ช่วงเช้าของวันใหม่ โจวลี่อินที่คิดว่าเมื่อคืนนี้จะนอนไม่ค่อยหลับกลับหลับสนิทเสียจนแทบจะตื่นสาย ร่างบางลุกขึ้นนั่งขยับตัวจะลงจากเตียงทำเอาชายหนุ่มที่นอนอยู่อีกฝั่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา"เช้าแล้วเหรอ" หลี่เหว่ยลุกขึ้นมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย นี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขารู้สึกหลับสนิทขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะไม่ต้องกังวลกับงานก็เป็นไปได้"คุณจะนอนพักผ่อนต่อก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะไปทำอาหารเช้าเอาไว้รอ""ไม่ต้องหรอก ถึงออกไป แม่ก็ไม่ยอมให้เธอหยิบจับของตามใจ อย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า" ชายหนุ่มเห็นฤทธิ์ของแม่ตนเองแล้วก็เลยไม่อยากให้ภรรยาต้องไปข้องเกี่ยว"ฉันขอพูดกับคุณตามตรงนะคะ ที่ฉันยอมแม่มาตลอดก็เพราะเห็นแก่คุณและอิงอิง แต่ตอนนี้แม่ไม่ได้เห็นคุณเป็นลูกและเห็นอิงอิงเป็นหลาน ฉันก็จะไม่ไว้หน้าแม่ของคุณเหมือนกัน" โจวลี่อินเอ่ยบอกความในใจของตนเองออกมา ก่อนหน้านี้เธอยอมมามากพอแล้ว ต่อไปถ้าหากเยว่ซื่อยังหาเรื่องไม่หยุด เธอก็จะไม่ทนอีกต่อไป ด่ามาก็ด่ากลับแค่นั้นเอง"เอาที่คุณทำแล้วสบายใจเถอะ" หลี่เหว่ยเอ่ยขึ้น เขาเองก็รู้สึกผิดมากที่ทำให้ลูกต้องลำบาก อีกอย่างภรรยาก็เป็นอีกคนที่ต้องอดทนอดกลั
ภายในวันนั้นหลี่เหว่ยก็ได้ไปเชิญเลี่ยงลี่ซึ่งเป็นผู้นำชุมชนมาเป็นพยานในการแยกบ้านของของชายหนุ่ม"เชิญครับผู้นำเลี่ยง" หลี่เหว่ยเอ่ยเชิญชายวัยกลางคนเข้าไปในบ้าน บ้านข้างๆ ต่างออกมาดูอย่างให้ความสนใจที่เห็นผู้นำเลี่ยงมา จะต้องมีเรื่องอะไรสำคัญเป็นแน่"นายแน่ใจนะว่าต้องการจะแยกบ้านจริงๆ" หลี่หยวนเอ่ยถามน้องชาย"ใช่ครับพี่" หลี่เหว่ยตอบออกไปด้วยความมั่นใจ เขาคิดดีแล้วที่จะแยกบ้านออกไปอยู่ต่างหาก"แยกบ้านน่ะได้ แต่แกต้องไปแต่ตัวเท่านั้น ห้ามเอาของอะไรในบ้านไปสักอย่างเดียว" หลี่กุ้ยบิดาของชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น โจวลี่อินได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะโมโหแทนสามี"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ นอกจากเสื้อผ้าพวกเราจะไม่เอาอะไรไปสักชิ้นเดียว แต่ก็ห้ามทางนี้ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก""คิดว่าฉันอยากจะยุ่งเกี่ยวกับพวกแกนักหรือไง กลัวแต่พวกแกน่ะสิจะอ้อนวอนขอกลับมาอยู่ที่เดิม ขอบอกไว้เลยนะว่าฉันไม่ต้อนรับ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกด้วยความโกรธ"ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผู้นำเลี่ยงร่างสัญญาขึ้นมาเลยว่า สองครอบครัวนี้จะไม่มาสร้างความวุ่นวายให้กัน ถ้าหากฝ่ายใดไปสร้างความวุ่นวายจะต้องถูกดำเนินคดี" โจวลี่อินเอ่ยบอกออกมาเสียงดัง ซึ่
