ฉันเงียบไม่ยอมบอกพี่ลีวายในสิ่งที่เขาอยากรู้ แต่เหมือนกับว่ากำลังท้าทายเขาอยู่ “เธอเลือกแล้วนะ!!” พูดจบพี่ลีวายก็ฉุดลากตัวฉันให้เดินขึ้นบันไดตามตัวเองไป แต่ฉันไม่ยอมทั้งที่ก่อนหน้าเป็นฝ่ายเดินตามขึ้นมาเองแท้ ๆ“ปล่อยนะคะ มิลินเจ็บ”“ถ้าไม่อยากให้ฉันใช้ความรุนแรงก็ตอบมา!!”“ไม่สนใจแล้วจะอยากรู้ไปทำไม”“คงต้องใช้อย่างอื่นกระตุ้นสินะถึงจะยอมพูด”ขนทั้งตัวมันลุกซู่ เมื่อคืนก็เพิ่งทำไปพี่ลีวายยังคิดเรื่องบนเตียงอยู่อีกหรือไงทำไมถึงเป็นคนหื่นกามขนาดนี้กัน“อย่าทำหน้าเหมือนกลัวขนาดนั้นสิ พอฉันทำจริง ๆ เธอเองก็ชอบไม่ใช่หรือไง”“…”“อย่าปฏิเสธว่าเธอไม่มีความสุข”“แต่ไม่ใช่ตอนนี้”“เธอมีสิทธิ์เลือก? หึ!! ฉันต่างหากที่มีสิทธิ์” คงเป็นเพราะฉันเป็นฝ่ายยอมมากเกินไปพี่ลีวายถึงได้เป็นแบบนี้“เห็นมิลินยอม… ไม่ได้แปลว่าจะต้องยอมทุกครั้งนะคะ”“ถึงเตียงก่อนแล้วค่อยมาปากดี!!”“ไม่ไป ปล่อยมิลินนะ!!”“งั้นก็ตอบคำถามของฉันมา ว่าเธอจะไปไหน” พี่ลีวายจ้องหน้าฉันเขม็ง ยังหาเหตุผลไม่ได้เลย ว่าทำไมเขาถึงอยากรู้มากขนาดนั้น ถึงขั้นขู่ฉันสารพัดพี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เมื่อถามยังไงฉันก็ไม่ยอมตอบ ก่อนจะอุ้ม
ไม่คิดว่าคนอย่างพี่ลีวายจะตอบตกลงทำเอาฉันแปลกใจ และอึ้งไปครู่ใหญ่ เพราะปกติเขาไม่ได้กลัวคุณท่านขนาดนั้นหรือว่าครั้งนี้มันรุนแรงเกินไปถึงขั้นที่ฉันต้องเข้าโรงพยาบาล… ถึงยังไงที่พี่ลีวายตอบตกลงก็คงไม่ใช่เพราะอยากจะดูแลฉันแน่นอน“นานเท่าไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาทำลายความเงียบ“คะ?”“เธอต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานเท่าไร”“หมอบอกว่าหนึ่งอาทิตย์ค่ะ”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ พร้อมสีหน้าที่หงุดหงิด ดูเหมือนว่าเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องดูแลฉันมันนานเกินไปสำหรับเขา“เสียเวลา!!” เป็นครั้งที่สองแล้วที่พี่ลีวายพ่นคำนี้ออกมาแทนที่จะโกรธกับเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลแท้ ๆ ไม่รู้ทำไม จากที่เศร้าอารมณ์มันก็ดีขึ้นมาเฉยเลย คงเพราะโอกาสแบบนี้ที่พี่ลีวายจะมาดูแลฉันไม่ได้มีมาบ่อย ๆ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้… ถึงเขาจะไม่เต็มใจทำก็ตาม“หิวน้ำจังเลยค่ะ”“แล้ว?” พี่ลีวายหรี่ตาถามพร้อมขมวดคิ้วเป็นปม“เอาน้ำให้มิลินดื่มหน่อยค่ะ”“วางอยู่ตรงนั้น หยิบเองมันลำบาก?” เสียงเย็น ๆ เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เพราะแก้วน้ำมันอยู่ใกล้ ๆ ในระยะที่มือเอื้อมถึงแต่ฉันกลับสั่งให้พี่ลีวายหยิบให้“ก็… หมอบอกว่าไม่ให้มิลิ
