หลังจากที่ลงจากเวทีแล้ว ฝนก็ไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวกลับห้องพักที่ทางเจ๊นกจัดไว้ให้ เนื่องจากหมู่บ้านของฝนไกลจากตัวจังหวัดถึง 45 กม. ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่สะดวกเดินทางกลับเจ๊นกจึงจัดห้องพักให้เธอพักที่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปส่งเธอที่บ้านในตอนเช้าเพราะเธอต้องขายน้ำแข็งไสในตอนกลางวัน และหากมีงานอีกเจ๊ก็จะไปรับเธอในตอนเย็น ๆ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก ๆ ที่เธอทำงานเป็นแดนเซอร์ให้เจ๊นก ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่ทำ ซึ่งช่วงหลัง ๆ เธอมาทำงานให้เจ๊นกเฉลี่ยอาทิตย์ละสี่คืน คือ คืนวันพฤหัสถึงคืนวันอาทิตย์
"ทำไมเอ็งไม่มาทำประจำเลยวะฝน นี่ถ้าเอ็งเต้นไม่เก่งและหาคนแทนได้นะเจ๊จะไม่เรียกแกเด็ดขาดขี้เกียจไปรับไปส่ง พักที่นี่เลยสิเอ็งจะได้ไม่ต้องเทียวมาเทียวไปให้เหนื่อยด้วย ทำประจำไปเลยเงินดีจะตาย ดีกว่าขายน้ำแข็งใสเป็นไหน ๆ เผลอ ๆ อาจจะมีเสี่ยเลี้ยง รูปร่างหน้าตาอย่างเอ็งเนี่ยผู้ชายชอบจะตาย ถึงจะไม่สวยมาก แต่ก็สวยคมมีเสน่ห์ ถ้าแกยิ้มให้มันเก่ง ๆ พูดจาเอาอกเอาใจคนหน่อยนะ ขี้คร้านพวกเฒ่าหัวงูจะตามเอ็งต้อย ๆ ถ้าเอ็งมานะเจ๊จะจัดห้องพักให้เอ็งต่างหาก จะได้ไม่ต้องพักรวมกับคนอื่น ๆ" เจ๊นกเคยถามและเคยบอกกับเธออย่างนั้น แต่ฝนก็ไม่ยอมมาทำประจำสักที พ่อไม่สบาย แม่ก็ไม่ค่อยแข็งแรง แถมน้องสาวอีกสองคนก็ยังเด็ก ถ้าเธอมาคงไม่มีใครดูแล อีกอย่างนึงภาพลักษณ์ของเธอตอนนี้ในสายตาของคนทั้งหมู่บ้าน ไม่สิทั้งอำเภอเลยดีกว่า ก็คือเด็กใจแตกที่ทำงานร้านอาหาร ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าคนที่ทำงานร้านอาหารจะต้องขายตัวทุกคน ขืนเธอมาทำประจำสิพวกป้า ๆ อา ๆ ข้างบ้าน ได้รุมประนามเธอแน่ ๆ เธอเคยอธิบายกับป้า ๆ อา ๆ ข้างบ้านทั้งหลายเหล่านั้นว่า..เธอไม่ได้ขายตัวแต่ก็ไม่มีประโยชน์ เธอจึงเงียบเสียปล่อยให้คิดกันไปเอาเองเถอะ เราทำอะไรเรารู้อยู่แก่ใจ แต่ชื่อเสียงด้านลบของฝนนั้นบางครั้งก็ถือว่ามีประโยชน์อยู่บ้างเพราะลูกค้าน้ำแข็งใสของเธอส่วนมากเป็นผู้ชายที่อยากจะมาพิสูจน์ดูว่ามันเป็นจริงอย่างที่คนเขาพูดเขาลือกันหรือเปล่าซะมากกว่า จึงไม่แปลกที่ร้านน้ำแข็งใสของเธอจะมีหนุ่ม ๆ แวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำเพราะอยากแทะโลมแม่ค้าคนสวยนั่นเอง เมื่อเดินเกือบจะถึงห้องพักที่อยู่ด้านหลังผับ ฝนก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมกระเป๋าสะพายไว้ในล็อกเกอร์เธอจึงคิดจะเดินย้อนกลับไปเอากระเป๋า ซึ่งมันก็ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ ก็เจอกับนักร้องสาวสวยดาวประจำผับกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมือกลองประจำผับอยู่ ด้วยความตกใจและไม่เคยเจอหนังสดแบบจะ ๆ แบบนี้มาก่อนฝนจึงเปลี่ยนใจไม่เอากระเป๋าแล้ว ไม่อยากรบกวนกิจกรรมเข้าจังหวะของคนทั้งสอง พรุ่งนี้ค่อยมาเอาดีกว่าอย่างน้อยเธอก็ล็อกกุญแจอยู่ ทิปสามพันที่ได้มาคงไม่หายหรอกมั้ง เธอจึงเดินอ้อมออกไปอีกทาง และทางนี้ก็เป็นลานจอดรถของลูกค้าและเป็นบริเวณที่สูบบุหรี่ด้วย ตอนนี้น่าจะเที่ยงคืนกว่า ๆ ผู้คนยังคงสนุกสนานกันอยู่ในผับ ฝนเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณที่สูบบุหรี่ เธอก็เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ เพราะมัวแต่ใจเต้นตึกตักกับหนังสดที่เพิ่งเจอมา แล้วจู่ ๆ ก็เจอผู้ชายที่มีกลิ่นไอของความไม่ธรรมดาแผ่ซ่านออกมารอบตัว ฝนจึงสะดุดขาตัวเอง และลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่แทบเท้าของเขาคนนั้น "ว้าย !" อุทานออกมาเสียงดัง เงยหน้าขึ้นหวังจะขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร เข้มก็คว้าแขนของเธอสอดมือเข้าไปใต้รักแร้ทั้งสองข้างยกตัวเธอลอยขึ้นมาทั้งตัว และเอาตัวเธอไปวางไว้บนม้ายาวที่ทางผับเตรียมไว้ให้สำหรับนั่งสูบบุหรี่ "เป็นอะไรมากไหม ?" ฝนที่มัวแต่ทึ่งในพละกำลังของเขาที่สามารถยกตัวเธอลอยจากตรงนั้นมานั่งตรงนี้ภายในเวลาไม่กีวินาทีก็ยังพูดไม่ออก จนเขาต้องเขย่าตัวเธอเบา ๆ และถามซ้ำอีกรอบนั่นแหละเธอจึงหาเสียงตัวเองเจอตอบเขาออกไป "ไม่เป็นไรขอบคุณมากค่ะ" เข้มที่แค่ได้สบตากับฝนเขาก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็คือคนเดียวกับแม่สาวแดนเซอร์เอวเด้งคนนั้นนั่นเอง เขามองหน้าอกของเธอที่มันดันเสื้อยืดสีดำตัวกระจิ๋วราวกับมันจะทะลักล้นเสื้อตัวนิดเดียวตัวนั้นออกมาเอวคอดเล็กหน้าท้องแบนราบ แต่สะโพกกับผายออกรับกับเรียวขายาว เธอใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น..อืม..กางเกงขาสั้นแบบนี้นี่เองที่เขาเรียกว่า'สั้นเสมอหู' เขาเคยได้ยินจากเพลงที่เจ้าอมรมันชอบเปิดในผับนี้แหละตอนแรกเขาก็นิยามคำ ๆ นี้ไม่ออกแต่พอมาเห็นแม่สาวแดนเซอร์คนนี้เข้าเขาก็นึกภาพออกทันที หน้าใสปราศจากเครื่องสำอางค์ ผมบ๊อบสั้นความยาวแค่ประบ่า นี่มันทรงผมเด็กม.ปลายชัด ๆ อย่าบอกนะว่าเธอมาทำงานพิเศษพวกนี้เพราะหาเงินเอาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ไร้สาระต่าง ๆ พ่อแม่ผู้ปกครองรู้หรือเปล่าหนอว่าลูกหลานใจแตกจนต้องมาหาลำไพ่พิเศษด้วยการมาเป็นแดนเซอร์ในผับแห่งนี้ ฝนเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มใช้สายตาสำรวจเนื้อตัวของเธอราวกับว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่ก็ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที คราแรกร้อนเพราะเขินอาย