ฉันเงียบไม่ยอมบอกพี่ลีวายในสิ่งที่เขาอยากรู้ แต่เหมือนกับว่ากำลังท้าทายเขาอยู่ “เธอเลือกแล้วนะ!!” พูดจบพี่ลีวายก็ฉุดลากตัวฉันให้เดินขึ้นบันไดตามตัวเองไป แต่ฉันไม่ยอมทั้งที่ก่อนหน้าเป็นฝ่ายเดินตามขึ้นมาเองแท้ ๆ“ปล่อยนะคะ มิลินเจ็บ”“ถ้าไม่อยากให้ฉันใช้ความรุนแรงก็ตอบมา!!”“ไม่สนใจแล้วจะอยากรู้ไปทำไม”“คงต้องใช้อย่างอื่นกระตุ้นสินะถึงจะยอมพูด”ขนทั้งตัวมันลุกซู่ เมื่อคืนก็เพิ่งทำไปพี่ลีวายยังคิดเรื่องบนเตียงอยู่อีกหรือไงทำไมถึงเป็นคนหื่นกามขนาดนี้กัน“อย่าทำหน้าเหมือนกลัวขนาดนั้นสิ พอฉันทำจริง ๆ เธอเองก็ชอบไม่ใช่หรือไง”“…”“อย่าปฏิเสธว่าเธอไม่มีความสุข”“แต่ไม่ใช่ตอนนี้”“เธอมีสิทธิ์เลือก? หึ!! ฉันต่างหากที่มีสิทธิ์” คงเป็นเพราะฉันเป็นฝ่ายยอมมากเกินไปพี่ลีวายถึงได้เป็นแบบนี้“เห็นมิลินยอม… ไม่ได้แปลว่าจะต้องยอมทุกครั้งนะคะ”“ถึงเตียงก่อนแล้วค่อยมาปากดี!!”“ไม่ไป ปล่อยมิลินนะ!!”“งั้นก็ตอบคำถามของฉันมา ว่าเธอจะไปไหน” พี่ลีวายจ้องหน้าฉันเขม็ง ยังหาเหตุผลไม่ได้เลย ว่าทำไมเขาถึงอยากรู้มากขนาดนั้น ถึงขั้นขู่ฉันสารพัดพี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เมื่อถามยังไงฉันก็ไม่ยอมตอบ ก่อนจะอุ้ม
ไม่คิดว่าคนอย่างพี่ลีวายจะตอบตกลงทำเอาฉันแปลกใจ และอึ้งไปครู่ใหญ่ เพราะปกติเขาไม่ได้กลัวคุณท่านขนาดนั้นหรือว่าครั้งนี้มันรุนแรงเกินไปถึงขั้นที่ฉันต้องเข้าโรงพยาบาล… ถึงยังไงที่พี่ลีวายตอบตกลงก็คงไม่ใช่เพราะอยากจะดูแลฉันแน่นอน“นานเท่าไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาทำลายความเงียบ“คะ?”“เธอต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานเท่าไร”“หมอบอกว่าหนึ่งอาทิตย์ค่ะ”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ พร้อมสีหน้าที่หงุดหงิด ดูเหมือนว่าเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องดูแลฉันมันนานเกินไปสำหรับเขา“เสียเวลา!!” เป็นครั้งที่สองแล้วที่พี่ลีวายพ่นคำนี้ออกมาแทนที่จะโกรธกับเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลแท้ ๆ ไม่รู้ทำไม จากที่เศร้าอารมณ์มันก็ดีขึ้นมาเฉยเลย คงเพราะโอกาสแบบนี้ที่พี่ลีวายจะมาดูแลฉันไม่ได้มีมาบ่อย ๆ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้… ถึงเขาจะไม่เต็มใจทำก็ตาม“หิวน้ำจังเลยค่ะ”“แล้ว?” พี่ลีวายหรี่ตาถามพร้อมขมวดคิ้วเป็นปม“เอาน้ำให้มิลินดื่มหน่อยค่ะ”“วางอยู่ตรงนั้น หยิบเองมันลำบาก?” เสียงเย็น ๆ เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เพราะแก้วน้ำมันอยู่ใกล้ ๆ ในระยะที่มือเอื้อมถึงแต่ฉันกลับสั่งให้พี่ลีวายหยิบให้“ก็… หมอบอกว่าไม่ให้มิลิ
