"นี่ใคร?" ฉู่เฉินขมวดคิ้วและจ้องไปที่ชายหนุ่ม“เสี่ยวฉู่ ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือลู่ซวน และพ่อของเขา ลู่หยวน เธอสามารถเรียกเขาว่าลุงลู่ก็ได้”ถังไห่ซานแนะนำฉู่เฉิน ด้วยรอยยิ้มและพูดต่อว่า "ลุงลู่เป็นเจ้านายเก่าของฉันเอง และตอนนี้ก็เป็นผู้จัดการคนใหม่ของแจฟฟรีย์กรุ๊ป"ผู้จัดการคนใหม่?ฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ลู่หยวน และคิดกับตัวเองว่าเขาควรจะเข้ารับตำแหน่งหลังจากการประชุมของเขาเองไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ได้เห็นเขามาก่อนหลังจากสบตากับสายตาของฉู่เฉินแล้ว ลู่หยวนก็แสดงออกอย่างเย่อหยิ่งโดยไม่แม้แต่จะชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำดูเหมือนว่าฉู่เฉินไม่คุ้มค่าที่จะให้ความสนใจกับเขาฉู่เฉินเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน และหาที่นั่งด้วยตัวเองเมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา ใบหน้าของลู่ซวนก็มืดตึงลง: "เจ้าหนู แกหูหนวกหรือไง เมื่อกี้ฉันเพิ่งถามแกไปนะ?""คุณกำลังพูดกับผมเหรอ?" ฉู่เฉินเอียงศีรษะและมองเขา“ไร้สาระ แกคิดว่าหมูรึไงที่กำลังคุยกับแก?” ลู่ซวนพูดอย่างเย็นชาฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า "คุณพูดถูก ผมคิดว่าก่อนหน้านี้เป็นหมูที่คุยกับผม"ลู่ซวนผงะไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตระหนักว่าเด็กคนน
เนื่องจากลู่หยวนเพิ่งจะได้เข้ามารับตำแหน่ง จึงไม่ชัดเจนว่าคนเหล่านี้ทำอะไรให้ประธานโกรธเคืองได้อย่างไรนั่นเป็นเหตุผลที่เขาถามฉู่เฉินฉู่เฉินสีหน้าอ่อนลงและพูดว่า "ลุงถังครับ ผมขอพูดตรงๆเลยนะ รัวเว่ยและหวังซวี่ถูกผมไล่ออก"เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนต่างก็คิดว่าพวกเขากำลังหูฝาดไปลู่ซวนยิ้มเยาะและพูดว่า "แกกำลังพูดอะไรน่ะ? แกไล่พวกเขาออกงั้นเหรอ?"“แกช่วยคิดก่อนที่จะโม้ออกมาได้ไหม พ่อของฉันได้สอบถามกับคนของบริษัทแล้ว ถ้าน้องรั่วเวยและทีมของเธอถูกประธานบริษัทไล่ออก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกที่เป็นไอ้คนบ้านนอกนี่”ฉู่เฉินพูดออกมาอย่างใจเย็น "เพราะฉันเป็นประธานแจฟฟรีย์กรุ๊ป""ฮ่าๆๆ!"ลู่ซวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กุมท้องแล้วหัวเราะ: "พ่อ ลุงถัง ป้าเหอทุกคนเคยได้ยินที่เขาพูดไหม ไอ้เด็กคนนี้พูดว่าเขาเป็นประธานของแจฟฟรีย์กรุ๊ปด้วยอ่ะ"หลู่หยวนก็รู้สึกตลกเช่นกันและพูดว่า "ไห่ซาน ฉันขอบอกเลยนะว่าเด็กที่แกคอยดูแลอยู่นี่ทำให้ฉันหัวเราะได้จริงๆ"“ไห่ซาน ฟังฉันนะ ถึงเวลาแล้ว ไอ้สารเลวตัวน้อยนี้ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำที่เป็นความจริงเลย” เหอหลานสาปแช่งเสียงดังถังไห่ซานยืนอยู่ตรงนั้นและยิ้มออกมา
ลู่หยวนและลูกชายของเขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าฉู่เฉินจะตกลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้อย่างไรก็ตาม ทั้งสองก็เยาะเย้ยออกมาทันทีเสแสร้ง!แกยังมีหน้าที่จะเสแสร้งต่ออีก!เมื่อเราไปถึงวิลล่าอวี้หลงวานหมายเลข 1แล้ว ฉันอยากรู้นักว่าแกจะเสแสร้งต่อไปได้ยังไง!ทั้งสองคนส่งสัญญาณให้กลุ่มของตัวลงไปชั้นล่างทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ"เจ้าเด็กแซ่ฉู่ แกเห็นรถคันนั้นไหม?”ลู่ซวนชี้ไปที่รถ SUV สีดำที่จอดอยู่ริมถนนแล้วพูดว่า "BMW X5 มีราคา 3,500,000 ถึง 4,00,000 บาท แกคงไม่ได้ขับมันมาตลอดชีวิตใช่ไหมล่ะ"ฉู่เฉินพยักหน้าและพูดว่า “ฉันไม่เคยนั่งมาก่อน”“บ้านนอก!” ลู่ซวนด่าในใจแล้วระเบิดเสียงหัวเราะ เพิ่มความรู้สึกเหนือกว่าของเขาอย่างมากอีกครั้งทันใดนั้น เขาก็เห็นฉู่เฉินหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา ราวกับว่าเขากำลังโทรหาใครบางคน"แกกำลังทำอะไร?" ลู่ซวนอดไม่ได้ที่จะถาม“โทรไปไล่พ่อแกออกไงล่ะ”ฉู่เฉินพูดประโยคหนึ่งกับหลินซวงหวู่ที่อยู่ปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ว่า "ผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทชื่อลู่หยวนหรือเปล่า?"“ใช่ค่ะ ประธานฉู่ ฉันกำลังวางแผนที่จะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่
หลังจากที่ได้สติกันแล้ว ในที่สุดลู่ซวนก็หันหน้ามาและเยาะเย้ยฉู่เฉินไปว่า "ไอ้คนแซ่ฉู่ แกไม่ได้บอกว่าวิลล่านี้เป็นของแกเหรอ? พิสูจน์ให้พวกเราเห็นเร็วเข้าสิ"“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พิสูจน์ให้พวกเราเห็นเร็วๆ สิ” ลู่หยวนก็ตอบสนองเร่งเร้าฉู่เฉินกำลังจะพูดทันใดนั้น ถังไห่ซานก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า "เสี่ยวฉู่ กลับไปเถอะ ฉันหวังว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะสอนบทเรียนให้เธอได้ ในอนาคต เธอต้องเป็นคนจริงจังและไม่พูดโกหกอีกนะ"“ลุงถัง คุณเองก็ไม่เชื่อผมเลยเหรอ?” ฉู่เฉินเลิกคิ้วแล้วกล่าว"ฉันเชื่อกับผีสิ!"เหอหลานหัวเราะเยาะและพูดว่า "แม้ว่าแกจะไม่ฉี่รดกางเกงและดูแลตัวเองได้แล้ว แต่แกสมควรได้รับวิลล่าที่หรูหราแบบนี้เหรอ?"“อันที่จริงเราไม่เชื่อในสิ่งที่แกพูดตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เหตุผลที่เราตามน้ำมาก็เพียงเพื่อต้องการดูว่าแกจะเล่นอะไรต่างหาก”"น่าเสียดายจัง ผิวแกหนังหนาพอๆ กับกำแพงเมืองเลยล่ะ และแกยังคงเสแสร้งต่อได้จนถึงตอนนี้”ในขณะนี้ ทุกคนก็มองไปที่ฉู่เฉินอีกครั้งด้วยสายตาที่เยาะเย้ย ราวกับว่าพวกเขากำลังมองตัวตลกตอนนั้นเอง ประตูวิลล่าก็เปิดออก และหญิงวัยกลางคนแต่งกายภูมิฐานก็ได้เดินออกมา“ดูสิ เจ้าขอ
