เพราะกลัวว่าคนอื่นจะรู้ถึงความสัมพันธ์ที่น่าอายระหว่างฉันกับพี่ลีวายจึงยอมแต่โดยดี ถึงแม้ว่าไม่อยากให้เขาไปส่งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี คุณลุงคนขับรถได้ย้ายกระเป๋าของฉันไปที่รถของพี่ลีวายเรียบร้อยแล้ว@ภายในรถทั้งฉันและพี่ลีวายเข้ามานั่งในรถ บอกตามตรงว่าไม่ชอบความอึดอัดแบบนี้เอาซะเลย“จะไม่ถามว่าฉันหายไปไหนมา?” คนตัวสูงที่นั่งเบาะคนขับหันมาขมวดคิ้วพูดกับฉันราวกับอยากให้ถาม“ทำไมต้องถามด้วยคะ”“ปกติเห็นอยากส่อรู้ไปซะทุกเรื่อง ไม่ว่าฉันจะทำอะไรอยู่ที่ไหน”คำพูดที่เหน็บแนมนั้นทำให้ฉันเงียบไปครู่หนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้เวลาพี่ลีวายหายไปไหน มันก็อยากรู้ไปหมดอย่างที่เขาว่า แต่ก็ไม่ได้ตามติดขนาดนั้นซะหน่อย ฉันยังรู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่ไหน และเว้นที่ว่างให้เขาเสมอ“ก็คง… ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นมาใช่ไหมคะ”“เดาเก่งเหมือนกันนี่”“…” ไม่น่าถามแบบนั้นให้ตัวเองเจ็บหัวใจเล่น ๆ เลย เพราะคนที่ตอบไม่เคยแคร์ความรู้สึกของฉันเลย“รู้ไหมว่าผู้หญิงพวกนั้นเด็ดกว่าเธอหลายเท่า…” พี่ลีวายเอ่ยออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติ คงจงใจพูดให้ฉันรู้สึกและมันก็ได้ผลฉันหันออกมามองด้านนอกหน้าต่างแล้วบอก “ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่อง
ฉันเบิกตากว้างเมื่อได้สติแล้วรู้ว่าพี่ลีวายปล่อยใน ก่อนจะจิกเล็บลงบนแท่นแขนแกร่งอย่างแรง“โอ้ย!!” พี่ลีวายร้องออกมาเสียงดังพร้อมจ้องตาเขม็งอย่างไม่พอใจ “ฉันเจ็บ!!”พูดจบเขาก็ปัดมือฉันอย่างแรงพร้อมพลักตัวออกทำให้น้ำสีขุ่นที่ถูกปล่อยเข้ามาไหลออกจากร่องแคบจนเปรอะเปื้อนท่อนขาแกร่งฉันก้มมองน้ำเชื้อสีขุ่นที่ไหลเปื้อนอยู่บนท่อนขาของพี่ลีวายแล้วถาม “ปล่อยในทำไมคะ”“แล้วทำไมไม่ถามตั้งแต่ตอนฉันใกล้เสร็จ หรือใจจริงเธอก็อยากให้ปล่อยใน”“มิลินไม่เคยคิดแบบนั้น” ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวหาฉันก็รีบแก้ตัวทันทีเพราะไม่เคยคิดอยากให้เขาปล่อยในเลยสักนิด“อ่า! เปื้อนหมดแล้ว”ฉันรีบลุกขึ้นจากตัวเขาก่อนจะหยิบเอาทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดบริเวณจุดสำคัญโดยมีสายตาคมจ้องมองอยู่“ม… มองทำไมรีบใส่เสื้อผ้าสิคะ”“ฉันจะไปอาบน้ำ”“คะ? อาบน้ำเหรอแต่มิลินรีบนะ” ฉันขมวดคิ้วมองพี่ลีวายอย่างไม่เข้าใจ เหมือนเขากำลังจะยื้อเวลาที่ไม่เข้าใจก็คือทำไปเพื่ออะไร“ไม่เห็นหรือไงว่ามันเปื้อนหมดแล้ว” เขาชี้นิ้วมาบนท่อนขาแกร่งของตัวเองที่มีน้ำสีขุ่นเปื้อนอยู่“ถ้าอย่างนั้นมิลินจะให้ลุงคนขับรถไป…” ยังพูดไม่ทันจบคนที่นั่งข้าง ๆ ก็ตวาดบอกเสีย