หลี่เหว่ยพาภรรยากับลูกสาวเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ก่อนจะติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอเช่าห้อง ห้องมีหลายระดับให้เลือก ถ้าหากว่าต้องการแค่ห้องและห้องน้ำใช้ร่วมกันก็จ่ายเพียงห้าหยวนต่อเดือน แต่หากมีห้องน้ำในตัวและห้องครัวราคาก็จะแพงขึ้นเป็นสิบหยวน เพื่อความสบายของลูกสาวชายหนุ่มตัดสินในเลือกที่มีห้องน้ำในตัว หลังจากเซ็นสัญญาเช่าเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็เข้าอยู่ทันทีถึงแม้ว่าห้องจะไม่กว้างขวางนักแต่ก็พออยู่ได้สำหรับสามคนพ่อแม่ลูก"เรามีบ้านใหม่แล้ว" หลี่อิงอิงดูเหมือนจะเป็นคนที่ดีใจที่สุด เด็กน้อยวิ่งไปทั่วบ้านด้วยความตื่นเต้น"อิงอิง อย่าวิ่งเร็วแบบนั้นสิ ระวังจะล้มนะ" โจวลี่อินเอ่ยเตือนลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วนำเสื้อผ้าออกมาแขวนในตู้"คุณรีบเปลี่ยนชุดเถอะค่ะเดี๋ยวจะไม่สบาย" หญิงสาวเอ่ยบอกชายหนุ่มเสียงหวานก่อนจะหยิบชุดมายื่นให้คนร่างหนา"เธอเองก็เปียกไปทั้งตัว รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะ" หลี่เหว่ยรับชุดมาจากหญิงสาวพร้อมกับเอ่ยบอก"เดี๋ยวฉันเปลี่ยนชุดให้ลูกก่อนก็แล้วกันนะคะ" หญิงสาวบอกก่อนจะหยิบชุดขนาดเล็กออกมาแล้วเดินไปหาหลี่อิงอิงที่กำลังวิ่งเล่นไปทั่วบ้าน"อิงอิงจ๊ะ รีบมาเป
โจวลี่อินออกจากห้องไปจุดไฟต้มน้ำร้อน พอเดือดแล้วก็เทใส่กะละมังแล้วเติมน้ำเย็นลงไปก่อนจะใช้มือวัดความร้อนว่ากำลังพอดีไหม พอเห็นว่าอุ่นพอดีก็ยกกะละมังเข้าไปในห้องนอนเพื่อที่จะให้หลี่เหว่ยใช้แช่เท้า แล้วอีกอย่างเธอก็อยากจะดูด้วยว่าเท้าของชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บมากแค่ไหน"คุณช่วยลุกขึ้นนั่งหน่อยค่ะ" โจวลี่อิยเอ่ยบอกพร้อมกับวางกะละมังไว้ข้างเตียง ยุคปัจจุบันเธอเป็นพยาบาลที่ต้องดูแลคนป่วยมามากมาย โจวลี่อินรักในอาชีพนี้เป็นอย่างมาก เธอเต็มใจที่จะดูแลคนป่วยอย่างไม่นึกรังเกียจ"เธอจะทำอะไร" ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งตามที่หญิงสาวบอกพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย"ยื่นขามาตรงนี้หน่อยค่ะ ฉันจะเอาเท้าคุณแช่น้ำอุ่น" หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมกับเอาขาของขายหนุ่มลงมาแช่ให้กะละมัง โจวลี่อินตรวจดูการบาดเจ็บของขา ที่เขาเดินขากะเผลกน่าจะเกี่ยวกับเส้นเอ็น แต่ดูแล้วอาการก็ไม่ได้หนักมากถึงกับไม่มีทางรักษาหายมือบางนวดเท้าของชายหนุ่มไปมาอย่างไม่รังเกียจ ทำเอาหลี่เหว่ยรู้สึกแปลกใจที่หญิงสาวยอมทำเรื่องแบบนี้ให้ตนเอง ตอนแรกเขาคิดว่าหญิงสาวจะทิ้งเขาไปเสียอีกเมื่อรู้ว่าเขากลายเป็นคนพิการแล้ว"คุณมีใบส่งตัวมาจากโรงพยาบาลเดิมไหมคะ"
หลังจากหาหมอเสร็จก็รอรับยา หลังจากนั้นโจวลี่อินก็บอกว่าอยากจะซื้อหนังสือนิทานให้กับหลี่อิงอิง ทั้งสามคนจึงเดินทางไปที่ร้านขายหนังสือโจวลี่อินเลือกหนังสือนิทานที่มีภาพประกอบมาสองเล่มก่อนจะจ่ายเงินไปสองหยวน หลี่อิงอิงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้หนังสือนิทานหลังจากซื้อของเสร็จแล้วก็พากันขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน กว่าจะมาถึงบ้านก็บ่ายแล้ว