แต่เมื่อเห็นสายตาของเขาเริ่มหื่นกามขึ้นเรื่อย ๆ จากอายก็เปลี่ยนมาเป็นโกรธแทน เข้มโน้มตัวลงมาเพื่อจะเก็บรองเท้าช้างดาวของฝนที่มันหลุดตอนที่เขายกตัวเธอขึ้นมา ฝนก็เข้าใจผิดคิดว่าเขากำลังจะจูบเธอ จึงตบหน้าเขาเข้าไปเต็มแรง 'เพี๊ยะ !' เสียงดังฟังชัด นี่ถ้าอยู่ในที่ ๆ มันมีแสงสว่างมากกว่านี้สักหน่อยเธอคงเห็นรอยแดงเป็นปื้นยาวเป็นรอยนิ้วของเธออยู่บนข้างแก้มของเขาเป็นแน่ เข้มตกตะลึงลูบแก้มตัวเองเพื่อลดความแสบ ฝนอาศัยจังหวะนั้นก้มลงเก็บรองเท้าและลอดผ่านใต้รักแร้ของเขาวิ่งออกจากตรงนั้นแบบใส่เกียร์หมา เมื่อมาถึงหน้าห้องพักฝนก็กอดรองเท้ายืนหอบแฮ่ก ๆ "วิ่งหนีผีมารึไงนังฝน?" เจ๊นกเท้าสะเอวถามฝนออกมาเสียงดัง เธอไม่ตอบเจ๊นกแต่เดินเข้าไปในห้องพักแทน หาหมอนกับผ้าห่มที่พับอยู่มุมห้อง เปิดพัดลมเพดานและล้มตัวลงนอนด้วยใจเต้นระทึก นึกถึงคำถามของเจ๊นกแล้วเธอก็ได้แต่รำพึงในใจ "น่ากลัวกว่าผีอีก" ภาวนาในใจขออย่าให้เขาจำเธอได้ ไม่งั้นเดือดร้อนแน่ ตบหน้าลูกค้าไปซะเต็มแรงขนาดนั้น เธอนอนคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้จนเผลอหลับไป"ไอ้..อมร ตื่นเดี๋ยวนี้"เข้มไปโวยวายที่หน้าบ้านของอมรในตอนสายของวันต่อมา ส่งผลให้อมรที่กำลังนอนกอดลูกกอดเมียอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่น เขาคว้ามือถือมาดูเวลา เพิ่งจะแปดโมงเช้า เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนเพราะต้องเคลียส์บัญชี และดูแลความเรียบร้อยของผับก็ปาเข้าไปตีห้าแล้ว เมียของเขาก็เหมือนกัน "อะไรหรือคะพี่ ?"ดาราภรรยาสาวสวยของอมรงัวเงียกำลังจะลุกขึ้นมา "ไม่มีอะไรหรอกที่รัก เจ้าเข้มน่ะ เดี๋ยวพี่ไปดูมันซะหน่อย นอนต่อเถอะ"ดาราจึงหันไปคว้าตัวลูกชายวัยสามขวบเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและนอนต่อ อมรก้มลงจูบหน้าผากเมียหอมแก้มลูกเสร็จก็เดินออกไปดูเจ้าเพื่อนตัวดีที่มาโวยวายที่หน้าบ้านของเขา บ้านพักของมันเขาก็จัดไว้ให้ต่างหากแล้ว บ้านหลังนั้นอมรซื้อไว้เพื่อเอาไว้สำหรับรับแขก และเอาไว้ให้ญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนฝูงพักโดยเฉพาะ ห่างกันไม่กี่หลังคาเรือน อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรโครงการหรูที่สุดในตัวจังหวัดอุดรธานี "อะไรวะ?"พูดพร้อมกับเปิดประตูรั้วเพื่อให้เจ้าเพื่อนตัวดีเข้ามาในบ้าน"ข้าโดนเด็กในร้านเอ็งตบ" เข้มเมื่อเข้ามาในบ้านได้แล้วก็ไม่รอช้าเปิดประเด็นทันที"อะไรนะ?"อมรได้แต่งงเขายังไม่ทันจับใจความได้ด้วยซ้ำ เข
