“ครั้งนี้นายฆ่าเว่ยต้ากัง ล่วงเกินตระกูลเฉิง จะต้องระวังหน่อย ห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาดนะ” ก่อนหลินหยี่โม่จะจากไป ได้ช่วยหลินหยางจัดคอเสื้อพร้อมกำชับเขา“วางใจเถอะ เฉิงคั่วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” หลิยหยางจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากของหลินหยี่โม่ แล้วจึงขับรถกลับหมู่บ้านตี้เหา จากนั้นพาครอบครัวเสิ่นลี่หมินไปดูบ้านหมู่บ้านอวิ๋นจิ่งลี่อยู่ห่างจากหมู่บ้านตี้เหาไม่ไกลนัก พวกเขาก็ไปดูบ้านก่อนภายใต้การแนะนำของนายหน้า บ้านหลังนี้เป็นห้องชุดเล็กๆ ที่มีเพียงสามห้อง คับแคบไปหน่อย และการตกแต่งภายในก็เก่าโทรม แค่เมื่อเปรียบเทียบราคาแล้วถูกกว่าเล็กน้อยเท่านั้น“ในหมู่บ้านนี้ยังมีหลังอื่นอีกไหมครับ?” หลังจากดูเสร็จหลินหยางก็ถามขึ้นมา“มีครับ แต่ขนาดใหญ่กว่า ทางด้านราคาก็แพงกว่าไม่น้อย งบประมาณของพวกเขาค่อนข้างจำกัด ตัวเลือกเลยมีไม่มากครับ” นายหน้ากล่าว“ช่วยพาพวกเราไปดูที่ใหญ่และตกแต่งดีกว่านี้หน่อยครับ” หลินหยางกล่าว“คุณชายใหญ่ เอาเป็นห้องนี้เถอะครับ แค่นี้ครอบครัวเราก็อยู่พอแล้วครับ” เสิ่นลี่หมินกล่าว“ลุงเสิ่นก็จ่ายตามงบประมาณของลุง แล้วส่วนที่ไม่พอผมจะออกให้เองครับ"“แ
“อาหลิ่วครับ อารู้ไหมครับว่าน้าอวี๋อยากให้ผมตาย บทลงโทษที่ผมมอบให้เธอ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอทำแล้ว ก็เทียบไม่ได้เลยครับ” หลิ่วเฉิงจื้อกลับพูดว่า “เขามีความผิดอยู่ก่อนก็จริง แต่เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่หรือ” “หึ…ที่ผมไม่เป็นไรเพราะผมมีความสามารถติดตัว ไม่อย่างนั้นผมยังจะมีชีวิตรอดมาคุยกับอาได้หรือครับ? อาหลิ่ว อาอย่าพูดอีกเลย ผมเกรงว่าหากอายังพูดต่อไป จะทำร้ายความสัมพันธ์ระหว่างอาหลานของพวกเรา จนอีกหน่อยแม้แต่อาหลานก็เป็นไม่ได้แล้ว” แม้ว่าภายในใจของหลินหยางจะไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ยังคงไม่ต้องการแตกหักกับหลิ่วเฉิงจื้อเมื่อหลิ่วเฉินจื้อได้ยินคำพูดนี้ ก็ดูเหมือนจะโมโหขึ้นมาเช่นกัน“เสี่ยวหยาง เธอจะไม่ยอมอภัยให้น้าอวี๋ของเธอจริงหรือ? เธอจะใจร้ายแบบนี้จริงหรือ?” “เธอลองถามใจตัวเองดูว่า ตั้งแต่เล็กจนโต อาหลิ่วปฏิบัติต่อเธอยังไง? น้าอวี๋ของเธอเลอะเลือนไปชั่วขณะถึงทำเรื่องผิดพลาด เธอจะต้องทรมานเขาขนาดนั้นเลยหรือ?” “อารู้ว่าตอนนี้เธอเรียนรู้ความสามารถบางอย่างมา และยังมีคนคอยหนุนหลังอีก เลยไม่เห็นอาหลิ่วอยู่ในสายตาแล้ว แต่ว่าเรื่องนี้ เดิมก็เป็นเธอที่ทำผิดก่อน” เมื่อหลินหยางได้ยินห