เวลานี้ ถังไห่ซานเอาและรวมถึงคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึง ราวกับว่าพวกเขาถูกร่ายมนตร์สะกดเอาไว้ใบหน้าของคนพวกนั้นแสดงออกได้ถึงความตกใจ ตื่นตะลึง หวาดกลัว และไม่อยากจะเชื่อ“คนบ้านนอกนี่น่ะเหรอ?”“เจ้าของวิลล่าอวี้หลงวานหมายเลข 1?”“นายน้อยของฉู่เซี่ยงตง?”ตัวตนเหล่านี้ผสมผสานและปรากฏในความคิดของพวกเขา ราวกับสายฟ้าจากฟากฟ้า ตัดพวกมันออกจากภายนอกและปล่อยให้พวกมันกรอบอยู่ข้างในท้ายที่สุดแล้ว ตัวตนทั้งสามนี้ไม่เกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง ถ้าจะพูดให้ชัดเจนก็คือ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันเลยถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ก็คงจะไม่เชื่อมันเลยแม้ว่าจะตีพวกเขาจนตายก็ตามลู่ซวนและลูกชายหน้าตาซีดเผือกพวกเขาทำให้เกิดเรื่องขุ่นเคืองกับผู้ทรงอำนาจตัวจริงที่แข็งแกร่งพอๆ กับเจ้าพ่อแห่งหนานเจียง ผู้ที่คุกเข่าข้างหนึ่งและก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพต่อเขา!อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง พวกเขาก็ได้พูดดูถูกว่าร้ายต่อฉู่เฉิน และรวมไปถึงแม้กระทั่งที่ด่าเขาในที่สาธารณะอีกร่างกายของเหอหลานสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ และนอกจากความตกใจและความกลัวแล้ว ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความเสียใจไม่รู้จบตั้งแต่ต้นจนจบ เธอ
ในตอนนี้เขาได้ตกงานแล้ว เขาจะเอาอะไรมาจ่ายเงินกู้รายเดือนมากกว่า 500,000 บาทได้?ลู่ซวนที่อยู่ใกล้เขามาก ก็ได้ยินคำพูดของหลินซ่วงหวู่ด้วยในขณะนั้นเอง จิตใจของเขาก็ครวญครางไม่หยุดหย่อน และใบหน้าของเขาก็ซีดลงเสียใจ!เสียใจไม่รู้จบ!เขาไม่ควรไปยั่วยุฉู่เฉินเลยเอาล่ะ ตอนนี้ฉันได้ทำให้งานของพ่อจบสิ้นแล้วทันใดนั้นเอง ลู่หยวนก็คุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉิน และขอร้องว่า "คุณฉู่ ท่านประธานฉู่ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอร้องคุณล่ะ ... "“ให้เวลาพวกเขาออกไปภายในสิบนาที ไม่งั้นพวกเขาจะถูกหักขาและโยนลงจากภูเขาซะ”ฉู่เฉินพูดทิ้งท้าย โดยไม่เหลือบมองทั้งสองคนเลยด้วยซ้ำ และเขาก็ได้หันหลังเดินกลับเข้าวิลล่าไปฉู่เซี่ยงตงมองดูพ่อและลูกชายด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม "พวกแกจะออกไปด้วยตัวเองหรือฉันควรช่วยพวกแกออกไปดีล่ะ?"ทั้งสองคนสะดุ้งตัวโหย่ง รีบขึ้นรถไปอย่างรวดเร็วและจากไปในสภาพที่โศกเศร้ากว่าสิบนาทีต่อมาฉู่เฉินนั่งบนเก้าอี้ของราชครูในห้องนั่งเล่น และมองไปที่ฉู่เซียงตง จากนั้นพูดว่า "บอกฉันเกี่ยวกับที่อยู่ของปากกาวิญญาณหน่อยสิ"ฉู่เซียงตงพูดขึ้นและพูดว่า "นายน้อย หลังจากที่ผมสอบถามไปหลายค