เมื่อเข้มขับรถมอร์เตอร์ไซค์วนกลับมาที่หมู่บ้านแรกที่เขาผ่านมา ไม่นานก็เจอปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่มากทางฝั่งขวามือ เขาต้องวนรถเพื่อขับเข้าไปในปั๊มแห่งนั้น ถ้ามาจากตัวอำเภอปั๊มแห่งนี้จะอยู่ทางฝั่งซ้าย เข้มวนรถเข้ามาและหาที่จอดได้ตรงหน้าร้านกาแฟพอดี เขาจึงเดินไปถามแม่ค้าที่ร้านกาแฟ "ขอโทษครับ ผมมาหาแม่ค้าขายน้ำแข็งใสที่ชื่อฝน ไม่ทราบว่าร้านเธออยู่ตรงใหน"ฟองจันทร์ละมือจากการชงกาแฟชั่วคราว เงยหน้าขึ้นก็เจอกับชายหนุ่มคนหนึ่งอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเพชรสามีของเธอ บวกลบก็ไม่น่าจะเกินหนึ่งปี ผู้ชายอายุ 35 ปีนี่หล่อกันทุกคนเลยหรือไงนะ ฟองจันทร์คิดในใจ (ติดตามเรื่องเพชรกับฟองจันทร์ได้ในเรื่อง 'กลับบ้านเรารักรออยู่' นะคะ เรื่องนี้จบแล้ว)"ทางโน้นค่ะ"เข้มมองตามมือแม่ค้ากาแฟที่ชี้ไปทางร้านค้าหลาย ๆ ร้านในเพิงสังกะสี เขาผงกหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ และเดินไปทางนั้นทันทีเพชรที่เดินมาหาเมียพอดีทันเห็นหลังเข้มไว ๆ จึงถามขึ้น"ลูกค้าประจำเหรอ ?"เสียงไม่พอใจนิด ๆ ฟองจันทร์ยิ้มแล้วเดินมาหาสามีทันที ดึงแขนเขาเข้าไปในกระท่อมที่ตกแต่งให้เป็นร้านกาแฟ มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่มีใคร เธอก็จุ๊บแก้มสากเขาไปทีหน
ณ..ผับที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอุดรธานี คืนนี้นักท่องราตรีต่างก็ครึกครื้นและพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันศุกร์ ทุกคนต่างกินดื่มและสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ เสียงดนตรีแนวหมอลำลูกทุ่งกระหึ่มกึกก้องจนพูดกันแทบไม่ได้ยิน แต่นักท่องราตรีหาได้สนใจไม่ต่างโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง เด็กเสิร์ฟเดินกันขวักไขว่ไม่ได้หยุดพัก แต่เด็กเสิร์ฟทุกคนก็สู้ขาดใจลูกค้าเยอะขนาดนี้ทิปที่ได้ก็คงไม่น้อย ผับแห่งนี้มีนายตำรวจใหญ่ที่ลาออกจากราชการเป็นเจ้าของ เริ่มต้นจากเป็นร้านเหล้าเล็ก ๆ แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและมีความอินดี้อยู่ในตัว เขาจึงพาผับแห่งนี้ก้าวขึ้นมาเป็นผับที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดลูกค้าของเขามีทุกระดับ ตั้งแต่มหาเศรษฐี ข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้าและหรือแม้แต่ชาวนาก็มาเที่ยวผับของเขาได้ และเพลงที่เปิดในผับจะต้องเป็นแนวลูกทุ่งหมอลำเท่านั้น ในผับแห่งนี้ไม่มีโซน VIP ทุกคนต่างเข้ามาเที่ยวได้และจ่ายในราคาเท่ากัน นี่จึงอาจจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นจุดดึงดูดให้ลูกค้าทุกระดับต่างอยากมาสัมผัสบรรยากาศของผับแห่งนี้"เร็ว ๆ นังฝนรีบแต่งตัวเข้า ชักช้าอยู่นั่น เห็นไหมนักร้องเค้าแต่งตัวเสร็จแล้ว"เจ๊นกหญิงวัยสี่สิบปีแต่ยังสวย