ฉันมองหน้าพี่ลีวายด้วยความรู้สึกที่สุดแสนจะเจ็บปวด แต่มันก็ดีแล้วที่เขาคิดยังไงก็พูดออกมา ไม่หลอกให้ฉันคิดฝันไปไกล“มิลินจะจำคำ ๆ นั้นไว้ให้ขึ้นใจเลยนะคะ” ที่บอกไปจริง ๆ แล้วฉันพยายามเข้มแข็งทั้งที่ภายในใจนั้นบอบช้ำสาหัส“ใช่! เธอต้องจำให้ขึ้นใจ”“ขอบคุณที่คอยเตือนมิลินอยู่ตลอดนะ”“อืม”“จะปลดล็อกรถให้ได้หรือยังคะ”พี่ลีวายหันมามองค้อนด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ก่อนจะบอกเสียงเย็น “บอกว่าเอื้อมมาปลดเอง”“ก็ได้ค่ะ” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะหากไม่ทำก็อาจจะไม่ทันเครื่อง มันมีแค่ทางเลือกเดียวขณะที่โน้มตัวคร่อมลงมาทาบบนท่อนขาแกร่ง จู่ ๆ มือหนาของพี่ลีวายก็ล้วงเข้ามาในเสื้อทำเอาฉันสะดุ้งรีบผละตัวออกทันที“ท… ทำอะไรคะ”“อย่าทำตัวใสซื่อหน่อยเลย เอากับฉันมาตั้งกี่ครั้งแล้ว”“…” ได้ยินคำ ๆ นั้นมันทำให้ฉันต้องกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด เพราะเขาพูดมันบ่อยมาก ๆพี่ลีวายคว้ามือมาบีบที่หน้าของฉันพร้อมจ้องอย่างไม่ละสายตา“อื้อ เจ็บนะคะ”“… หวังว่าเธอจะเลิกรู้สึกกับฉันได้อย่างที่ต้องการ”“…” คำพูดนั้นเป็นการตอกย้ำ มันยิ่งทำให้ฉันฮึดสู้สายตาคมเอาแต่จ้องหน้าฉันโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมา
ฉันนอนหลับไปกี่ชั่วโมงก็ไม่รู้ และไม่กล้าลุกขึ้นออกไปด้านนอกเพราะไม่รู้ว่าถ้าเจอหน้าพี่คัลเลนแล้วต้องทำยังไง เพราะไม่ได้เมามากจึงจำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ไม่อยากคิดไปไกลเลยว่าพี่คัลเลนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้ อีกอย่างฉันไม่มีทางคิดเกินเลยกับเขามากกว่าคำว่าพี่ชายก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่คนด้านนอกจะเอ่ยบอก“เครื่องใกล้จะลงจอดแล้วนะคะ”“… ค่ะ”หลังจากเครื่องลงจอดก็ไม่สามารถเลี่ยงอะไรได้อีก สุดท้ายฉันก็ต้องออกมาด้านนอกและได้ประจันหน้ากับพี่คัลเลนอีกครั้ง คราวนี้มันรู้สึกเกร็ง ๆ ยังไงก็ไม่รู้“เดี๋ยวพี่ช่วยถือกระเป๋าให้”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวมิลินถือเอง”“เรื่องตอนนั้น… พี่ขอโทษ” แววตาคู่นั้นทำให้ฉันคิดจริง ๆ ว่าพี่คัลเลนรู้สึกผิดจริง ๆ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี“ช… ชั่งมันเถอะค่ะ มิลินไม่ได้คิดอะไร” ฉันตอบปัด ๆ ไปเพราะไม่อยากจะไปคิดถึงให้ปวดหัว เพราะแค่นี้ก็มีเรื่องให้คิดมากมายเต็มไปหมดแต่พอตอบแบบนั้นเหมือนพี่คัลเลนจะไม่ค่อยพอใจ แถมยังดึงกระเป๋าออกไปจากมือฉันแล้วตรงไปที่รถ“เดี๋ยวมิลินโทรบอกคุณท่าน…” ยังพูดไม่ทันจบอีกคนก็แทรกขึ้นมาซะก่อน“เดี๋ยวพี่ไปส่ง โทรถามค
