สายตาของโต้วจวิ้นย้ายไปมองหลินหยาง“ท่านนี้ก็คือเพื่อนสมัยเรียนของผม ชื่อหลินหยาง ประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดา”“งั้นเหรอ? มีประวัติความเป็นมาที่ยอดเยี่ยมยังไง ลองเล่ามาซิ” หวังเซิ่งหลานกล่าวถาม“เขาเคยเป็นประธานเล็กของซิงเย่า กรุ๊ป คุณชายใหญ่ตระกูลหลิน เป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในโรงเรียน แต่น่าเสียดาย เมื่อสองปีกว่าก่อน พ่อแม่ของเขาตายเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไอ้ลูกล้างผลาญคนนี้ไม่สามารถดูแลบริษัทได้ สุดท้ายกรรมสิทธิ์ของบริษัท ก็มอบให้ฉินโม่หนง”“เขาไม่เอาไหนเอง ทั้งเล่นพนันเสพยา ไม่มีอะไรดีสักอย่าง แต่ว่าวันนี้แต่งตัวแบบนี้ ค่อยดูสารรูปเหมือนคนขึ้นมาหน่อย”โต้วจวิ้นพูดจบ ก็หัวเราะเหยียดหยามออกมาเสียงดังโดยไม่ปิดบัง“ฉันยังคิดว่าจะมีประวัติความเป็นมาอะไรจริง ๆ เสียอีก ไม่ควรค่าที่จะเอ่ยเลยด้วยซ้ำ ซิงเย่า กรุ๊ปในวันนี้ ฉันไม่เห็นในสายตาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณชายใหญ่ตระกูลหลินที่ไร้ความสามารถ ไม่เหมาะที่จะถือรองเท้าให้ฉันเสียด้วยซ้ำ”หวังเซิ่งหลานจุดบุหรี่มวนหนึ่ง นั่งไขว่ห้างแล้วกล่าว“แต่ว่า ฉินโม่หนงของซิงเย่า กรุ๊ป ฉันกลับสนใจมาก ๆ ผู้หญิงคนนี้ สุดยอด ถ้าหากได้ขึ้นเตียงกับเ
“ฉันจะมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้ไหม ไม่เกี่ยวอะไรกับหมาขี้ประจบอย่างแกเลยสักนิด”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้มเวยเวยที่อยู่ด้านข้างดึงหลินหยางเบา ๆ ส่ายหน้าให้เขา บอกเป็นนัย ๆ ว่าเขาอย่าปากกล้าเจิ้งหนานซวี่เองก็รีบกล่าวเตือนเสียงเบา “พี่หยาง พอเถอะ ชาติชายไม่ยอมตกเป็นเบี้ยงล่าง จะทำยังไงกับโต้วจวิ้นก็ได้ แต่หวังเซิ่งหลานเป็นลูกชายของรองประธานสมาคมหวาง แล้วยังอยู่ในถิ่นของสถานบันเทิงเฟิ่งหวงอีก พวกเราเอาชนะไม่ได้หรอก พี่อดกลั้นเอาไว้หน่อยเถอะนะ”“ไม่เป็นไร ก็แค่หมาบ้าที่แส่หาเรื่องไม่กี่ตัวเท่านั้น ขาดการอบรมสั่งสอน ไม่มีอะไรน่ากลัว”บรรดาเด็กดริ้งที่อยู่ในห้องส่วนตัว พากันแสดงสีหน้าเหยียดยาม คิดว่าหลินหยางคงจะเบื่อชีวิตแล้วจริง ๆหวังเซิ่งหลานพูดกับแม่เล้าของห้องส่วนตัวนี้ “เธอไปเรียกคนมาที่นี่ อย่าให้มันเดินตัวตรงออกจากสถานบันเทิงเฟิ่งหวง”แม่เล้ารีบเดินออกไปจากห้องส่วนตัวเพื่อเรียกการ์ดของที่นี่ ซินซินที่ดื่มเป็นเพื่อนหลินหยางในตอนแรก ส่ายหน้าไปมา ใช้สายตาเวทนามองหลินหยางแวบหนึ่ง“นายนี่มันรนหาที่ตายจริง ๆ ไม่มีใครช่วยแกได้หรอกนะ”“เธอช่วยฉันซิ เธอเป็นดาวเด่นของที่นี่ไม่ใช่เหรอไ
