โจวลี่อินพาลูกสาวเข้ามาในห้อง ก่อนจะเข้านอนก็เอ่ยบอกให้หลี่อิงอิงไปล้างหน้าแปรงฟัน เด็กน้อยก็ว่าง่ายเตรียมแปรงสีฟันแล้วเดินออกไปเข้าห้องน้ำทันที
หลังจากหลี่อิงอิงแปรงฟันเสร็จก็เดินเข้ามาในห้อง โจวลี่อินจึงออกไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะกลับเข้าห้องมาเห็นลูกสาวกำลังนอนอยู่บนเตียง ก่อนจะแอบมองมาที่เธอบ่อยๆ ทำเอาโจวลี่อินรู้สึกแปลกใจ "อิงอิงป็นอะไรไปหรือ" "อิงอิงอยากให้แม่เล่านิทานให้ฟังค่ะ" ก่อนหน้านี้หลี่อิงอิงเคยขอให้แม่เล่านิทานให้ฟัง โจวลี่อินก็ตะคอกเสียงใส่ไม่ยอมเล่าให้ฟังแถมยังหยิกเธอเสียจนเนื้อเขียว หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยขอให้แม่เล่าให้ฟังอีกเลยเพราะกลัวว่าจะโดนทำร้ายอีก แต่ว่าตอนนี้แม่ของเธอใจดีแล้ว ขอให้เล่านิทานให้ฟังคงจะไม่เป็นไร "เอาไว้แม่ซื้อหนังสือนิทานมาแล้วจะเล่าให้ฟังนะจ๊ะ" โจวลี่อินเล่านิทานเป็นเสียที่ไหนกันละ เอาไว้วันหน้าเธอจะไปซื้อหนังสือนิทานมาให้ลูกสาวก็แล้วกัน "ได้ค่ะ" หลี่อิงอิงรับคำอย่างว่าง่าย ถึงแม้เด็กน้อยจะอายุเพียงแค่สามขวบครึ่งแต่ก็เป็นเด็กที่รู้ความเป็นอย่างมาก ช่างเป็นเด็กที่น่ารักเสียจริงๆ ทำไมคนบ้านนี้ถึงจิตใจมืดบอด รังแกได้แม้กระทั่งหลานของตนเองได้ลงคอ ถึงแม้คนพวกนั้นจะไม่ชอบเธอแต่หลี่อิงอิงก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหลี่เหว่ย "ดีมากจ้ะ ได้เวลานอนแล้ว แม่จะปิดไฟแล้วนะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกกับลูกสาวก่อนจะเดินไปปิดไฟ ในห้องจึงเหลือแต่ความมืดสนิท ร่างบางเดินกลับไปหย่อนตัวนั่งบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้กับเด็กน้อยข้างกายเพราะกลัวว่าลูกสาวจะหนาว "แม่คะอิงอิงคิดถึงพ่อ เมื่อไรพ่อจะกลับมาหาพวกเราคะ" จู่ๆ เด็กน้อยก็เอ่ยถามขึ้นท่ามกลางความมืด เธอคิดถึงพ่อเหลือเกิน เห็นพี่หลินหลินกับพี่ชิงชิงมีทั้งพ่อแม่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า เธอก็อยากให้พ่อกลับมาอยู่กับเธอเหมือนกัน อยากให้พ่อคอยหยอกล้อเล่นเหมือนกับที่ลุงหยวนทำกับพี่หลินหลินและชิงชิง "พ่อต้องไปทำงานจ้ะ แต่ถ้าหากว่าพ่อมีเวลาจะต้องรีบกลับมาหาอิงอิงอย่างแน่นอน" โจวลี่อินเอ่ยบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลี่อิงอิงคงจะคิดถึงพ่อมากสินะ น่าสงสารเด็กคนนี้จัง เกิดมาในครอบครัวที่มีแต่คนแบบนี้ ดีเท่าไรแล้วที่หลี่อิงอิงไม่เกิดอาการป่วยเป็นซึมเศร้าเสียก่อน "จริงเหรอคะแม่" เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น "จริงจ้ะ แต่ตอนนี้ได้เวลานอนแล้ว เด็กดีของแม่ต้องนอนได้แล้วจ้ะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลี่อิงอิงจึงยอมหลับตาลงอย่างว่าง่าย ไม่นานเด็กน้อยก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ได้ยินเสียงหายใจดังสม่ำเสมอ โจวลี่อินจึงหลับตาลง ปล่อยวางความคิดทุกอย่างก่อนจะหลับไหลไปด้วยความอ่อนเพลีย สองร่างใหญ่เล็กนอนกอดกันภายใต้ผ้าห่มในห้องนอนที่ไม่กว้างมากแต่ถือว่าดีกว่าที่อยู่ของใครหลายๆ คน ภายในครัวขนาดเล็กยังเปิดไฟสว่างไปทั่วทั้งห้องเมื่อหญิงสาวร่างบางอย่างหนิงเหมยกำลังยืนล้างถ้วยอยู่ หญิงสาวนึกโมโหเป็นอย่างมากที่ต้องมายืนล้างถ้วยท่ามกลางความหนาวแบบนี้ แทนที่เธอจะได้นอนใต้ผ้าห่มอุ่นๆ เป็นเพราะโจวลี่อินที่หนีเข้าห้องไม่ยอมล้างถ้วย นังแก่แม่สามีก็เลยต้องมาใช้เธอล้างแทน มือบางหยิบถ้วยขึ้นมาขัดอยู่หลายใบ พอเสร็จแล้วก็ล้างด้วยน้ำเปล่าก่อนจะนำไปคว่ำ ความจริงแล้วต้องเช็ดด้วยผ้าให้แห้ง แต่หนิงเหมยขี้เกียจที่จะทำ จึงคว่ำถ้วยทั้งๆ ที่เปียกอย่างนั้น เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เดินเข้าห้องนอน เห็นลูกๆ ทั้งสองยังวิ่งเล่นกันอยู่ในห้องส่วนสามีก็นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะ "ทำไมถึงยังไม่ไปอาบน้ำ นี่มันดึกมากแล้วนะอาหลินอาชิง" หนิงเหมยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเสียงดังด้วยความหงุดหงิด เข้ามาในห้องนึกว่าลูกๆ อาบน้ำเตรียมจะเข้านอนแล้ว ที่ไหนได้ยังวิ่งเล่นกันอยู่เลย สามีของเธอก็ไม่คิดจะบอกให้เด็กๆไปอาบน้ำบ้างหรือไง มัวแต่อ่านหนังสืออะไรก็ไม่รู้ อ่านอยู่ที่โรงเรียนไม่พอหรือไง ถึงกลับมาบ้านแล้วยังต้องเอามาอ่านอีก "แม่ดูพี่ชิงสิคะ มาแย่งดินสอของหลินหลินไป" หลี่หลินเห็นแม่เข้ามาก็รีบเอ่ยฟ้องทันที ดินสอแท่งนี้ คุณปู่เป็นคนซื้อให้เธอกับชิงชิงตนละแท่ง แต่พอพี่ชายของเธอทำหาย ก็มาแย่งเอาของเธอไปหน้าตาเฉย "อาชิง มาแย่งของน้องทำไม เอาคืนให้น้องเดี๋ยวนี้เลย" หนิงเหมยหันไปดุลูกชายพร้อมกับสั่งให้อีกฝ่ายคืนดินสอให้กับหลี่หลิน "ผมไม่คืน น้องหลินอยากเอายางลบของผมไปขว้างทิ้งก่อน ผมเอาดินสอของน้องหลินมา ก็ถือว่าหายกัน" หลี่ชิงเอ่ยบอกออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลี่หลินเคยขอยางลบจากหลี่ชิง พอพี่ชายไม่ให้ก็ขว้างยางลบทิ้งจนมันหายไป ทำเอาหลี่ชิงโกรธเป็นอย่างมากจนต้องเอาดินสอของอีกฝ่ายมาแทน "อาหลินทำไมถึงทำอย่างนั้น" หนิงเหมยเอ่ยถามด้วยความปวดหัว "..." หลี่หลินไม่ตอบเอาแต่เม้มปากแน่นเมื่อรู้ว่าตนเองผิด แต่เธอจะไม่ยอมรับผิดเด็ดขาด "ขอโทษพี่ชายเดี๋ยวนี้อาหลิน" หนิงเหมยเอ่ยออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ "ไม่ค่ะ" หลี่หลินเอ่ยบอกจบก็วิ่งไปหาหลี่หยวนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ทันที เธอรู้ว่าพ่อจะต้องช่วยเธออย่างแน่นอน "แม่บอกให้ขอโทษพี่ชายไง" หนิงเหมยเดินเข้าไปหาลูกสาวพร้อมกับตะคอกเสียงใส่ "พ่อช่วยด้วย แม่จะตีหลินหลินแล้ว" เด็กน้อยรีบเอ่ยฟ้องพ่อของตนเองทันที "นี่คุณจะเสียงดังไปถึงเมื่อไร กลัวว่าพ่อกับแม่ของผมจะไม่ตื่นมารับรู้เหรอว่าคุณกำลังจะลงไม้ลงมือกับลูก" หลี่หยวนปิดหนังสือลงก่อนจะหันมาต่อว่าภรรยา บางครั้งหนิงเหมยก็เป็นคนอ่อนหวานเอาใจเก่ง บางครั้งก็ทำตัวน่ารำคาญเสียจริง "ฉันก็แค่สอนลูก ไม่อยากให้ลูกทำนิสัยไม่ดีก็เท่านั้นเอง" "ก่อนจะสอนลูก ผมว่าคุณทำตัวของคุณให้เป็นแบบอย่างที่ดีก่อนจะดีกว่านะ" พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไปทันที ทำเอาหนิงเหมยยืนนิ่งด้วยความโกรธ นี่เธอกำลังโดนสามีต่อว่าเหรอ นับวันเขาจะยิ่งเอาใหญ่แล้วนะ ฝากกดเข้าชั้นคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะช่วงเช้าของวันใหม่แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องทำให้เกิดความสว่างขึ้นมาเล็กน้อย โจวลี่อินลุกขึ้นก่อนจะเตรียมผ้าไปอาบน้ำ ร่างบางยื่นมือไปเปิดประตูแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ โจวลี่อินต้องรีบตื่นก่อนใครเพราะกลัวว่าตื่นสายแล้วจะต้องมาแย่งเข้าห้องน้ำกับคนอื่นหญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เปิดประตูออกมา ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ทางห้องครัว คงจะเป็นเยว่ซื่อที่ตื่นลุกขึ้นมาทำอาหารโจวลี่อินเดินเข้าไปในครัวเพราะอยากจะทำอาหารให้กับลูกสาว พอเข้าไปก็เห็นแม่สามีกำลังต้มโจ๊กอยู่ หญิงสาวจึงเดินเข้าไปที่ตู้กับข้าว หวังจะหยิบไข่มาทำข้าวผัดให้กับหลี่อิงอิง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดของเยว่ซื่อดังลั่นห้องครัว"นั่นแกจะทำอะไร" เยว่ซื่อเห็นสะใภ้คนเล็กเข้ามาในห้องครัวแล้วแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ พอเห็นว่าอีกฝ่ายเดินไปที่ตู้แถมยังจะเปิดตู้ที่เก็บพวกอาหารเอาไว้ก็ทำให้เกิดความโมโหขึ้นมาทันที"ฉันจะเอาไข่มาทำข้าวผัดให้กับเด็กๆ ค่ะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกอย่างใจเย็น เธอไม่ใช่คนที่โกรธผู้ใหญ่แล้วจะไปลงกับเด็ก ถึงแม้จะไม่ชอบหนิงเหมยกับเยว่ซื่อแค่ไหนแต่ก็จะทำข้าวผัดเผื่อหลานๆ ทั้งสองคนด้วย"ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันทำให้
