ขณะที่จ้าวหยางยิงออกไป ฉินปิงเยว่ก็เตรียมพร้อมที่จะตายแล้วแต่ครู่ต่อมา เธอก็ได้ยินหนิงชิงเสว่ส่งเสียงอุทานฉินปิงเยว่รีบลืมตาและเห็นภาพที่ทำให้เธอแทบไม่เชื่อสายตาเธอเห็นบาเรียสีฟ้าปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ บาเรียนั้นปิดกั้นกระสุนกลางอากาศทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้“ติ๊ง……”กระสุนตกลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว และม่านแสงสีฟ้าด้านหน้าฉินปิงเยว่ก็หายไป“กึก...”ในเวลานี้ เสียงที่คมชัดดังขึ้นบนข้อมือของเธอฉินปิงเยว่มองลงโดยไม่รู้ตัวและพบว่าสร้อยข้อมือที่เธอสวมบนข้อมือมีเสียงดัง และหนึ่งไข่มุกเม็ดหนึ่งในหกเม็ดนั้นก็ระเบิดออก“มันเป็นของขวัญวันเกิดของฉันที่คุณชายฉู่ให้มาค่ะ!”ฉินปิงเยว่รู้สึกประหลาดใจและมีความสุขเธอไม่คิดเลยว่า สร้อยข้อมือที่ฉู่เฉินมอบให้เธอจะสามารถช่วยชีวิตเธอได้ในช่วงเวลาวิกฤติจริง ๆจ้าวหยางตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ และพูดด้วยความตื่นตระหนก: “เป็นไปได้ยังไง”“ไม่ กูไม่เชื่อ!”“ปังปัง...”เขาคำรามและเหนี่ยวไกใส่ฉินปิงเยว่อีกครั้ง โดยยิงสองนัดติดต่อกันแน่นอนเมื่อกระสุนกำลังจะเข้าใกล้ฉินปิงเยว่ไข่มุกบนสร้อยข้อมือบนข้อมือเธอก็ระเบิดด้วยเช่
หนิงชิงเสว่เหลือบมองฉินปิงเยว่ที่อยู่ข้างๆ เธอ และพบว่าเธอกำลังลูบไข่มุกที่เหลือเพียงสามเม็ดอย่างระมัดระวัง ราวกับว่าเธอได้พบสมบัติล้ำค่าหนิงชิงเสว่ยิ้มอย่างขมขื่น และน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ขอโทษนะ ฉู่เฉิน...ขอโทษนะเสี่ยวสือโถว...ในขณะนี้ เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเจอกับฉู่เฉินเพราะเธอต้องการชดใช้...……เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็นของวันนั้น เครื่องบินโดยสารการบินพลเรือนที่บินขึ้นจากสนามบินหนานเจียงก็ลงจอดที่สนามบินเมืองจิงโจวอย่างราบรื่นฉู่เฉินเดินออกจากเครื่องบินเพียงลำพัง เขามองดูสนามบินแล้วพึมพำ: “ในที่สุดเราก็มาถึงจิงโจวแล้วสินะ...”ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เป็นพี่หงโทรมา“คุณชายฉู่ ฉันมีญาติห่าง ๆ ที่จิงโจว เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันชื่ออู๋อวี่เหมิง ฉันขอให้เธอไปรับคุณที่อาคารผู้โดยสาร 3 ค่ะ”“ถ้าคุณยังไม่รู้อะไรตอนอยู่เมืองจิงโจว คุณสามารถถามเธอได้นะคะ ฉันทักทายเธอไปแล้ว”“ครับ”หลังจากที่ฉู่เฉินวางสาย เขาก็เดินไปที่ทางเข้าอาคารผู้โดยสาร 3ด้านนอกอาคารผู้โดยสาร 3 มีรถปอร์เช่ 911 สีแดงจอดอยู่ริมถนนอย่างโอ่อ่าชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดของอาร์มานี่พร้อมกับเ
