“รับทราบครับ!”ทันใดนั้น บอดี้การ์ดสิบกว่าคนก็พร้อมกันกรูเข้าไป โดยไม่มีพิธีรีตองและล้อมฉู่เฉินเอาไว้เหมือนกลุ่มหมาล้อมไก่!ในสายตาของฉู่เฉินก็ไม่ยอมแพ้ และพร้อมจะลงมือทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นมา "ฉันสั่งให้หยุดทั้งหมด!"วินาทีต่อมาเห็นเพียงผู้หญิงในเครื่องแบบคนหนึ่ง มาพร้อมกับผู้ชายในเครื่องแบบเหมือนกัน 7-8 คนเดินตามมาผู้หญิงก้าวขายาวเรียวยาวเข้ามา และมีสีหน้าอันเย็นยะเยือก "พวกคุณกล้ามาก กลางวันแสกๆ ยังจะกล้ามายกพวกตีกัน?""พี่เย่" หนิงชิงเสว่มีสีหน้าที่ดีใจผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าให้เธอ และมองเข้าไปที่ฉู่เฉิน ความโกรธก็ได้หายไป "ฉันจําได้ว่าคุณชื่อฉู่เฉินใช่ไหมคะ? ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ทุกครั้งที่ฉันเจอคุณทีไรก็มีเรื่องตลอด?"“คราวที่แล้วโดนจับเพราะพกมีด ถูกฉันจับมาสั่งสอนตั้งนาน คราวนี้ดีกว่าอีก ยกพวกมาตีกัน อยากให้ฉันจับคุณอีกครั้งเพื่อให้คุณมีความสุขมากขึ้นไหมล่ะ?”ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น ตอนที่ฉู่เฉินมาถึงหนานเจียงครั้งแรก ตํารวจฮวาเย่จิงพาเขาไปที่สถานีตํารวจที่สถานีรถไฟเมื่อเผชิญกับคำถามของเธอ ฉู่เฉินก็กางมือออกและพูดอย่างไร้เดียงสา: "เจ
“ยิ่งไปกว่านั้น งานประมูลของตระกูลฉีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ฉันต้องพาคนไปเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในงาน เมื่อเรื่องทุกอย่างจบลง มันก็คงไม่สายเกินไปที่จะหาโอกาสฆ่าไอ้หนุ่มคนนั้น”ฉีเฟยหยิงมองเขาราวกับว่าเขาเป็นคนที่งี่เง่า หากไม่ถือว่าเขาเป็นบุตรชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลฉี เขาคงอยากจะตบเรียกสติไปนานแล้วเมื่อได้ยินดังนั้น ฉีเชาก็เปลี่ยนใจและยิ้มอย่างขมขื่น: "ได้ครับ เมื่อการประมูลจบลง ผมจะไปจัดการมันอีกครั้ง"“และนังนั่นหนิงชิงเสว่ ฉันอยากจะตรึงร่างเธอไว้ภายใต้ร่างกายของฉันและเล่นกับร่างกายเธอซักหน่อย”พอเขาพูดสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดูเหมือนว่าเขาแทบจะทนรอไม่ไหวฉีเฟยหยิงส่ายหัวอีกครั้งเมื่อได้ยินแบบนี้คนโง่ที่คิดแต่เรื่องไร้สาระตลอดทั้งวัน จะไม่มีวันบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้……โรงแรมจวินถิงเป็นหนึ่งในโรงแรมห้าดาวชั้นนำในหนานเจียง เนื่องจากเป็นของตระกูลฉี จึงได้ดึงดูดผู้มีอำนาจมากมายมาร่วมงานในวันนี้ ตระกูลฉีจะจัดประมูลจี้หยกที่โรงแรมจวินถิง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคนในเมืองเป็นเพราะว่าตระกูลฉีได้ปล่อยข่าวออกไป ว่าหยกชนิดนี้มีสรรพคุณวิเศษเป็นยาอายุว