“เธอพูดมาเถอะ” หลิ่วเฉิงจื้อกล่าว“พวกเราสองครอบครัวมีความสัมพันธ์กันมาหลายสิบปี พวกอาสองคนก็เห็นผมเติบโตขึ้นมา ผมยังเกือบกลายเป็นลูกเขยของพวกอาสองคนด้วย พ่อแม่ของผมจากไปเร็ว เดิมผมจึงเห็นพวกอาเป็นญาติสนิท เป็นผู้อาวุโส” “น่าเสียดายที่โชคชะตาเล่นตลก ทำให้พวกเราเดินมาถึงสถานการณ์ในวันนี้ ดังนั้น นับจากวันนี้ไป ความสัมพันธ์ในอดีตไม่ต้องพูดถึงอีก บุญคุณและความแค้นทั้งหมดล้วนหักล้างต่อกัน ไม่มีใครติดค้างใครอีก” “เสี่ยวหยาง…คำพูดเมื่อครู่ของอาหลิ่ว พูดแรงเกินไปอยู่บ้าง” ในเวลานี้ หลิ่วเฉิงจื้อหายโมโหแล้ว และยังรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อยด้วย รู้สึกว่าคำพูดของตนค่อนข้างลำเอียงไปอยู่บ้าง“ตาเฒ่าหลิ่ว เสี่ยวหยางพูดได้ถูก คนต้องมองไปข้างหน้า เรื่องทั้งหมดในอดีต บุญคุณความแค้นทั้งหมดไม่ต้องพูดถึงอีก แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองเถอะ” อวี๋ผิงแทบรอไม่ไหวที่จะขีดเส้นแบ่งแยกความสัมพันธ์อย่างชัดเจนกับหลินหยาง“ผมคนนี้เป็นคนจิตใจคับแคบ มีแค้นต้องชำระ ถ้าวันหน้าหากมีจุดไหนล่วงเกินผมอีก ผมก็จะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมแล้ว"“ตกลงตามนั้น” อวี๋ผิงพูดโดยไม่ใคร่ครวญแม้แต่น้อยหลินหยางไม่ได้พูดอะไรมาอีก ใช
“เด็กโง่ ถ้าพวกเธออยู่ที่นี่จะมีอันตรายได้” หลินหยางกล่าวเสิ่นโย่วเวยก็เข้าใจเหตุผลนี้เช่นกัน ทว่าภายในใจก็ยังคงโศกเศร้าและตัดใจไม่ได้“พี่หลินหยางคะ อย่างนั้นวันหลังฉันยังกลับมาเยี่ยมพี่ได้ไหมคะ?” เสิ่นโย่วเวยสะอื้นถาม“แน่นอนว่าได้ อย่าร้องไห้แล้ว ร้องจนเหมือนแมวมอมแล้ว จะไม่สวยแล้วนะ” หลินหยางยิ้มพลางดึงกระดาษทิชชูออกมาช่วยเสิ่นโย่วเวยซับน้ำตาทว่า จู่ๆเสิ่นโย่วเวยก็เขย่งปลายเท้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วมอบจุมพิตอันแสนหอมหวานให้เขาหลินหยางตะลึงไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าคนที่ขี้อายและเก็บตัวอย่างเสิ่นโย่วเวยจะเป็นฝ่ายรุกขึ้นมาได้แต่ยังไม่ทันให้หลินหยางได้ตอบสนอง เสิ่นโย่วเวยก็สัมผัสเพียงแผ่วเบาแล้วหยุดลง ใบหน้างดงามแดงก่ำ จากนั้นก็วิ่งหนีออกไปทันทีหลินหยางรับรู้ถึงอุณหภูมิและกลิ่นอายที่เสิ่นโย่วเวยทิ้งไว้ เม้มปากหัวเราะว่า “สาวน้อยคนนี้ จะฉาบฉวยเกินไปหน่อยแล้ว” หลินหยางหิ้วกระเป๋าสัมภาระเดินออกมา เสิ่นโย่วเวยมุดเข้าไปในรถนานแล้ว หัวใจเต้นแรงเหมือนมีลูกกวางวิ่งชนอยู่ภายในหลินหลางเก็บสัมภาระเรียบร้อย ขณะที่เตรียมจะขึ้นรถ เลขาของเฉาเค่อหมิงก็มาถึง“คุณหลินครับ นี่เป็นสำเน