หลังจากไล่ผู้หญิงคนนั้นไปแล้วผมก็เดินกลับมาหาไอ้คาแลนที่โต๊ะ เมื่อเห็นผมนั่งลงทำให้มันขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ“นี่มึงทำแล้ว?”“ทำอะไร” ผมนั่งกระแทกลงบนเก้าอี้อย่างหัวเสีย รู้สึกว่าวันนี้แม่งโคตรน่าเบื่อฉิบหายเลย“มึงเพิ่งเดินเข้าไปพร้อมเด็กไม่ใช่? แล้วทำไมออกมาเร็วจังวะ”“กูแค่ไม่มีอารมณ์” ผมตอบก่อนจะยกแก้วขึ้นมาดื่ม“ไอ้นี่! ตอนกูถามมึงก็บอกว่าเอา”“เออ! ตอนนี้ไม่มีอารมณ์มึงจะถามเหี้ยอะไรนักหนาวะ”“เป็นอะไรวะ กูรู้สึกว่ามึงแปลกไปนะไอ้ลีวาย”“เรื่องของกู!!”“ไอ้สัส! กูถามเพราะเป็นห่วง”ผมหยิบแก้วเหล้าดื่มรวดเดียวหมดด้วยอารมณ์ที่เดือดดาล ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดโทรออกไปหาผู้หญิงที่กล้าท้าทายกับผม“หึ!! กล้าดียังไงไม่รับสายฉัน” ผมกดโทรอีกครั้งแต่เธอก็ไม่ยอมรับสาย ผ่านไปครู่หนึ่งก็ปิดเครื่องใส่ปัก!! ผมวางโทรศัพท์กระแทกลงโต๊ะพร้อมอารมณ์เดือดดาลที่ทวีคูณมากขึ้นหลายเท่า“มึงโทรหาใคร”“ยุ่ง!!”“กูชักจะเริ่มสงสัยว่าใครกันที่ทำให้มึงหงุดหงิดได้มากขนาดนี้” ไอ้คาแลนจ้องหน้าผมอย่างคาดคั้น“ไม่มีใครทำทั้งนั้น เก็บความสงสัยของมึงเอาไว้ซะ”ผมพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ พยายามทำใจให้สงบแต่มันก็เ
มือที่สั่นเทาของฉันค่อย ๆ จิ้มไปยังข้อความที่พี่ลีวายส่งมา จากนั้นภาพก็เด้งไปหน้าจอแชตทำเอาอ้าปากค้างเพราะเขาส่งข้อความมาเยอะมาก ๆลีวาย: รับสายฉันมันจะตายหรือไงวะ!!!ลีวาย: กล้าอวดดีกับฉันขนาดนี้เลยรึไง!!ลีวาย: ถ้าไม่รีบโทรกลับมาภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงเธอกับฉันได้เห็นดีกันแน่ลีวาย: … อย่าให้ฉันต้องไปหาเธอด้วยตัวเองหัวใจดวงน้อยเต้นรัว ๆ เพราะความกลัว ถ้าให้เดาตอนที่พี่ลีวายพิมพ์ข้อความส่งมาเขาคงหัวเสียมาก ๆ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าฉันอยู่ด้วยตรงนั้นจะเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ฉันกำลังคิดหนักว่าจะโทรกลับไปดีไหม ใจจริงมันไม่อยากโทรเลยแต่ถ้าไม่โทรจะเกิดอะไรขึ้น ที่ประเทศไทยตอนนี้น่าจะดึกแล้วด้วยเอาไว้ค่อยโทรคงไม่เป็นอะไรครืด~ ครืด~ ขณะที่กำลังจะวางโทรศัพท์ลง จู่ ๆ มันก็สั่นเพราะมีสายเรียกเข้า พอมองดูหน้าจอท้องไส้มันก็ปั่นป่วนไปหมด เพราะสายที่โทรมาคือพี่ลีวายแน่นอนว่าต้องรับสายถึงจะไม่อยากรับเลย เขาขู่ขนาดนั้นจะให้เมินเฉยได้ยังไง“ฮัลโหลค่ะ”มันแปลกที่พอรับสายแล้วทางปลายสายกลับเงียบ ได้ยินเพียงลมหายใจที่ดังขึ้นเป็นจังหวะทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่“พี่…” กำลังจะถามแต่ปลายสายเอ่ยแทรกขึ้นมาซะก่อน น้ำเสียง