ภายในห้องกล้องวงจรปิดชั้น 8 ของโรงแรมชายวัยกลางคนในชุดสูทจ้องมองกล้องวงจรปิดที่ฉู่เฉินกำลังรับประทานอาหารอยู่ และเขาหันไปหาฉีเชา แล้วพูดว่า "นี่ใช่คนที่ทำร้ายนายหรือเปล่า?"เขาคือฉีไคไท ลูกชายคนที่สามของตระกูลฉี และเป็นคนที่รับผิดชอบงานการประมูลในครั้งนี้อีกด้วย“ใช่เลยครับ คุณอาสาม!” ฉีเชากัดฟันและพูดด้วยความเกลียดชังอย่างเต็มเปี่ยม“ไอ้หนุ่มคนนี้กล้าหาญจริงๆ กล้าทำร้ายสมาชิกในตระกูลฉีของฉัน และยังมีหน้าเข้ามาที่อาณาเขตของตระกูลฉี เพื่อตั้งใจมากินมาดื่มอีกด้วย”ฉีไคไทกัดฟันและพูดด้วยความโกรธฉีเฟยหยิงที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาทันที: "นายท่านสามครับ ผมจะพาคนไปจัดการไอ้เด็กหนุ่มนั้นทันทีครับ!"“ไม่ต้อง!”ฉีไคไทส่ายหัวแล้วพูดว่า: "การประมูลนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ให้ความสนใจกับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่ใครก็ตามที่ทำตัวน่าสงสัยจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ""คุณอาสาม ใครๆ ก็รู้ว่าการประมูลครั้งนี้จัดขึ้นโดยตระกูลฉีของเรา จะมีใครกล้ามาปั่นป่วนได้หรอครับ?" ฉีเชาคิด“เจ้าบื้อ แกรู้อะไรบ้างไหมเนี่ย?” ฉีไคไทพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำดุเขาไป: "การประมูลครั้งนี้เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ตระกูลฉี ใช้ใน
ฉีไคไทพูดแนะนำอย่างไม่เร่งรีบ: "จี้หยกนี้ถูกค้นพบโดยตระกูลฉีของฉันอย่างบังเอิญ ในช่วงปีที่ถูกพบแรก ๆ มันถูกทำพิธีโดยท่านปรมาจารย์โจว ปรมาจารย์ด้านศาสตร์ลี้ลับจากฮ่องกง ซึ่งทำให้มีอิทฤทธิ์รักษาอายุยืนยาวขึ้น"“พ่อของฉันใส่ห้อยมานานกว่าสิบปีแล้ว และเขายังคงมีใบหน้าที่ดูเด็กและดูมีสุขภาพที่สมบูรณ์ดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทฤทธิ์ของมัน”เมื่อคำพูดของเขาหยุดลง สายตาของทุกคู่ก็ได้จ้องมองไปที่จี้หยกในมือของเขาเพียงครู่หนึ่งห้องโถงก็เต็มไปด้วยเสียงกระซิบมีทั้งความสงสัยและตกตะลึง เพิ่มเติมคือคำพูดอุทานและความมุ่งมั่นต้องการที่จะเอาชนะฉู่เฉินจ้องมองไปที่จี้หยกและบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเพราะจี้หยกนั้นเป็นจี้ที่ผู้อำนวยการเก็บไว้ให้เขาก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงจริง ๆ เขามั่นใจได้สําหรับปฏิกิริยาตอบรับของทุกคน ฉีไคไทพอใจเป็นอย่างยิ่ง พูดขึ้นต่อในทันที “ฮ่าฮ่า จี้หยกชิ้นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 50 ล้านบาท การประมูลครั้งต่อไป ในแต่ละครั้งราคาจะต้องไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท บัดนี้ การประมูลเริ่มขึ้นแล้ว!”ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงที่กระตือรือร้นดังมาจากด้านล่างเวที: " 55 ล้าน!"ทุกคนมองไปแล