โจวลี่อินจึงปล่อยให้สองพ่อลูกอยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่นส่วนตนเองจะเข้าครัวทำอาหารหลังจากทำอาหารเสร็จหญิงสาวก็เข้าไปในมิติก่อนจะเลือกหยิบยารักษาขาของหลี่เหว่ยออกมาแล้วเอายาที่ได้จากโรงพยาบาลใส่ไว้ในมิติแทนจากนั้นหญิงสาวก็เดินไปที่ห้องนอนก่อนจะเอ่ยบอกให้สามีกับลูกสาวมากินข้าว เพราะนี่ก็บ่ายมากแล้วคงจะหิวกันแย่ทั้งสามคนใช้เวลากินข้าวไม่นาน โจวลี่อินก็เก็บถ้วยไปล้างก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด"ทำอะไรกันอยู่คะ" โจวลี่อินเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับเอ่ยถามพ่อลูกสองคน หญิงสาวเห็นเด็กน้อยกำลังเปิดหนังสือนิทานที่ซื้อมาวันนี้ดูอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยมีคนเป็นพ่อนั่งอยู่ข้างๆ"แม่มาแล้ว แม่คะอ่านหนังสือนิทานให้อิงอิงฟังหน่อยค่ะ อิงอิงอ่านหนังสือไม่ออก" เด็กน้อยเห็นคนเป็นแม่เดินเข
ช่วงเช้าหลังจากกินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว หลี่อิงอิงที่ยังสนใจหนังสือนิทานอยู่ก็เอามาเปิดดูภาพในห้องนั่งเล่นด้วยความเพลิดเพลิน โจวลี่อินที่มีเรื่องอยากจะคุยกับสามีก็เลยเดินเข้าไปในห้องนอน"ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณค่ะ" หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลี่เหว่ยจึงหันมามอง"มีเรื่องอะไร" "ฉันว่าจะหาของไปขายที่ตลาดมืดค่ะ" โจวลี่อินเอ่ยขึ้น เธอมีของในมิติที่ใช้เท่าไรก็ไม่มีวันหมด ทางเดียวที่จะหาเงินได้ตอนนี้ก็คือเอาของในมิติออกมาขายในตลาดมืด"ไม่ได้ ผมไม่อยากให้คุณต้องไปเสี่ยง" ชายหนุ่มเอ่ยห้ามออกมาทันที ซื้อขายในตลาดมืดถ้าหากว่าถูกจับได้จะต้องถูกลงโทษหนักเป็นแน่ เขาไม่อยากให้ภรรยาต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเรื่องพวกนี้"แต่มันเป็นทางเดียวที่เราจะหาเงินได้นะคะ ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ถ้าหากว่าเราไม่ทำแบบนี้ ต่อไปเราก็จะไม่มีเงินใช้นะคะ" โจวลี่อินหยิบยกเหตุผลมาพูด ถึงตอนนี้จะยังมีเงินใช้อยู่แต่ต่อไปล่ะ เธอต้องคิดถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึงด้วย"ถ้าหากว่าเลือกไม่ได้ ผมจะเป็นคนไปขายของในตลาดมืดเอง" ชายหนุ่มเอ่ยบอก ถ้าหากว่าถูกจับได้ เขาจะเป็นคนรับโทษไว้เอง"ไม่ได้ค่ะ คุณขาได้รับบาดเจ็บอยู่นะคะ
โจวลี่อินเดินเลือกซื้อขนมไปฝากหลี่อิงอิงเรียบร้อยแล้วก็ออกจากตลาดมืดไปยืนรอรถประจำทาง ไม่นานรถประจำทางก็เคลื่อนมาจอดตรงหน้า หญิงสาวจึงเดินขึ้นไปหาที่นั่ง วันนี้บนรถผู้คนไม่ถึงกับเยอะมาก ยังมีที่นั่งว่างอยู่ ร่างบางจึงเดินเข้าไปนั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนนไม่นานก็มาถึงบ้าน หญิงสาวลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ ระหว่างทางเดินกลับห้องก็เห็นเด็กน้อยกับหญิงวัยกลางคนยืนอยู่"เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่เหรอหนู ป้าไม่เคยเห็นหนูมาก่อนเลย" ป้าหวังเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยเห็นหญิงสาวตรงหน้ามาก่อน