หลังจากกินอาหารเสร็จพี่คัลเลนก็พาฉันนั่งรถชมรอบ ๆ เมืองต่อ“อยากถ่ายรูปไหม”“มิลินไม่ได้เอาโทรศัพท์มาค่ะ”“เดี๋ยวใช้โทรศัพท์พี่ถ่ายก่อนก็ได้”“… ก็ได้ค่ะ”ตรงนี้ผู้คนค่อนข้างเยอะคงเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องแวะ ฉันแอบเห็นว่ามีคนไทยด้วย“พี่จะถ่ายแล้วนะ”“ค่ะ”ฉันยืนนิ่ง ๆ อย่างเขินอายให้พี่คัลเลนถ่ายภาพ ที่เขินก็เพราะมีชาวต่างชาติหลายคนเอาแต่มองจนทำตัวไม่ถูก“รีบไปกันดีกว่าค่ะ” พอถ่ายรูปเสร็จแล้วฉันก็รีบกลับมานั่งในรถ“อยากไปที่ไหนต่ออีกไหม?” ตอนนี้มันค่ำ ๆ แล้ว ทำให้ฉันรู้สึกอยากไปที่ ๆ หนึ่ง “มิลินอยากไป… ดื่มค่ะ”“ดื่ม?” พี่คัลเลนขมวดคิ้วหนามองด้วยความแปลกใจ“แปลกตรงไหนคะ ก็มิลินอยากดื่มเหล้าเก่ง ๆ บ้าง ไม่ใช่แก้วสองแก้วก็เมาแล้ว”“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ อยากไปก็จะพาไปแต่ถ้าดื่มไม่ไหวอย่าฝืนนะ”“ค่ะ”พี่คัลเลนขับรถมาจอดยังบาร์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของคุณท่านเท่าไร จากนั้นก็พาฉันเดินเข้าไปด้านในก่อนจะนั่งที่หน้าบาร์แล้วสั่งเหล้าให้“ถ้าอยากมาเมื่อไรก็บอกพี่นะ พี่จะมาเป็นเพื่อน” พี่คัลเลนจิบเหล้าก่อนจะพูด“ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะยกแก้วขึ้นมาดื่มที่นี่คนไม
ฉันไม่ได้ท้าทายหรือประชด ทุกคำพูดที่เอ่ยออกไปแปลว่าตอนนี้ความรู้สึกทั้งหมดมันถึงขีดจำกัดแล้ว มันเสียใจจนไม่รู้จะเสียใจยังไงแล้วกับการกระทำหลาย ๆ อย่างของพี่ลีวายถ้าเขาอยากจะทำร้ายกันมากนักฉันก็ห้ามไม่ได้…(บอกว่าอย่าท้าทายฉัน)“ไม่ได้ท้าทาย แต่มิลินเหนื่อยแล้ว เหนื่อยที่ต้องเสียใจกับการกระทำของพี่ลีวายที่ไม่เคยให้ค่ามิลินเลย”พี่ลีวายพูดย้ำเหมือนอยากให้ฉันคิดทบทวนดี ๆ แต่ไม่ใช่หรอก เจตนาจริง ๆ ของเขาก็แค่อยากให้ฉันกลับไทย กลับไปเป็นที่รองรับอารมณ์เขาให้ค่าฉัน… แค่นั้นจริง ๆ … แต่ฉันกลับให้ค่าผู้ชายที่ทำร้ายตัวเองซะมากมาย(มั่นใจว่าจะเลือกแบบนั้น)“มิลินไม่อยากกลับไทยค่ะ หวังว่าหลังจากปล่อยคลิปแล้วความเกลียดที่พี่ลีวายมีให้มิลินมันจะลดลง”(หึ!! ไม่มีทาง)“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจพี่ลีวายเลยค่ะ อยากจะเกลียดก็เกลียดไป ต่อไปนี้มิลินจะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว”(อย่างเธอจะทำได้แบบที่พูดจริง ๆ หรือไง)ฉันกำมือแน่นคำพูดนั้นมันยิ่งตอกย้ำว่าฉันต้องทำให้ได้ “มิลินยอมพี่ลีวายมามากแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ยอมอีกแล้วค่ะ”(ฉันรอดูว่าเธอจะทำได้จริง ๆ หรือเปล่า)“มิลินเจ็บมามากพอแล้ว เจ็บจนข้างในมันชินชาไปแล้ว”(เ
