เสียงตวาดของพี่ลีวายทำให้ฉันสะดุ้งโหย่งแล้วยอมปล่อยให้เขาฉุดกระชากแขนมาจนถึงที่รถอย่างไม่ขัดขืน“เอานามบัตรของมันมาให้ฉัน” พี่ลีวายตวาดบอกดังลั่น แววตาแข็งกร้าวคู่นั้นจ้องมองฉันอย่างไม่สบอารมณ์“ทำไมต้องให้ด้วยคะ” ถึงจะกลัวแต่ฉันก็ยังอยากรู้เหตุผลที่ทำให้หงุดหงิดขนาดนี้“เอามานี่!!”“ไม่ให้ค่ะ”“มิลิน!!” เมื่อไม่ได้ดั่งใจพี่ลีวายก็โกรธจนหน้าแดง เขาขบกรามแน่นแล้วจ้องฉันเขม็งหวังให้กลัวอีกนิด… ฉันอยากขัดใจเขาดูอีกนิด เพราะอยากรู้ว่าอะไร ที่ทำให้พี่ลีวายหัวเสียมากขนาดนี้พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เหมือนพยายามใจเย็นกับฉัน ก่อนจะบอกเสียงเรียบแต่แฝงความอำมหิต“อย่าให้ฉันอารมณ์เสียไปมากกว่านี้”“เหตุผลคืออะไรเหรอคะ” ฉันพยายามถามเพื่อให้ได้คำตอบที่ตัวเองอยากรู้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมตอบความจริง“ฉันไม่ชอบขี้หน้ามัน”“แค่นี้เองเหรอคะ” ฉันมองพี่ลีวายเพื่อจับผิดแต่เขารู้ตัว ก่อนจะยิงคำถามกลับ “ทำไม? คิดว่าที่ฉันทำไปเพราะหึงหวงเธอหรือไง”“…” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยินคำถามนั้นก็เงียบไปทันทีมันใช่อย่างที่พี่ลีวายถาม เขาทำแบบนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไง ถึงมันจะดูเข้าข้างตัวเองไปหน่อยแต่มันก็
ฉันถอยหลังหนีพี่ลีวายจนขาแนบชิดเข้ากับขอบเตียง เมื่อไร้หนทางก็รีบหันมองประตูแต่ไม่ทันได้วิ่งไป ร่างหนาก็เดินมาขว้างที่หน้าประตูอย่างรู้ทัน“ถ้าไม่ยอมทำสิ่งที่ฉันต้องการก็ห้ามออกจากห้อง” คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูประกาศเสียงกร้าว“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ดูสีหน้าของพี่ลีวายสิมันบ่งบอกว่าเขาไม่ได้ขู่ตอนที่เรายังไม่เคยมีอะไรกันพี่ลีวายก็เป็นแค่ผู้ชายปากร้ายคนหนึ่งแต่หลังจากที่พลาดท่าให้ ความร้ายกาจนั้นก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันแทบรับมือไม่ไหวการที่คุณท่านไม่อยู่มันทำให้พี่ลีวายได้ใจ อยากทำอะไรกับฉันก็ทำอย่างไร้ความปรานี ความโหดร้ายของเขามันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ“ถ้าอยากออกไปจากห้องฉันมากก็รีบ ๆ มาทำซะสิ” พี่ลีวายยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจที่ตัวเองดักทางหนีฉันได้ทุกอย่างใช่สิ! เขาถือไพ่เหนือกว่าทุกครั้ง ไม่ว่าจะทำหรือคิดอะไรเขาก็รู้ทันไปหมดซะทุกเรื่อง“ทำไมต้องเอาแต่บังคับด้วยคะ”“แค่ยอมทำตามที่ฉันสั่งอย่างว่าง่ายมันยากตรงไหน” ไม่เพียงแค่ไม่ยอมตอบแต่พี่ลีวายยังยิงคำถามกลับมา“ก็มิลินไม่อยากทำ”“เธอต้องทำ” พี่ลีวายบอกเสียงเข้ม เขาชอบบังคับให้คนอื่นทำตามที่ตัวเองต้องการและไม่มีทางขัดได้เลย“…” ฉันม