ฉันเบิกตากว้างเมื่อพี่ลีวายล้วงมือเข้ามาด้านใน เขาจะทำจริง ๆ โดยไม่สนใจเรื่องสถานที่เลยหรือไง“มิลินบอกให้หยุด อื้อ~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นเมื่อปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับจุดกระสันของร่างกาย“จะหยุดได้ยังไง แค่ปลายนิ้วแตะก็ครางออกมาซะเสียงหวาน”“คนนะคะไม่ใช่หุ่นยนต์ จะได้ อ๊ะ~ ไม่มีความรู้สึก”พี่ลีวายยิ้มมุมปากก่อนจะตวัดปลายนิ้วถูขึ้นลงบนติ่งเกสรช้า ๆ ทำให้ร่างกายของฉันเริ่มขยับ“ยะ... หยุดทำอะไร บะ... บ้า ๆ นะ อ๊า~”“ฉันไม่หยุด” เสียงครางกระเส่าของฉันมันทำให้พี่ลีวายใช้นิ้วบดขยี้ติ่งเกสรถี่รัวขึ้น“อ๊ะ~ มิลิน โอ้ย จะ... เจ็บหลัง”แค่ขยับตัวนิดเดี๋ยวก็เจ็บจี๊ดไปทั่วแผ่นหลัง สายตาคมจ้องมองใบหน้าที่เจ็บปวดของฉันก่อนที่พี่ลีวายจะหยุดชะงัก“เจ็บมาก?”“ค่ะ”ฉันขมวดคิ้วนิ่วหน้าเพราะความเจ็บที่ไม่สามารถอธิบายได้ คุณหมอสั่งไว้แล้วว่าห้ามขยับเยอะแต่พี่ลีวายทำแบบนี้จะให้นอนแน่นิ่งได้ยังไง“เธอทำให้ฉันเสียอารมณ์ฉิบ!!”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ราวกับว่ามันเป็นความผิดของฉันก่อนจะดึงมือออกฉันไม่อยากเห็นหรอก แต่สายตามันเหลือบมามองตรงเป้ากางเกงของพี่ลีวายพอดี“มันตื่นเพราะเธอ หายดีเมื่อไรรับผิดชอบมันด
แทนเดินมาหยุดข้าง ๆ เตียงที่ฉันนอนอยู่แล้วมองด้วยสายตาเป็นห่วง ซึ่งพี่ลีวายไม่เคยมองแบบนี้ เลยถึงแม้เขาจะเป็นคนทำให้ฉันเข้าโรงพยาบาล เขาไม่เป็นห่วงและไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด“อาผมเป็นหมออยู่ที่นี่ครับ”“แล้วไม่เรียนเหรอ”“รู้ว่าพี่อยู่โรงพยาบาล ผมจะมีกะจิตกะใจเรียนได้ยังไง”“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”“จะอาลัยอาวรณ์กันอีกนานไหม” เสียงของพี่ลีวายพูดแทรกขึ้นมา บ่งบอกว่าเขาไม่พอใจเอามาก ๆ ที่เห็นแทนมาเยี่ยมฉัน“พี่ลีวายออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้นะคะ” ฉันแค่เสนอความคิดเห็นแต่ไม่คิดว่าคำพูดนั้นจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ“พอมันมาแล้วไล่ฉัน?”สายตาที่จ้องอย่างเอาเรื่องของพี่ลีวายทำให้แปลกใจว่า เพราะอะไรเขาถึงไม่ชอบแทนมากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เคยพูดว่าอยากให้แทนมาหมั้นกับฉันแทนตัวเอง ลืมคำพูดนั้นไปแล้วหรือไง“ตอนแรก เธอยังไม่อยากให้ฉันออกไปเลยนะ”“มิลินแค่ไม่อยากให้บรรยากาศมันอึดอัด”“ใช่ครับ อึดอัดมาก” แทนพูดแทรก คำพูดของเขาทำให้พี่ลีวายลุกขึ้นจากโซฟาแล้วพุ่งปรี่มาประชิดตัวแทนทันที“พี่ลีวายอย่าทำอะไรบ้า ๆ นะคะ”“ถ้าไม่อยากให้ทำ คราวหลังก็บอกมันว่าอย่ามาปากดี!!”“ผมแค่อยากอยู่กับพี่มิลินตามลำ
ฉันจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของพี่ลีวาย หลังจากที่ได้ยินคำตอบหัวใจดวงน้อยมันก็เต้นรัว แต่ก็คิดได้ว่าที่ไม่ยอมปล่อยให้ไปก็เพราะความเกลียด สำหรับพี่ลีวายมันแค่นั้น“อย่าเข้าใจผิดว่าที่ฉันพูดไปเพราะรักเธอ”“รู้ค่ะ มิลินรู้ว่าพี่ลีวายไม่มีหัวใจ”“ฉันเป็นคน ทำไมจะไม่มีหัวใจ แต่ในหัวใจของฉันไม่เคยมีเธออยู่”คำพูดที่ตอกย้ำทำให้ฉันเกือบจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ เข้าใจว่าไม่รักแต่ไม่เห็นจะต้องพูดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ แบบนี้เลย คำว่าไม่รักได้ยินพี่ลีวายพูดออกมาเป็นร้อย ๆ รอบแล้ว“สักวันหัวใจของมิลินก็จะไม่มีพี่ลีวายอยู่เหมือนกัน”“เธอทำไมได้หรอก”“…”“เธอเลิกรักฉันไม่ได้”“มั่นใจมากเกินไปหรือเปล่าคะ”พี่ลีวายยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ ฉันที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะพูดออกมาอย่างมั่นใจ“ยิ่งฉันเข้าใกล้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งหวั่นไหว เธอจะรู้สึกกับฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ”“…” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อคำที่เขาพูดมาเป็นความจริงพี่ลีวายเอามือมาจับปลายคางของฉันแล้วโน้มลงมาบอกเสียงเย็นยะเยือก “ถ้าชอบฉันมาก ก็อย่ามีใครนอกจากฉัน”“ม… มิลินอยากนอนพัก”“อืม” พี่ลีวายเดินออกไปสูบบุหรี่ที่นอก
สีหน้าของฉันซีดเผือดเมื่อเห็นพี่ลีวายถอดเสื้อออกจากตัว คิดว่าถ้าอ้างเรื่องเป็นประจำเดือนออกไปจะได้ผล แต่ผิดคาดเพราะเขาก็ยังคิดจะทำโดยไม่สนอะไรต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ หรือพี่ลีวายจะรู้ว่าฉันโกหก“ม… มิลินว่ารอให้ประจำเดือนหายก่อนดีไหมคะ”“บอกแล้วไงว่าฉันมีถุงยาง”“แต่มันเปื้อนนะคะ”“เปื้อนก็แค่เปลี่ยนผ้าปูที่นอน”“…” ไม่ว่าจะหาเหตุผลอะไรมาแก้ต่าง แต่สุดท้ายพี่ลีวายก็โต้แย้งมันทุกข้อ ทำเอาฉันจนมุม“รีบ ๆ ถอดเสื้อผ้าฉันมีเวลาไม่มาก”“ถ… ถ้ามีธุระก็รีบไปทำก่อนดีกว่าค่ะ ระ... เรื่องนี้เอาไว้ทำทีหลังก็ได้”“ฉันบอกให้ถอดเสื้อผ้า เข้าใจยากตรงไหน”“…” ให้ตายสิเขามุ่งมั่นที่จะทำเรื่องแบบนั้น มากขนาดนี้เลยหรือไงฉันก้มหน้าลงพร้อมความคิดไม่ตก ยังไงก็ไม่รอดสินะ ต่อให้ปฏิเสธแต่ฉันรู้ดีว่าสุดท้ายมันจะเกิดขึ้น เพราะฉันเองที่เป็นฝ่ายยอมพี่ลีวายพูดถูก… เพราะคำว่ารักทำให้ฉันปฏิเสธเขาไม่เคยได้สักครั้ง “อึก!” ดวงตากลมของฉันเบิกกว้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมา แล้วเห็นพี่ลีวายเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าปิดคลุมร่างกาย พอได้เห็นก็ทำเอาใบหน้ามันร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ร่างหนาคร่อมขึ้นมาบนตัวของฉันก่อนจะจับชายเสื้อที่ฉันสวมใส
หลังจากทำเรื่องอย่างว่าเสร็จพี่ลีวายก็พาฉันมาทำธุระด้วย ทั้งที่ขอรออยู่ห้องแต่เขาก็ไม่ยอม ปฏิบัติกับฉันราวกับไม่ใช่คนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล รถหรูขับมาจอดหน้าตึกร้างซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือที่ไหน แต่ก็ไม่ได้แปลกใจที่เห็นมีคนยืนเป็นบอดี้การ์ดอยู่เพียบ ให้เดาคงจะมาเคลียร์เรื่องธุรกิจสีเทาของเขาถึงจะรู้เกี่ยวกับการค้าธุรกิจสีเทาของพี่ลีวาย แต่ปกติฉันไม่เคยมาด้วย ถือว่านี่เป็นครั้งแรก เพราะคุณท่านเคยสั่งเอาไว้ว่า ถ้างานไหนที่อันตรายไม่ควรเอาฉันมาเกี่ยวด้วย แปลว่าครั้งนี้คงไม่อันตรายอะไร“บอกเจ้านายของแกว่าฉันมีเรื่องจะคุย” พี่ลีวายบอกคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าตึก ก่อนที่คนนั้นจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับเจ้านายของเขาทั้งที่ควรจะกลัวแต่ฉันกลับรู้สึกตื่นเต้นเพราะมันคือครั้งแรกที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้กับตาของตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าอันตรายแต่ฉันกลับรู้สึกปลอดภัยเพราะมีพี่ลีวายอยู่ข้าง ๆ“เชิญครับ” ชายหน้าโหดหุ่นท้วมเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำขึ้นไปบนตึกจู่ ๆ พี่ลีวายก็เอามือมากุมมือฉันไว้ การกระทำแบบนั้นทำให้ฉันตกใจอย่างมาก จากนั้นหัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงอย่างไร้เหตุผล“ที่นี่อันตราย” เขาบอกเพียงสั้น ๆ แ
เสียงตวาดของพี่ลีวายทำให้ฉันสะดุ้งโหย่งแล้วยอมปล่อยให้เขาฉุดกระชากแขนมาจนถึงที่รถอย่างไม่ขัดขืน“เอานามบัตรของมันมาให้ฉัน” พี่ลีวายตวาดบอกดังลั่น แววตาแข็งกร้าวคู่นั้นจ้องมองฉันอย่างไม่สบอารมณ์“ทำไมต้องให้ด้วยคะ” ถึงจะกลัวแต่ฉันก็ยังอยากรู้เหตุผลที่ทำให้หงุดหงิดขนาดนี้“เอามานี่!!”“ไม่ให้ค่ะ”“มิลิน!!” เมื่อไม่ได้ดั่งใจพี่ลีวายก็โกรธจนหน้าแดง เขาขบกรามแน่นแล้วจ้องฉันเขม็งหวังให้กลัวอีกนิด… ฉันอยากขัดใจเขาดูอีกนิด เพราะอยากรู้ว่าอะไร ที่ทำให้พี่ลีวายหัวเสียมากขนาดนี้พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เหมือนพยายามใจเย็นกับฉัน ก่อนจะบอกเสียงเรียบแต่แฝงความอำมหิต“อย่าให้ฉันอารมณ์เสียไปมากกว่านี้”“เหตุผลคืออะไรเหรอคะ” ฉันพยายามถามเพื่อให้ได้คำตอบที่ตัวเองอยากรู้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมตอบความจริง“ฉันไม่ชอบขี้หน้ามัน”“แค่นี้เองเหรอคะ” ฉันมองพี่ลีวายเพื่อจับผิดแต่เขารู้ตัว ก่อนจะยิงคำถามกลับ “ทำไม? คิดว่าที่ฉันทำไปเพราะหึงหวงเธอหรือไง”“…” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยินคำถามนั้นก็เงียบไปทันทีมันใช่อย่างที่พี่ลีวายถาม เขาทำแบบนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไง ถึงมันจะดูเข้าข้างตัวเองไปหน่อยแต่มันก็
สี่เดือนผ่านไปหลังจากที่พูดเรื่องแต่งครั้งนั้นก็ไม่ได้พูดถึงอีกเลยเพราะฉันยุ่งเรื่องเรียน ส่วนพี่ลีวายก็ยุ่งเรื่องงานที่บริษัท เอาจริง ๆ คือเราแทบไม่เจอกันเลยด้วยซ้ำเพราะโทรหากันบ่อยมากกว่าไปเจอฉันไม่ยอมย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน เพราะคอนโดมันใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่า ทั้งที่คุณท่านและพี่ลีวายก็ขอให้ย้ายกลับไป