เชื่อว่าคนเราถ้ามันสุดแล้วจริง ๆ จะเล่าทั้งหมดอย่างไม่อาย ซึ่งฉันก็เป็นแบบนั้นเพราะไม่อยากแต่งงานกับพี่ลีวาย เพราะการแต่งงานกับเขาก็ไม่ต่างอะไรกับการผลักตัวเองลงไปในเหวนรก ฉันรู้ว่าพี่ลีวายต้องพยายามทุกทางให้ฉันเจ็บปวดเพื่อแก้แค้น คนอย่างเขาต่อให้อธิบายเท่าไรก็ยังเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดถึงในตอนนี้ข้างในใจของฉันจะยังมีเขาอยู่ แต่ความรู้สึกมันบอกว่าให้พอได้แล้ว… ฉันควรหยุดทุกอย่างไว้ห้ามรู้สึกอะไรอีกและเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งขึ้นหลังจากเล่าทุกอย่างให้คุณท่านฟัง ท่านก็นั่งเงียบสีหน้าเคร่งเครียดจนฉันไม่กล้าพูดอะไรต่อ“ถ้าฉันรู้ว่าลูกชายตัวเองจะเลวขนาดนี้ คงไม่ฝากให้มันดูแลหนูตั้งแต่แรก” คุณท่านกัดกรามแน่นเพราะความโกรธหลังจากฟังเรื่องเล่าจากฉันจบ“… หนูกับพี่ลีวายจะไม่ได้แต่งงานกันใช่ไหมคะ… คุณท่านจะไม่บังคับใช่ไหม” ฉันกำมือแน่นจนเปียกชุ่มเหงื่อแล้วถามออกไปให้ตัวเองมั่นใจว่าจะไม่มีงานแต่งเกิดขึ้นจริง ๆ“แน่ใจใช่ไหม ว่าไม่อยากให้ตาลีวายมารับผิดชอบ” ถึงแม้จะเล่าทุกอย่างให้ฟังแล้ว แต่คุณท่านก็ยังถามย้ำซึ่งฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ“… หนูยอมรับนะคะ ว่าแอบรักพี่ลีวายมานานมาก เคยอยา
—-Talk ลีวาย—ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่น เมื่อโทรหามิลินแล้วเธอไม่รับ แถมยังไม่กลัวคำขู่ของผมอีก ปีกกล้าขาแข็งมาจากไหน!!คิดว่าผมจะเชื่อเหรอ ว่าเธอไม่กลัวอย่างปากว่า แค่ทำเป็นเก่งต่อหน้าผมก็เท่านั้น และผมก็ไม่ได้เดือดร้อนใจอะไรกับที่เธอบอกให้รับให้ได้บ้างแล้วกัน แต่แค่หงุดหงิดที่เธอไม่ยอมง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อนก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิด เพราะเรื่องมิลินแม่งทำให้หมดอารมณ์กับทุกอย่าง ทั้งเที่ยว ดื่ม หรือแม้แต่เรื่องผู้หญิง มันน่าหงุดหงิดฉิบหายตั้งแต่มิลินไปผมก็แทบไม่อยากจะคุยหรือยุ่งกับผู้หญิงที่ไหน ถึงจะนึกมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแต่พอคิดว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่เธอแล้วมันก็หดนี่ผมกำลังติดใจเธอจริง ๆ เหรอ หึ! ไม่มีทาง ผมก็แค่หัวเสียเกินไปเพราะเธอทำเป็นสู้กลับก็เท่านั้นแหละ คนอย่างผมไม่มีทางรู้สึกอะไรกับเธอหรอก#วันต่อมาตื่นนอนเสร็จ ผมก็อาบน้ำแต่งตัว พยายามลบเรื่องมิลินออกจากหัวและไม่นึกถึงมันอีก จากนั้นก็ออกไปซื้อของมาจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่บ้านริมสระไม่ใช่เป็นการจัดปาร์ตี้ธรรมดาแต่ผมจ้างผู้หญิงตัวท็อปของทุกร้านมา เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองหมดอารมณ์กับผู้หญิงจริงรึเปล่าหมายถึงผู้หญิงค