กลับมาที่ห้องของตัวเอง ฉันพยายามอ่านหนังสือและไม่สนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แต่ทว่าพยายามเท่าไรมันก็เอาแต่คิดวนเวียนไม่เข้าใจตัวหนังสือที่อ่านสักทีจนหงุดหงิดตัวเอง“หยุดคิดถึงคนใจร้ายสักที” ฉันบอกตัวเองเบา ๆ แล้วตั้งสติอ่านหนังสือใหม่อีกครั้งไม่รู้ว่าทำไมทั้งที่มีเหตุผลมากมายให้เลิกชอบผู้ชายอย่างพี่ลีวายแท้ ๆ แต่หัวใจมันก็ยังมีแต่เขา แถมไม่ว่าจะถูกบังคับให้ทำอะไรก็ยอมไปซะหมดทุกอย่างไม่ใช่ว่าคิดไม่ได้หรอกนะ มันคิดได้แต่ขัดไม่ได้ต่างหาก สุดท้ายก็ต้องมานั่งหงุดหงิดตัวเองแบบนี้เวลาผ่านไปจนถึงวันสอบวันสุดท้าย วันนี้ฉันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะจะได้ไปต่างประเทศแล้ว ถึงแม้ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของฉันกับพี่ลีวายมันจะวนลูปอยู่ที่เดิม นั่นก็คือเรื่องบนเตียงกับคำพูดร้าย ๆ ที่เขาคอยพูดกรอกหูอยู่ตลอดเวลาตอนนี้ถึงยังไม่ได้ไปต่างประเทศ ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหลุดพ้น การไปครั้งนี้มันต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงมีเรื่องหนึ่งที่ฉันเป็นกังวลคือเรื่องของแทน เพราะตั้งแต่ตอนนั้นที่บล็อกเขาไป แทนก็ไม่มาเจอหน้าฉันอีกเลย ทั้งที่เราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เมื่อก่อนเราเจอกันบ่อยมาก ๆ
พี่ลีวายดึงผ้าห่มมาคลุ่มเรือนร่างเปลือยเปล่าของฉันเอาไว้ แล้วลุกขึ้นจากเตียงพร้อมจ้องหน้าฉันเขม็งอยู่ครู่ใหญ่“หยุดร้องมันน่ารำคาญ!!”“อึก~”“คิดว่าฉันอยากทำกับเธอมากหรือไง ต่อให้ไม่มีเธอ ฉันจะไปทำกับผู้หญิงคนไหนก็ได้!!” เขาตวาดบอกอย่างไม่สนใจความรู้สึกของฉันเลยว่ามันจะรู้สึกเจ็บปวดมากขนาดไหน“อึก~ ขะ... เข้าใจแล้วค่ะ”“เข้าใจ? หมายความว่ายังไงฮะ!!”“มิลินอยากอยู่คนเดียว พี่ลีวายออกไปได้แล้ว”“ไล่?”ฉันไม่ยอมตอบอะไรทำให้พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ อย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินออกไปแถมยังปิดประตูห้องเสียงดังลั่นหลังจากพี่ลีวายออกไปแล้วฉันก็ขดตัวนอนร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ได้แค่บอกตัวเองว่าพอได้แล้ว… พอกันทีมิลิน ความรู้สึกของฉันมันเดินทางมาไกลมากพอแล้ว แต่ทุกอย่างก็สูญเปล่า ฉันอดทนได้เก่งไม่ได้แปลว่ามันไม่เหนื่อย การที่ฉันคิดว่าจะใช้ร่างกายผูกมัดนั้นเป็นอะไรที่โง่สิ้นดีเพราะพี่ลีวายก็ยังเกลียดฉันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน“อึก~”หลังจากร้องไห้อยู่นานฉันก็ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้เรียบร้อย แล้วเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าต่อ พยายามไม่ให้ตัวเองร้