แล้วอีกอย่างเธอก็ได้ข่าวว่าเพิ่งมีคนมาเช่าบ้าน โจวลี่อินยิ้มตอบก่อนจะเอ่ยบอกว่าตนเองนั้นเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ มือบางหยิบขนมส่งให้กับเด็กน้อยที่ป้าหวังจูงมืออยู่ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวเข้าบ้านทันทีที่โจวลี่อินเปิดประตูเข้าไปในบ้าน หลี่อิงอิงที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับบิดาก็รีบวิ่งเข้ามาหาคนเป็นแม่ด้วยความดีใจ โจวลี่อินยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะหยิบขนมออกมาให้ลูกสาว หลี่อิงอิงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ขนม เด็กน้อยจึงรีบวิ่งเอาไปอวดพ่อทันที หลี่เหว่ยเอ่ยบอกไม่ให้ลูกสาวกินขนมเยอะจนเกินไปเพราะกลัวว่าจะอิ่ม
เช้าวันต่อมาโจวลี่อินก็ตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าก่อนจะเรียกสามีกับลูกมากินข้าว หลังจากอิ่มหญิงสาวก็เดินทางไปขายของที่ตลาดมืด ก่อนเข้าตลาดหญิงสาวก็ไปยังจุดที่ไม่มีคนก่อนจะเข้าไปในมิติเอาของออกมาแล้วเดินเข้าไปในตลาดมืดวันนี้เพียงโจวลี่อินเดินเข้าไปป้าเฉินก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร หญิงสาวจึงปูผ้าก่อนจะนำของในตะกร้ามาวาง"วันนี้มีของมาขายเยอะเลยนะนังหนู" ป้าเฉินมองดูของที่วางอยู่ตรงหน้าของโจวลี่อินก่อนจะเอ่ยขึ้น ถ้าหากว่ามีของมาขายเยอะทุกวันแบบนี้ จะต้องได้เงินเป็นกอบเป็นกำแน่ๆ เพราะของที่ขายในตลาดมืดต่างมีราคาสูงกว่าข้างนอก"ฉันอยากรีบเก็บเงินให้ได้เยอะๆ น่ะค่ะ ก็เลยรับของมาเยอะ ไม่รู้ว่าวันนี้จะขายหมดไหม" โจวลี่อินเอ่ยขึ้น เธอคงมาขายของในตลาดมืดอีกไม่นาน เพราะนี่ก็ใกล้ถึงปี 1976 แล้วที่จะเปิดประเทศให้ประชาชนทั่วไปสามารถค้าขายได้ หลังจากนั้นเธอจะนำเงินที่ได้จากขายของไปลงทุนเปิดร้านค้า"มีใครบ้างไม่อยากได้เนื้อหมูกับผักสวยๆ แถมราคายังถูกกว่าร้านอื่นอีก นังหนูต้องขายหมดแผงเป็นแน่" ป้าเฉินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ราคาเนื้อหมูกับพวกผลไม้ของนังหนูนี่ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าข้างนอกแต่ก็ถูกกว่าร้านอื่นใตตลาดมืด
เวลาผ่านไปโจวลี่อินได้ทำการเช่าร้านหน้าโรงเรียนเพื่อเปิดขายบะหมี่ แรกๆ ยังไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไร แต่หญิงสาวก็ไม่ท้อจนปัจจุบันมีลูกค้ามากมายจนหญิงสาวทำไม่ทันจึงต้องจ้างคนงานมาช่วย ร้านบะหมี่ของโจวลี่อินเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารหญิงสาวก็เอาออกมาจากมิติ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำหญิงสาวจึงตัดสินใจให้สามีเป็นคนทำเรื่องซื้อบ้านก่อนจะย้ายออกจากบ้านเช่า หลี่อิงอิงดีใจมากที่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่แล้วมีห้องนอนส่วนตัวตอนนี้ขาของหลี่เหว่ยหายดีแล้ว ชายหนุ่มช่วยงานหญิงสาวในร้าน ถึงแม้ทางกองทัพจะอยากให้ชายหนุ่มกลับไปทำงานให้ แต่หลี่เหว่ยก็ปฏิเสธเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและลูกสาวมากกว่าเมื่อปิดร้านบะหมี่เรียบร้อยแล้วโจวลี่อินกับหลี่เหว่ยก็ไปรับลูกสาวที่โรงเรียน