แต่คิดว่าอีกไม่ถึงสองเดือนก็จะเรียนจบแล้วฉันจึงขออยู่ให้ถึงเรียนจบเลยดีกว่านี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่พี่ลีวายว่างมารอรับที่มหาวิทยาลัย เพราะปกติเขางานยุ่งแทบไม่มีเวลาปลีกตัวทำอะไรเลยไหนจะต้องบินไปฮ่องกงบ่อย ๆ อีก“มิลิน ๆ งานโปรเจกต์ที่จะทำด้วยกันจะนัดทำที่ไหนดี” อาตถามเพราะอาจารย์จับคู่ให้เขาสองคน“อาตสะดวกที่ไหน ถ้าบ้านมิลินคงต้องขออนุญาตคุณท่านก่อน”“ที่บ้านมิลินก็ได้เพราะถ้าทำที่บ้านเราเดี๋ยวเธออึดอัด มันไม่เหมาะสมด้วย” อาตค่อนข้างวางตัวดี ยังจำได้ว่าตอนนั้นเขาเกือบจะจีบฉัน แต่มีน้องแทนมาตัดหน้าซะก่อนพูดถึงน้องแทนตอนนี้เขาย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว นาน ๆ ทีจะส่งข้อความมาคุยกัน พอถามเรื่องหัวใจก็บอกว่ามีดู ๆ อยู่บ้าง ฉันดีใจนะที่ตอนนี้แทนยอมเปิดโอกาสให้ตัวเองแล้ว
กว่าจะโอ๋ให้พี่ลีวายหยุดร้องไห้ได้ก็นานพอสมควร เขาคงรู้สึกผิดและเข็ดหลาบแล้วจริง ๆ แต่ตอนนี้นี่สิ นั่งกอดฉันไว้บนตักไม่ยอมให้ลุกขึ้นไปไหนเลย“พี่ลีวาย”“หืม?”“มิลินนั่งอยู่บนตักพี่ลีวายแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะคะ”“แล้วยังไงต่อครับ”“ปล่อยหนูก่อนได้ไหม”“รู้ไหมว่าพูดแบบนี้แล้วยิ่งทำให้ไม่อยากปล่อย”ไม่พูดเปล่าพี่ลีวายกดริมฝีปากจูบลงมาบนซอกคอของฉันด้วย เขาลากไล้ริมฝีปากดูดเลียและขบเม้มจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว“อื้อ~ ยะ... หยุดก่อน”“พี่คิดถึงเธอใจแทบขาด”พอได้ยินอีกฝ่ายแทนตัวเองว่าพี่ทำเอาฉันถึงกับทำตัวไม่ถูก ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวแล้วตอนนี้“อยากเป็นเด็กเหรอคะถึงแทนตัวเองว่าพี่”“ก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น”“แต่ก็แก่อยู่ดีนี่นา”“ทำไมชอบว่าฉันแก่” พี่ลีวายถามเสียงเข้ม เมื่อกี้ยังพูดเสียงอ้อนเสียงหวานอยู่เลยพอพูดเข้มใส่มันทำให้ฉันตกใจไม่น้อย“ก็พี่ลีวายสามสิบกว่าแล้ว”“ทำไมชอบพูดเรื่องอายุ”“ทำไมต้องโกรธมิลินด้วย” ฉันถามกลับเพราะเหมือนว่าตอนนี้พี่ลีวายกำลังไม่พอใจ“ก็ดูเธอพูด ทำไมชอบบอกว่าฉันแก่ แก่ยังไงก็เป็นผัวเธอ”“อื้อ!!!”ฉันร้องอุทานเสียงดังเมื่อถูกเขี้ยวฟันคมของพี่ลีวายงับมาบนพวงแก้ม ถึงแ
Talk ลีวาย“กูบอกมึงแล้วว่าแผนมันไม่เวิร์ค!!”“ทำอะไรไม่คิด”“เป็นไงพวกกูเลยถูกมิลินงอนไปด้วย”“มึงก็น่าจะบอกไปตั้งแต่แรกไม่น่ารอให้จับได้”“โง่ฉิบ!!”“พวกมึงหยุด!!!”