ขณะที่หันหลังกลับมา ใบหน้าสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลิวจื่อช่าง จากนั้นหลิวจื่อช่างเห็นว่ารอบๆ ศิษย์พี่มีเตาปรุงยาหลายใบที่แตกกระจัดกระจายอยู่แน่นอนว่าการเล่นแร่แปรธาตุของศิษย์พี่ล้มเหลวอีกครั้งรู้สึกอายที่ต้องให้หลิวจื่อช่างเห็นภาพของความล้มเหลว ศิษย์พี่ใหญ่ค่อยๆ ถามออกมาว่า "ศิษย์น้องหลิว ทำไมนายถึงมาที่นี่แทนที่จะฝึกวรยุทธในศาลาของตัวเองล่ะ?"หลิวจื่อช่างรีบเบี่ยงเบนสายตาอย่างรวดเร็วและตอบ: "ศิษย์พี่ ฉันมาเพื่อบอกแจ้งข่าวให้คุณโดยเฉพาะ"“ว่ามา”“ผู้เฒ่าเหยาพานักเล่นแร่แปรธาตุกลับมาจากข้างนอกนั่น”“อะไรนะ ล้อเล่นไหม?”“จริงแน่นอน ฉันเห็นคนๆ นั้นมากับตาตัวเองเลย ตอนนี้คนนั่นยังอยู่กับลูกศิษย์ไร้ประโยชน์ของผู้เฒ่าเหยา”เมื่อได้ยินการยืนยัน ท่าทางของเฟยไป๋ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แค่ยิ้มตอบ: "เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูล ศิษย์น้อง"“อืม ศิษย์พี่ งั้นคุณทำธุระของคุณต่อเถอะ”หลังจากที่หลิวจื่อช่างออกจากถ้ำและเดินออกไปไกลแล้ว สีหน้าของเฟยไป๋ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด และมองดูเตาหลอมที่แตกกระจายบนพื้น ความโกรธก็พลุ่งพล่านและเตะเตาปรุงยากระเด็นลอยออกไป“ฮึ่ม ผู้เฒ่าเหยา
“นายไม่รู้จริงๆเหรอว่ากำลังพูดกับใครอยู่?” เฟยไป๋ถามด้วยความโกรธ และปล่อยรัศมีระดับมหากาฬกดดันใส่ฉู่เฉินฉู่เฉินสัมผัสได้เล็กน้อย นี่เป็นเพียงขั้นสามของระดับมหากาฬ รัศมีพุ่งไปใส่ใบหน้านั้น ถูกฉู่เฉินเพิกเฉยใส่และเผยแววตาเย็นชา “ฉันรู้ คุณบอกว่าคุณชื่อเฟยไป๋ใช่ไหม ยังมีธุระอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีก็ออกไป ฉันจะไปฝึกต่อ”เฟยไป๋รู้สึกโมโหกับคำพูดของฉู่เฉิน แต่ไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร ความโกรธของเขานั้นเกือบจะทำให้กระอักเลือดออกมา แต่เขาก็ไม่ได้สูญเสียความนิ่งสงบไป หากรัศมีไม่มีผล ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว: วรยุทธของคนคนนี้สูงกว่าของตัวเขาเองเฟยไป๋รู้สึกหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะหลายปีที่ผ่านมา เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับการฝึกฝนการเล่นแร่แปรธาตุ วรยุทธของเขาคงไม่อ่อนแอขนาดนี้เมื่อรู้ว่ามีแต่จะทำให้ตัวเองอับอายมากยิ่งขึ้นไปอีก หากอยู่ต่อไปเฟยไป๋ก็จากไปด้วยสีหน้าที่มืดมนในเมื่อเตือนแกแล้วไม่ฟัง ก็อย่าตำหนิฉันที่ไม่เมตตาแกจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันที่แกเข้าร่วมการแข่งขันปรุงยา……ขณะที่ฉู่เฉินกำลังจะปิดหน้าต่าง ก็สังเกตเห็นร่างของเด็กที่อยู่ด้านหลังเฟยไป๋อยู่ไม่ไกล!ก่อนหน้านี้ทั้งฉู่