เพราะกลัวว่าคนอื่นจะรู้ถึงความสัมพันธ์ที่น่าอายระหว่างฉันกับพี่ลีวายจึงยอมแต่โดยดี ถึงแม้ว่าไม่อยากให้เขาไปส่งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี คุณลุงคนขับรถได้ย้ายกระเป๋าของฉันไปที่รถของพี่ลีวายเรียบร้อยแล้ว@ภายในรถทั้งฉันและพี่ลีวายเข้ามานั่งในรถ บอกตามตรงว่าไม่ชอบความอึดอัดแบบนี้เอาซะเลย“จะไม่ถามว่าฉันหายไปไหนมา?” คนตัวสูงที่นั่งเบาะคนขับหันมาขมวดคิ้วพูดกับฉันราวกับอยากให้ถาม“ทำไมต้องถามด้วยคะ”“ปกติเห็นอยากส่อรู้ไปซะทุกเรื่อง ไม่ว่าฉันจะทำอะไรอยู่ที่ไหน”คำพูดที่เหน็บแนมนั้นทำให้ฉันเงียบไปครู่หนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้เวลาพี่ลีวายหายไปไหน มันก็อยากรู้ไปหมดอย่างที่เขาว่า แต่ก็ไม่ได้ตามติดขนาดนั้นซะหน่อย ฉันยังรู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่ไหน และเว้นที่ว่างให้เขาเสมอ“ก็คง… ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นมาใช่ไหมคะ”“เดาเก่งเหมือนกันนี่”“…” ไม่น่าถามแบบนั้นให้ตัวเองเจ็บหัวใจเล่น ๆ เลย เพราะคนที่ตอบไม่เคยแคร์ความรู้สึกของฉันเลย“รู้ไหมว่าผู้หญิงพวกนั้นเด็ดกว่าเธอหลายเท่า…” พี่ลีวายเอ่ยออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติ คงจงใจพูดให้ฉันรู้สึกและมันก็ได้ผลฉันหันออกมามองด้านนอกหน้าต่างแล้วบอก “ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่อง
ฉันเบิกตากว้างเมื่อได้สติแล้วรู้ว่าพี่ลีวายปล่อยใน ก่อนจะจิกเล็บลงบนแท่นแขนแกร่งอย่างแรง“โอ้ย!!” พี่ลีวายร้องออกมาเสียงดังพร้อมจ้องตาเขม็งอย่างไม่พอใจ “ฉันเจ็บ!!”พูดจบเขาก็ปัดมือฉันอย่างแรงพร้อมพลักตัวออกทำให้น้ำสีขุ่นที่ถูกปล่อยเข้ามาไหลออกจากร่องแคบจนเปรอะเปื้อนท่อนขาแกร่งฉันก้มมองน้ำเชื้อสีขุ่นที่ไหลเปื้อนอยู่บนท่อนขาของพี่ลีวายแล้วถาม “ปล่อยในทำไมคะ”“แล้วทำไมไม่ถามตั้งแต่ตอนฉันใกล้เสร็จ หรือใจจริงเธอก็อยากให้ปล่อยใน”“มิลินไม่เคยคิดแบบนั้น” ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวหาฉันก็รีบแก้ตัวทันทีเพราะไม่เคยคิดอยากให้เขาปล่อยในเลยสักนิด“อ่า! เปื้อนหมดแล้ว”ฉันรีบลุกขึ้นจากตัวเขาก่อนจะหยิบเอาทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดบริเวณจุดสำคัญโดยมีสายตาคมจ้องมองอยู่“ม… มองทำไมรีบใส่เสื้อผ้าสิคะ”“ฉันจะไปอาบน้ำ”“คะ? อาบน้ำเหรอแต่มิลินรีบนะ” ฉันขมวดคิ้วมองพี่ลีวายอย่างไม่เข้าใจ เหมือนเขากำลังจะยื้อเวลาที่ไม่เข้าใจก็คือทำไปเพื่ออะไร“ไม่เห็นหรือไงว่ามันเปื้อนหมดแล้ว” เขาชี้นิ้วมาบนท่อนขาแกร่งของตัวเองที่มีน้ำสีขุ่นเปื้อนอยู่“ถ้าอย่างนั้นมิลินจะให้ลุงคนขับรถไป…” ยังพูดไม่ทันจบคนที่นั่งข้าง ๆ ก็ตวาดบอกเสีย