พ่อมองหน้าผมเหมือนหมดคำที่จะพูดต่อ ก่อนจะเดินไปไล่พวกผู้หญิงที่ผมเรียกมา ซึ่งผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว“เตรียมตัวจัดการธุระให้เสร็จภายในเดือนนี้ซะ และหวังว่าแกจะไม่ขัดคำสั่งของฉัน” พ่อเดินกลับมาพร้อมสั่งเสียงกร้าวก่อนจะหันหลังให้“จะไปไหนครับ”“กลับต่างประเทศ”“หึ! พ่อมาแค่เรื่องนี้เองสินะ” ผมใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดที่รู้ว่าพ่อมาเพื่อจะต่อว่าเรื่องแค่นี้“ใช่!! เพราะฉันโทรมาแล้วแกไม่รับ ถึงได้ต้องมาถึงที่นี่ไง!! ต่อไปนี้เลิกทำให้ฉันหนักใจสักที”“เพราะเด็กนั่นที่ทำให้พ่อหงุดหงิดผมขนาดนี้”“หนูมิลินเสียใจกับการกระทำของแกขนาดไหน ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง”“…”“คอยดูเถอะ แกจะคิดได้ในวันที่หนูมิลินไม่สนใจแกแล้ว ถึงวันนั้นตัวแกเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายรู้สึกผิด”“ทำไมต้องรู้สึกผิด ผมทำอะไรผิดครับ?”“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคลิปนั่นมันเป็นคลิปตัดต่อ ฉันให้ลูกน้องสืบแล้ว แกนี่มันทำได้ทุกอย่างจริง ๆ”“บ่นเสร็จแล้วใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว”“จะไปไหน!!”“ออกไปข้างนอกครับ”“กลับมาเดี๋ยวนี้!! ฉันสั่งให้แกกลับมา!!”ผมไม่สนใจคำที่ตวาดตามหลังของพ่อ ก่อนจะเหยียบคันเร่งรถขับออกจากบ้านด
เพราะไม่คิดว่าจะเป็นพี่ลีวายจึงรับสาย ฉันน่าจะฉุกคิดได้ว่าคงไม่มีใครที่บ้าโทรมาหลายสายขนาดนี้“ขอตัวสักครู่นะคะ” ฉันบอกผู้ชายลูกครึ่งที่มาขอชนแก้ว จากนั้นก็รีบเดินไปยังห้องน้ำโดยที่ถือสายของพี่ลีวายอยู่“ดูออกด้วยเหรอคะว่าตอนนี้มิลินมีความสุขมาก” เมื่อดึงสติของตัวเองกลับมาได้ฉันก็ตั้งคำถามกลับทันที(เธอต้องการแบบนี้สินะ เขี่ยฉันออกให้พ้นทางเพื่อจะได้หลอกเอาสมบัติจากพ่อของฉันง่าย ๆ)ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อได้ยินพี่ลีวายพูดแบบนั้น เขาก็แค่โมโหแล้วหาเรื่องไปทั่ว“เคยโทษตัวเองบ้างไหมคะ”(ฉันไม่ได้ผิดอะไร)ฉันรู้ว่าการคุยกับพี่ลีวายมันทำให้ปวดหัวและหงุดหงิด เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองผิด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ความผิดทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่ฉัน“… อย่าโทรมาหามิลินอีกเลยนะคะ… ต่อไปนี้มิลินจะไม่รับสายเบอร์แปลกอีก”(เมื่อกี้… เสียงใคร) ขณะที่ฉันกำลังจะวางสายพี่ลีวายก็ถามคำ ๆ หนึ่งออกมา“ต้องบอกด้วยเหรอคะว่าเสียงใคร” ฉันตอบกลับอย่างยียวน “อาจจะเป็นคู่ขาคนใหม่ของมิลินมั้งคะ”ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากปลายสายไปครู่ใหญ่ ก่อนจะมีเสียงเย็นถามขึ้น (เธอกล้าทำ?)“กล้าสิคะ ทำไมจะไม่กล้า!!” ฉันบอกเสีย
ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง ก่อนจะฉุกคิดว่าใครคือคนที่ส่งข้อความมา บุคคลปริศนาคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมต้องทำร้ายเคเดนขนาดนี้ เขาทำอะไรผิดไม่อยากคิดว่าเป็นเขา… ต้องไม่ใช่ฝีมือเขาสิหัวใจดวงน้อยเต้นแรงเพราะเผลอคิดไปว่าคนที่ทำเคเดนแบบนี้คือพี่ลีวาย แต่ก็มีอีกความคิดที่โต้เถียงว่าจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อพี่ลีวายอยู่ที่ไทย“คุณเป็นใคร”ฉันพิมพ์ถามไปเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนที่ข้อความจะถูกเปิดอ่านแต่ไร้การตอบกลับข้างในใจตอนนี้มันฟุ้งซ่านกระวนกระวายและกลัว กลัวว่าจะเป็นพี่ลีวายจริง ๆ คุณท่านก็ยังไม่กลับมา หากเป็นเขาจริง ๆ แล้วฉันจะทำยังไงเราจะเจอกันไม่ได้…เมื่อตั้งสติได้ฉันก็รีบขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง พร้อมล็อกประตูให้แน่นหนา ปิดหน้าต่างและผ้าม่านให้มิดชิด บอกตามตรงว่าตอนนี้มันรู้สึกระแวงจนนั่งไม่ติด ถึงกับสร่างเมาไปเลยฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเช็กว่าคนปริศนานั้นได้ตอบกลับหรือเปล่าแต่ก็ยังเงียบ เขามีคอนแท็กต์ของฉันได้ยังไง ต้องเป็นคนรู้จักสิตอนนี้ฉันลังเลว่าจะปลดบล็อกเบอร์ของพี่ลีวายดีไหมแล้วโทรไปถามตรง ๆ ว่าใช่เขาหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากทำแบบนั้นเลยไม่อยากคุยกับเขาอีกแ
“มาถึงที่นี่ต้องการอะไรคะ” “ทำไมจะมาไม่ได้ นี่บ้านของพ่อฉัน”ฉันถามเพราะอยากรู้เหตุผลของพี่ลีวายแต่ลืมคิดไปว่าคนอย่างเขามันไม่มีเหตุผล“คุณท่านจะกลับมาพรุ่งนี้ พี่ลีวายรีบกลับไปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพอถูกบ่นก็จะมาโทษมิลินอีก”“คิดว่าฉันจะโง่เชื่อคำโกหกของเธอหรือไง” พี่ลีวายตวาดถามเสียงเบา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา“…” ฉันเม้มปากแน่นเมื่อการอ้างคำนั้นไม่สามารถข่มขู่พี่ลีวายได้“เธอดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”“… ถ้าพี่ลีวายยังเป็นแบบนี้มิลินเปลี่ยนได้มากกว่านี้อีกค่ะ”“เพราะฉัน?” เขาขมวดคิ้วหนาก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขาเดินอ้อมเตียงมาทางฉัน “ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วเธอเองก็ยอมรับได้ไม่ใช่หรือไง”“ตอนนั้นรับได้ ตอนนี้อยากถอยมันก็ไม่แปลกนี่คะ”“… ฉันไม่ยอมให้เธอถอยง่าย ๆ หรอกนะมิลิน” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกนั้นทำให้ฉันเริ่มกลัว ก่อนจะถอยหลังหนีจนแผ่นหลังมาติดกับบานหน้าต่างฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ พยายามใจเย็น ก่อนจะพูด“ลงไปรอข้างล่างก่อนได้ไหมคะ มิลินแต่งตัวเสร็จแล้วจะตามไป”“ทำไมต้องลงไปข้างล่าง คุยกันบนเตียงน่าจะสะดวกกว่านะ”“…” ฉันเม้มปากพร้อมกำมือแน่นกับคำพูดที่บอกถึงความหมายชัดเจนอย่างไม่ปิดบังของพ