน”“ม… มิลินอยากนอนพัก”“อืม” พี่ลีวายเดินออกไปสูบบุหรี่ที่นอก
สีหน้าของฉันซีดเผือดเมื่อเห็นพี่ลีวายถอดเสื้อออกจากตัว คิดว่าถ้าอ้างเรื่องเป็นประจำเดือนออกไปจะได้ผล แต่ผิดคาดเพราะเขาก็ยังคิดจะทำโดยไม่สนอะไรต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ หรือพี่ลีวายจะรู้ว่าฉันโกหก“ม… มิลินว่ารอให้ประจำเดือนหายก่อนดีไหมคะ”“บอกแล้วไงว่าฉันมีถุงยาง”“แต่มันเปื้อนนะคะ”“เปื้อนก็แค่เปลี่ยนผ้าปูที่นอน”“…” ไม่ว่าจะหาเหตุผลอะไรมาแก้ต่าง แต่สุดท้ายพี่ลีวายก็โต้แย้งมันทุกข้อ ทำเอาฉันจนมุม“รีบ ๆ ถอดเสื้อผ้าฉันมีเวลาไม่มาก”“ถ… ถ้ามีธุระก็รีบไปทำก่อนดีกว่าค่ะ ระ... เรื่องนี้เอาไว้ทำทีหลังก็ได้”“ฉันบอกให้ถอดเสื้อผ้า เข้าใจยากตรงไหน”“…” ให้ตายสิเขามุ่งมั่นที่จะทำเรื่องแบบนั้น มากขนาดนี้เลยหรือไงฉันก้มหน้าลงพร้อมความคิดไม่ตก ยังไงก็ไม่รอดสินะ ต่อให้ปฏิเสธแต่ฉันรู้ดีว่าสุดท้ายมันจะเกิดขึ้น เพราะฉันเองที่เป็นฝ่ายยอมพี่ลีวายพูดถูก… เพราะคำว่ารักทำให้ฉันปฏิเสธเขาไม่เคยได้สักครั้ง “อึก!” ดวงตากลมของฉันเบิกกว้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมา แล้วเห็นพี่ลีวายเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าปิดคลุมร่างกาย พอได้เห็นก็ทำเอาใบหน้ามันร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ร่างหนาคร่อมขึ้นมาบนตัวของฉันก่อนจะจับชายเสื้อที่ฉันสวมใส
หลังจากทำเรื่องอย่างว่าเสร็จพี่ลีวายก็พาฉันมาทำธุระด้วย ทั้งที่ขอรออยู่ห้องแต่เขาก็ไม่ยอม ปฏิบัติกับฉันราวกับไม่ใช่คนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล รถหรูขับมาจอดหน้าตึกร้างซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือที่ไหน แต่ก็ไม่ได้แปลกใจที่เห็นมีคนยืนเป็นบอดี้การ์ดอยู่เพียบ ให้เดาคงจะมาเคลียร์เรื่องธุรกิจสีเทาของเขาถึงจะรู้เกี่ยวกับการค้าธุรกิจสีเทาของพี่ลีวาย แต่ปกติฉันไม่เคยมาด้วย ถือว่านี่เป็นครั้งแรก เพราะคุณท่านเคยสั่งเอาไว้ว่า ถ้างานไหนที่อันตรายไม่ควรเอาฉันมาเกี่ยวด้วย แปลว่าครั้งนี้คงไม่อันตรายอะไร“บอกเจ้านายของแกว่าฉันมีเรื่องจะคุย” พี่ลีวายบอกคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าตึก ก่อนที่คนนั้นจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับเจ้านายของเขาทั้งที่ควรจะกลัวแต่ฉันกลับรู้สึกตื่นเต้นเพราะมันคือครั้งแรกที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้กับตาของตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าอันตรายแต่ฉันกลับรู้สึกปลอดภัยเพราะมีพี่ลีวายอยู่ข้าง ๆ“เชิญครับ” ชายหน้าโหดหุ่นท้วมเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำขึ้นไปบนตึกจู่ ๆ พี่ลีวายก็เอามือมากุมมือฉันไว้ การกระทำแบบนั้นทำให้ฉันตกใจอย่างมาก จากนั้นหัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงอย่างไร้เหตุผล“ที่นี่อันตราย” เขาบอกเพียงสั้น ๆ แ
