เพี๊ยะ!เสียงดังไพเราะและยืดหยุ่นมากในขณะนี้ ฉีเชา หนิงชิงเสว่และพานอวี๋นที่อยู่ด้านข้าง ทั้งหมดก็ต่างตกตะลึงหนิงชิงเสว่เหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา และตั้งแต่คอไปจนถึงหูก็เป็นสีแดงปี๊ดไอ้บ้านี่อยู่... มาตีกลางที่สาธารณะ... ยังจะตีตรงนั้นอีก!อารมณ์ต่างๆ ตกใจ โกรธ ขายขี้หน้า และความไม่น่าเชื่อรวมกันอยู่ในดวงตาของเธอเธออดกลั้นความอยากที่จะหั่นฉู่เฉินออกเป็นชิ้นๆเอาไว้ แล้วฉีกยิ้มอันแข็งทื่อพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ ดังนั้นฉีเชาได้โปรดหยุดมายุ่งกับฉันได้แล้วนะคะ”จากนั้น เธอก็เอื้อมมือออกมาเงียบ ๆ หยิกไปบนแขนของฉู่เฉินอย่างแรงและบิด 360 องศาเธอใช้แรงทั้งหมดออกมา แต่ฉู่เฉินกลับมีสีหน้าปกติ เหมือนคนไม่เดือดไม่ร้อนอะไร“ไม่ ผมไม่เชื่อ!”ฉีเชาคำรามออกมาเสียงดัง ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า "ชิงเสว่ คุณบอกผมหน่อย ผมมีอะไรที่สู้ไอ้หนุ่มนี่ไม่ได้?"“เรื่องง่ายๆ ก็เพราะว่าผมทำเรื่องนั้นได้ดีไง” ฉู่เฉินพูดออกอย่างจริงจัง จากนั้นหันไปมองหนิงชิงเสว่ด้วยท่าทางขี้เล่น: “คุณบอกว่าชอบใช่มั้ย เสว่เอ๋อร์”คุณเป็นนายน้อยนะ!หนิงชิงเสว่แทบจะอยากจะกระอักเลือดเธออดไม่ได้ที่จะรู้
ฉีเชาคิดว่าเขาจะกลัว จึงยิ่งมั่นอกมั่นใจมากขึ้น: "ใช่ ตอนนี้มึงรู้ตัวแล้วว่าต้องกลัว? ตราบใดที่มึงคุกเข่าลงและคำนับสามครั้ง กูจะให้เล่นกับหนิงชิงเสว่ได้อีกสักสองสามวัน อย่างงั้นกูจะปล่อยมึงไป คิดว่าไงล่ะ?”“ไร้ยางอาย!”หนิงชิงเสว่โกรธมากจนตัวสั่น แม้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกไป แต่ในใจก็กลับรู้สึกอ่อนแออย่างมากตระกูลฉียังเป็นตระกูลที่ร่ำรวยในหนานเจียง และไม่ได้น้อยไปกว่าตระกูลหนิงเมื่อก่อนเลยน่าเสียดาย หลังจากที่คุณปู่หนิงฉางเจิ้งตกอยู่ในภาวะโคม่าเนื่องจากโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตระกูลหนิงก็เริ่มเสื่อมถอยลง และก็ถูกตระกูลฉีแซงหน้าไปนี่คือสาเหตุที่เธอไม่กล้าล้ำเส้นมากเกินไปเมื่อต้องเผชิญกับการคุกคามซ้ำแล้วซ้ำเล่าของฉีเชา“เพี๊ยะ!”ทันใดนั้น ฉู่เฉินก็ยกมือขึ้น และตบหน้าฉีเชาฉาบใหญ่แรงตบ ทำใบหน้าของฉีเชาครึ่งหนึ่งบวมเต่งออกมา และฟันหลายซี่ก็หลุดออกไปพร้อมเลือด"ไอ้เหี้ย มึง... มึง..." ฉีเชาปิดหน้า ในปากเต็มไปด้วยเลือดมองฉู่เฉิน ด้วยสีหน้าทั้งตกใจและโมโหเขาคาดไม่ถึงว่าแม้จะอ้างชื่อตระกูลฉีไปแล้ว ไอ้หนุ่มคนนี้ยังจะกล้าลงมือกับเขาเมื่อเห็นแววตาของฉู่เฉินที่เต็มไปด้วยการมีเจตนาฆ่า เข