ผมตวาดออกไปเสียงดังบอกให้คัลเลนและไอ้คาแลนให้หยุด เพราะตั้งแต่มาถึงที่คาสิโนมันก็เอาแต่บ่นไม่เว้นช่องว่างให้หายใจ“กูให้มาช่วยคิดวิธีง้อ ไม่ใช่ซ้ำเติม”“สมควร!!” มันสองพี่น้องสบถออกมาพร้อมกัน ทำให้ผมถอนหายใจพรืดใหญ่ คงคิดผิดจริง ๆ ที่ขอให้มันสองคนช่วย“แล้วยังไง มิลินก็โกรธกูเนี่ย” ไอ้คัลเลนยกมือขึ้นมากุมขมับ “โทรหาก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”“มึงโทรหาเมียกู?” ผมขมวดคิ้วถามมัน“เออ”“โทรหาทำไม”“ก็มึงบอกว่ามิลินโกรธกู”“มึงจะเดือดร้อนอะไร กูมากกว่าไหมที่ต้องเดือดร้อน เมียไม่ยอมให้ไปเจอหน้า”“นั่นน้องกูไหมวะ”“มั่นใจว่ามึงคิดแค่น้อง?” ผมถามอย่างหาเรื่อง ถึงจะเป็นเพื่อนแต่เรื่องนี้คงยอมให้ไม่ได้“มึงสองตัวหยุด! จะเถียงกันเพื่อ”“ดูน้องชายมึง! ทำไมมันชอบวุ่นวายกับเมียกูนัก”“เออคัลเลนมึงเลิกวอแวกับเมียมันก่อน ดูดิหวงจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว”“มึงเลิกโทรหาเมียกูเลยนะ”“เมียจะทิ้งอยู่แล้วยังจะหวง”“ไอ้สัส มึงเลิกพูด! เมียกูแค่งอนไม
#วันต่อมาฉันนอนอยู่บนเตียงโดยมีพี่ลีวายนอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างกาย เมื่อคืนเขานั้นร้อนแรงราวกับเพลิงไฟ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนทั้งที่อายุก็เข้าเลขสามแล้วแท้ ๆ“ทำไมมีรอยตรงนี้นะ” ฉันมองท่อนแขนแกร่งที่มีรอยแผลเป็นซึ่งน่าจะเป็นรอยใหม่ ๆ ด้วย เพราะก่อนหน้าจำได้ว่าไม่มีแน่ ๆแผลมันอยู่สูงขึ้นมาเกือบจะถึงไหล่ ทำให้ฉันคิดว่าเขาไปได้รอยแผลนี้มาจากไหน หรือว่าถูกยิงสองจุดแล้วไม่ยอมบอกพรึบ! ฉันดึงผ้าห่มออกเพื่อจะสำรวจแผลที่ถูกยิงของพี่ลีวาย แต่ก็ต้องแปลกใจที่พยายามมองหาตรงแผงอกและหน้าท้องเท่าไร ก็ไม่เห็นแม้แต่รอยแผลเป็น บนตัวเขามีเพียงรอยแผลเดียวตรงท่อนแขนเท่านั้นแล้วตอนที่อยู่โรงพยาบาล เขาพันผ้าพันแผลรอบแผงอกล่ะ มันหมายความว่ายังไง แผลหายไปไหน“พี่ลีวาย!!” ฉันเรียกคนที่นอนหลับอยู่เสียงดังลั่นห้อง ทำให้ดวงตาคมค่อย ๆ ปรือขึ้นมามองช้า ๆ“ลุกขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่เข้าบริษัทขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม” เขาตอบเสียงงัวเงีย“ไม่ได้ มิลินจะคุยเดี๋ยวนี้ ตอนนี้” ฉันยื่นคำขาด ทำให้พี่ลีวายต้องฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ตายังไม่อยากจะลืมขึ้นมามอง“มีอะไร”“บอกมิลินอีกครั้งได้ไหม
พี่ลีวายหมกมุ่นอยู่กับฉันหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ฟังไม่ผิด เขาไม่ทำอะไรเลยนอกจากเรื่องบนเตียงแล้วก็ขี้อ้อนไปวัน ๆ“จะไปจริง ๆ ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ”พี่ลีวายทำหน้างอเมื่อฉันบอกว่าจะกลับคอนโดของตัวเอง อยากถ่ายคลิปตอนนี้เอาไว้ให้เขาดูจริง ๆ ว่าตัวเองงอแงขนาดไหน“ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน”“นี่เราก็อยู่ด้วยกันเป็นอาทิตย์แล้วนะคะ”“หมายถึงย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน”“อยู่คอนโดมันใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่าไงคะ”“อยู่ที่บ้านฉันก็ไปส่งเธอได้ ได้ทุกวัน”“แต่พี่ลีวายต้องทำงาน”“ไปส่งเธอแล้วไปทำงาน”“อยู่คอนโดดีแล้วค่ะ สะดวกที่สุดแล้ว”ฉันตัดบทสนทนาอย่างเด็ดขาด จริง