เสียงเสนอราคาอย่างกะทันหันนี้ ทําให้บรรยากาศที่ร้อนแรงของสถานที่จัดงานนี้จู่ๆก็ได้เงียบลงในขณะนั้นแววตาของทุกคนก็ว่างเปล่า พวกเขาคิดว่ากำลังได้ยินผิดไปมีคนเสนอราคาหนึ่งสลึงเหรอ?ใครมันจะกล้าขนาดนั้น? กล้าสร้างเรื่องในการประมูลของตระกูลฉีได้อย่างไร!ทันใดนั้น ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนก็ติดตามต้นทางของเสียงหนิงชิงเสว่ก็เช่นกันสายตาของทุกคนเห็นเพียงชายสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์นั่งไขว่ห้างอยู่ไม่ไกล เขาถือถ้วยชา และเขย่าถ้วยชาเบา ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้รับรู้ถึงสายตาแปลก ๆ จากทุกคน“มาจากไหนถึงกล้ามาต่อกรกับตระกูลฉีของฉัน” ฉีเชาโกรธทันทีฉีไคไทหรี่ตาลง มองเขาด้วยใบหน้าที่มืดมนแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายท่านนั้น ที่เพิ่งพูดไปเมื้อกี้คุณกล้าจะพูดอีกครั้งหรือไม่?"แทนที่เขาจะโกรธ หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความดีใจอย่างไม่มีสิ้นสุด!เศษซากที่เหลือจากสถานเลี้ยงเด็กชิงซาน ในที่สุดแกก็ทนไม่ได้ที่จะปรากฏตัว!“ทำไม? น้อยไปเหรอ?”ภายใต้หน้ากากทองสัมฤทธิ์ ดวงตาของฉู่เฉินเผยแววเยาะเย้ยไม่รู้จบ: "เอาล่ะ ฉันจะเพิ่มอีกหนึ่งสลึง ไม่เพิ่มไปกว่านี้อีกแล้วนะ"ทุกคนช็อคไปอีกครั้งและอ้าปากค้างผู้ชายคนนี้เป็นใค
“ถ้าไม่อยากตาย ก็ให้ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!” ชายหนุ่มในชุดสูทที่มีใบหน้ามืดมนชี้ไปที่มุมข้างๆ เพียงแป๊บเดียว ทุกคนต่างก็ผลักและดันกัน เบียดเสียดเข้ามุม เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงหนิงชิงเสว่ยืนนิ่ง รอบกายรายล้อมไปด้วยผู้คน จ้องมองไปที่ฉู่เฉิน ด้วยดวงตาอันงดงามของเธอก็มีน้ำตาคลอใช่นายไหม? น้องฉือโถวน้อย?เธอกัดริมฝีปากแน่น ต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้า เพื่อถอดหน้ากากทองสัมฤทธิ์บนใบหน้าของฉู่เฉินออก“ท่านประธาน เรารีบไปกันเถอะค่ะ” เมื่อเห็นว่าเธอนิ่งไม่ขยับ พานอวิ๋นจึงลากเธอไปที่มุมห้องในทันทีดวงตาของฉีไคไทเย็นชาเขาเหลือบมองไปที่ฉู่เฉินแล้วออกคำสั่งทันที: "ไปเอาตัวมันมาให้ฉัน!"“ครับ!”เพียงชั่วครู่ ก็มีผู้เห็นชายร่างใหญ่หลายสิบคนกำลังโจมตีฉู่เฉินโดยไม่พูดอะไรสักคำพวกเขาล้วนเป็นอันธพาลที่ได้รับการฝึกฝนจากตระกูลฉีมานานหลายปี ล้วนเป็นอาชญากรและมีมือเปื้อนเลือดพวกเขารวดเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวก็เข้าใกล้จะฉู่เฉินแล้วแต่ฉู่เฉินดูเหมือนจะกลัวจนยืนโง่อยู่นิ่ง ๆ"ระวัง!" หนิงชิงเสว่ที่ถูกไล่ไปอยู่บริเวณมุมห้อง รีบร้องอุทานขึ้นมาด้วยความกังวลเธออยากจะออกไปช่วย!แต่พานอวิ๋นกลับจับมือเธ