เมื่อมาถึงโรงงานโจวลี่อินก็เดินเข้าไปที่แผนกเย็บรองเท้า ภายในห้องมีจักรตั้งอยู่หลายโต๊ะ ตอนนี้มีพนักงานนั่งอยู่ประจำตำแหน่งไม่กี่คนเพราะยังไม่ถึงเวลาเข้างาน โจวลี่อินเดินไปนั่งที่โต๊ะของตนเอง ไม่นานก็มีหญิงสาวรูปร่างอวบเดินเข้ามาหาเธอที่โต๊ะ เท่าที่จำได้ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าจางซิน จางซินเป็นหญิงสาวที่มีนิสัยโผงผาง โจวลี่คิดคนเก่าแกล้งทำดีด้วยเพราะอยากคบหญิงสาวเอาไว้เป็นเพื่อน เพราะจางซินคอยทำหน้าที่เป็นลูกน้องของโจวลี่อินมาตลอด ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรกับใครจางซินก็พร้อมที่จะออกหน้าให้กับโจวลี่อินเสมอ"ลี่อินทำไมวันนี้ถึงได้มาทำงานเช้าขนาดนี้ล่ะ" จางซินเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีวันไหนเลยที่โจวลี่อินจะมาเช้า ถ้าหากไม่มาสายก็มาตอนได้เวลาเข้างานแล้วทำเอาหัวหน้าเรียกไปตักเตือนอยู่หลายครั้งจนเกือบจะโดนไล่ออกจากงาน"ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากลองมาทำงานเช้าดูบ้างก็เท่านั้นเอง" โจวลี่อินตอบพร้อมกับหยิบรองเท้าเตรียมจะเอามาเย็บแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของหนิงเหมยดังขึ้น"ถ้าหากว่ามาสายอีกครั้งเดียวก็คงได้โดนไล่ออกน่ะสิ ถึงต้องรีบมาเช้าขนาดนี้" หลายคนที่อยู่ในห้องต่างพากันหั
ช่วงเย็นโจวลี่อินกลับมาบ้าน หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ก็เห็นเด็กน้อยกำลังนั่งเล่นอยู่บนโต๊ะ พอหันมาเห็นเธอเท่านั้นแหละก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที"แม่กลับมาแล้ว" หลี่อิงอิงกอดโจวลี่อินเอาไว้แน่น รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่แม่กลับมา"หนูได้กินข้าวกลางวันไหมจ๊ะ" โจวลี่อินเอ่ยถามลูกสาวขึ้น"กินค่ะ อิงอิงกินโจ๊ก" หลี่อิงอิงกินโจ๊กที่เหลือเมื่อเข้านี้เป็นอาหารกลางวัน โจวลี่อินรู้สึกโล่งใจที่เด็กน้อยได้กินข้าว เป็นเพราะความประมาทของเธอเองที่ไม่ได้เอานมกับขนมในมิติออกมาไว้ให้ลูกกิน"อิงอิงเด็กดี แม่มีไก่ทอดมาให้ลูกด้วยนะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกพร้อมกับหยิบห่อข้าวกับไก่ทอดในกระเป๋าออกมา เดิมเธอไม่รู้ว่าสามารถนำอาหารกลางวันกลับมากินที่บ้านได้ ยังดีที่ได้รู้จากเพื่อนร่วมงาน พรุ่งนี้เธอคงจะเอาอาหารกลับมากินกับลูก"จริงเหรอคะ" หลี่อิงอิงได้ยินที่แม่บอกก็เอ่ยถามออกมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นแต่พี่หลินกับพี่ชิงได้กิน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าตนเองจะมีโอกาสได้กินบ้าง แม่ช่างดีกับเธอจริงๆ"จริงสิ แม่ไม่โกหกหรอกจ้ะ รีบมากินเร็ว" โจวลี่อินเอ่ยบอกพร้อมกับเดินเอาห่อข้าวไปวางที่โต๊ะแล้วแกะห่อข้าวออกเผยให้เ
โจวลี่อินตื่นแต่เช้า เตรียมนมกับขนมเอาไว้ให้ลูกกินเป็นอาหารเช้าและสั่งไม่ให้ลูกสาวบอกกับใครว่าได้กินนมกับขนมหญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะขึ้นรถประจำทางไปศูนย์ให้บริการโทรศัพท์ หญิงสาวกดเบอร์โทรหาหลี่เหว่ย รอสายอยู่นานนึกว่าจะไม่มีคนรับแล้ว กำลังจะวางสายก็ได้ยินเสียงทุ้มดังผ่านมาทางสาย"สวัสดีครับ""สามี นี่ภรรยาเองนะคะ" โจวลี่อินรีบเอ่ยบอกชายหนุ่มด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอโทรมาหาเขา"โทรมามีอะไร หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก" หลี่เหว่ยเอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ เพราะอีกฝ่ายไม่เคยโทรมาหาเขามาก่อน"ฉันมีเรื่องจะบอกคุณค่ะ" หญิงสาวเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองทันที"มีเรื่องอะไร""สิ่งที่ฉันจะบอกกับคุณ คุณจะเชื่อฉันหรือไม่ก็ตามแต่ฉันต้องบอกความจริงให้คุณรับรู้ว่าตอนนี้ฉันกับลูกลำบากมาก แม่ไม่ยอมแบ่งเงินที่คุณส่งมาให้สักหยวนเดียว อีกอย่างแม่และทุกคนก็ดูจะไม่ชอบอิงอิงด้วย" หญิงสาวเอ่ยบอกความในใจทั้งหมดให้ชายหนุ่มได้รับรู้หวังว่าเขาจะเชื่อและสงสารเธอกับลูกบ้าง"คุณพูดจริงเหรอ" ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าแม่ของตนเองจะมีนิสัยร้ายกาจแบบนั้น เขาส่งเงินให้แม่หวังว่าแม่จะแบ
โจวลี่อินปลอบลูกสาวอยู่นานก่อนจะ เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าตาที่มอมแมมของหลี่อิงอิงด้วยความรักใคร่ หลังจากนั้นก็เอานมกับขนมมาให้เด็กน้อยกินก่อนจะให้นอนพักผ่อนเมื่อเห็นว่าลูกหลับแล้วหญิงสาวก็เปิดประตูออกไปจากห้อง ร่างบางเดินไปเคาะห้องของเยว่ซื่อเสียงดังปัง! ปัง! ปัง!"มีอะไรถึงได้มาเคาะห้องฉันเสียงดังแบบนี้ น่ารำคาญซะจริงๆ" เยว่ซื่อเปิดประตูออกมาถามด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเห็นว่าเป็นโจวลี่อินก็ยิ่งไม่ชอบใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย มีลูกสะใภ้ที่ไหนกันมองแม่สามีเหมือนจะกินเลือดกินเนื้ออย่างนั้น"วันนี้แม่ตีอิงอิงทำไม แถมยังปล่อยให้ลูกของฉันยืนอยู่นอกบ้านด้วย ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิงอิง แม่จะเอาอะไรมาชดใช้" โจวลี่อินตะคอกออกมาเสียงดังอย่างไม่เกรงใจแม่สามีอีกต่อไป ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิงอิง อยากจะรู้นักว่าแม่สามีของเธอจะแก้ตัวว่าอย่างไง"ฉันก็แค่แกล้งเด็กมันเล่นก็เท่านั้นเอง แกจะมาโวยวายอะไรนักหนา" เยว่ซื่อยังคงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ เธอไม่ยอมรับเสียอย่างใครจะทำอะไรเธอได้ บ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของเธอ ถ้าหากว่าวุ่นวายนักจะไล่ออกไปอยู่ข้างถนนทั้งแม่ทั้งลูกเลย"แม่ใช้คำว่าแก
หลังจากที่หลี่เหว่ยได้รับโทรศัพท์จากพี่ชาย ชายหนุ่มก็นั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด จะจริงหรือที่โจวลี่อินจะทำร้ายมารดาของเขา ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พี่ชายเล่ามากนัก แต่เขาสั่งทุกคนว่าห้ามทำอะไรภรรยากับลูกของเขาเด็ดขาด แล้วอีกไม่กี่วันทำภารกิจเสร็จเขาจะรีบขอกลับไปเยี่ยมบ้านหลี่หยวนกลับมาบ้านด้วยใบหน้าบึ้งตึงที่ดูเหมือนหลี่เหว่ยน้องขายของตนเองจะไม่เชื่อในสิ่งที่เล่าออกไป"เป็นอย่างไรบ้างอาหยวน อาเหว่ยได้บอกให้จัดการกับนังนั่นอย่างไรบ้าง" เยว่ซื่อเอ่ยถามอย่างคาดหวังว่าลูกชายคนเล็กจะต้องบอกให้ไล่โจวลี่อินออกไปจากบ้าน"น้องชายบอกว่าห้ามทำอะไรภรรยากับลูกของมันเด็ดขาด แล้วอีกไม่กี่วันมันจะกลับมาเยี่ยมบ้าน""อาเหว่ยได้บอกไหมว่าจะกลับมาหย่ากับมัน" ถึงจะฟังแล้วไม่ชอบใจแต่ผู้เป็นแม่ก็ยังคงถามต่อไป"ไม่ได้บอกอะไรครับ""อาเหว่ยจะต้องไม่ว่างเป็นแน่ก็เลยยังไม่ได้บอกอะไร เอาไว้รออาเหว่ยกับมาก่อนแล้วให้หย่าจากนังนั่นก็ยังไม่สาย" เยว่ซื่อพูดขึ้นเสียงดังเพราะอยากจะให้โจวลี่อินที่อยู่ในห้องได้ยิน"เอาไว้อาเหว่ยกลับมาค่อยปรึกษาเรื่องนี้กันอีกทีก็แล้วกัน" หลี่กุ้ยเอ่ยบอกก่อนจะเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดเพร
โจวลี่อินพาหลี่เหว่ยเข้าไปในห้องนอน ขณะนั้นเด็กน้อยกำลังนั่งเล่นอยู่เพียงลำพัง พอเห็นว่าคนเป็นแม่พาใครเข้ามาก็รีบกระโดนลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปหาคนร่างสูงทันที"พ่อกลับมาหาอิงอิงแล้ว" หลี่อิงอิงกอดคนเป็นพ่อเอาไว้แน่นด้วยความดีใจ ชายหนุ่มก้มตัวลงไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาด้วยความรัก เขาที่ไม่ได้เห็นลูกสาวมานาน ไม่คิดเลยว่าอิงอิงของเขาจะตัวสูงและรู้ความขนาดนี้"ลูกสาวคนสวยของพ่อ" ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ยื่นใบหน้าเข้าไปหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ทำเอาหลี่อิงอิงเขินอายคนเป็นพ่อ"พ่อจะกลับมาอยู่กับอิงอิงแล้วใช่ไหมคะ" เด็กน้อยเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ถ้าหากว่าพ่อกลับมาอยู่กับเธอตลอดไปก็คงจะดี"ใช่แล้วครับ ต่อไปพ่อจะอยู่กับอิงอิงตลอดไปเลย" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไปลูบผมของลูกสาวด้วยความเอ็นดู ลูกคงจะคิดถึงเขามากถึงอยากให้เขาอยู่ด้วย"ดีจังเลยค่ะ อิงอิงจะมีพ่อเหมือนพี่หลินกับพี่ชิงแล้ว เพราะตอนอิงอิงไม่มีพ่อไม่ดีเลย คุณย่าก็ไม่ชอบอิงอิง ชอบตีอิงอิงกับแม่ด้วย" เด็กน้อยเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ แต่คนได้ฟังถึงกับขมวดคิ้วทันที ที่ลูกของเขาพูดออกมาหมายความว่าอย่างไร ทำไมแม่จะต้องตีลูกสาวของเขาด้วย"ที่ลูกพูดห
บนโต๊ะอาหารมื้อเย็น คนโตต่างกินข้าวด้วยความเงียบ จะมีก็แต่หลี่หลินกับหลี่ชิงที่พูดคุยกันตามภาษาเด็ก กระทั่งอิ่มแล้วทุกคนจึงแยกย้ายกันไปเข้าห้องหลังจากล็อกประตูห้องแล้ว โจวลี่อินก็เดินไปหยิบนมกับขนมมาให้ลูกสาวกับสามี"คุณกับลูกคงจะกินข้าวไม่อิ่ม กินนมกับขนมนี่สิคะ จะได้ไม่หิวตอนดึก""ผมอิ่มแล้ว คุณกับลูกกินเถอะ คุณก็น่าจะกินข้าวไม่อิ่มเหมือนกัน" ชายหนุ่มมองขนมที่มือของภรรยาก่อนจะเอ่ยบอก รู้สึกแปลกใจที่โจวลี่อินรู้จักเป็นห่วงเขา ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนเห็นแก่ตัวหรือไง เกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวกันแน่ ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้"คุณเป็นผู้ชายกินแค่นั้นจะไปอิ่มได้อย่างไร กินนมกับขนมนี่เถอะค่ะ ฉันอิ่มแล้วจริงๆ" หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับยัดนมกับขนมใส่มือหนาแล้วเอาขนมกับนมอีกกล่องยื่นให้หลี่อิงอิงหลี่เหว่ยแกะขนมมาใส่ปากก่อนจะดูดนม ความจริงแล้วเขาก็กินข้าวไม่อิ่มจริงๆ นั่นแหละ พอได้กินขนมกับนมที่ภรรยาให้มาก็ทำให้รู้สึกอิ่มขึ้น"ก่อนหน้านี้คุณกับลูกไม่เคยได้กินอาหารดีๆ เลยใช่ไหม" หลี่เหว่ยเอ่ยถามออกไป ทั้งที่เขานั้นพอจะรู้แล้วว่าภรรยากับลูกคงไม่เคยได้กินอาหารดีๆ เป็นแน่ ขนาดเขาที
โจวลี่อินเดินเลือกซื้อขนมไปฝากหลี่อิงอิงเรียบร้อยแล้วก็ออกจากตลาดมืดไปยืนรอรถประจำทาง ไม่นานรถประจำทางก็เคลื่อนมาจอดตรงหน้า หญิงสาวจึงเดินขึ้นไปหาที่นั่ง วันนี้บนรถผู้คนไม่ถึงกับเยอะมาก ยังมีที่นั่งว่างอยู่ ร่างบางจึงเดินเข้าไปนั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนนไม่นานก็มาถึงบ้าน หญิงสาวลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ ระหว่างทางเดินกลับห้องก็เห็นเด็กน้อยกับหญิงวัยกลางคนยืนอยู่"เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่เหรอหนู ป้าไม่เคยเห็นหนูมาก่อนเลย" ป้าหวังเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยเห็นหญิงสาวตรงหน้ามาก่อน แล้วอีกอย่างเธอก็ได้ข่าวว่าเพิ่งมีคนมาเช่าบ้าน โจวลี่อินยิ้มตอบก่อนจะเอ่ยบอกว่าตนเองนั้นเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ มือบางหยิบขนมส่งให้กับเด็กน้อยที่ป้าหวังจูงมืออยู่ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวเข้าบ้านทันทีที่โจวลี่อินเปิดประตูเข้าไปในบ้าน หลี่อิงอิงที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับบิดาก็รีบวิ่งเข้ามาหาคนเป็นแม่ด้วยความดีใจ โจวลี่อินยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะหยิบขนมออกมาให้ลูกสาว หลี่อิงอิงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ขนม เด็กน้อยจึงรีบวิ่งเอาไปอวดพ่อทันที หลี่เหว่ยเอ่ยบอกไม่ให้ลูกสาวกินขนมเยอะจนเกินไปเพราะกลัวว่าจะอิ่ม