ๆ เรื่องกลับไปอยู่ที่บ้านพี่ลีวายพูดหลายครั้งแล้วแต่ฉันคิดว่าการอยู่คอนโดมันสะดวกมากกว่า อีกไม่นานก็จะเรียนจบแล้วด้วย จบแล้วค่อยกลับไปอยู่ที่บ้านก็ได้#วันต่อมาวันนี้ฉันมาเรียนแล้วยื่นคำขาดกับพี่ลีวายว่าจะกลับมานอนที่คอนโดของตัวเอง ซึ่งเขาก็ทำหน้างอนตุบป่องตั้งแต่เช้า“ได้ข่าวว่าพี่ลีวายติดแกมากเลยเหรอมิลิน” น้ำอิงถามพร้อมยิ้มกริ่ม“พี่เฟยบอกใช่ไหม รู้ดีจริง ๆ เลย”“อือ เล่าว่างานไม่ยอมทำเลยด้วย”“วันนี้ฉันไล่ให้ไปทำงาน หน้างอมาก”“ก็เขาติดแ
พอได้ยินฉันพูดแบบนั้นพี่ลีวายก็เริ่มยิ้มออก เขายื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แล้วขโมยหอมไปหนึ่งที“ฉันรักเธอมาก ๆ มากที่สุด”“ค่ะ มิลินก็รักพี่ลีวายมาก ๆ มากที่สุดเหมือนกัน”สายตาของเราทั้งคู่มองประสานกัน ส่งมอบความรักทั้งหมดที่มีผ่านแววตานี้ ใบหน้าของพี่ลีวายขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนริมฝีปากของเราห่างกันไม่ถึงคืบปลายจมูกโด่งแนบชิดกับปลายจมูกฉัน พร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงมา ทำเอาหัวใจเต้นตุ้บตั้บไม่เป็นจังหวะฉันสัมผัสได้ถึงจังหวะการหายใจของพี่ลีวายที่คล้ายจะถี่ขึ้น จึงขยับใบหน้าออกห่าง ทว่ากลับถูกมือหนาคว้าท้ายทอยไว้ ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาจูบอย่างแนบแน่นดวงตาฉันเบิกกว้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทว่าครู่เดียวก็คล้อยตามไปกับจูบหวานละมุนของคนตรงหน้าพี่ลีวายบรรจงขบเม้มและดูดดึงกลีบปากของฉันอย่างอ่อนโยน เขาใช้ปลายลิ้นลากเลีย บางครั้งก็ใช้ฟันกัดมันเบา ๆ จนตอนนี้มันเริ่มบวมเห่อและได้กลิ่นคาวของเลือด“อื้อ~” ฉันส่งเสียงในลำคอเบา ๆ เมื่อเรียวลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าในโพรงปากโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวเขาตวัดเลีย รุกไล่ และเกี่ยวกระหวัดอย่างชำนาญ ลิ้นของเราทั้งคู่พัวพันกันจนน้ำลายสีใสไหล
แกร็ก!! เมื่อประตูเปิดออก ฉันสังเกตสีหน้าของพี่ลีวายดูซีด ๆ นี่เขาซุกกิ๊กเอาไว้จริงเหรอเนี่ย ทำไมถึงได้แสดงความกังวลออกมาแบบนั้น“ค... คุณท่าน”“พ่อ”ทั้งฉันและพี่ลีวายต่างหันมองหน้ากัน เพราะไม่คิดว่าคนที่มาเคาะห้องจะเป็นคุณท่าน นี่ก็ลืมไปเลยว่าคุณท่านบอกไปแล้วเรื่องกลับไทย ลืมสนิทจริง ๆ“เห็นหน้าฉันแล้วทำไมถึงตกใจขนาดนั้น”“กลับมาเมื่อไรครับ”คุณท่านไม่ตอบคำถามของพี่ลีวาย ก่อนจะเดินแทรกตัวเข้ามาในห้อง เดินไปนั่งบนโซฟา สีหน้าที่ค่อนข้างตึงเครียดทำให้ฉันค่อนข้างทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าท่านกำลังโกรธอยู่หรือเปล่า“ถูกยิงทำไมไม่บอกพ่อสักคำ”“ผมไม่อยากให้เป็นห่วง”“ลากตัวคนทำมาได้หรือยัง”“ผมให้ลูกน้องตามสืบอยู่”“ปกติลูกน้องแกไม่เคยทำงานช้า ไม่กี่วันก็รู้ตัวพวกบงการแล้ว ทำไมรอบนี้ถึงหาตัวคนทำมาไม่ได้”อืม! มันก็จริงอย่างที่คุณท่านว่า ปกติลูกน้องของพี่ลีวายเก่งเรื่องสืบจะตาย ไม่มีทางที่จะรู้ตัวคนทำช้าขนาดนี้“ผม… ก็ไม่รู้ครับ” พี่ลีวายก้มหน้าตอบ ปกติจะประจันหน้าตลอดครั้งนี้ทำเอาแปลกใจ หรือว่ากลัวคุณท่านอย่างนั้นเหรอ“นิสัยลูกชายฉันมันต้องเร่งหาตัวคนทำสิ ใครทำงานช้าก็จะไล่ออก แกทำให้
#เช้าวันใหม่ฉันตื่นเช้าพร้อมกับความรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว เพราะเมื่อคืนเจอศึกหนัก กว่าพี่ลีวายจะยอมให้นอนก็เกือบตีสี่ เขาดุร้ายราวกับเสือที่อดอาหารมานาน ทำกับฉันเหมือนตัวเองไม่ได้เพิ่งถูกยิงมาบางทีก็แอบสงสัยว่าทำแรงขนาดนั้นพี่ลีวายไม่รู้สึกเจ็บแผลบ้างเลยหรือไงหลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เปิดตู้เสื้อผ้าของพี่ลีวายก่อนจะหยิบเสื้อออกมาตัวนึงอย่างถือวิสาสะ เพราะไม่มีชุดใส่ก็เลยต้องเอาชุดของเขามาใส่ก่อนเพราะพี่ลีวายตัวโตกว่ามากเมื่อชุดของเขามาอยู่บนตัวฉันจึงมีความยาวเกือบถึงเข่า เพิ่งรู้ว่าตัวเองตัวเล็กมากก็ตอนนี้แหละแต่งตัวเสร็จฉันก็หันมองพี่ลีวายที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อมาทำอาหารเช้าไว้รอเขา เลือกทำเมนูง่าย ๆ เช่นข้าวต้ม เพราะไม่มีของอะไรให้ทำมากนัก“พี่ลีวายตื่นได้แล้วค่ะ” หลังจากทำข้าวต้มเสร็จแล้ว ฉันก็เดินกลับมาปลุกคนขี้เซาที่นอนไม่ยอมตื่นสักที“อื้อ”“ตื่นได้แล้ว มิลินทำข้าวต้มไว้ให้รีบไปล้างหน้าเร็ว”พี่ลีวายค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง ใบหน้าตอนเพิ่งตื่นของเขานั้นไม่ได้ดูแย่เลย กลับกัน มันดูดีจนฉันรู้สึกหวง“ตื่นเช้าจัง เมื่อคืนฉันทำตั้งหลายรอบทำไมลุกไหว หืม” ริมฝีป
“ใจร้ายชะมัด” เขาทำหน้าบึ้ง แต่ก็ยอมดึงกางเกงขึ้นแล้วกลับมานอนในท่าเดิม “ไม่ทำแบบนั้นแต่ใช้มือช่วยหน่อยได้ไหม อารมณ์มันค้าง”“ถ้าพี่ลีวายพูดอีกคำเดียว มิลินจะกลับไปนอนโซฟาจริง ๆ ด้วย”“แค่มือก็ไม่ได้เหรอ” พี่ลีวายทำเสียงเศร้า ๆ หวังจะให้ฉันใจอ่อนเหรอ ไม่มีทางหรอก“มิลินว่ามิลินรู้จักพี่ลีวายดีค่ะ มันไม่มีทางจบแค่มือแน่นอน”คนอย่างเขาถ้าฉันใช้มือทำให้จริง ๆ เดี๋ยวก็หาทางแตะต้องร่างกายฉันจนเกิดอารมณ์ แล้วสุดท้ายเหตุการณ์แบบเมื่อกี้ก็จะวนมาอีกครั้งจุ๊บ~จู่ ๆ พี่ลีวายก็เขยิบใบหน้าเข้ามาขโมยจุ๊บที่หน้าผากฉันแรง ๆ “ชอบจังเลยคนรู้ทันเนี่ย”แล้วไม่ใช่แค่จุ๊บแต่เขายังใช้ปลายจมูกไล้หอมไปทั่วใบหน้าจนฉันแทบหายใจไม่ออก“หยุดลวนลามมิลินแล้วนอนสักทีได้ไหมคะ ไม่อยากออกจากโรงพยาบาลไว ๆ รึไง”“โอโห แค่จุ๊บกับหอมก็ไม่ได้ คอยดูนะแผลฉันหายดีเมื่อไรจะทบต้นทบดอกให้ร้องขอชีวิตเลย”“ถ้าพี่ลีวายทำแบบนั้นมันจะเป็นการมีอะไรกันครั้งสุดท้ายแน่นอนค่ะ”“นี่ฉันต้องโทษตัวเองใช่ไหม ที่ทำร้ายเธอบ่อย ๆ จนทำให้เธอเข้มแข็งได้ขนาดนี้เนี่ย”“ใช่ค่ะ โทษตัวเองไปเยอะ ๆ เลย ตอนมิลินยอมทุกอย่างก็มาใจร้ายด้วยเองนี่”“ค้าบ ๆ