เมื่อเข้มขับรถมอร์เตอร์ไซค์วนกลับมาที่หมู่บ้านแรกที่เขาผ่านมา ไม่นานก็เจอปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่มากทางฝั่งขวามือ เขาต้องวนรถเพื่อขับเข้าไปในปั๊มแห่งนั้น ถ้ามาจากตัวอำเภอปั๊มแห่งนี้จะอยู่ทางฝั่งซ้าย เข้มวนรถเข้ามาและหาที่จอดได้ตรงหน้าร้านกาแฟพอดี เขาจึงเดินไปถามแม่ค้าที่ร้านกาแฟ "ขอโทษครับ ผมมาหาแม่ค้าขายน้ำแข็งใสที่ชื่อฝน ไม่ทราบว่าร้านเธออยู่ตรงใหน"ฟองจันทร์ละมือจากการชงกาแฟชั่วคราว เงยหน้าขึ้นก็เจอกับชายหนุ่มคนหนึ่งอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเพชรสามีของเธอ บวกลบก็ไม่น่าจะเกินหนึ่งปี ผู้ชายอายุ 35 ปีนี่หล่อกันทุกคนเลยหรือไงนะ ฟองจันทร์คิดในใจ (ติดตามเรื่องเพชรกับฟองจันทร์ได้ในเรื่อง 'กลับบ้านเรารักรออยู่' นะคะ เรื่องนี้จบแล้ว)"ทางโน้นค่ะ"เข้มมองตามมือแม่ค้ากาแฟที่ชี้ไปทางร้านค้าหลาย ๆ ร้านในเพิงสังกะสี เขาผงกหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ และเดินไปทางนั้นทันทีเพชรที่เดินมาหาเมียพอดีทันเห็นหลังเข้มไว ๆ จึงถามขึ้น"ลูกค้าประจำเหรอ ?"เสียงไม่พอใจนิด ๆ ฟองจันทร์ยิ้มแล้วเดินมาหาสามีทันที ดึงแขนเขาเข้าไปในกระท่อมที่ตกแต่งให้เป็นร้านกาแฟ มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่มีใคร เธอก็จุ๊บแก้มสากเขาไปทีหน
"ไอ้..อมร ตื่นเดี๋ยวนี้"เข้มไปโวยวายที่หน้าบ้านของอมรในตอนสายของวันต่อมา ส่งผลให้อมรที่กำลังนอนกอดลูกกอดเมียอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่น เขาคว้ามือถือมาดูเวลา เพิ่งจะแปดโมงเช้า เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนเพราะต้องเคลียส์บัญชี และดูแลความเรียบร้อยของผับก็ปาเข้าไปตีห้าแล้ว เมียของเขาก็เหมือนกัน "อะไรหรือคะพี่ ?"ดาราภรรยาสาวสวยของอมรงัวเงียกำลังจะลุกขึ้นมา "ไม่มีอะไรหรอกที่รัก เจ้าเข้มน่ะ เดี๋ยวพี่ไปดูมันซะหน่อย นอนต่อเถอะ"ดาราจึงหันไปคว้าตัวลูกชายวัยสามขวบเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและนอนต่อ อมรก้มลงจูบหน้าผากเมียหอมแก้มลูกเสร็จก็เดินออกไปดูเจ้าเพื่อนตัวดีที่มาโวยวายที่หน้าบ้านของเขา บ้านพักของมันเขาก็จัดไว้ให้ต่างหากแล้ว บ้านหลังนั้นอมรซื้อไว้เพื่อเอาไว้สำหรับรับแขก และเอาไว้ให้ญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนฝูงพักโดยเฉพาะ ห่างกันไม่กี่หลังคาเรือน อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรโครงการหรูที่สุดในตัวจังหวัดอุดรธานี "อะไรวะ?"พูดพร้อมกับเปิดประตูรั้วเพื่อให้เจ้าเพื่อนตัวดีเข้ามาในบ้าน"ข้าโดนเด็กในร้านเอ็งตบ" เข้มเมื่อเข้ามาในบ้านได้แล้วก็ไม่รอช้าเปิดประเด็นทันที"อะไรนะ?"อมรได้แต่งงเขายังไม่ทันจับใจความได้ด้วยซ้ำ เข
หลังจากที่ลงจากเวทีแล้ว ฝนก็ไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวกลับห้องพักที่ทางเจ๊นกจัดไว้ให้ เนื่องจากหมู่บ้านของฝนไกลจากตัวจังหวัดถึง 45 กม. ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่สะดวกเดินทางกลับเจ๊นกจึงจัดห้องพักให้เธอพักที่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปส่งเธอที่บ้านในตอนเช้าเพราะเธอต้องขายน้ำแข็งไสในตอนกลางวัน และหากมีงานอีกเจ๊ก็จะไปรับเธอในตอนเย็น ๆ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก ๆ ที่เธอทำงานเป็นแดนเซอร์ให้เจ๊นก ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่ทำ ซึ่งช่วงหลัง ๆ เธอมาทำงานให้เจ๊นกเฉลี่ยอาทิตย์ละสี่คืน คือ คืนวันพฤหัสถึงคืนวันอาทิตย์"ทำไมเอ็งไม่มาทำประจำเลยวะฝน นี่ถ้าเอ็งเต้นไม่เก่งและหาคนแทนได้นะเจ๊จะไม่เรียกแกเด็ดขาดขี้เกียจไปรับไปส่ง พักที่นี่เลยสิเอ็งจะได้ไม่ต้องเทียวมาเทียวไปให้เหนื่อยด้วย ทำประจำไปเลยเงินดีจะตาย ดีกว่าขายน้ำแข็งใสเป็นไหน ๆ เผลอ ๆ อาจจะมีเสี่ยเลี้ยง รูปร่างหน้าตาอย่างเอ็งเนี่ยผู้ชายชอบจะตาย ถึงจะไม่สวยมาก แต่ก็สวยคมมีเสน่ห์ ถ้าแกยิ้มให้มันเก่ง ๆ พูดจาเอาอกเอาใจคนหน่อยนะ ขี้คร้านพวกเฒ่าหัวงูจะตามเอ็งต้อย ๆ ถ้าเอ็งมานะเจ๊จะจัดห้องพักให้เอ็งต่างหาก จะได้ไม่ต้องพักรวมกับคนอื่น ๆ"เจ๊นกเคยถามและเคยบอกกับเ
ณ..ผับที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอุดรธานี คืนนี้นักท่องราตรีต่างก็ครึกครื้นและพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันศุกร์ ทุกคนต่างกินดื่มและสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ เสียงดนตรีแนวหมอลำลูกทุ่งกระหึ่มกึกก้องจนพูดกันแทบไม่ได้ยิน แต่นักท่องราตรีหาได้สนใจไม่ต่างโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง เด็กเสิร์ฟเดินกันขวักไขว่ไม่ได้หยุดพัก แต่เด็กเสิร์ฟทุกคนก็สู้ขาดใจลูกค้าเยอะขนาดนี้ทิปที่ได้ก็คงไม่น้อย ผับแห่งนี้มีนายตำรวจใหญ่ที่ลาออกจากราชการเป็นเจ้าของ เริ่มต้นจากเป็นร้านเหล้าเล็ก ๆ แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและมีความอินดี้อยู่ในตัว เขาจึงพาผับแห่งนี้ก้าวขึ้นมาเป็นผับที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดลูกค้าของเขามีทุกระดับ ตั้งแต่มหาเศรษฐี ข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้าและหรือแม้แต่ชาวนาก็มาเที่ยวผับของเขาได้ และเพลงที่เปิดในผับจะต้องเป็นแนวลูกทุ่งหมอลำเท่านั้น ในผับแห่งนี้ไม่มีโซน VIP ทุกคนต่างเข้ามาเที่ยวได้และจ่ายในราคาเท่ากัน นี่จึงอาจจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นจุดดึงดูดให้ลูกค้าทุกระดับต่างอยากมาสัมผัสบรรยากาศของผับแห่งนี้"เร็ว ๆ นังฝนรีบแต่งตัวเข้า ชักช้าอยู่นั่น เห็นไหมนักร้องเค้าแต่งตัวเสร็จแล้ว"เจ๊นกหญิงวัยสี่สิบปีแต่ยังสวย