เธออดไม่ได้ที่จะสิ้นหวัง“ประธานกรรม พวกเรารีบไปกันเถอะค่ะ” พานอวิ๋นรบเร้าหนิงชิงเสว่มองไปยังฉู่เฉิน ใบหน้าของเธอเต็มไปความไม่ยอมแพ้และจากนั้นก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น: "ไม่ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!"เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเธอ จะให้เธอทิ้งฉู่เฉินอย่างไม่รับผิดชอบได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้น ฉู่เฉินยังเป็นคู่หมั้นของเธออีกไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เสียงอึมครึมมากก็ดังมาจากที่ไกล ๆ "ใครกล้าแตะต้องตระกูลฉีของฉัน?"เสียงพูดจบลง ก็เห็นชายชราคนหนึ่งในชุดสไตล์ราชวงศ์ถัง พร้อมกับพาบอดี้การ์ดสิบกว่าคนเดินมาอย่างดุเดือดชายชรามีสีหน้าไม่แยแส และดวงตาของเขาเฉียบคมราวกับเหยี่ยว ทำให้คนโดยรอบที่ผ่านไปมาไม่กล้าแม้จะมองเขาเลยเขาคือฉีเฟยหยิง พ่อบ้านของตระกูลฉี!บอดี้การ์ดหลายสิบคนที่อยู่ข้างหลังเขานั้นมีแววตาเย็นชาและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า“ลุงหยิง ไอ้คนนี้แหละที่มันทำร้ายผม” ฉีเฉารีบชี้นิ้วไปที่ฉู่เฉิน ราวกับว่าเขาได้เจอกับผู้ช่วยชีวิตแล้ว"ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้ลูกหมา คนจากตระกูลฉีของฉันอยู่ที่นี่แล้ว มาดูกันว่ามึงจะตายยังไง"“ต้องบอกก่อนว่าแกไม่ใช่คนที่โง่ธรรมดาเลยนะ ให้โอกาสกูโทรหาคนอื่นมาช่วยเนี่ย”เข
“รับทราบครับ!”ทันใดนั้น บอดี้การ์ดสิบกว่าคนก็พร้อมกันกรูเข้าไป โดยไม่มีพิธีรีตองและล้อมฉู่เฉินเอาไว้เหมือนกลุ่มหมาล้อมไก่!ในสายตาของฉู่เฉินก็ไม่ยอมแพ้ และพร้อมจะลงมือทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นมา "ฉันสั่งให้หยุดทั้งหมด!"วินาทีต่อมาเห็นเพียงผู้หญิงในเครื่องแบบคนหนึ่ง มาพร้อมกับผู้ชายในเครื่องแบบเหมือนกัน 7-8 คนเดินตามมาผู้หญิงก้าวขายาวเรียวยาวเข้ามา และมีสีหน้าอันเย็นยะเยือก "พวกคุณกล้ามาก กลางวันแสกๆ ยังจะกล้ามายกพวกตีกัน?""พี่เย่" หนิงชิงเสว่มีสีหน้าที่ดีใจผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าให้เธอ และมองเข้าไปที่ฉู่เฉิน ความโกรธก็ได้หายไป "ฉันจําได้ว่าคุณชื่อฉู่เฉินใช่ไหมคะ? ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ทุกครั้งที่ฉันเจอคุณทีไรก็มีเรื่องตลอด?"“คราวที่แล้วโดนจับเพราะพกมีด ถูกฉันจับมาสั่งสอนตั้งนาน คราวนี้ดีกว่าอีก ยกพวกมาตีกัน อยากให้ฉันจับคุณอีกครั้งเพื่อให้คุณมีความสุขมากขึ้นไหมล่ะ?”ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น ตอนที่ฉู่เฉินมาถึงหนานเจียงครั้งแรก ตํารวจฮวาเย่จิงพาเขาไปที่สถานีตํารวจที่สถานีรถไฟเมื่อเผชิญกับคำถามของเธอ ฉู่เฉินก็กางมือออกและพูดอย่างไร้เดียงสา: "เจ