“ต้องขอโทษด้วย ผมไม่ชอบนอนบนเตียงของคนอื่น เตียงที่บ้านผมทั้งใหญ่และสบาย ผมจะรอคุณมาสู้ด้วยแล้วกัน ถูกแล้ว ที่ตั้งของบ้านผมคุณน่าจะรู้ใช่ไหม?”หลินหยางย่อมไม่มีทางวิ่งไปที่ฐานที่มั่นใหญ่ของแม่ม่ายดำอย่างโง่เขลาแน่นอนอีกอย่าง ตนเองเป็นถึงปรมาจารย์ เวลาที่ควรวางมาดก็ต้องแสดงออกมา ไม่อาจทิ้งมาดได้“เกรงว่านายคงไม่มาไม่ได้แล้วล่ะ นอกจากนายจะไม่สนใจชีวิตผู้หญิงของนาย กับคนทั้งบ้านของเธอ” แม่ม่ายดำพูดอย่างได้ใจเมื่อหลินหยางได้ยินอย่างนั้น หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันทันที ในดวงตามีประกายเยียบเย็นวูบไหว“คุณจับใครไป?”ที่หลินหยางคิดถึงอันดับแรกคือพวกเสิ่นโย่วเวยทั้งครอบครัว“หืม ฟังจากน้ำเสียง ดูท่าผู้หญิงของนายคงไม่ได้มีแค่คนเดียว อย่างนั้นนายไม่สู้ลองเดาดูว่า ที่ฉันจับมาเป็นใครกัน?”แม่ม่ายดำส่งเสียงหัวเราะอย่างลำพองออกมา“เดาบ้านเธอสิ! แม่ม่ายดำ ฉันของเตือนเธอ อย่าได้ยั่วโมโหฉัน หากเธอกล้าทำร้ายคนของฉันแม้แต่ปลายผม ฉันรับรองว่าเธอจะต้องตายอย่างอนาถแน่”หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น“ขู่ฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ ตัวฉันแม่ม่ายดำคนนี้ ไม่ใช่พวกขี้ขลาดตาขาว! ฉันจะรอนายอยู่ที่ไนต์คลับหมิ
หลินหยี่โม่เห็นคนในครอบครัวถูกทำร้าย ถึงแม้ว่าจะสงสารจนร้อนใจ แต่ก็ไม่มีหนทางอื่นใด อย่างไรก็ตามคนตรงหน้าก็คือแม่ม่ายดำ!ชื่อของคน เงาของต้นไม้ ถนนหนทางของเมืองลั่ว แม่ม่ายดำชื่อเสียงเลื่องลือ“ฉันขอร้องคุณอย่าทำร้ายพวกเขาเลย พวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหลินหยางแม้แต่นิดเดียวจริง ๆ”หลินหยี่โม่กล่าววิงวอนด้วยน้ำตาอาบแก้ม“ฟังจากคำพูดของแก พวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับหลินหยาง แกกับเขามีความสัมพันธ์ ใช่ไหม?”แม่ม่ายดำไขว่ห้าง จุดบุหรี่ขึ้นมวนหนึ่ง นั่งลงบนโซฟา มีบุคลิกความเป็นเผด็จการของราชินี“ฉะ...ฉันกับเขามีความสัมพันธ์กันจริง ๆ คุณจับฉันก็พอ ปล่อยคนในครอบครัวของฉันเถอะนะ”หลินหยี่โม่กล่าว“ถ้าอย่างนั้นดูท่าคงจะจับไม่ผิดตัว ในเมื่อเธอเป็นผู้หญิงของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นคนในครอบครัวของเธอย่อมหนีไม่พ้น” แม่ม่ายดำกล่าวพร้อมยิ้มอย่างเยาะหยัน“ยัยเด็กรั้น พ่อบอกลูกตั้งแต่แรกแล้วว่า หลินหยางทำตัวเป็นปรปักษ์กับประธานเฉิงเป็นเรื่องที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง รนหาที่ตาย ให้ลูกอยู่ห่าง ๆเขา ทำไมลูกถึงไม่ยอมเชื่อ ลูกอยากจะทำให้พวกเราตายใช่ไหม?”หลินหย่วนจื้อต่อว่าด้วยความโมโหเมื่อเผชิญหน้ากับคำต