บริเวณนี้ถูกคลายผนึกตั้งแต่เมื่อไหร่?ฉู่เฉินตระหนักได้ว่าตัวเองที่เป็นเจ้าเหนือหัวเมืองลับแลมังกรที่ล้มเหลว ตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในเมืองลับแลมังกร แต่ฉู่เฉินกลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยด้วยความคิด ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นในบริเวณนั้นที่นี่เป็นผืนน้ำที่เหมือนกระจกใส มีหมอกหนาทึบฉู่เฉินตะโกนเสียงดัง“ผู้อาวุโส ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ ออกมาเถอะ ผมชื่อฉู่เฉิน และตอนนี้ผมเป็นเจ้าเหนือหัวของเมืองลับแลมังกร!”บางทีการแนะนำตัวเองของฉู่เฉินอาจได้ผล เกิดแสงและเงามารวมตัวกันตรงหน้าเขา และค่อยๆ กลายร่างเป็นชายสูงอายุที่หลังงอและเอวห้อยน้ำเต้า“เจ้าหนู มีระดับวรยุทธกระจอกอย่างนี้ ยังกล้าเสนอหน้ามาเรียกฉันอีก ไม่กลัวว่าฉันจะฆ่าแกด้วยการสะบัดมือเหรอ?” ชายชราจ้องมาที่ฉู่เฉินครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา“ผู้อาวุโส ถ้าท่านต้องการฆ่าผมจริงๆ ท่านคงไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าผมเช่นนี้หรอก” ฉู่เฉินยิ้ม“ฮึ่ม เจ้าหนู ถ้ายังฉลาดอยู่บ้าง ก็ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นฉันจะฆ่าแกจริงๆ” ผู้อาวุโสพูดอย่างเย็นชา และไม่ละสายตาไปจากฉู่เฉิน“ผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการปล่อยท่านออกไป แต่ระดับวรยุทธของผมต่ำเกินไ
“คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเซียนวรยุทธ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผมพ่ายแพ้ในทันที และมองไม่เห็นเขาลงมือเลยด้วยซ้ำ”“ฮึ่ม ด้วยพลังในปัจจุบันของนาย ถ้าฉันต้องการฆ่านายจริงๆ แล้วจุดจบก็เหมือนกัน นายคิดว่าเพราะฉันลดระดับวรยุทธเพื่อมาเป็นคู่ต่อสู้ให้ เลยคิดว่าสามารถเทียบกระดูกกับฉันได้?” จวินหวู่หมิงเยาะเย้ย"ก็ใช่" ฉู่เฉินลูบหัวอย่างเขินอายและพูดต่อ “แต่ในเมื่อเป็นเซียนวรยุทธ ทำไมเขาถึงเพิ่งมาคลายผนึกเอาในเวลานี้ด้วย?”จวินหวู่หมิงครุ่นคิดอยู่ก่อน ที่จะตอบ: “นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับเซียนวรยุทธ นายเพิ่งเจอไปเมื่อกี้ก็ได้ บางทีการปรากฏตัวของเซียนวรยุทธคนอื่นนั้น ไปกระตุ้นมันเข้า”คำอธิบายนั้นดูสมเหตุสมผลฉู่เฉินกำลังคิดเช่นนั้น จู่ๆ น้ำเสียงของจวินหวู่หมิงก็เปลี่ยนไป"อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวลืออีกว่าเซียนวรยุทธ เหยาหลิงเฉินมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับนิกายแพทย์ซวนเทียน"“คุณหมายถึงว่าที่คลายผนึกพลังนั่น อาจเพราะเขาสัมผัสได้ถึงตัวตนที่คุ้นเคย?” ฉู่เฉินถาม“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น”“ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ คงจะได้รู้กันเร็วๆ นี้”ฉู่เฉินพูดจบ ร่างก็วิบวับ จากนั้นก็ปราก
เหยาหลิงเฉินไม่สนใจฉู่เฉินอีกต่อไปฉู่เฉินเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก จึงนั่งขัดสมาธิเพื่อบำเพ็ญเพียรทันทีพลังจิตวิญญาณหนาแน่นกว่ามิติของจวินหวู่หมิงเล็กน้อยหลังจากผ่านไปหนึ่งคืน การบำเพ็ญเพียรของฉู่เฉินก็ดีขึ้นขณะที่กำลังจะออกจากเมืองลับแลมังกร เห็นผู้เฒ่าเหยามาที่ศาลาของเขาพร้อมกับฮวาหลางเยว่ฉู่เฉินจึงเดินออกจากศาลาเพื่อต้อนรับแต่ผู้เฒ่าเหยาดูเหมือนจะมีบางอย่างอยู่ในใจ เมื่อเขาเห็นฉู่เฉินก็แสดงสีหน้าละอายใจ“ฉู่เฉิน สิ่งที่ฉันสัญญากับคุณก่อนหน้านี้ ตอนนี้คุณอาจต้องต่อสู้เพื่อมันด้วยตัวเอง” “ผู้เฒ่าเหยา เกิดอะไรขึ้น?”“เมื่อวานนี้ ฉันได้เข้าไปพบกับผู้เฒ่านิกาย หลังจากหารือกันแล้ว ทางนิกายก็ตัดสินใจจัดการประลองปรุงยาในสามวันข้างหน้า และอนุญาตให้ลูกศิษย์และผู้เฒ่าทุกคนเข้าร่วมได้”ฉู่เฉินเข้าใจทันทีว่า ที่สองคนก่อนหน้านั้นมาปรากฏตัวเมื่อคืนนี้ เป็นเพราะเรื่องนี้เอง เขายิ้มแล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่ดีนะผู้เฒ่าเหยา ทำไมถึงดูหมดอะไรตายอยากแบบนั้น?”“ฉู่เฉิน แม้ว่าจะไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่นในนิกายแพทย์นับตั้งแต่นักเล่นแร่แปรธาตุคนสุดท้ายเสียชีวิตไป แต่ก็ก็ยังมีคนในนิกายที
ไม่นานนัก ก็มาถึงขอบเหวลึก“ไอ้หนู กระโดดลงไป!”เหยาหลิงเฉินเร่งเร้ามองลึกลงไปที่หุบเหวที่ไร้ก้นบึ้ง ฉู่เฉินแผ่จิตสัมผัสและค้นพบทันทีว่าอากาศบริเวณนี้ถูกจำกัดร่ายคาถาข้อห้ามไว้ เช่นข้อห้ามใช้พลังทะบานบิน ห้ามใช้ลมปราณที่แท้จริง สกัดกั้นจิตรับรู้และอื่นๆฉู่เฉินพูดอย่างหน้างุนงงว่า “ผู้อาวุโส ผมเป็นเพียงปรมาจารย์ระดับมหากาฬตัวเล็กๆ ถ้าผมกระโดดลงไป แม้ว่าผมจะไม่ตาย ก็เลี้ยงไม่โตแน่”“นายจะกลัวอะไร? สมัยนั้นฉันเป็นคนร่ายคาถาข้อจำกัดเหล่านี้ไว้เอง เพื่อเอาไว้ทำให้คนอย่างนายหวาดกลัว อันที่จริงถ้านายกล้ากระโดดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แค่กระโดดลงไปเถอะ นายคิดว่าตาแก่คนนี้จะทำร้ายนายงั้นเรอะ?" เสียงโกรธของเหยาหลิงเฉินดังก้องอยู่ในใจของฉู่เฉิน“ผู้อาวุโส ท่านไม่ได้หลอกผมใช่ไหม? ก่อนหน้านี้ ท่านก็ฆ่าผมตั้งหลายครั้ง” ฉู่เฉินนึกถึงภาพที่ถูกเหยาหลิงเฉินทุบตีตอนนั้นเองก็นึกได้ว่า ชายชราคนนี้คิดว่ายังไงก็ฆ่าเขาไม่ตายในเมืองลับแล ดังนั้นจึงทำแผนล่อให้เขากระโดดลงแทนหรอกมั้ง“ไอ้โง่เอย! แกกล้าดียังไงมาสงสัยคนอย่างข้า! แค่ความกล้าแค่นิดเดียวก็ไม่มี แกคิดว่าแกสมควรได้รับการยอมรับจากเมืองลับแลมังก
“สมุนไพรอมตะ!”เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉู่เฉินแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองในโลกนี้ยังมีสมุนไพรอมตะอยู่เหรอ?ขณะที่กำลังสงสัย แสงสีเขียวก็มาบรรจบกันและรวมกันของร่างของชายชราต่อหน้าฉู่เฉิน และสิ่งนี้เหมือนกับสิ่งที่เขาเห็นในเมืองลับแลมังกร ฉู่เฉินรู้สึกสั่นสะท้านในใจตัวเขาอยู่ที่ไหน? หรืออาจจะเป็น...?เมื่อเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนคนนั้น ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะต่อต้าน แต่แม้ว่าจะต้องการต่อต้านแต่ใจกลับทำไม่ได้ เขามองไปที่ชายชราที่ค่อยๆ มาปรากฏตัวขึ้นอย่างระมัดระวังโชคดีที่คนคนนั้นเหมือนจะไม่มีเจตนาแฝง ซึ่งหมายความว่าเหยาหลิงเฉินไม่ได้หลอกลวงเขา“สหายน้อย อย่าเพิ่งตกใจไป ฉันสัมผัสได้ถึงตัวตนของสหายอีกคนที่พัดออกมามาจากร่างของคุณ คุณช่วยบอกฉันได้ไหมว่าใครส่งคุณมาที่นี่” ชายชราถามอย่างเป็นมิตรเมื่อมองดูชายชราตรงหน้า เขาไม่สามารถสัมผัสได้มีพลังงานใดๆ ราวกับว่าสิ่งที่กำลังมองอยู่นั้นเป็นภาพลวงตา แต่ฉู่เฉินก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นผลมากจากพลังวรยุทธของเขาในตอนนี้“ผู้อาวุโส ผู้นำนิกายแพทย์ที่ส่งผมมาที่นี่” ฉู่เฉินตอบอย่างตรงไปตรงมา“ผู้นำนิกาย? เจ้าคนนั้นหายตั
“เจ้าหนู นายโชคดีมาก ตอนนี้นายตกลงไปในหุบเหวและในขณะที่หมดสติไป ใต้เท้าของเซียนเถิงได้ประเมินจิตใจแบบที่ไม่รู้ตัว หากนายเป็นคนจิตใจชั่วร้าย นายคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่ได้ นั่นเป็นเพราะนายผ่านการทดสอบแล้ว จึงปรากฏตัวในเซียนเถิงได้ ซึ่งมันยากที่จะเชื่อว่าจริงๆ แล้วนายเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เช่นนี้” ใบหน้าของเหยาหลิงเฉินฉายแววอิจฉาและโล่งใจเล็กน้อย และก็ค่อยๆ อธิบายเหตุผล“นี่คือด้านในของเซียนเถิงที่คุณกำลังพูดถึงหรือเปล่า?” ฉู่เฉินมองไปรอบๆ อย่างสงสัย“ถูกต้อง นี่คือสถานที่ที่เฉพาะผู้ที่ได้รับการยอมรับจากใต้เท้าเซียนเถิงเท่านั้น ถึงจะสามารถมาที่นี่ได้ เจ้าหนู ควรใช้เวลาส่วนใหญ่ที่นี่เพื่อบำเบ็ญเพียร แล้วฉันจะอธิบายเพิ่มเติมตอนที่ออกไปแล้ว” เหยาหลิงเฉินเร่งฉู่เฉินฉู่เฉินก็หยุดพูดเรื่องไร้สาระและนั่งลงกับพื้น เพื่อทำสมาธิ และเข้าสู่การบำเพ็ญเพียรบางทีสิ่งที่เรียกว่าเซียนเถิงอาจยกเลิกข้อจำกัดของเขาแล้ว ในระหว่างบำเพ็ญเพียร วรยุทธของฉู่เฉินก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่กำลังบำเพ็ญเพียรพลังงานสีเขียวบริสุทธิ์ก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกอบอุ่นตั้งแต่หัวจรดเท้