ฉันเบิกตากว้างเมื่อพี่ลีวายล้วงมือเข้ามาด้านใน เขาจะทำจริง ๆ โดยไม่สนใจเรื่องสถานที่เลยหรือไง“มิลินบอกให้หยุด อื้อ~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นเมื่อปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับจุดกระสันของร่างกาย“จะหยุดได้ยังไง แค่ปลายนิ้วแตะก็ครางออกมาซะเสียงหวาน”“คนนะคะไม่ใช่หุ่นยนต์ จะได้ อ๊ะ~ ไม่มีความรู้สึก”พี่ลีวายยิ้มมุมปากก่อนจะตวัดปลายนิ้วถูขึ้นลงบนติ่งเกสรช้า ๆ ทำให้ร่างกายของฉันเริ่มขยับ“ยะ... หยุดทำอะไร บะ... บ้า ๆ นะ อ๊า~”“ฉันไม่หยุด” เสียงครางกระเส่าของฉันมันทำให้พี่ลีวายใช้นิ้วบดขยี้ติ่งเกสรถี่รัวขึ้น“อ๊ะ~ มิลิน โอ้ย จะ... เจ็บหลัง”แค่ขยับตัวนิดเดี๋ยวก็เจ็บจี๊ดไปทั่วแผ่นหลัง สายตาคมจ้องมองใบหน้าที่เจ็บปวดของฉันก่อนที่พี่ลีวายจะหยุดชะงัก“เจ็บมาก?”“ค่ะ”ฉันขมวดคิ้วนิ่วหน้าเพราะความเจ็บที่ไม่สามารถอธิบายได้ คุณหมอสั่งไว้แล้วว่าห้ามขยับเยอะแต่พี่ลีวายทำแบบนี้จะให้นอนแน่นิ่งได้ยังไง“เธอทำให้ฉันเสียอารมณ์ฉิบ!!”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ราวกับว่ามันเป็นความผิดของฉันก่อนจะดึงมือออกฉันไม่อยากเห็นหรอก แต่สายตามันเหลือบมามองตรงเป้ากางเกงของพี่ลีวายพอดี“มันตื่นเพราะเธอ หายดีเมื่อไรรับผิดชอบมันด
แทนเดินมาหยุดข้าง ๆ เตียงที่ฉันนอนอยู่แล้วมองด้วยสายตาเป็นห่วง ซึ่งพี่ลีวายไม่เคยมองแบบนี้ เลยถึงแม้เขาจะเป็นคนทำให้ฉันเข้าโรงพยาบาล เขาไม่เป็นห่วงและไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด“อาผมเป็นหมออยู่ที่นี่ครับ”“แล้วไม่เรียนเหรอ”“รู้ว่าพี่อยู่โรงพยาบาล ผมจะมีกะจิตกะใจเรียนได้ยังไง”“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”“จะอาลัยอาวรณ์กันอีกนานไหม” เสียงของพี่ลีวายพูดแทรกขึ้นมา บ่งบอกว่าเขาไม่พอใจเอามาก ๆ ที่เห็นแทนมาเยี่ยมฉัน“พี่ลีวายออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้นะคะ” ฉันแค่เสนอความคิดเห็นแต่ไม่คิดว่าคำพูดนั้นจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ“พอมันมาแล้วไล่ฉัน?”สายตาที่จ้องอย่างเอาเรื่องของพี่ลีวายทำให้แปลกใจว่า เพราะอะไรเขาถึงไม่ชอบแทนมากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เคยพูดว่าอยากให้แทนมาหมั้นกับฉันแทนตัวเอง ลืมคำพูดนั้นไปแล้วหรือไง“ตอนแรก เธอยังไม่อยากให้ฉันออกไปเลยนะ”“มิลินแค่ไม่อยากให้บรรยากาศมันอึดอัด”“ใช่ครับ อึดอัดมาก” แทนพูดแทรก คำพูดของเขาทำให้พี่ลีวายลุกขึ้นจากโซฟาแล้วพุ่งปรี่มาประชิดตัวแทนทันที“พี่ลีวายอย่าทำอะไรบ้า ๆ นะคะ”“ถ้าไม่อยากให้ทำ คราวหลังก็บอกมันว่าอย่ามาปากดี!!”“ผมแค่อยากอยู่กับพี่มิลินตามลำ
ฉันจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของพี่ลีวาย หลังจากที่ได้ยินคำตอบหัวใจดวงน้อยมันก็เต้นรัว แต่ก็คิดได้ว่าที่ไม่ยอมปล่อยให้ไปก็เพราะความเกลียด สำหรับพี่ลีวายมันแค่นั้น“อย่าเข้าใจผิดว่าที่ฉันพูดไปเพราะรักเธอ”“รู้ค่ะ มิลินรู้ว่าพี่ลีวายไม่มีหัวใจ”“ฉันเป็นคน ทำไมจะไม่มีหัวใจ แต่ในหัวใจของฉันไม่เคยมีเธออยู่”คำพูดที่ตอกย้ำทำให้ฉันเกือบจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ เข้าใจว่าไม่รักแต่ไม่เห็นจะต้องพูดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ แบบนี้เลย คำว่าไม่รักได้ยินพี่ลีวายพูดออกมาเป็นร้อย ๆ รอบแล้ว“สักวันหัวใจของมิลินก็จะไม่มีพี่ลีวายอยู่เหมือนกัน”“เธอทำไมได้หรอก”“…”“เธอเลิกรักฉันไม่ได้”“มั่นใจมากเกินไปหรือเปล่าคะ”พี่ลีวายยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ ฉันที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะพูดออกมาอย่างมั่นใจ“ยิ่งฉันเข้าใกล้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งหวั่นไหว เธอจะรู้สึกกับฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ”“…” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อคำที่เขาพูดมาเป็นความจริงพี่ลีวายเอามือมาจับปลายคางของฉันแล้วโน้มลงมาบอกเสียงเย็นยะเยือก “ถ้าชอบฉันมาก ก็อย่ามีใครนอกจากฉัน”“ม… มิลินอยากนอนพัก”“อืม” พี่ลีวายเดินออกไปสูบบุหรี่ที่นอก
สีหน้าของฉันซีดเผือดเมื่อเห็นพี่ลีวายถอดเสื้อออกจากตัว คิดว่าถ้าอ้างเรื่องเป็นประจำเดือนออกไปจะได้ผล แต่ผิดคาดเพราะเขาก็ยังคิดจะทำโดยไม่สนอะไรต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ หรือพี่ลีวายจะรู้ว่าฉันโกหก“ม… มิลินว่ารอให้ประจำเดือนหายก่อนดีไหมคะ”“บอกแล้วไงว่าฉันมีถุงยาง”“แต่มันเปื้อนนะคะ”“เปื้อนก็แค่เปลี่ยนผ้าปูที่นอน”“…” ไม่ว่าจะหาเหตุผลอะไรมาแก้ต่าง แต่สุดท้ายพี่ลีวายก็โต้แย้งมันทุกข้อ ทำเอาฉันจนมุม“รีบ ๆ ถอดเสื้อผ้าฉันมีเวลาไม่มาก”“ถ… ถ้ามีธุระก็รีบไปทำก่อนดีกว่าค่ะ ระ... เรื่องนี้เอาไว้ทำทีหลังก็ได้”“ฉันบอกให้ถอดเสื้อผ้า เข้าใจยากตรงไหน”“…” ให้ตายสิเขามุ่งมั่นที่จะทำเรื่องแบบนั้น มากขนาดนี้เลยหรือไงฉันก้มหน้าลงพร้อมความคิดไม่ตก ยังไงก็ไม่รอดสินะ ต่อให้ปฏิเสธแต่ฉันรู้ดีว่าสุดท้ายมันจะเกิดขึ้น เพราะฉันเองที่เป็นฝ่ายยอมพี่ลีวายพูดถูก… เพราะคำว่ารักทำให้ฉันปฏิเสธเขาไม่เคยได้สักครั้ง “อึก!” ดวงตากลมของฉันเบิกกว้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมา แล้วเห็นพี่ลีวายเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าปิดคลุมร่างกาย พอได้เห็นก็ทำเอาใบหน้ามันร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ร่างหนาคร่อมขึ้นมาบนตัวของฉันก่อนจะจับชายเสื้อที่ฉันสวมใส