ตอนนี้หลี่อิงอิงโตขึ้นมากแล้ว เมื่อเห็นพ่อกับแม่มารอรับก็รีบวิ่งมาหาทันที ทั้งสามเดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างรอหลี่อิงอิงก็เล่าเรื่องในโรงเรียนไม่หยุดจนกระทั่งรถมาจอดตรงหน้าหลี่อิงอิงถึงได้หยุดพูด ทั้งสามคนขึ้นไปหาที่นั่ง ก่อนที่โจวลี่อินจะเอ่ยบอกกับลูกสาวว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอกบ้าน หลี่อิงอิงได้ยินก็ดีใจเป็นอ
หลี่เหว่ยขึ้นไปบนเตียงแล้วจับเขาเรียวแยกออกจากกันเผยให้เห็นดอกไม้งามที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน มือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ไปจ่อกลางร่องก่อนจะลากขึ้นลงทำเอาโจวลี่อินส่งเสียงครางออกมา ปลายหยักชุ่มไปด้วยน้ำหวานชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะดันแก่นกายเข้าไปในโพรงสวาท ด้วยความคับแน่นทำเอาโจวลี่อินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกหลี่เหว่ยครางอยู่ในลำคอด้วยความทรมานเมื่อแก่นกายโดนตอดรัดอย่างหนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยกสะโพกขึ้นก่อนจะกระแทกกลับลงไปอย่างแรงทำให้แก่นกายจมหายเข้าไปในกายสาวจนมิดลำนิ้วร้อนสัมผัสกับเกสรดอกไม้ที่กำลังบวมเป่ง หลี่เหว่ยออกแรงเขี่ยไปมาเบาๆ ก่อนจะขยี้ ทำเอาโจวลี่อินดิ้นพล่านไปมาด้วยความเสียวซ่าน สะโพกสอบขยับขึ้นลงจากช้าเป็นเร็วขึ้นแก่นกายผลุบเข้าออกกลางกายสาวจนกลีบสวาทยับยู่ยี่ไปตามแรงกระแทกชายหนุ่มก้มใบหน้าลงไปแลบลิ้นออกมาไล้เลียที่ปลายถันก่อนจะอ้าปากดูดดึงเข้าไปในอุ้งปากส่วนสะโพกสอบก็ขยับขึ้นลงทำเอาหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัวโจวลี่อินแอ่นสะโพกขึ้นสู้แรงกระแทกของชายหนุ่มด้วยความรัญจวน มันช่างดีเหลือเกิน แขนเรียวยื่นไปกอดรัดร่างหนาเอาไว้แน่น ยิ่งชายหนุ่มสร้างความเสียวให้มากเท่าไรเล็บคมก
ผ่านไปหลายเดือน เช้าวันนี้โจวลี่อินตื่นขึ้นมาแต่เช้าปลุกลูกสาวให้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน วันนี้เป็นเปิดเรียนวันแรก หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นจะได้ไปโรงเรียนก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำ โจวลี่อินช่วยลูกสาวแต่งตังเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทำอาหารเช้าหลังจากทำอาหารเสร็จก็ยกไปวางบนโต๊ะก่อนจะเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าว สองพ่อลูกพากันเดินมานั่งที่เก้าอี้ โจวลี่อินจึงตักข้าวใส่ถ้วยให้กับทั้งสองคนก่อนจะตักให้ตัวเองหลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เก็บถ้วยบนโต๊ะไปล้างก่อนจะเปลี่ยนชุดเตรียมพาลูกสาวไปส่งโรงเรียนทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปรอรถประจำทาง ไม่นานรถก็มาจอดตรงหน้า ทั้งสามคนจึงเดินขึ้นรถก่อนจะหาที่นั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนน หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วไม่นานก็มาถึงโรงเรียนที่ก่อนหน้านี้หลี่เหว่ยกับโจวลี่อินพาลูกสาวมาสมัครเรียน ลงจากรถเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็จูงมือลูกสาวไปหน้าโรงเรียนที่มีครูผู้หญิงมายืนต้อนรับเด็กนักเรียนหลี่อิงอิงทำความเคารพคุณครูก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น โจวอินจึงฝากฝังให้ครูช่วยดูแลลูกสาว คุณครูก็รับปากว่าจะดูและหลี่อิงอ