ฉันมองหน้าพี่ลีวายด้วยความรู้สึกที่สุดแสนจะเจ็บปวด แต่มันก็ดีแล้วที่เขาคิดยังไงก็พูดออกมา ไม่หลอกให้ฉันคิดฝันไปไกล“มิลินจะจำคำ ๆ นั้นไว้ให้ขึ้นใจเลยนะคะ” ที่บอกไปจริง ๆ แล้วฉันพยายามเข้มแข็งทั้งที่ภายในใจนั้นบอบช้ำสาหัส“ใช่! เธอต้องจำให้ขึ้นใจ”“ขอบคุณที่คอยเตือนมิลินอยู่ตลอดนะ”“อืม”“จะปลดล็อกรถให้ได้หรือยังคะ”พี่ลีวายหันมามองค้อนด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ก่อนจะบอกเสียงเย็น “บอกว่าเอื้อมมาปลดเอง”“ก็ได้ค่ะ” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะหากไม่ทำก็อาจจะไม่ทันเครื่อง มันมีแค่ทางเลือกเดียวขณะที่โน้มตัวคร่อมลงมาทาบบนท่อนขาแกร่ง จู่ ๆ มือหนาของพี่ลีวายก็ล้วงเข้ามาในเสื้อทำเอาฉันสะดุ้งรีบผละตัวออกทันที“ท… ทำอะไรคะ”“อย่าทำตัวใสซื่อหน่อยเลย เอากับฉันมาตั้งกี่ครั้งแล้ว”“…” ได้ยินคำ ๆ นั้นมันทำให้ฉันต้องกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด เพราะเขาพูดมันบ่อยมาก ๆพี่ลีวายคว้ามือมาบีบที่หน้าของฉันพร้อมจ้องอย่างไม่ละสายตา“อื้อ เจ็บนะคะ”“… หวังว่าเธอจะเลิกรู้สึกกับฉันได้อย่างที่ต้องการ”“…” คำพูดนั้นเป็นการตอกย้ำ มันยิ่งทำให้ฉันฮึดสู้สายตาคมเอาแต่จ้องหน้าฉันโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมา
ฉันนอนหลับไปกี่ชั่วโมงก็ไม่รู้ และไม่กล้าลุกขึ้นออกไปด้านนอกเพราะไม่รู้ว่าถ้าเจอหน้าพี่คัลเลนแล้วต้องทำยังไง เพราะไม่ได้เมามากจึงจำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ไม่อยากคิดไปไกลเลยว่าพี่คัลเลนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้ อีกอย่างฉันไม่มีทางคิดเกินเลยกับเขามากกว่าคำว่าพี่ชายก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่คนด้านนอกจะเอ่ยบอก“เครื่องใกล้จะลงจอดแล้วนะคะ”“… ค่ะ”หลังจากเครื่องลงจอดก็ไม่สามารถเลี่ยงอะไรได้อีก สุดท้ายฉันก็ต้องออกมาด้านนอกและได้ประจันหน้ากับพี่คัลเลนอีกครั้ง คราวนี้มันรู้สึกเกร็ง ๆ ยังไงก็ไม่รู้“เดี๋ยวพี่ช่วยถือกระเป๋าให้”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวมิลินถือเอง”“เรื่องตอนนั้น… พี่ขอโทษ” แววตาคู่นั้นทำให้ฉันคิดจริง ๆ ว่าพี่คัลเลนรู้สึกผิดจริง ๆ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี“ช… ชั่งมันเถอะค่ะ มิลินไม่ได้คิดอะไร” ฉันตอบปัด ๆ ไปเพราะไม่อยากจะไปคิดถึงให้ปวดหัว เพราะแค่นี้ก็มีเรื่องให้คิดมากมายเต็มไปหมดแต่พอตอบแบบนั้นเหมือนพี่คัลเลนจะไม่ค่อยพอใจ แถมยังดึงกระเป๋าออกไปจากมือฉันแล้วตรงไปที่รถ“เดี๋ยวมิลินโทรบอกคุณท่าน…” ยังพูดไม่ทันจบอีกคนก็แทรกขึ้นมาซะก่อน“เดี๋ยวพี่ไปส่ง โทรถามค
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