หลังจากทำเรื่องอย่างว่าเสร็จพี่ลีวายก็พาฉันมาทำธุระด้วย ทั้งที่ขอรออยู่ห้องแต่เขาก็ไม่ยอม ปฏิบัติกับฉันราวกับไม่ใช่คนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล รถหรูขับมาจอดหน้าตึกร้างซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือที่ไหน แต่ก็ไม่ได้แปลกใจที่เห็นมีคนยืนเป็นบอดี้การ์ดอยู่เพียบ ให้เดาคงจะมาเคลียร์เรื่องธุรกิจสีเทาของเขาถึงจะรู้เกี่ยวกับการค้าธุรกิจสีเทาของพี่ลีวาย แต่ปกติฉันไม่เคยมาด้วย ถือว่านี่เป็นครั้งแรก เพราะคุณท่านเคยสั่งเอาไว้ว่า ถ้างานไหนที่อันตรายไม่ควรเอาฉันมาเกี่ยวด้วย แปลว่าครั้งนี้คงไม่อันตรายอะไร“บอกเจ้านายของแกว่าฉันมีเรื่องจะคุย” พี่ลีวายบอกคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าตึก ก่อนที่คนนั้นจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับเจ้านายของเขาทั้งที่ควรจะกลัวแต่ฉันกลับรู้สึกตื่นเต้นเพราะมันคือครั้งแรกที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้กับตาของตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าอันตรายแต่ฉันกลับรู้สึกปลอดภัยเพราะมีพี่ลีวายอยู่ข้าง ๆ“เชิญครับ” ชายหน้าโหดหุ่นท้วมเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำขึ้นไปบนตึกจู่ ๆ พี่ลีวายก็เอามือมากุมมือฉันไว้ การกระทำแบบนั้นทำให้ฉันตกใจอย่างมาก จากนั้นหัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงอย่างไร้เหตุผล“ที่นี่อันตราย” เขาบอกเพียงสั้น ๆ แ
เสียงตวาดของพี่ลีวายทำให้ฉันสะดุ้งโหย่งแล้วยอมปล่อยให้เขาฉุดกระชากแขนมาจนถึงที่รถอย่างไม่ขัดขืน“เอานามบัตรของมันมาให้ฉัน” พี่ลีวายตวาดบอกดังลั่น แววตาแข็งกร้าวคู่นั้นจ้องมองฉันอย่างไม่สบอารมณ์“ทำไมต้องให้ด้วยคะ” ถึงจะกลัวแต่ฉันก็ยังอยากรู้เหตุผลที่ทำให้หงุดหงิดขนาดนี้“เอามานี่!!”“ไม่ให้ค่ะ”“มิลิน!!” เมื่อไม่ได้ดั่งใจพี่ลีวายก็โกรธจนหน้าแดง เขาขบกรามแน่นแล้วจ้องฉันเขม็งหวังให้กลัวอีกนิด… ฉันอยากขัดใจเขาดูอีกนิด เพราะอยากรู้ว่าอะไร ที่ทำให้พี่ลีวายหัวเสียมากขนาดนี้พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เหมือนพยายามใจเย็นกับฉัน ก่อนจะบอกเสียงเรียบแต่แฝงความอำมหิต“อย่าให้ฉันอารมณ์เสียไปมากกว่านี้”“เหตุผลคืออะไรเหรอคะ” ฉันพยายามถามเพื่อให้ได้คำตอบที่ตัวเองอยากรู้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมตอบความจริง“ฉันไม่ชอบขี้หน้ามัน”“แค่นี้เองเหรอคะ” ฉันมองพี่ลีวายเพื่อจับผิดแต่เขารู้ตัว ก่อนจะยิงคำถามกลับ “ทำไม? คิดว่าที่ฉันทำไปเพราะหึงหวงเธอหรือไง”“…” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยินคำถามนั้นก็เงียบไปทันทีมันใช่อย่างที่พี่ลีวายถาม เขาทำแบบนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไง ถึงมันจะดูเข้าข้างตัวเองไปหน่อยแต่มันก็
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