เจิ้งหนานซวี่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของโต้วจวิ้น ก็รู้สึกลำบากใจทันที แล้วก็เข้าใจเจตนาชั่วร้ายของโต้วจวิ้นทันทีเมื่อโต้วจวิ้นเห็นเจิ้งหนานซวี่อึก ๆ อัก ๆ กล่าวด้วยสีหน้าดุร้าย “ลงมือไม่ลง? เจิ้งหนานซวี่ นายคิดดูดี ๆล่ะ แสดงความจงรักภักดีต่อฉันและคุณชายหวัง สามารถนำผลประโยชน์ยิ่งใหญ่มาให้นายได้”“แต่ถ้าหากนายไม่ลงมือ เช่นนั้นก็เป็นศัตรูกับพวกเรา นายไม่เพียงไม่ได้โปรเจคอะไรแล้ว ยังถูกแบนอีกด้วย บริษัทเล็ก ๆ นั้นของนาย ผ่านไปไม่กี่วันก็ล้มละลาย อีกทั้งวันนี้ก็คงยากที่นายจะได้รอดออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย”“ลองชั่งน้ำหนักดู ขอเพียงแค่ไม่ใช่คนโง่ ก็คงเข้าใจใช่ไหม?”โต้วจวิ้นกล่าวอย่างก้าวร้าวเจิ้งหนานซวี่จะไม่รู้ข้อดีข้อเสียในเรื่องนี้ได้อย่างไร?ตัวเลือกทั้งสองข้อไม่เหมือนกัน ข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โต้วจวิ้นเองก็เชื่อว่า เจิ้งหนานซวี่จะต้องเลือกพึ่งพาอาศัยพวกเขาแน่นอนว่า สำหรับโต้วจวิ้นแล้วก็เป็นเพียงแค่เกมแมวไล่จับหนูเท่านั้น เป็นการหยอกล้อเจิ้งหนานซวี่กับหลินหยางแม้ว่าเจิ้งหนานซวี่จะเลือกพึ่งพาอาศัย ก็ไม่มีทางได้รับผลประโยชน์อะไร“เจิ้งหนานซวี่ แกเป็นคนฉลาด คนที่ฉล
เจิ้งหนานซวี่กำไม้เบสบอลแน่น กล่าว “พี่หาโอกาสหนีไอก่อน ผมจะต้านเอาไว้เอง”เวยเวยหลับอยู่ด้านหลังของหลินหยาง รู้สึกตกใจกลัวกับสถานการณ์แบบนี้บอดี้การ์ดฟาดไม้มาหาเจิ้งหนานซวี่ถึงแม้ว่าเจิ้งหนานซวี่จะเข้าฟิตเนสเป็นบางครั้ง เคยเรียนกระบวนท่าป้องกันตัวสองสามท่า แต่เมื่อเทียบกับบอดี้การ์ดของสถานบันเทิงเฟิ่งหวงพวกนี้ ฝีมือยังห่างชั้นกันอีกไกลตัวต่อตัวเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบอดี้การ์ดเจ็ดแปดคนตรงนี้หลินหยางเห็นดังนั้น ก็ลากตัวเจิ้งหนานซวี่กลับมาทันที แล้วทีมบอดี้การ์ดคนหนึ่งก็กระเด็น กระแทกเข้ากับกำแพง“ลงมือพร้อมกัน ๆ!” โต้วจวิ้นตะโกนเสียงดังบอดี้การ์ดอีกสองสามคนเข้ามาพร้อมกันทันที หลินหยางใช้มือเปล่า ร่างกายเคลื่อนไหวราวกับมังกรแหวกว่าย บอดี้การ์ดพวกนี้แตะต้องเขาไม่ได้แม้แต่ชายเสื้อ จึงถูกหลินหยางจัดการล้มไปทีละคน อีกทั้งข้อต่อยังถูกหลินหยางบีบจนแตกเกือบทุกคน นอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้นตั้งแต่ต้นจนจบ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที บอดี้การ์ดแปดคนได้รับบาดเจ็บทั้งหมดหวังเซิ่งหลาน โต้วจวิ้นสีหน้าอึมครึม ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง มาม่าซังกับพวกเด็กนั่งดริ้งก็อ้าปากค้างตกตะลึงเช่นกั