ผมลุกขึ้นหยิบผ้ามาซับเลือดบนมืออย่างไม่รู้สึกเจ็บ แม้ว่าเลือดจะไหลออกมามาก ก่อนจะเดินออกมาสูบบุหรี่ที่ริมระเบียง พลางคิดสงสัยว่าทำไมกับไอ้แค่ผู้หญิงคนเดียวถึงทำให้ผมหัวเสียมากขนาดนี้ได้ แถมยังไม่มีอารมณ์กับผู้หญิงคนอื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ก็แค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมต้องสนใจด้วยวะ แม่งเอ้ย!!”มันเพราะอะไรกัน แน่นอนว่านอกจากความแค้นผมไม่ได้รู้สึกอะไรอีก ไม่เคยรักมีแต่ความเกลียด ยิ่งเธอพยายามหนีมันก็ทำให้ร้อนใจซะจนอยากตามไปถึงต่างประเทศแล้วลากเธอกลับมาทรมานให้สาสมใจรู้แบบนี้ผมคงแอบถ่ายคลิปตอนเอากับเธอเอาไว้จะได้ไม่กล้าอวดดีขนาดนี้แค่วูบเดียวที่เผลอคิดถึงใบหน้าของยัยนั่นตอนที่มีอะไรกัน จู่ ๆ ความเป็นชายของผมมันก็ผงาดชูชันขึ้นมา “ซี๊ด! แค่คิดถึงหน้าทำไมต้องแข็งขนาดนี้ด้วยวะ!!”หึ!! ทั้งที่เกลียดแต่กลับมีอารมณ์เพียงเพราะคิดถึงตอนทำกับเธอ ผมคงต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่!!“… อีกไม่นานเธอจะต้องกลับมา” ผมกำมือแน่นแล้วสบถออกมาด้วยอารมณ์ที่แข็งกร้าวผมนอนอยู่บนเตียงมองเพดานห้องพลางคิดหาวิธีอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจโทรหาไอ้คาแลนเพราะมีแค่มันที่ทำได้ (โทรมามีอะไร)“ช่วยอะไรกูหน่อย”(คนอย่างมึงเนี่ยนะ
หลังจากกินอาหารเสร็จพี่คัลเลนก็พาฉันนั่งรถชมรอบ ๆ เมืองต่อ“อยากถ่ายรูปไหม”“มิลินไม่ได้เอาโทรศัพท์มาค่ะ”“เดี๋ยวใช้โทรศัพท์พี่ถ่ายก่อนก็ได้”“… ก็ได้ค่ะ”ตรงนี้ผู้คนค่อนข้างเยอะคงเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องแวะ ฉันแอบเห็นว่ามีคนไทยด้วย“พี่จะถ่ายแล้วนะ”“ค่ะ”ฉันยืนนิ่ง ๆ อย่างเขินอายให้พี่คัลเลนถ่ายภาพ ที่เขินก็เพราะมีชาวต่างชาติหลายคนเอาแต่มองจนทำตัวไม่ถูก“รีบไปกันดีกว่าค่ะ” พอถ่ายรูปเสร็จแล้วฉันก็รีบกลับมานั่งในรถ“อยากไปที่ไหนต่ออีกไหม?” ตอนนี้มันค่ำ ๆ แล้ว ทำให้ฉันรู้สึกอยากไปที่ ๆ หนึ่ง “มิลินอยากไป… ดื่มค่ะ”“ดื่ม?” พี่คัลเลนขมวดคิ้วหนามองด้วยความแปลกใจ“แปลกตรงไหนคะ ก็มิลินอยากดื่มเหล้าเก่ง ๆ บ้าง ไม่ใช่แก้วสองแก้วก็เมาแล้ว”“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ อยากไปก็จะพาไปแต่ถ้าดื่มไม่ไหวอย่าฝืนนะ”“ค่ะ”พี่คัลเลนขับรถมาจอดยังบาร์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของคุณท่านเท่าไร จากนั้นก็พาฉันเดินเข้าไปด้านในก่อนจะนั่งที่หน้าบาร์แล้วสั่งเหล้าให้“ถ้าอยากมาเมื่อไรก็บอกพี่นะ พี่จะมาเป็นเพื่อน” พี่คัลเลนจิบเหล้าก่อนจะพูด“ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะยกแก้วขึ้นมาดื่มที่นี่คนไม