ไม่นานนักหลังจากที่ฉู่เซี่ยงตงออกจากวิลล่าอวี้หลงวานหมายเลข 1ฉินปิงเยว่ก็ยังโทรมาและบอกกับฉู่เฉินว่าจะมีการประมูลที่หนานเจียงในบ่ายวันพรุ่งนี้ และปากกาวิญญาณที่ฉู่เฉินต้องการก็อยู่ในการประมูลอีกด้วยนอกจากนี้เขายังบอกอีกว่ายังมีคนใหญ่โตจำนวนมากมาเข้าร่วมในการประมูลครั้งนี้"ฉันไม่ได้คาดหวังให้คนจำนวนมากสนใจแค่กับการประมูล"หลังจากวางสายโทรศัพท์ไป ฉู่เฉินขมวดก็คิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ฉันหวังว่าจุดประสงค์ของพวกเขาจะไม่ใช่ปากกาวิญญาณ ไม่อย่างนั้นก็อย่าตำหนิฉันที่จะเป็นคนรับมันไปก็แล้วกัน"ป้าหลานเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากสถานรับเลี้ยงเด็กชิงซาน นอกเหนือจากพี่สาวทั้งเจ็ดของเขาบางทีเธออาจจะรู้ที่อยู่ของพี่สาวทั้งเจ็ดของเขา และนี่ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรักษาเธอให้หาย ดังนั้นฉู่เฉินจึงไม่ยอมให้ปากกาวิญญาณตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นเป็นอันขาด……หนิงชิงเสว่ไม่รู้ว่าเธอนอนไม่หลับมากี่คืนแล้วเธอนอนอยู่บนเตียง มองเพดานเหนือศีรษะอย่างว่างเปล่าเธอไม่กล้าที่จะนอนหลับ และก็ไม่อยากที่จะนอนหลับอยู่ดีเพราะทันทีที่เธอหลับตาลง ฉากที่ฉู่เฉินและฉินปิงเยว่กอดกันในตอนนั้นก็จะปรากฏขึ้นใน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ฉู่เฉินได้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันแล้ว เขาก็ตรงไปที่ตลาดจำหน่ายสินค้าสำหรับงานศพ ในเมืองหนานเจียงเขามาที่นี่เพราะเนื่องจากว่าป้าหลานมีอาการป่วยทางจิตอย่างรุนแรง การรักษาด้วยการฝังเข็มแบบดั้งเดิมไม่ค่อยได้ผล จึงทำได้แค่แต่ต้องอาศัยพึ่งเครื่องรางของขลังเท่านั้นนั่นเป็นเหตุผลที่เขาเอาแต่สอบถามถึงเรื่องปากกาวิญญาณ เขาต้องการที่จะนำมาวาดยันต์เพื่อมารักษาป้าหลานในที่สุดก็ได้รู้แน่ชัดแล้วว่าปากกาวิญญาณอยู่ที่ไหนในตอนนี้แล้ว และเขายังจำเป็นที่จะต้องซื้อเครื่องรางและอุปกรณ์ในผนึกอื่น ๆ อีกด้วยเช่นชาด ผ้ายันต์ และของอื่นๆครึ่งชั่วโมงให้หลัง เขาได้ซื้อชาดและผ้ายันต์เรียบร้อยแล้วแถมยังมีส่วนประกอบสำคัญที่ยังขาดไปอยู่ นั้นก็คือโลหิตวิญญาณ ในมุมของคนธรรมดานั้น โลหิตวิญญาณหมายถึงเลือดของไก่ แต่เลือดของไก่ ก็มักจะนำมาใช้เป็นกลอุบายที่เอาไว้หลอกลวงผู้คนก็เท่านั้นถ้าอยากจะวาดยันต์ที่ขลังแล้วนั้น นอกจากปากกาวิญญาณแล้ว ก็ยังต้องการเลือดของไก่ที่ยังคงมีจิตวิญญาณอยู่ด้วยแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเลือดของไก่อย่างเดียวเท่านั้น ยังสามารถใช้เลือดของนกพิราบด้วยก็ได้ ข