ถึงแม้ว่ามือของเฉินเจ๋อจะถือขวดเหล้า แต่ไม่ก่อให้เกิดความคุกคามใด ๆ ต่อหลินหยาง ก็ถูกตบหน้าแรง ๆ ฉาดหนึ่งเช่นกัน จนลอยกระเด็น ใบหน้าบวมขึ้นมาทันทีพวกเด็กนั่งดริ้งก็ตกใจเช่นกัน แต่ละคนหน้าถอดสี กลัวว่าตัวเองจะถูกตบหน้าไปด้วยมาม่าซังได้โทรศัพท์แจ้งพี่เป้าแล้ว กล่าวอย่างเด็ดขาด “แกอย่าเข้ามานะ สถานบันเทิงเฟิ่งหวงไม่ใช่ที่ที่แกจะทำตามอำเภอใจได้ พี่เป้ากำลังจะมาถึงแล้ว!”“ฉันกำลังรอเขาอยู่”หลินหยางถือโอกาสนั่งลงไปเสียเลยหวังเซิ่งหลานกุมหน้าที่ร้อนผ่าว ดวงตาทั้งสองข้างแทบจะพ่นไฟออกมาแต่ก่อนหน้าที่พี่เป้ายังไม่มา หวังเซิ่งหลานไม่กล้าพูดจายั่วยุหลินหยางอีก เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนตบโต้วจวิ้นกับเฉินเจ๋อเองก็กุมใบหน้าที่ปวดบวมแดงเอาไว้เช่นกัน ยืนอยู่ข้างกายของหวังเซิ่งหลาน‘หลินหยาง แกกล้าหาญมากนะ กล้าทำร้ายแม้กระทั่งคุณชายหวัง ฉันอยากจะเห็นนักว่า วันนี้แกจะรอดตัวไปได้ยังไง!’โต้วจวิ้นแอบด่าในใจในไม่ช้า พี่เป้าก็พาคนผลักประตูเข้ามา เมื่อเห็นสถานการณ์ในห้องส่วนตัวลูกน้องพวกนี้เขาเป็นคนฝึกฝนมาเองกับมือ ความสามารถในการต่อสู้ไม่ธรรมดา มีสองคนที่บรรลุถึงระดับสองแล้ว“พวกสวะ ยังไม่รีบ
หวังเซิ่งหลานกับโต้วจวิ้นที่อวดดีเมื่อครู่นี้ในที่สุดก็ได้สติกลับคืนมา สีหน้าดูแย่มาก เหมือนกับญาติเสียพวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า พี่เป้าจะถูกหลินหยางโจมตีพ่ายแพ้ด้วยกระบวนท่าเดียว“พวกแก ยังมียอดฝีมือคนอื่นอีกไหม?หลินหยางกล่าวถามทุกคนไม่มีใครกล้าส่งเสียงอีก ในที่สุดตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่าได้เจอกับยอดฝีมือที่แท้จริงเข้าแล้วพี่เป้าแขนหักข้างหนึ่ง ลุกขึ้นมาจากพื้น กล่าวด้วยสีหน้าซีดขาว “คิดไม่ถึงว่านายมีความสามารถแต่กลับไม่แสดงออกมาให้เห็น เป็นฉันที่ตาไม่มีแวว นายสามารถออกไปจากสถานบันเทิงเฟิ่งหวงทุกเมื่อ”“ไม่รีบ ยังจัดการธุระไม่เสร็จ”หลินหยางกล่าว“ทำไม? หรือว่านายจะฆ่าให้หมด? เถ้าแก่ของฉันคือเว่ยต้ากัง เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในเมืองลั่วเช่นกัน นายอย่าคิดว่ามีฝีมือ ก็สามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ”พี่เป้ากล่าวเสียงขรึม“เว่ยต้ากัง? ตอนนี้เขาน่าจะกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลละมั้ง”หลินหยางเบะปากกล่าว“นายรู้ได้ยังไง?” พี่เป้ากล่าวอย่างประหลาดใจ“เพราะว่า คนที่กระทืบเว่ยต้ากังจนได้รับบาดเจ็บ ก็คือฉัน”ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ของหลินหยางหลุดออกไป ทุกคนก็หน้าถอดสีอีกครั้งเ