"ไม่!"เมื่อสัมผัสถึงจิตสังหารในแววตาของฉู่เฉิน ฉีไคไทก็กลัวมากจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง: "ได้โปรดไว้ชีวิตฉันเถอะ ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่สถานเด็กชิงซานในตอนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับฉันเลย!""ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ ตราบใดที่นายเต็มใจปล่อยฉันไป ฉันก็ยินดีที่จะยืนหยัดและเป็นพยานต่อการกระทำของตระกูลฉี"แม้ว่าจะพูดจะเช่นนั้น แต่เขาก็มีนัยยะแฝงของความไม่พอใจในแววตาของเขาอยู่ดีเขาสาบานว่าหากวันนี้เขารอดชีวิตไปได้ จะฉีกร่างฉู่เฉินออกเป็นชิ้น ๆ “ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแกงั้นหรอ?” ฉู่เฉินยิ้ม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “ แกคิดว่าฉันไม่รู้จริงๆเหรอว่าจุดประสงค์ของการประมูลของแกในวันนี้คือล่อฉันออกมาน่ะ”"แก..."ฉีไคไทรู้สึกเหมือนหัวใจดิ่งลงไปที่ตาตุ่ม และเขาก็กลัวมากยิ่งขึ้น "แกไม่สามารถฆ่าฉันได้หรอก ไม่อย่างนั้น ฉันขอสาบานเลยว่าตระกูลฉีจะไม่ปล่อยแกไปอย่างแน่นอน อำนาจของตระกูลฉีนั้นเกินจินตนาการของแกไปมาก... "ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็รู้สึกเย็นวูบที่หลังคอทันที จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าโลกทั้งโลกดูเหมือนจะกลับหัวกลับหางไปหมดหลานชายที่อยู่ข้างๆเขา ฉีเชา มองราวกั
พวกคุณไม่ต้องกังวลนะครับ นี่เป็นเพียงแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น อีกไม่นาน ผมจะจัดการเอาหัวของทุกคนในตระกูลฉีมาไว้ให้อย่างเรียบร้อยต่อหน้าหลุมศพพวกคุณทุกคน! "หลังจากจบคำพูดเหล่านี้แล้ว เขาก็ฝังได้ศีรษะไว้ที่หน้าหลุมศพของคุณปู่ผู้อำนวยการ และถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดออก แล้วเผาทิ้งในที่สาธารณะก่อนจะหันหลังกลับและจากไปไม่นานหลังจากที่เขาจากไป ร่างที่เหนื่อยหอบก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าหลุมศพเมื่อมองไปที่สุสานที่ว่างเปล่า ร่างกายบอบบางของหนิงชิงเสว่ก็สั่นสะท้าน และน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างอดไม่ได้: "เขา... เขาไปไหน?"“เขาคือน้องฉือโถวน้อยใช่ไหม?”เธอทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น ศีรษะแนบกับขาอย่างแน่น รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างทันใดนั้นเธอก็ได้กลิ่นเลือดจาง ๆ เธอเงยหน้าขึ้นและพบว่ามีกลิ่นเล็ดลอดออกมาจากดินใต้ฝ่าเท้าของเธอเธออดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปคุ้ยดินออก ในไม่ช้า ถุงดำก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอหนิงชิงเสว่ดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างและก็ได้เปิดปากถุงออกด้วยมือที่สั่นเทาทันใดนั้น ศีรษะของฉีไคไทและฉีเชาก็สัมผัสกับอากาศ และฟุ้งไปด้วยกลิ่นเลือดอย่างแน่นหนาหนิงชิงเสว่กรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวแ