Share

ตอนที่ 2 โดนตบ

หลังจากที่ลงจากเวทีแล้ว ฝนก็ไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวกลับห้องพักที่ทางเจ๊นกจัดไว้ให้ เนื่องจากหมู่บ้านของฝนไกลจากตัวจังหวัดถึง 45 กม. ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่สะดวกเดินทางกลับเจ๊นกจึงจัดห้องพักให้เธอพักที่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปส่งเธอที่บ้านในตอนเช้าเพราะเธอต้องขายน้ำแข็งไสในตอนกลางวัน และหากมีงานอีกเจ๊ก็จะไปรับเธอในตอนเย็น ๆ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก ๆ ที่เธอทำงานเป็นแดนเซอร์ให้เจ๊นก ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่ทำ ซึ่งช่วงหลัง ๆ เธอมาทำงานให้เจ๊นกเฉลี่ยอาทิตย์ละสี่คืน คือ คืนวันพฤหัสถึงคืนวันอาทิตย์

"ทำไมเอ็งไม่มาทำประจำเลยวะฝน นี่ถ้าเอ็งเต้นไม่เก่งและหาคนแทนได้นะเจ๊จะไม่เรียกแกเด็ดขาดขี้เกียจไปรับไปส่ง พักที่นี่เลยสิเอ็งจะได้ไม่ต้องเทียวมาเทียวไปให้เหนื่อยด้วย ทำประจำไปเลยเงินดีจะตาย ดีกว่าขายน้ำแข็งใสเป็นไหน ๆ เผลอ ๆ อาจจะมีเสี่ยเลี้ยง รูปร่างหน้าตาอย่างเอ็งเนี่ยผู้ชายชอบจะตาย ถึงจะไม่สวยมาก แต่ก็สวยคมมีเสน่ห์ ถ้าแกยิ้มให้มันเก่ง ๆ พูดจาเอาอกเอาใจคนหน่อยนะ ขี้คร้านพวกเฒ่าหัวงูจะตามเอ็งต้อย ๆ ถ้าเอ็งมานะเจ๊จะจัดห้องพักให้เอ็งต่างหาก จะได้ไม่ต้องพักรวมกับคนอื่น ๆ"

เจ๊นกเคยถามและเคยบอกกับเธออย่างนั้น แต่ฝนก็ไม่ยอมมาทำประจำสักที พ่อไม่สบาย แม่ก็ไม่ค่อยแข็งแรง แถมน้องสาวอีกสองคนก็ยังเด็ก ถ้าเธอมาคงไม่มีใครดูแล อีกอย่างนึงภาพลักษณ์ของเธอตอนนี้ในสายตาของคนทั้งหมู่บ้าน ไม่สิทั้งอำเภอเลยดีกว่า ก็คือเด็กใจแตกที่ทำงานร้านอาหาร ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าคนที่ทำงานร้านอาหารจะต้องขายตัวทุกคน ขืนเธอมาทำประจำสิพวกป้า ๆ อา ๆ ข้างบ้าน ได้รุมประนามเธอแน่ ๆ เธอเคยอธิบายกับป้า ๆ อา ๆ ข้างบ้านทั้งหลายเหล่านั้นว่า..เธอไม่ได้ขายตัวแต่ก็ไม่มีประโยชน์ เธอจึงเงียบเสียปล่อยให้คิดกันไปเอาเองเถอะ เราทำอะไรเรารู้อยู่แก่ใจ แต่ชื่อเสียงด้านลบของฝนนั้นบางครั้งก็ถือว่ามีประโยชน์อยู่บ้างเพราะลูกค้าน้ำแข็งใสของเธอส่วนมากเป็นผู้ชายที่อยากจะมาพิสูจน์ดูว่ามันเป็นจริงอย่างที่คนเขาพูดเขาลือกันหรือเปล่าซะมากกว่า จึงไม่แปลกที่ร้านน้ำแข็งใสของเธอจะมีหนุ่ม ๆ แวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำเพราะอยากแทะโลมแม่ค้าคนสวยนั่นเอง

เมื่อเดินเกือบจะถึงห้องพักที่อยู่ด้านหลังผับ ฝนก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมกระเป๋าสะพายไว้ในล็อกเกอร์เธอจึงคิดจะเดินย้อนกลับไปเอากระเป๋า ซึ่งมันก็ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ ก็เจอกับนักร้องสาวสวยดาวประจำผับกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมือกลองประจำผับอยู่ ด้วยความตกใจและไม่เคยเจอหนังสดแบบจะ ๆ แบบนี้มาก่อนฝนจึงเปลี่ยนใจไม่เอากระเป๋าแล้ว ไม่อยากรบกวนกิจกรรมเข้าจังหวะของคนทั้งสอง พรุ่งนี้ค่อยมาเอาดีกว่าอย่างน้อยเธอก็ล็อกกุญแจอยู่ ทิปสามพันที่ได้มาคงไม่หายหรอกมั้ง เธอจึงเดินอ้อมออกไปอีกทาง และทางนี้ก็เป็นลานจอดรถของลูกค้าและเป็นบริเวณที่สูบบุหรี่ด้วย ตอนนี้น่าจะเที่ยงคืนกว่า ๆ ผู้คนยังคงสนุกสนานกันอยู่ในผับ ฝนเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณที่สูบบุหรี่ เธอก็เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ เพราะมัวแต่ใจเต้นตึกตักกับหนังสดที่เพิ่งเจอมา แล้วจู่ ๆ ก็เจอผู้ชายที่มีกลิ่นไอของความไม่ธรรมดาแผ่ซ่านออกมารอบตัว ฝนจึงสะดุดขาตัวเอง และลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่แทบเท้าของเขาคนนั้น

"ว้าย !"

อุทานออกมาเสียงดัง เงยหน้าขึ้นหวังจะขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร เข้มก็คว้าแขนของเธอสอดมือเข้าไปใต้รักแร้ทั้งสองข้างยกตัวเธอลอยขึ้นมาทั้งตัว และเอาตัวเธอไปวางไว้บนม้ายาวที่ทางผับเตรียมไว้ให้สำหรับนั่งสูบบุหรี่

"เป็นอะไรมากไหม ?"

ฝนที่มัวแต่ทึ่งในพละกำลังของเขาที่สามารถยกตัวเธอลอยจากตรงนั้นมานั่งตรงนี้ภายในเวลาไม่กีวินาทีก็ยังพูดไม่ออก จนเขาต้องเขย่าตัวเธอเบา ๆ และถามซ้ำอีกรอบนั่นแหละเธอจึงหาเสียงตัวเองเจอตอบเขาออกไป

"ไม่เป็นไรขอบคุณมากค่ะ"

เข้มที่แค่ได้สบตากับฝนเขาก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็คือคนเดียวกับแม่สาวแดนเซอร์เอวเด้งคนนั้นนั่นเอง เขามองหน้าอกของเธอที่มันดันเสื้อยืดสีดำตัวกระจิ๋วราวกับมันจะทะลักล้นเสื้อตัวนิดเดียวตัวนั้นออกมาเอวคอดเล็กหน้าท้องแบนราบ แต่สะโพกกับผายออกรับกับเรียวขายาว เธอใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น..อืม..กางเกงขาสั้นแบบนี้นี่เองที่เขาเรียกว่า'สั้นเสมอหู' เขาเคยได้ยินจากเพลงที่เจ้าอมรมันชอบเปิดในผับนี้แหละตอนแรกเขาก็นิยามคำ ๆ นี้ไม่ออกแต่พอมาเห็นแม่สาวแดนเซอร์คนนี้เข้าเขาก็นึกภาพออกทันที หน้าใสปราศจากเครื่องสำอางค์ ผมบ๊อบสั้นความยาวแค่ประบ่า นี่มันทรงผมเด็กม.ปลายชัด ๆ อย่าบอกนะว่าเธอมาทำงานพิเศษพวกนี้เพราะหาเงินเอาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ไร้สาระต่าง ๆ พ่อแม่ผู้ปกครองรู้หรือเปล่าหนอว่าลูกหลานใจแตกจนต้องมาหาลำไพ่พิเศษด้วยการมาเป็นแดนเซอร์ในผับแห่งนี้

ฝนเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มใช้สายตาสำรวจเนื้อตัวของเธอราวกับว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่ก็ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที คราแรกร้อนเพราะเขินอาย แต่เมื่อเห็นสายตาของเขาเริ่มหื่นกามขึ้นเรื่อย ๆ จากอายก็เปลี่ยนมาเป็นโกรธแทน เข้มโน้มตัวลงมาเพื่อจะเก็บรองเท้าช้างดาวของฝนที่มันหลุดตอนที่เขายกตัวเธอขึ้นมา ฝนก็เข้าใจผิดคิดว่าเขากำลังจะจูบเธอ จึงตบหน้าเขาเข้าไปเต็มแรง

'เพี๊ยะ !'

เสียงดังฟังชัด นี่ถ้าอยู่ในที่ ๆ มันมีแสงสว่างมากกว่านี้สักหน่อยเธอคงเห็นรอยแดงเป็นปื้นยาวเป็นรอยนิ้วของเธออยู่บนข้างแก้มของเขาเป็นแน่ เข้มตกตะลึงลูบแก้มตัวเองเพื่อลดความแสบ ฝนอาศัยจังหวะนั้นก้มลงเก็บรองเท้าและลอดผ่านใต้รักแร้ของเขาวิ่งออกจากตรงนั้นแบบใส่เกียร์หมา เมื่อมาถึงหน้าห้องพักฝนก็กอดรองเท้ายืนหอบแฮ่ก ๆ 

 "วิ่งหนีผีมารึไงนังฝน?"

เจ๊นกเท้าสะเอวถามฝนออกมาเสียงดัง เธอไม่ตอบเจ๊นกแต่เดินเข้าไปในห้องพักแทน หาหมอนกับผ้าห่มที่พับอยู่มุมห้อง เปิดพัดลมเพดานและล้มตัวลงนอนด้วยใจเต้นระทึก นึกถึงคำถามของเจ๊นกแล้วเธอก็ได้แต่รำพึงในใจ 

"น่ากลัวกว่าผีอีก"

ภาวนาในใจขออย่าให้เขาจำเธอได้ ไม่งั้นเดือดร้อนแน่ ตบหน้าลูกค้าไปซะเต็มแรงขนาดนั้น เธอนอนคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้จนเผลอหลับไป 

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status