หลังจากส่งของถึงมือของเพื่อนหลี่เหว่ย ฝ่ายนั้นก็พอใจกับสินค้ามาก จึงทำการส่งเงินมาจ่ายค่าของ ครั้งนี้โจวลี่อินได้เงินมาเยอะพอสมควรจึงชวนสามีกับลูกสาวไปกินข้าวข้างนอกบ้าน ทั้งสามคนกำลังเตรียมตัวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากหน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูตอนแรกโจวลี่อินจะไปดู แต่หลี่เหว่ยอาสาจะไปดูแทน พอเปิดประตูออกไปก็เห็นเยว่ซื่อยืนร้องไห้ดวงตาแดงก่ำอยู่หน้าบ้าน"อาเหว่ย ต้องช่วยพี่ชายของลูกนะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกหลี่เหว่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น"คุณจะมาที่นี่อีกทำไม ผมบอกแล้วว่าห้ามมาข้องเกี่ยวกันอีก" หลี่เหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เตรียมจะปิดประตูห้องแต่เยว่ซื่อก็รีบเอามือดันประตูไว้ไม่ยอมให้ชายหนุ่มปิด"อย่าใจร้ายกับแม่กับพี่ชายของลูกมากนักเลย ตอนนี้อาหยวนกำลังลำบาก โดนนังตัวดีอย่างหนิงเหมยแจ้งทางการว่าอาหยวนมีชู้ แถมนังนั่นยังจ้างนักสืบหาหลักฐานมาด้วย ทางการเลยให้อาหยวนหย่ากับนังนั่นพร้อมจ่ายค่าเลี้ยงดู แต่ตอนนี้อาหยวนไม่มีเงินเลย ลูกต้องมีเงินเก็บอยู่แล้วใช่ไหม เอามาให้อาหยวนจ่ายค่าเสียหายก่อนได้ไหม" เยว่ซื่อพูดเสียยืดยาว สรุปก็คืออยากจะได้เงินของหลี่เหว่ยเพื่อไปให้หลี่หยวน โจวลี่อินที
หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็ออกไปข้างนอก หญิงสาวไปในที่ลับตาคนก่อนจะหยิบของออกมาจากมิติมากมายตามรายการที่เพื่อนของหลี่เหว่ยสั่งเอาไว้ พอเอาออกมาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ว่าจ้างคนให้แบกของไปส่งที่สถานีรถไฟ รออีกฝ่ายได้รับของหลังจากนั้นก็จะส่งเงินมาจ่ายค่าของโจวลี่อินทำธุระเสร็จแล้วก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ไม่นานรถก็มาถึง หญิงสาวเดินลงจากรถก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากลับหนิงเหมย โจวลี่อินทำเป็นมองไม่เห็น กำลังจะเดินผ่านหนิงเหมยไป แต่อีกฝ่ายก็ร้องเรียกพร้อมกับเข้าไปจับแขนเรียวเอาไว้"เธอมาที่นี่ทำไม" โจวลี่อินเอ่ยถามเสียงแข็งก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของหนิงเหมย"คือว่าฉันอยากจะมาขอยืมเงินน่ะ" หนิงเหมยเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองออกไปทันที ความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่เพราะไม่มีทางออกจริงๆ ก็เลยต้องบากหน้ามาขอยืมเงินจากโจวลี่อิน"ฉันไม่มีเงินมากถึงขนาดให้ใครยืมหรอก กลับไปซะเถอะ" โจวลี่อินบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย เรื่องอะไรเธอจะต้องให้คนที่เกลียดเธอยืมเงินด้วย"แต่ว่าฉันจำเป็นจริงๆ นะ ถ้าหากว่าไม่ได้เงินกลับไปฉันต้องตายแน่ๆ" ก่อนหน้านี้เธอโดนไล่ออกจากงานเพราะทำงานผ
หลี่เหว่ยเห็นภรรยาต้องไปขายของที่ตลาดมืดทุกวันก็รู้สึกสงสาร วันนี้ชายหนุ่มจึงออกจากบ้านเพื่อไปใช้โทรศัพท์ที่ศูนย์บริการ ชายหนุ่มโทรหาเพื่อนสนิทที่กองทัพ ตอนแรกว่าจะขอความช่วยเหลือแต่พอได้ยินว่ากองทัพกำลังขาดแคลนอาหาร ชายหนุ่มจึงคิดว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะหาเงินได้จากเรื่องนี้ หลี่เหว่ยจึงลองเสนอความคิดของตนเองให้เพื่อนฟังว่าเขานั้นจะหาทางส่งเสบียงอาหารไปให้แต่ของที่หายากอาจจะมีราคาแพงนิดหน่อย เพื่อนชายหนุ่มได้ฟังก็ดีใจมากบอกเพียงว่าถ้ามีอาหารส่งมาให้เขาก็พร้อมที่จะจ่ายหลี่เหว่ยจึงบอกกับเพื่อนว่าจะโทรไปแจ้งความคืบหน้าอีกทีเมื่อหาเสบียงอาหารได้ หลังวางสายจากเพื่อนชายหนุ่มก็เดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างยืนรอรถอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา"ใช่พี่เหว่ยไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจว่าจะใช่คนที่ตนเองรู้จักหรือไม่ เพราะเธอก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายมานานแล้วหลี่เหว่ยมองคนตรงหน้าก่อนจะพยายามนึกว่าเคยรู้จักหญิงสาวมาก่อนไหม แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มจึงตอบรับว่าตนเองนั้นคือหลี่เหว่ยก่อนจะเอ่ยถามกลับว่าหญิงสาวเป็นใคร"ฉันถิงถิงไงคะ เคยเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของพี่เหว่ย" หญิงสาวเอ่ยแนะ
พอทั้งสามคนกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โจวลี่อินก็พาสามีกับลูกสาวไปร้านขายเสื้อผ้า หญิงสาวเลือกชุดให้สองพ่อลูกคนละชุดก่อนจะจ่ายเงินพร้อมกับคูปอง หลังจากนั้นก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้านพอมาถึงหน้าบ้านชายหนุ่มก็ไขกุญแจก่อนจะเปิดประตูบ้าน ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้อง โจวลี่อินก็เอ่ยปากให้ลูกสาวไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน หลี่อิงอิงก็ว่าง่ายเดินถือชุดเข้าห้องอาบน้ำทันทีพอหลี่อิงอิงอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่เหว่ยก็ให้ภรรยาเป็นคนอาบน้ำก่อน โจวลี่อินก็ไม่อิดออดรีบเข้าไปอาบน้ำเพราะสามีจะได้อาบเป็นคนต่อไปแล้วก็เป็นเหมือนเช่นทุกวันที่คนเป็นแม่จะนอนอ่านนิทานให้ลูกสาวฟัง พอหลี่อิงอิงหลับแล้วโจวลี่อินก็หลับตาลง เธอรู้สึกอีกแล้วว่ากำลังโดนชายหนุ่มกอด แต่ครั้งนี้เธอกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก มันช่างมีความสุขเหลือเกินเช้าวันต่อมา โจวลี่อินที่ทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ยกถ้วยมาวางบนโต๊ะ เตรียมจะเดินไปเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าวก็ได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นโจวลี่อินรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากเพราะเธอเพิ่งมาอยู่ที่นี่ ใครกันนะที่มาเคาะประตูบ้านหรือว่าจะเป็นป้าหวัง หญิงสาวคิดจบก็เดินไปเปิดประตูห้อง พอ
เช้าวันต่อมาโจวลี่อินก็ตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าก่อนจะเรียกสามีกับลูกมากินข้าว หลังจากอิ่มหญิงสาวก็เดินทางไปขายของที่ตลาดมืด ก่อนเข้าตลาดหญิงสาวก็ไปยังจุดที่ไม่มีคนก่อนจะเข้าไปในมิติเอาของออกมาแล้วเดินเข้าไปในตลาดมืดวันนี้เพียงโจวลี่อินเดินเข้าไปป้าเฉินก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร หญิงสาวจึงปูผ้าก่อนจะนำของในตะกร้ามาวาง"วันนี้มีของมาขายเยอะเลยนะนังหนู" ป้าเฉินมองดูของที่วางอยู่ตรงหน้าของโจวลี่อินก่อนจะเอ่ยขึ้น ถ้าหากว่ามีของมาขายเยอะทุกวันแบบนี้ จะต้องได้เงินเป็นกอบเป็นกำแน่ๆ เพราะของที่ขายในตลาดมืดต่างมีราคาสูงกว่าข้างนอก"ฉันอยากรีบเก็บเงินให้ได้เยอะๆ น่ะค่ะ ก็เลยรับของมาเยอะ ไม่รู้ว่าวันนี้จะขายหมดไหม" โจวลี่อินเอ่ยขึ้น เธอคงมาขายของในตลาดมืดอีกไม่นาน เพราะนี่ก็ใกล้ถึงปี 1976 แล้วที่จะเปิดประเทศให้ประชาชนทั่วไปสามารถค้าขายได้ หลังจากนั้นเธอจะนำเงินที่ได้จากขายของไปลงทุนเปิดร้านค้า"มีใครบ้างไม่อยากได้เนื้อหมูกับผักสวยๆ แถมราคายังถูกกว่าร้านอื่นอีก นังหนูต้องขายหมดแผงเป็นแน่" ป้าเฉินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ราคาเนื้อหมูกับพวกผลไม้ของนังหนูนี่ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าข้างนอกแต่ก็ถูกกว่าร้านอื่นใตตลาดมืด
โจวลี่อินเดินเลือกซื้อขนมไปฝากหลี่อิงอิงเรียบร้อยแล้วก็ออกจากตลาดมืดไปยืนรอรถประจำทาง ไม่นานรถประจำทางก็เคลื่อนมาจอดตรงหน้า หญิงสาวจึงเดินขึ้นไปหาที่นั่ง วันนี้บนรถผู้คนไม่ถึงกับเยอะมาก ยังมีที่นั่งว่างอยู่ ร่างบางจึงเดินเข้าไปนั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนนไม่นานก็มาถึงบ้าน หญิงสาวลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ ระหว่างทางเดินกลับห้องก็เห็นเด็กน้อยกับหญิงวัยกลางคนยืนอยู่"เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่เหรอหนู ป้าไม่เคยเห็นหนูมาก่อนเลย" ป้าหวังเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยเห็นหญิงสาวตรงหน้ามาก่อน แล้วอีกอย่างเธอก็ได้ข่าวว่าเพิ่งมีคนมาเช่าบ้าน โจวลี่อินยิ้มตอบก่อนจะเอ่ยบอกว่าตนเองนั้นเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ มือบางหยิบขนมส่งให้กับเด็กน้อยที่ป้าหวังจูงมืออยู่ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวเข้าบ้านทันทีที่โจวลี่อินเปิดประตูเข้าไปในบ้าน หลี่อิงอิงที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับบิดาก็รีบวิ่งเข้ามาหาคนเป็นแม่ด้วยความดีใจ โจวลี่อินยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะหยิบขนมออกมาให้ลูกสาว หลี่อิงอิงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ขนม เด็กน้อยจึงรีบวิ่งเอาไปอวดพ่อทันที หลี่เหว่ยเอ่ยบอกไม่ให้ลูกสาวกินขนมเยอะจนเกินไปเพราะกลัวว่าจะอิ่ม