กัวไคหน้าแดงและพูดด้วยคอหนาๆ ว่า "เด็กน้อย แกกำลังพูดอะไร?"เดิมทีเขาอยากจะทําให้ฉู่เฉินอับอายขายหน้า ไม่คิดว่าฉู่เฉินจะโหดร้ายกว่าเขามาก คาดไม่ถึงว่าจะด่าเขาว่าพิการทางสมอง หรือทำแม้กระทั่งแนะนำอู๋อวี่เหมิงให้ทิ้งเขาไปมันจะทำให้เขาไม่โกรธได้ยังไง?อู๋อวี่เหมิงพูดห้ามว่า "เอาล่ะ พูดให้น้อยลงเถอะ"เธอถึงมองฉู่เฉินด้วยสีหน้าเย็นชาและพูด "ลูกพี่ลูกน้องของฉันบอกว่านายมาที่จิงโจว เพื่อเข้าร่วมการประมูลในวันพรุ่งนี้ใช่ไหม?"ใช่แล้ว" ฉู่เฉินพยักหน้าตามที่พี่หงบอก ดอกเทียนหลิงและโสมโลหิตอายุร้อยปีจะออกสู่สายตาประชาชนในงานประมูลที่จิงโจว"เจ้าหนู ขึ้นอยู่กับว่าแกมีคุณสมบัติจะเข้าร่วมการประมูลที่จิงโจวหรือเปล่า?" กัวไคหัวเราะเยาะทันที: "จะบอกอะไรให้นะ การประมูลในวันพรุ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะเข้าร่วมได้ แกต้องมีจดหมายเชิญ""จดหมายเชิญ?" ฉู่เฉินขมวดคิ้ว ก่อนมาพี่หงไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังกัวไคเห็นเขาท่าทางแบบนี้ ยิ่งภูมิใจมากขึ้น "เด็กน้อย พอดีฉันมีจดหมายเชิญไปงานประมูล ทำไมแกไม่ก็คุกเข่าลงและคำนับให้ฉันสักครั้ง แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปงาน คิดว่าเป็นยังไง?""งั้นแกคำนับให้ฉันก่อ
หงเจียเชากอดเอวของผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางใหญ่โตและใจกว้าง หรี่ตามองไปที่ฉู่เฉิน "นั่นใคร?"เขาไม่ได้สนใจฉู่เฉิน สนใจแค่ว่าไอ้เด็กคนนี้เห็นตัวเองแล้ว ทำไมไม่ทักทาย"นายน้อยหง เขาชื่อฉู่เฉิน เป็นเพื่อนของลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งค่ะ ครั้งนี้ฉันพาเขามาขอความช่วยเหลือจากท่าน"อู๋อวี่เหมิงพูดพลางส่งซิกฉู่เฉิน เพื่อให้เขาฉลาดขึ้นสักหน่อยอย่างไรก็ตามฉู่เฉินกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ ให้กับหงเจียเชาบัดซบ!ไอ้เด็กคนนี้ช่างกล้าทุกคนรอบตัวอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง แล้วมองฉู่เฉินอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอู๋อวี่เหมิงโกรธจัดส่วนกัวไคก็หัวเราะเสียงดังในใจไอ้โง่!แกคิดว่าจะกำราบกับนายน้อยหงได้ง่ายๆเหรอ? แกถึงคราวซวยแล้วตามที่คาดไว้ หงเจียเชาหน้าบึ้งตึงพูดอย่างเย็นชาแล้วเยาะเย้ย: "ขอให้ฉันช่วยเรื่องอะไร? บอกมาสิ"“นายน้อยหง เขาต้องการเข้าร่วมการประมูลในวันพรุ่งนี้ คุณช่วยมอบการ์ดเชิญของคุณให้เขาสักใบ……”” อู๋อวี่เหมิงพูดอย่างเสียใจหากรู้ว่าฉู่เฉินจะสิ้นคิดขนาดนี้ ต่อให้ทุบตีจนตายเธอก็จะไม่พาฉู่เฉินมาด้วยตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงบัตรเชิญ คงจะดีกว่า ถ้านายน้อยหงไม่ฆ่า
ครู่ต่อมาเขาเห็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีดําและใบหน้าชั่วร้ายวิ่งเข้ามาพร้อมกับชายชกรรจ์สิบกว่าคนหงว่านสุ้ยเจ้าของคาราโอเกะอิมพิเรียล และคนที่ทรงอำนาจที่สุดในจิงโจวทุกคนหายใจไม่ทั่วท้องทันทีทันใดนั้นหงเจียเชาเหมือนเห็นคนช่วยชีวิต เอื้อมมือไปชี้ฉู่เฉินแล้วพูด "คุณพ่อ ไอ้เด็กคนนี้ตีผม..."หงว่านสุ้ยหรี่ตามองไปที่ฉู่เฉิน หลังจากเห็นเขาแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กและจิตไม่ปกติ ก็อดไม่ได้ที่จะถาม "แกเป็นใคร ทําไมถึงต้องตบลูกชายฉันด้วย?""เพราะเขาสมควรถูกตบไง" ฉู่เฉินพูดธรรมดาและยังคงนั่งนิ่งพอคําพูดนี้ออกมา ไม่ว่าหงจะอารมณ์เย็นแค่ไหนก็หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ“ดีๆ ช่างเป็นเด็กที่กล้าบ้าบิ่นดีจริงๆ วันนี้ฉันจะสั่งสอนให้กับแกแทนญาติผู้ใหญ่ของตระกูลแกสักหน่อย!””หลังจากเขาพูดดีๆ ก็ตวาดว่า "ไทซาน ตัดแขนไอ้เด็กคนนี้มาให้ฉันข้างหนึ่ง แล้วจากนั้นโยนมันออกไป!""ตู้ม!"จากข้างหลังเขามีชายร่างใหญ่ที่มีความสูงมากกว่าสองเมตรกระโดดออกมา ชายร่างใหญ่เหมือนกับหอคอยเหล็ก พอปรากฏตัวขึ้นเหมือนจะทําให้พื้นดินสั่นสะเทือนสีหน้าของคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ก็ถอดสีไปพร้อมกันเพราะชายคนนี้มีฉายาว
อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพื้นใต้เท้าของเขา สีหน้าก็เหมือนกับเห็นผีComment by suphirat boonrin: เพราะทุกครั้งที่ชายชราเดินไป ก็จะฝังรอยเท้าลึกไว้บนพื้น และรอยเท้าฝังทะลุไปสามส่วนของพื้นคุณพระ!นั้นมันเป็นพื้นหินอ่อนเลยนะ!หลังจากชายชราเดินเข้ามา หงว่านสุ้ยก็แสดงความเคารพและพูดว่า "ปรมาจารย์ซุน เกิดเรื่องแล้ว"ปรมาจารย์ซุนคนนี้เป็นปรมาจารย์วนยุทธโบราณ ถูกไล่ล่าฆ่าฟันในช่วงปีแรก ๆ และบังเอิญได้รับการช่วยเหลือจากหงว่านสุ้ยไว้ หลังจากฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บแล้ว ก็อยู่เคียงข้างหงว่านสุ้ยมาตลอด เพื่อปกป้องเขาซึ่งถือเป็นการตอบแทนบุญคุณหลายปีที่ผ่านมา หงว่านสุ้ยไม่เคยเปิดเผยถึงความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ซุน แต่ตอนนี้เพื่อจัดการกับฉู่เฉิน เขาจําเป็นต้องเปิดเผยมันออกมาปรมาจารย์ซุนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินComment by suphirat boonrin: ผู้ชมทั้งหมดมองฉู่เฉินด้วยสายตาที่มองศพผู้เชี่ยวชาญตัวจริงมาแล้วไอ้เด็กคนนี้ตายอย่างเขียดแน่!ยังไงซะ คนคนนี้ก็สามารถสร้างรอยเท้าบนพื้นได้ หากเหยียบไปบนร่างกายของคน มันคงจะกลายเป็นรูโบ๋แน่หงเจี
“ปะ….ปรมาจารย์ฉู่ เข้าใจผิด นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด”หงว่านสุ้ยคุกเข่าอยู่บนพื้น เหงื่อเย็นไหลออกอย่างบ้าคลั่ง กลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่างเขาเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับฉู่เฉิน ในเวลานั้นเขายังคิดกับตัวเองว่าจะไม่มีวันขัดใจกับบุคคลเช่นนี้แต่เขาไม่เคยฝันเลยว่าปรมาจารย์ฉู่คนนี้จะมาที่พื้นที่ของเขาจริง ๆ และลูกชายของเขายังไปยั่วยุเขาอีกและหลังจากเห็นท่าทางของเขา ผู้คนที่อยู่ข้างๆ ก็สมองขาวโพ้นจนว่างเปล่าหงเจียเชากําลังจะพูด แต่หลังจากสบกับสายตาอาฆาตของหงว่านสุ้ยแล้ว ก็ไม่กล้าพูดอีกแม้แต่คําเดียว"เข้าใจผิด?"มุมปากฉู่เฉินยกขึ้นราวกับเยาะเย้ย "เมื่อกี้คุณหงตะโกนว่าจะตัดมือของฉัน ทําไมผ่านไปแปบเดียวมาถึงบอกฉันว่าเข้าใจผิดแล้วล่ะ?"หงว่านสุ้ยรู้ดีว่าหากเขาไม่แสดงความสำนึกผิดในวันนี้ เขาอาจจะตายไม่ดีแน่เขากัดฟันแล้วพูดว่า "ปรมาจารย์ฉู่ สุนัขไม่มีตาไม่รู้จักภูเขาไท่ซานและไปยั่วยุท่าน ผมเป็นพ่อที่สอนลูกไม่ดี หากจะฆ่าก็ฆ่าหงคนนี้เถอะ""แค่ขอให้ปรมาจารย์ฉู่ปล่อยลูกชายผมไป แม้ว่าเขาจะไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เคยทําอะไรที่เป็นอันตรายต่อสังคมรอบข้างเลย"คํ
ฉู่เฉินพูดว่า "ฉันอยากให้แกไปตามหาที่อยู่ของสองสิ่งนี้มาให้ฉัน นั่นคือดอกเทียนหลิงและโสมโลหิตอายุร้อยปี"แม้ว่าก่อนหน้านี้พี่หงบอกวว่าข่าวโสมโลหิตร้อยปีและดอกเทียนหลิงปรากฏออกมาที่จิงโจว แต่รายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงนั้น เธอเองก็ไม่ทราบและหงว่านสุ้ยในฐานะหัวโจกของจิงโจว เส้นทางข่าวสารย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้วหงว่านสุ้ยอุทานขึ้นทันทีว่า "ปรมาจารย์ฉู่ก็มาเพื่อโสมโลหิตร้อยปีด้วยเหรอครับ?""แกรู้ที่อยู่ของมันเหรอ" ดวงตาของฉู่เฉินเป็นประกายหงว่านสุ้ยอดไม่ได้ที่จะมองปรมาจารย์ซุนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพยักหน้าว่า "โสมโลหิตร้อยปีที่คุณต้องการจะปรากฏออกมาในการประมูลสมุนไพรในจิงโจวในวันพรุ่งนี้ เวลาสิบโมงเช้าและที่โรงยาโบราณ""โรงยาโบราณ?" ฉู่เฉินขมวดคิ้ว"ไม่เลวนิ"หงจวี่เหว่ยพูดว่า "โรงยาโบราณเป็นหัวขบวนของตลาดยาสมุนไพรจิงโจวของผม เจ้าของชื่อกู้ไป่ชวน ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาโอสถแห่งจิงโจว ในมือมีกลุ่มเก็บยาพิเศษกลุ่มหนึ่ง มีคนเป็นพันไม่เพียงแต่สามารถเก็บยาได้ แต่ยังฆ่าคนได้ด้วย เกือบจะผูกขาดตลาดสมุนไพรของจิงโจว"จู่ๆ ฉู่เฉินก็ตระหนักได้ว่าหงว่านสุ้ยมองเขา ท่าทางอยากพูดแล้วหยุดพูด"คุณอ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่