ช่วงเช้าหลังจากกินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว หลี่อิงอิงที่ยังสนใจหนังสือนิทานอยู่ก็เอามาเปิดดูภาพในห้องนั่งเล่นด้วยความเพลิดเพลิน โจวลี่อินที่มีเรื่องอยากจะคุยกับสามีก็เลยเดินเข้าไปในห้องนอน"ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณค่ะ" หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลี่เหว่ยจึงหันมามอง"มีเรื่องอะไร" "ฉันว่าจะหาของไปขายที่ตลาดมืดค่ะ" โจวลี่อินเอ่ยขึ้น เธอมีของในมิติที่ใช้เท่าไรก็ไม่มีวันหมด ทางเดียวที่จะหาเงินได้ตอนนี้ก็คือเอาของในมิติออกมาขายในตลาดมืด"ไม่ได้ ผมไม่อยากให้คุณต้องไปเสี่ยง" ชายหนุ่มเอ่ยห้ามออกมาทันที ซื้อขายในตลาดมืดถ้าหากว่าถูกจับได้จะต้องถูกลงโทษหนักเป็นแน่ เขาไม่อยากให้ภรรยาต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเรื่องพวกนี้"แต่มันเป็นทางเดียวที่เราจะหาเงินได้นะคะ ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ถ้าหากว่าเราไม่ทำแบบนี้ ต่อไปเราก็จะไม่มีเงินใช้นะคะ" โจวลี่อินหยิบยกเหตุผลมาพูด ถึงตอนนี้จะยังมีเงินใช้อยู่แต่ต่อไปล่ะ เธอต้องคิดถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึงด้วย"ถ้าหากว่าเลือกไม่ได้ ผมจะเป็นคนไปขายของในตลาดมืดเอง" ชายหนุ่มเอ่ยบอก ถ้าหากว่าถูกจับได้ เขาจะเป็นคนรับโทษไว้เอง"ไม่ได้ค่ะ คุณขาได้รับบาดเจ็บอยู่นะคะ
หลังจากหาหมอเสร็จก็รอรับยา หลังจากนั้นโจวลี่อินก็บอกว่าอยากจะซื้อหนังสือนิทานให้กับหลี่อิงอิง ทั้งสามคนจึงเดินทางไปที่ร้านขายหนังสือโจวลี่อินเลือกหนังสือนิทานที่มีภาพประกอบมาสองเล่มก่อนจะจ่ายเงินไปสองหยวน หลี่อิงอิงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้หนังสือนิทานหลังจากซื้อของเสร็จแล้วก็พากันขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน กว่าจะมาถึงบ้านก็บ่ายแล้ว โจวลี่อินจึงปล่อยให้สองพ่อลูกอยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่นส่วนตนเองจะเข้าครัวทำอาหารหลังจากทำอาหารเสร็จหญิงสาวก็เข้าไปในมิติก่อนจะเลือกหยิบยารักษาขาของหลี่เหว่ยออกมาแล้วเอายาที่ได้จากโรงพยาบาลใส่ไว้ในมิติแทนจากนั้นหญิงสาวก็เดินไปที่ห้องนอนก่อนจะเอ่ยบอกให้สามีกับลูกสาวมากินข้าว เพราะนี่ก็บ่ายมากแล้วคงจะหิวกันแย่ทั้งสามคนใช้เวลากินข้าวไม่นาน โจวลี่อินก็เก็บถ้วยไปล้างก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด"ทำอะไรกันอยู่คะ" โจวลี่อินเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับเอ่ยถามพ่อลูกสองคน หญิงสาวเห็นเด็กน้อยกำลังเปิดหนังสือนิทานที่ซื้อมาวันนี้ดูอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยมีคนเป็นพ่อนั่งอยู่ข้างๆ"แม่มาแล้ว แม่คะอ่านหนังสือนิทานให้อิงอิงฟังหน่อยค่ะ อิงอิงอ่านหนังสือไม่ออก" เด็กน้อยเห็นคนเป็นแม่เดินเข
โจวลี่อินออกจากห้องไปจุดไฟต้มน้ำร้อน พอเดือดแล้วก็เทใส่กะละมังแล้วเติมน้ำเย็นลงไปก่อนจะใช้มือวัดความร้อนว่ากำลังพอดีไหม พอเห็นว่าอุ่นพอดีก็ยกกะละมังเข้าไปในห้องนอนเพื่อที่จะให้หลี่เหว่ยใช้แช่เท้า แล้วอีกอย่างเธอก็อยากจะดูด้วยว่าเท้าของชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บมากแค่ไหน"คุณช่วยลุกขึ้นนั่งหน่อยค่ะ" โจวลี่อิยเอ่ยบอกพร้อมกับวางกะละมังไว้ข้างเตียง ยุคปัจจุบันเธอเป็นพยาบาลที่ต้องดูแลคนป่วยมามากมาย โจวลี่อินรักในอาชีพนี้เป็นอย่างมาก เธอเต็มใจที่จะดูแลคนป่วยอย่างไม่นึกรังเกียจ"เธอจะทำอะไร" ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งตามที่หญิงสาวบอกพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย"ยื่นขามาตรงนี้หน่อยค่ะ ฉันจะเอาเท้าคุณแช่น้ำอุ่น" หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมกับเอาขาของขายหนุ่มลงมาแช่ให้กะละมัง โจวลี่อินตรวจดูการบาดเจ็บของขา ที่เขาเดินขากะเผลกน่าจะเกี่ยวกับเส้นเอ็น แต่ดูแล้วอาการก็ไม่ได้หนักมากถึงกับไม่มีทางรักษาหายมือบางนวดเท้าของชายหนุ่มไปมาอย่างไม่รังเกียจ ทำเอาหลี่เหว่ยรู้สึกแปลกใจที่หญิงสาวยอมทำเรื่องแบบนี้ให้ตนเอง ตอนแรกเขาคิดว่าหญิงสาวจะทิ้งเขาไปเสียอีกเมื่อรู้ว่าเขากลายเป็นคนพิการแล้ว"คุณมีใบส่งตัวมาจากโรงพยาบาลเดิมไหมคะ"
หลี่เหว่ยพาภรรยากับลูกสาวเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ก่อนจะติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอเช่าห้อง ห้องมีหลายระดับให้เลือก ถ้าหากว่าต้องการแค่ห้องและห้องน้ำใช้ร่วมกันก็จ่ายเพียงห้าหยวนต่อเดือน แต่หากมีห้องน้ำในตัวและห้องครัวราคาก็จะแพงขึ้นเป็นสิบหยวน เพื่อความสบายของลูกสาวชายหนุ่มตัดสินในเลือกที่มีห้องน้ำในตัว หลังจากเซ็นสัญญาเช่าเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็เข้าอยู่ทันทีถึงแม้ว่าห้องจะไม่กว้างขวางนักแต่ก็พออยู่ได้สำหรับสามคนพ่อแม่ลูก"เรามีบ้านใหม่แล้ว" หลี่อิงอิงดูเหมือนจะเป็นคนที่ดีใจที่สุด เด็กน้อยวิ่งไปทั่วบ้านด้วยความตื่นเต้น"อิงอิง อย่าวิ่งเร็วแบบนั้นสิ ระวังจะล้มนะ" โจวลี่อินเอ่ยเตือนลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วนำเสื้อผ้าออกมาแขวนในตู้"คุณรีบเปลี่ยนชุดเถอะค่ะเดี๋ยวจะไม่สบาย" หญิงสาวเอ่ยบอกชายหนุ่มเสียงหวานก่อนจะหยิบชุดมายื่นให้คนร่างหนา"เธอเองก็เปียกไปทั้งตัว รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะ" หลี่เหว่ยรับชุดมาจากหญิงสาวพร้อมกับเอ่ยบอก"เดี๋ยวฉันเปลี่ยนชุดให้ลูกก่อนก็แล้วกันนะคะ" หญิงสาวบอกก่อนจะหยิบชุดขนาดเล็กออกมาแล้วเดินไปหาหลี่อิงอิงที่กำลังวิ่งเล่นไปทั่วบ้าน"อิงอิงจ๊ะ รีบมาเป
ภายในวันนั้นหลี่เหว่ยก็ได้ไปเชิญเลี่ยงลี่ซึ่งเป็นผู้นำชุมชนมาเป็นพยานในการแยกบ้านของของชายหนุ่ม"เชิญครับผู้นำเลี่ยง" หลี่เหว่ยเอ่ยเชิญชายวัยกลางคนเข้าไปในบ้าน บ้านข้างๆ ต่างออกมาดูอย่างให้ความสนใจที่เห็นผู้นำเลี่ยงมา จะต้องมีเรื่องอะไรสำคัญเป็นแน่"นายแน่ใจนะว่าต้องการจะแยกบ้านจริงๆ" หลี่หยวนเอ่ยถามน้องชาย"ใช่ครับพี่" หลี่เหว่ยตอบออกไปด้วยความมั่นใจ เขาคิดดีแล้วที่จะแยกบ้านออกไปอยู่ต่างหาก"แยกบ้านน่ะได้ แต่แกต้องไปแต่ตัวเท่านั้น ห้ามเอาของอะไรในบ้านไปสักอย่างเดียว" หลี่กุ้ยบิดาของชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น โจวลี่อินได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะโมโหแทนสามี"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ นอกจากเสื้อผ้าพวกเราจะไม่เอาอะไรไปสักชิ้นเดียว แต่ก็ห้ามทางนี้ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก""คิดว่าฉันอยากจะยุ่งเกี่ยวกับพวกแกนักหรือไง กลัวแต่พวกแกน่ะสิจะอ้อนวอนขอกลับมาอยู่ที่เดิม ขอบอกไว้เลยนะว่าฉันไม่ต้อนรับ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกด้วยความโกรธ"ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผู้นำเลี่ยงร่างสัญญาขึ้นมาเลยว่า สองครอบครัวนี้จะไม่มาสร้างความวุ่นวายให้กัน ถ้าหากฝ่ายใดไปสร้างความวุ่นวายจะต้องถูกดำเนินคดี" โจวลี่อินเอ่ยบอกออกมาเสียงดัง ซึ่
ช่วงเช้าของวันใหม่ โจวลี่อินที่คิดว่าเมื่อคืนนี้จะนอนไม่ค่อยหลับกลับหลับสนิทเสียจนแทบจะตื่นสาย ร่างบางลุกขึ้นนั่งขยับตัวจะลงจากเตียงทำเอาชายหนุ่มที่นอนอยู่อีกฝั่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา"เช้าแล้วเหรอ" หลี่เหว่ยลุกขึ้นมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย นี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขารู้สึกหลับสนิทขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะไม่ต้องกังวลกับงานก็เป็นไปได้"คุณจะนอนพักผ่อนต่อก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะไปทำอาหารเช้าเอาไว้รอ""ไม่ต้องหรอก ถึงออกไป แม่ก็ไม่ยอมให้เธอหยิบจับของตามใจ อย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า" ชายหนุ่มเห็นฤทธิ์ของแม่ตนเองแล้วก็เลยไม่อยากให้ภรรยาต้องไปข้องเกี่ยว"ฉันขอพูดกับคุณตามตรงนะคะ ที่ฉันยอมแม่มาตลอดก็เพราะเห็นแก่คุณและอิงอิง แต่ตอนนี้แม่ไม่ได้เห็นคุณเป็นลูกและเห็นอิงอิงเป็นหลาน ฉันก็จะไม่ไว้หน้าแม่ของคุณเหมือนกัน" โจวลี่อินเอ่ยบอกความในใจของตนเองออกมา ก่อนหน้านี้เธอยอมมามากพอแล้ว ต่อไปถ้าหากเยว่ซื่อยังหาเรื่องไม่หยุด เธอก็จะไม่ทนอีกต่อไป ด่ามาก็ด่ากลับแค่นั้นเอง"เอาที่คุณทำแล้วสบายใจเถอะ" หลี่เหว่ยเอ่ยขึ้น เขาเองก็รู้สึกผิดมากที่ทำให้ลูกต้องลำบาก อีกอย่างภรรยาก็เป็นอีกคนที่ต้องอดทนอดกลั
บนโต๊ะอาหารมื้อเย็น คนโตต่างกินข้าวด้วยความเงียบ จะมีก็แต่หลี่หลินกับหลี่ชิงที่พูดคุยกันตามภาษาเด็ก กระทั่งอิ่มแล้วทุกคนจึงแยกย้ายกันไปเข้าห้องหลังจากล็อกประตูห้องแล้ว โจวลี่อินก็เดินไปหยิบนมกับขนมมาให้ลูกสาวกับสามี"คุณกับลูกคงจะกินข้าวไม่อิ่ม กินนมกับขนมนี่สิคะ จะได้ไม่หิวตอนดึก""ผมอิ่มแล้ว คุณกับลูกกินเถอะ คุณก็น่าจะกินข้าวไม่อิ่มเหมือนกัน" ชายหนุ่มมองขนมที่มือของภรรยาก่อนจะเอ่ยบอก รู้สึกแปลกใจที่โจวลี่อินรู้จักเป็นห่วงเขา ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนเห็นแก่ตัวหรือไง เกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวกันแน่ ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้"คุณเป็นผู้ชายกินแค่นั้นจะไปอิ่มได้อย่างไร กินนมกับขนมนี่เถอะค่ะ ฉันอิ่มแล้วจริงๆ" หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับยัดนมกับขนมใส่มือหนาแล้วเอาขนมกับนมอีกกล่องยื่นให้หลี่อิงอิงหลี่เหว่ยแกะขนมมาใส่ปากก่อนจะดูดนม ความจริงแล้วเขาก็กินข้าวไม่อิ่มจริงๆ นั่นแหละ พอได้กินขนมกับนมที่ภรรยาให้มาก็ทำให้รู้สึกอิ่มขึ้น"ก่อนหน้านี้คุณกับลูกไม่เคยได้กินอาหารดีๆ เลยใช่ไหม" หลี่เหว่ยเอ่ยถามออกไป ทั้งที่เขานั้นพอจะรู้แล้วว่าภรรยากับลูกคงไม่เคยได้กินอาหารดีๆ เป็นแน่ ขนาดเขาที
โจวลี่อินพาหลี่เหว่ยเข้าไปในห้องนอน ขณะนั้นเด็กน้อยกำลังนั่งเล่นอยู่เพียงลำพัง พอเห็นว่าคนเป็นแม่พาใครเข้ามาก็รีบกระโดนลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปหาคนร่างสูงทันที"พ่อกลับมาหาอิงอิงแล้ว" หลี่อิงอิงกอดคนเป็นพ่อเอาไว้แน่นด้วยความดีใจ ชายหนุ่มก้มตัวลงไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาด้วยความรัก เขาที่ไม่ได้เห็นลูกสาวมานาน ไม่คิดเลยว่าอิงอิงของเขาจะตัวสูงและรู้ความขนาดนี้"ลูกสาวคนสวยของพ่อ" ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ยื่นใบหน้าเข้าไปหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ทำเอาหลี่อิงอิงเขินอายคนเป็นพ่อ"พ่อจะกลับมาอยู่กับอิงอิงแล้วใช่ไหมคะ" เด็กน้อยเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ถ้าหากว่าพ่อกลับมาอยู่กับเธอตลอดไปก็คงจะดี"ใช่แล้วครับ ต่อไปพ่อจะอยู่กับอิงอิงตลอดไปเลย" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไปลูบผมของลูกสาวด้วยความเอ็นดู ลูกคงจะคิดถึงเขามากถึงอยากให้เขาอยู่ด้วย"ดีจังเลยค่ะ อิงอิงจะมีพ่อเหมือนพี่หลินกับพี่ชิงแล้ว เพราะตอนอิงอิงไม่มีพ่อไม่ดีเลย คุณย่าก็ไม่ชอบอิงอิง ชอบตีอิงอิงกับแม่ด้วย" เด็กน้อยเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ แต่คนได้ฟังถึงกับขมวดคิ้วทันที ที่ลูกของเขาพูดออกมาหมายความว่าอย่างไร ทำไมแม่จะต้องตีลูกสาวของเขาด้วย"ที่ลูกพูดห