“ยิ่งไปกว่านั้น งานประมูลของตระกูลฉีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ฉันต้องพาคนไปเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในงาน เมื่อเรื่องทุกอย่างจบลง มันก็คงไม่สายเกินไปที่จะหาโอกาสฆ่าไอ้หนุ่มคนนั้น”ฉีเฟยหยิงมองเขาราวกับว่าเขาเป็นคนที่งี่เง่า หากไม่ถือว่าเขาเป็นบุตรชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลฉี เขาคงอยากจะตบเรียกสติไปนานแล้วเมื่อได้ยินดังนั้น ฉีเชาก็เปลี่ยนใจและยิ้มอย่างขมขื่น: "ได้ครับ เมื่อการประมูลจบลง ผมจะไปจัดการมันอีกครั้ง"“และนังนั่นหนิงชิงเสว่ ฉันอยากจะตรึงร่างเธอไว้ภายใต้ร่างกายของฉันและเล่นกับร่างกายเธอซักหน่อย”พอเขาพูดสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดูเหมือนว่าเขาแทบจะทนรอไม่ไหวฉีเฟยหยิงส่ายหัวอีกครั้งเมื่อได้ยินแบบนี้คนโง่ที่คิดแต่เรื่องไร้สาระตลอดทั้งวัน จะไม่มีวันบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้……โรงแรมจวินถิงเป็นหนึ่งในโรงแรมห้าดาวชั้นนำในหนานเจียง เนื่องจากเป็นของตระกูลฉี จึงได้ดึงดูดผู้มีอำนาจมากมายมาร่วมงานในวันนี้ ตระกูลฉีจะจัดประมูลจี้หยกที่โรงแรมจวินถิง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคนในเมืองเป็นเพราะว่าตระกูลฉีได้ปล่อยข่าวออกไป ว่าหยกชนิดนี้มีสรรพคุณวิเศษเป็นยาอายุว
ภายในห้องกล้องวงจรปิดชั้น 8 ของโรงแรมชายวัยกลางคนในชุดสูทจ้องมองกล้องวงจรปิดที่ฉู่เฉินกำลังรับประทานอาหารอยู่ และเขาหันไปหาฉีเชา แล้วพูดว่า "นี่ใช่คนที่ทำร้ายนายหรือเปล่า?"เขาคือฉีไคไท ลูกชายคนที่สามของตระกูลฉี และเป็นคนที่รับผิดชอบงานการประมูลในครั้งนี้อีกด้วย“ใช่เลยครับ คุณอาสาม!” ฉีเชากัดฟันและพูดด้วยความเกลียดชังอย่างเต็มเปี่ยม“ไอ้หนุ่มคนนี้กล้าหาญจริงๆ กล้าทำร้ายสมาชิกในตระกูลฉีของฉัน และยังมีหน้าเข้ามาที่อาณาเขตของตระกูลฉี เพื่อตั้งใจมากินมาดื่มอีกด้วย”ฉีไคไทกัดฟันและพูดด้วยความโกรธฉีเฟยหยิงที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาทันที: "นายท่านสามครับ ผมจะพาคนไปจัดการไอ้เด็กหนุ่มนั้นทันทีครับ!"“ไม่ต้อง!”ฉีไคไทส่ายหัวแล้วพูดว่า: "การประมูลนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ให้ความสนใจกับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่ใครก็ตามที่ทำตัวน่าสงสัยจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ""คุณอาสาม ใครๆ ก็รู้ว่าการประมูลครั้งนี้จัดขึ้นโดยตระกูลฉีของเรา จะมีใครกล้ามาปั่นป่วนได้หรอครับ?" ฉีเชาคิด“เจ้าบื้อ แกรู้อะไรบ้างไหมเนี่ย?” ฉีไคไทพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำดุเขาไป: "การประมูลครั้งนี้เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ตระกูลฉี ใช้ใน
ฉีไคไทพูดแนะนำอย่างไม่เร่งรีบ: "จี้หยกนี้ถูกค้นพบโดยตระกูลฉีของฉันอย่างบังเอิญ ในช่วงปีที่ถูกพบแรก ๆ มันถูกทำพิธีโดยท่านปรมาจารย์โจว ปรมาจารย์ด้านศาสตร์ลี้ลับจากฮ่องกง ซึ่งทำให้มีอิทฤทธิ์รักษาอายุยืนยาวขึ้น"“พ่อของฉันใส่ห้อยมานานกว่าสิบปีแล้ว และเขายังคงมีใบหน้าที่ดูเด็กและดูมีสุขภาพที่สมบูรณ์ดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทฤทธิ์ของมัน”เมื่อคำพูดของเขาหยุดลง สายตาของทุกคู่ก็ได้จ้องมองไปที่จี้หยกในมือของเขาเพียงครู่หนึ่งห้องโถงก็เต็มไปด้วยเสียงกระซิบมีทั้งความสงสัยและตกตะลึง เพิ่มเติมคือคำพูดอุทานและความมุ่งมั่นต้องการที่จะเอาชนะฉู่เฉินจ้องมองไปที่จี้หยกและบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเพราะจี้หยกนั้นเป็นจี้ที่ผู้อำนวยการเก็บไว้ให้เขาก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงจริง ๆ เขามั่นใจได้สําหรับปฏิกิริยาตอบรับของทุกคน ฉีไคไทพอใจเป็นอย่างยิ่ง พูดขึ้นต่อในทันที “ฮ่าฮ่า จี้หยกชิ้นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 50 ล้านบาท การประมูลครั้งต่อไป ในแต่ละครั้งราคาจะต้องไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท บัดนี้ การประมูลเริ่มขึ้นแล้ว!”ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงที่กระตือรือร้นดังมาจากด้านล่างเวที: " 55 ล้าน!"ทุกคนมองไปแล
เสียงเสนอราคาอย่างกะทันหันนี้ ทําให้บรรยากาศที่ร้อนแรงของสถานที่จัดงานนี้จู่ๆก็ได้เงียบลงในขณะนั้นแววตาของทุกคนก็ว่างเปล่า พวกเขาคิดว่ากำลังได้ยินผิดไปมีคนเสนอราคาหนึ่งสลึงเหรอ?ใครมันจะกล้าขนาดนั้น? กล้าสร้างเรื่องในการประมูลของตระกูลฉีได้อย่างไร!ทันใดนั้น ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนก็ติดตามต้นทางของเสียงหนิงชิงเสว่ก็เช่นกันสายตาของทุกคนเห็นเพียงชายสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์นั่งไขว่ห้างอยู่ไม่ไกล เขาถือถ้วยชา และเขย่าถ้วยชาเบา ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้รับรู้ถึงสายตาแปลก ๆ จากทุกคน“มาจากไหนถึงกล้ามาต่อกรกับตระกูลฉีของฉัน” ฉีเชาโกรธทันทีฉีไคไทหรี่ตาลง มองเขาด้วยใบหน้าที่มืดมนแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายท่านนั้น ที่เพิ่งพูดไปเมื้อกี้คุณกล้าจะพูดอีกครั้งหรือไม่?"แทนที่เขาจะโกรธ หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความดีใจอย่างไม่มีสิ้นสุด!เศษซากที่เหลือจากสถานเลี้ยงเด็กชิงซาน ในที่สุดแกก็ทนไม่ได้ที่จะปรากฏตัว!“ทำไม? น้อยไปเหรอ?”ภายใต้หน้ากากทองสัมฤทธิ์ ดวงตาของฉู่เฉินเผยแววเยาะเย้ยไม่รู้จบ: "เอาล่ะ ฉันจะเพิ่มอีกหนึ่งสลึง ไม่เพิ่มไปกว่านี้อีกแล้วนะ"ทุกคนช็อคไปอีกครั้งและอ้าปากค้างผู้ชายคนนี้เป็นใค
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่