เสียงตวาดของพี่ลีวายทำให้ฉันสะดุ้งโหย่งแล้วยอมปล่อยให้เขาฉุดกระชากแขนมาจนถึงที่รถอย่างไม่ขัดขืน“เอานามบัตรของมันมาให้ฉัน” พี่ลีวายตวาดบอกดังลั่น แววตาแข็งกร้าวคู่นั้นจ้องมองฉันอย่างไม่สบอารมณ์“ทำไมต้องให้ด้วยคะ” ถึงจะกลัวแต่ฉันก็ยังอยากรู้เหตุผลที่ทำให้หงุดหงิดขนาดนี้“เอามานี่!!”“ไม่ให้ค่ะ”“มิลิน!!” เมื่อไม่ได้ดั่งใจพี่ลีวายก็โกรธจนหน้าแดง เขาขบกรามแน่นแล้วจ้องฉันเขม็งหวังให้กลัวอีกนิด… ฉันอยากขัดใจเขาดูอีกนิด เพราะอยากรู้ว่าอะไร ที่ทำให้พี่ลีวายหัวเสียมากขนาดนี้พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เหมือนพยายามใจเย็นกับฉัน ก่อนจะบอกเสียงเรียบแต่แฝงความอำมหิต“อย่าให้ฉันอารมณ์เสียไปมากกว่านี้”“เหตุผลคืออะไรเหรอคะ” ฉันพยายามถามเพื่อให้ได้คำตอบที่ตัวเองอยากรู้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมตอบความจริง“ฉันไม่ชอบขี้หน้ามัน”“แค่นี้เองเหรอคะ” ฉันมองพี่ลีวายเพื่อจับผิดแต่เขารู้ตัว ก่อนจะยิงคำถามกลับ “ทำไม? คิดว่าที่ฉันทำไปเพราะหึงหวงเธอหรือไง”“…” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยินคำถามนั้นก็เงียบไปทันทีมันใช่อย่างที่พี่ลีวายถาม เขาทำแบบนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไง ถึงมันจะดูเข้าข้างตัวเองไปหน่อยแต่มันก็
ฉันถอยหลังหนีพี่ลีวายจนขาแนบชิดเข้ากับขอบเตียง เมื่อไร้หนทางก็รีบหันมองประตูแต่ไม่ทันได้วิ่งไป ร่างหนาก็เดินมาขว้างที่หน้าประตูอย่างรู้ทัน“ถ้าไม่ยอมทำสิ่งที่ฉันต้องการก็ห้ามออกจากห้อง” คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูประกาศเสียงกร้าว“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ดูสีหน้าของพี่ลีวายสิมันบ่งบอกว่าเขาไม่ได้ขู่ตอนที่เรายังไม่เคยมีอะไรกันพี่ลีวายก็เป็นแค่ผู้ชายปากร้ายคนหนึ่งแต่หลังจากที่พลาดท่าให้ ความร้ายกาจนั้นก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันแทบรับมือไม่ไหวการที่คุณท่านไม่อยู่มันทำให้พี่ลีวายได้ใจ อยากทำอะไรกับฉันก็ทำอย่างไร้ความปรานี ความโหดร้ายของเขามันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ“ถ้าอยากออกไปจากห้องฉันมากก็รีบ ๆ มาทำซะสิ” พี่ลีวายยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจที่ตัวเองดักทางหนีฉันได้ทุกอย่างใช่สิ! เขาถือไพ่เหนือกว่าทุกครั้ง ไม่ว่าจะทำหรือคิดอะไรเขาก็รู้ทันไปหมดซะทุกเรื่อง“ทำไมต้องเอาแต่บังคับด้วยคะ”“แค่ยอมทำตามที่ฉันสั่งอย่างว่าง่ายมันยากตรงไหน” ไม่เพียงแค่ไม่ยอมตอบแต่พี่ลีวายยังยิงคำถามกลับมา“ก็มิลินไม่อยากทำ”“เธอต้องทำ” พี่ลีวายบอกเสียงเข้ม เขาชอบบังคับให้คนอื่นทำตามที่ตัวเองต้องการและไม่มีทางขัดได้เลย“…” ฉันม