โต้วจวิ้นหวาดกลัว กล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “หลินหยาง ฉันผิดไปแล้ว นายเห็นแก่ความมิตรภาพของเพื่อนร่วมชั้นเรียน ไว้ชีวิตฉันเถอะ”“แกไม่สมควรที่จะเอ่ยคำว่ามิตรภาพร่วมชั้นเรียนกับฉัน”หลินหยางกล่าวเสียงเย็นชา“ใช่ ๆ ๆ ฉันไม่ควร นายไว้ชีวิตฉัน ต่อไปฉันไม่กล้าที่จะไม่เคารพนายอีก”โต้วจวิ้นแสร้งตบหน้าอีกข้างของตนเองสองที เพื่อเอาประจบเอาใจ“ตบเบาขนาดนี้ ดูท่าแกน่าจะอยากถูกหามออกไป” หลินหยางกล่าวโต้วจวิ้นกระตุกมุมปากสองที ทำได้แค่เพียงยกมือขึ้นแล้วออกแรงตบหน้าของตัวเองฉาดหนึ่ง“ยังไม่พอ!”โต้วจวิ้นกัดฟันทันที แล้วก็ตบหน้าของตัวเองอีกฉาดหนึ่ง รู้สึกแสบร้อนไปทั้งใบหน้า เด็กนั่งดริ้งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พวกนั้นกระตุกกล้ามเนื้อใบหน้าตาม ราวกับรู้สึกเจ็บแทนโต้วจวิ้น“ไม่มีความจริงใจ คุกเข่าลงแล้วตบ ตบไปเรื่อย ๆ”หลินหยางไม่มีทางใจอ่อนกับคนอย่างโต้วจวิ้นแม้แต่น้อยโต้วจวิ้นคุกเข่าลงไปดังโครม ตบหน้าตัวเองดังเพี้ยะ ๆ จนเลือดไหลออกจากมุมปากหลินหยางหันไปมองหวังเซิ่งหลาน “คุณชายหวัง ทำไมคุณยังเฉยอยู่อีก?”หวังเซิ่งหลานอาศัยอำนาจของตนเอง จะยอมตบหน้าของตัวเองได้ยังไง“หลินหยาง พ่อของฉันคือหวัง
เด็กนั่งดริ้งพวกนี้แต่ละคนจ้องมองทั้งสามคนเลียพื้นรองเท้าอย่างอ้าปากค้างตกตะลึง รู้สึกว่าราวกับกำลังฝันโดยเฉพาะพี่เป้า เขาเป็นคนมีมาดเกรงขามที่สุดในสถานบันเทิงเฟิ่งหวง ทุกคนหวาดกลัวเขามาก แต่บัดนี้กลับได้เห็นพี่เป้าเลียพื้นรองเท้าของพวกเธออยู่ บรรยายความรู้สึกภายในใจไม่ออก“ฝากแกไปบอกเว่ยต้ากัง อยากจะมาแก้แค้นก็มาหาฉันตรง ๆ ฉันพร้อมเสมอ ฉันอยู่ที่หมู่บ้านตี้เหาอาคารสิบแปด”หลินหยางพูดจบ ก็ไม่มีกะจิตกะใจดูพวกเขาเลียพื้นรองเท้าต่อ เป็นภาพเหตุการณ์ที่รุนแรงไปหน่อยจริง ๆหลินหยางจับมือของเวยเวยขึ้นมา กล่าวกับพี่เป้าต่อ “เด็กคนนี้ ฉันชอบเธอ ต่อไปเธอก็จะไม่มาทำงานที่นี่อีก”หลินหยางลากเวยเวย เรียกเจิ้งหนานซวี่ เดินออกไปจากห้องส่วนตัวบรรดาเด็กนั่งดริ้งถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ตนรอดหายนะครั้งนี้มาได้หวังเซิ่งหลานรีบโยนรองเท้าในมือทิ้ง ใบหน้าดุร้ายจนบิดเบี้ยว“หลินหยาง!! ไม่ฆ่าแก ฉันจะหั่นแกไปชิ้น ๆ แล้วเอาไปให้หมากิน ฉันหวังเซิ่งหลานไม่ขอเป็นคน!”หวังเซิ่งหลานกัดฟันกรอดด้วยความโมโห สายตาเกรี้ยวกราด“อวดดีฉิบหายเลย! “จะปล่อยมันไปไม่ได้”อย่างเด็ดขาด!”โต้วจวิ้นที่อยู่ด้านข้างคำร
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต
หรือไม่ก็โทรศัพท์ไปหยอกหลูอ้าวตงอีกสักที?ไม่มีอะไรทำก็ไปยั่วโมโหหลูอ้าวตงสักหน่อย ได้กลายเป็นความเคยชินของหลินหยางไปแล้วแต่ทว่าทันทีที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กลับมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาเบอร์โทรศัพท์นั่นคือ...ฉินเจิ้งคุน?หลินหยางมีความประหลาดใจเล็กน้อย จะว่าไป ฉินเจิ้งคุนควรจะส่งคนมาไล่ฆ่าตนถึงจะถูกอย่างไรเสียสิ่งของที่ไม่ได้มาครอบครองก็ต้องทำลายทิ้ง ถึงจะเหมาะสมกับสไตล์ของตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาผลปรากฏว่าการตามล่าของตระกูลฉินที่รอคอยมาไม่ถึงสักที...เขารับสายแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณตายไปแล้วเสียอีกนะ...”“ไอ้บ้า!”ทันทีที่ฉินเจิ้งคุนต่อสายติดก็ได้ยินประโยคนี้ โมโหจนสะอึกทันที “คนที่ใกล้ตายอย่างแกยังจะกล้าพูดจาเหลวไหล! ตอนนี้แกได้ถูกหลูอ้าวตงตามฆ่าเหมือนกับหนูท่อที่น่ารังเกียจแล้วละมั้ง!”“ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว...”หลินหยางเหลือบตามองลูกน้องที่เพิ่งรับเอาไว้เมื่อสักครู่นี้แวบหนึ่ง หลูอ้าวตงทั้งส่งสมุนไพรทั้งส่งผู้หญิงมาให้ โดนตนจัดการจนรู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมาอยู่หน่อย ๆ เสียแล้วแต่ทว่าฉินเจิ้งคุนกลับไม่เชื่อ กล่าวเสียงเย้ยหยัน “เลิกพูดจาไร้สาระ ต
เขาหยิบยาพิษสี่เม็ดออกมาจากในกระเป๋าเฉียนคุน โยนให้พวกเขา“ยาพิษนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่ถอนได้ ถ้าหากพวกแกกล้าทรยศ จะต้องตายอย่างน่าเวทนามากแน่อย่างแน่นอน”ปรมาจารย์ทั้งสี่เข้าใจว่าหลินหยางไม่เชื่อใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ยาพิษนี้ไม่กินก็ต้องกิน จากนั้นก็กลืนยาพิษลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเมื่อทั้งสี่คนกลืนยาพิษลงไปแล้ว หลินหยางถึงได้ไปช่วยรักษาม๋อจื่อภายใต้การจับตามองอย่างประหม่าของหลี่หรูเยว่หลินหยางใช้เข็มวาสนาฝืนลิขิต ม๋อจื่อค่อนข้างไม่ธรรมดา รากฐานกระดูกแข็งแรงมากมาตั้งแต่กำเนิด มุมมองของหลินหยาง เหมาะที่จะเดินเส้นทางเทพวรยุทธ์มากแต่น่าเสียดายที่ถังฮ่าวหรานความคิดตื้นเขิน ใช้วิชาแปลงอสูรสวรรค์ฝึกฝนเขาจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ม๋อจื่อก็ฟื้นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ท่าทางดุร้าย“ม๋อเอ๋อร์ฟื้นแล้ว!”หลี่หรูเยว่ดีใจเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาทันที หันหน้าไปมองหลินหยางพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบพระคุณนายท่าน!”ก่อนหน้านี้ม๋อจื่อดูเหมือนคนกำลังใกล้ตาย เวลาแค่เพียงครู่เดียวหลินหยางก็รักษาเขาจนหายดีแล้วนับว่าเธอนับถือฝีมือการรักษาของหลินหยางอย่างถ