ชายร่างกำยำหัวล้านกล่าวขอบคุณหลายครั้ง จากนั้นเดินเข้ามาหาซุนหงเสียถึงแม้ว่าหลินหย่วนจื้อจะกำหมัดแน่น ท่าทางโกรธจัด เกรี้ยวกราด แต่เขาไม่กล้าส่งเสียง ทำได้แค่เพียงกัดฟันอย่างอดทนอดกลั้นเขารู้ว่า ตนเองจะขอร้องหรือขัดขืนยังไงก็ไม่มีประโยชน์อะไรคนนี้คือแม่ม่ายดำ เธอไม่มีทางใจอ่อนแน่นอนในระหว่างที่ซุนหงเสียกำลังถูกลากตัวออกไป ทันใดนั้นก็มีความเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงที่ชั้นล่าง“รีบไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น!”แต่แม่ม่ายดำกลับยกมือขึ้นห้ามเอาไว้“ไม่ต้องไปหรอก น่าจะเป็นหลินหยางที่มาถึงแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะกล้ามาที่นี่จริง ๆ”แม่ม่ายดำดวงตาเปล่งประกาย ราวกับว่ามีพลังขึ้นมาทันทีหลินหยางไม่กล้ามาที่นี่ เธอกลับรู้สึกว่าน่าเบื่อ เธออยากให้หลินหยางมาที่ชั้นล่างในไนต์คลับชื่อดัง หลินหยางขับรถพุ่งเข้ามาในห้องโถงทันทีตอนนี้ยังเป็นตอนบ่ายอยู่ ไนต์คลับยังไม่เปิดหลินหยางเปิดประตูรถลงเดินลงมา เริ่มเปิดใช้พลังเนตรคู่มองทะลุถึงแก่นแท้ ตามหาที่อยู่ของหลินหยี่โม่แต่ว่า เนตรคู่ของเขาในตอนนี้เพิ่งจะเข้าสู่ระดับขั้นที่สองเท่านั้น ไม่สามารถมองทะลุถึงแก่นแท้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด มีข้อจำกัดของระยะ
เสียงเปิดประตูที่รุนแรงทำให้หลินหยี่โม่ที่หมดสติไปตกใจตื่นเมื่อหลินหยี่โม่เห็นหลินหยางปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ในใจก็มีทั้งความซาบซึ้งและปลื้มปีติ แล้วก็ความกังวล อย่างไรนี่ก็คือแม่ม่ายดำแม่ม่ายดำขยี้ก้นบุหรี่ ลุกขึ้นพร้อมกับปรบมือ“กล้าหาญดี แกกล้ามาจริง ๆด้วยทำให้ฉันประหลาดใจมากเลยทีเดียว ดูท่าจะใส่ใจผู้หญิงของแกมากเลยนี่”“หลินหยาง นายไม่ควรมา ที่นี่อันตรายเกินไป ขอโทษด้วย ฉันทำให้นายต้องพลอยเดือดร้อน” หลินหยี่โม่กล่าว“ในเมื่อเธอเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันก็มีหน้าที่ปกป้องเธอ วางใจเถอะ ฉันยังไม่สนใจพวกมันหรอก”เมื่อหลินหยางเห็นรอยนิ้วมือบนใบหน้าของหลินหยี่โม่ รวมทั้งหน้าตาที่เลือดกบปากของคนในครอบครัวเธอ ก็รู้ว่าถูกตบ ในใจของเขามีเพลิงโทสะโหมกระหน่ำอยู่ก่อนแล้ว“เฮอะ...พูดจาอวดดี ไม่ได้เจอคนหนุ่มที่อวดดีแบบแกนานมากแล้ว”แม่ม่ายดำกล่าวอย่างดูถูก“เป้าหมายของแกคือฉัน คนที่ฆ่าเว่ยต้ากังคือฉัน คนที่ทำให้จ้าวเหวยหมิงพิการก็คือฉัน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ปล่อยพวกเขาไป”หลินหยางกล่าวเสียงเย็นชา“ตลก! แกเห็นฉันแม่ม่ายดำเป็นตัวอะไร? ในเมื่อถูกฉันจับตัวมาแล้ว แกคิดว่าพวกเขายังจะมีชีวิตรอดออกไปจ
หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆ รางวัล?คงไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายร่างกายกำยำใช่ไหม?เหยียนฮ่าวสีหน้าซีดขาวทันที คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง “คุณหลิน ผมมีตาหามีแววไม่ คุณหลินได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”หลินหยางจ้องมองเขาอย่างหมดคำพูดแวบหนึ่ง “จ้าวเจี้ยนชิงอยู่กับตระกูลเฉิง สมคบคิดกับชาวตงอิ๋งค้ายาเสพติด แกไปตรวจสอบให้ละเอียด นี่เป็นผลงานความดีความชอบครั้งใหญ่ใช่ไหม?”“ค้ายาเสพติด? เขากล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”เหยียนฮ่าวเหลือเชื่อ“นายลองไปตรวจสอบคลังสินค้าเทียนหนาน ที่นั่นเป็นจุดที่พวกมันขนส่งสินค้า” หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆซ่งหว่านอวี๋เป็นคนบอกข่าวกรองนี้ด้วยตัวเอง โชคดีที่มหาปรมาจารย์หลินทำงานอย่างยากลำบากบนเตียงเหยียนฮ่าวดีใจเป็นล้นพ้นขึ้นมาทันที นี่ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เป็นความดีความชอบที่โคตรยิ่งใหญ่ประเทศหลงอ่อนไหวต่อยาเสพติดมากที่สุด และจ้าวเจี้ยนชิงเข้าร่วมด้วย ปริมาณของยาเสพติดนั่นจะต้องไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แน่นอน!“ขอบพระคุณคุณหลิน! ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”แม้แต่ความกังวลของเหยียนฮ่าวที่ถูกวางพิษกู่ ก็จางหายลงไปไม่น้อยรีบเรียกรวมคนแล้วออกไป กา
จ้าวเจี้ยนชิงตกตะลึงไปแล้ว “ราง รางวัลพลเมืองดีเด่น?”เฉิงคั่วร้อนใจ “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าคนตายคาที่ ทุกคนเห็นกันหมด! คุณทำ...”เสียงเพี้ยะดังขึ้นทีหนึ่ง!เหยียนฮ่าวสะบัดฝ่ามือเข้าไปที่บนใบหน้าของเขา เขากล่าวเสียงขรึม “เมื่อครู่นี้แกเห็นอะไร?”“ผม...”เฉิงคั่วสีหน้าซีดขาว ภายใต้สีหน้าที่เย็นยะเยือกของเหยียนฮ่าว กลับไม่กล้าพูดอะไรอีกเขาเป็นปรมาจารย์บ้านนอกคนหนึ่ง จะล่วงเกินเหยียนฮ่าวไม่ได้อย่างเด็ดขาด!“พวกแกเห็นอะไร?”เหยียนฮ่าวกวาดสายตามองคนอื่นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกล่าวขึ้นอีกครั้งทั้งหมดนิ่งเงียบ“คดีของวันนี้ง่ายมาก!” เหยียนฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หวังเทียนเหิงรัฐมนตรีกรมอัยการสูงสุด กลั่นแกล้งประชาชน บังคับใช้กฎหมายที่รุนแรง!”“คุณหลินป้องกันตัวตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการอพยพฉุกเฉิน!”“ผมพูดจบแล้ว มีใครเห็นด้วย มีใครคัดค้านไหม?”การอพยพฉุกเฉินสามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีเหตุผล!ทุกคนตะลึงงันแต่ว่าภายใต้สายตาของเหยียนฮ่าว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงเพราะบิดาของเหยียนฮ่าวยังเป็นอธิบดีกรมอัยการสูงสุด คำพูดของเขาก็คือกฎหม
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู