หลังจากที่ได้สติกันแล้ว ในที่สุดลู่ซวนก็หันหน้ามาและเยาะเย้ยฉู่เฉินไปว่า "ไอ้คนแซ่ฉู่ แกไม่ได้บอกว่าวิลล่านี้เป็นของแกเหรอ? พิสูจน์ให้พวกเราเห็นเร็วเข้าสิ"“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พิสูจน์ให้พวกเราเห็นเร็วๆ สิ” ลู่หยวนก็ตอบสนองเร่งเร้าฉู่เฉินกำลังจะพูดทันใดนั้น ถังไห่ซานก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า "เสี่ยวฉู่ กลับไปเถอะ ฉันหวังว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะสอนบทเรียนให้เธอได้ ในอนาคต เธอต้องเป็นคนจริงจังและไม่พูดโกหกอีกนะ"“ลุงถัง คุณเองก็ไม่เชื่อผมเลยเหรอ?” ฉู่เฉินเลิกคิ้วแล้วกล่าว"ฉันเชื่อกับผีสิ!"เหอหลานหัวเราะเยาะและพูดว่า "แม้ว่าแกจะไม่ฉี่รดกางเกงและดูแลตัวเองได้แล้ว แต่แกสมควรได้รับวิลล่าที่หรูหราแบบนี้เหรอ?"“อันที่จริงเราไม่เชื่อในสิ่งที่แกพูดตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เหตุผลที่เราตามน้ำมาก็เพียงเพื่อต้องการดูว่าแกจะเล่นอะไรต่างหาก”"น่าเสียดายจัง ผิวแกหนังหนาพอๆ กับกำแพงเมืองเลยล่ะ และแกยังคงเสแสร้งต่อได้จนถึงตอนนี้”ในขณะนี้ ทุกคนก็มองไปที่ฉู่เฉินอีกครั้งด้วยสายตาที่เยาะเย้ย ราวกับว่าพวกเขากำลังมองตัวตลกตอนนั้นเอง ประตูวิลล่าก็เปิดออก และหญิงวัยกลางคนแต่งกายภูมิฐานก็ได้เดินออกมา“ดูสิ เจ้าขอ
เวลานี้ ถังไห่ซานเอาและรวมถึงคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึง ราวกับว่าพวกเขาถูกร่ายมนตร์สะกดเอาไว้ใบหน้าของคนพวกนั้นแสดงออกได้ถึงความตกใจ ตื่นตะลึง หวาดกลัว และไม่อยากจะเชื่อ“คนบ้านนอกนี่น่ะเหรอ?”“เจ้าของวิลล่าอวี้หลงวานหมายเลข 1?”“นายน้อยของฉู่เซี่ยงตง?”ตัวตนเหล่านี้ผสมผสานและปรากฏในความคิดของพวกเขา ราวกับสายฟ้าจากฟากฟ้า ตัดพวกมันออกจากภายนอกและปล่อยให้พวกมันกรอบอยู่ข้างในท้ายที่สุดแล้ว ตัวตนทั้งสามนี้ไม่เกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง ถ้าจะพูดให้ชัดเจนก็คือ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันเลยถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ก็คงจะไม่เชื่อมันเลยแม้ว่าจะตีพวกเขาจนตายก็ตามลู่ซวนและลูกชายหน้าตาซีดเผือกพวกเขาทำให้เกิดเรื่องขุ่นเคืองกับผู้ทรงอำนาจตัวจริงที่แข็งแกร่งพอๆ กับเจ้าพ่อแห่งหนานเจียง ผู้ที่คุกเข่าข้างหนึ่งและก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพต่อเขา!อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง พวกเขาก็ได้พูดดูถูกว่าร้ายต่อฉู่เฉิน และรวมไปถึงแม้กระทั่งที่ด่าเขาในที่สาธารณะอีกร่างกายของเหอหลานสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ และนอกจากความตกใจและความกลัวแล้ว ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความเสียใจไม่รู้จบตั้งแต่ต้นจนจบ เธอ
ในตอนนี้เขาได้ตกงานแล้ว เขาจะเอาอะไรมาจ่ายเงินกู้รายเดือนมากกว่า 500,000 บาทได้?ลู่ซวนที่อยู่ใกล้เขามาก ก็ได้ยินคำพูดของหลินซ่วงหวู่ด้วยในขณะนั้นเอง จิตใจของเขาก็ครวญครางไม่หยุดหย่อน และใบหน้าของเขาก็ซีดลงเสียใจ!เสียใจไม่รู้จบ!เขาไม่ควรไปยั่วยุฉู่เฉินเลยเอาล่ะ ตอนนี้ฉันได้ทำให้งานของพ่อจบสิ้นแล้วทันใดนั้นเอง ลู่หยวนก็คุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉิน และขอร้องว่า "คุณฉู่ ท่านประธานฉู่ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอร้องคุณล่ะ ... "“ให้เวลาพวกเขาออกไปภายในสิบนาที ไม่งั้นพวกเขาจะถูกหักขาและโยนลงจากภูเขาซะ”ฉู่เฉินพูดทิ้งท้าย โดยไม่เหลือบมองทั้งสองคนเลยด้วยซ้ำ และเขาก็ได้หันหลังเดินกลับเข้าวิลล่าไปฉู่เซี่ยงตงมองดูพ่อและลูกชายด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม "พวกแกจะออกไปด้วยตัวเองหรือฉันควรช่วยพวกแกออกไปดีล่ะ?"ทั้งสองคนสะดุ้งตัวโหย่ง รีบขึ้นรถไปอย่างรวดเร็วและจากไปในสภาพที่โศกเศร้ากว่าสิบนาทีต่อมาฉู่เฉินนั่งบนเก้าอี้ของราชครูในห้องนั่งเล่น และมองไปที่ฉู่เซียงตง จากนั้นพูดว่า "บอกฉันเกี่ยวกับที่อยู่ของปากกาวิญญาณหน่อยสิ"ฉู่เซียงตงพูดขึ้นและพูดว่า "นายน้อย หลังจากที่ผมสอบถามไปหลายค
ไม่นานนักหลังจากที่ฉู่เซี่ยงตงออกจากวิลล่าอวี้หลงวานหมายเลข 1ฉินปิงเยว่ก็ยังโทรมาและบอกกับฉู่เฉินว่าจะมีการประมูลที่หนานเจียงในบ่ายวันพรุ่งนี้ และปากกาวิญญาณที่ฉู่เฉินต้องการก็อยู่ในการประมูลอีกด้วยนอกจากนี้เขายังบอกอีกว่ายังมีคนใหญ่โตจำนวนมากมาเข้าร่วมในการประมูลครั้งนี้"ฉันไม่ได้คาดหวังให้คนจำนวนมากสนใจแค่กับการประมูล"หลังจากวางสายโทรศัพท์ไป ฉู่เฉินขมวดก็คิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ฉันหวังว่าจุดประสงค์ของพวกเขาจะไม่ใช่ปากกาวิญญาณ ไม่อย่างนั้นก็อย่าตำหนิฉันที่จะเป็นคนรับมันไปก็แล้วกัน"ป้าหลานเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากสถานรับเลี้ยงเด็กชิงซาน นอกเหนือจากพี่สาวทั้งเจ็ดของเขาบางทีเธออาจจะรู้ที่อยู่ของพี่สาวทั้งเจ็ดของเขา และนี่ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรักษาเธอให้หาย ดังนั้นฉู่เฉินจึงไม่ยอมให้ปากกาวิญญาณตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นเป็นอันขาด……หนิงชิงเสว่ไม่รู้ว่าเธอนอนไม่หลับมากี่คืนแล้วเธอนอนอยู่บนเตียง มองเพดานเหนือศีรษะอย่างว่างเปล่าเธอไม่กล้าที่จะนอนหลับ และก็ไม่อยากที่จะนอนหลับอยู่ดีเพราะทันทีที่เธอหลับตาลง ฉากที่ฉู่เฉินและฉินปิงเยว่กอดกันในตอนนั้นก็จะปรากฏขึ้นใน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ฉู่เฉินได้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันแล้ว เขาก็ตรงไปที่ตลาดจำหน่ายสินค้าสำหรับงานศพ ในเมืองหนานเจียงเขามาที่นี่เพราะเนื่องจากว่าป้าหลานมีอาการป่วยทางจิตอย่างรุนแรง การรักษาด้วยการฝังเข็มแบบดั้งเดิมไม่ค่อยได้ผล จึงทำได้แค่แต่ต้องอาศัยพึ่งเครื่องรางของขลังเท่านั้นนั่นเป็นเหตุผลที่เขาเอาแต่สอบถามถึงเรื่องปากกาวิญญาณ เขาต้องการที่จะนำมาวาดยันต์เพื่อมารักษาป้าหลานในที่สุดก็ได้รู้แน่ชัดแล้วว่าปากกาวิญญาณอยู่ที่ไหนในตอนนี้แล้ว และเขายังจำเป็นที่จะต้องซื้อเครื่องรางและอุปกรณ์ในผนึกอื่น ๆ อีกด้วยเช่นชาด ผ้ายันต์ และของอื่นๆครึ่งชั่วโมงให้หลัง เขาได้ซื้อชาดและผ้ายันต์เรียบร้อยแล้วแถมยังมีส่วนประกอบสำคัญที่ยังขาดไปอยู่ นั้นก็คือโลหิตวิญญาณ ในมุมของคนธรรมดานั้น โลหิตวิญญาณหมายถึงเลือดของไก่ แต่เลือดของไก่ ก็มักจะนำมาใช้เป็นกลอุบายที่เอาไว้หลอกลวงผู้คนก็เท่านั้นถ้าอยากจะวาดยันต์ที่ขลังแล้วนั้น นอกจากปากกาวิญญาณแล้ว ก็ยังต้องการเลือดของไก่ที่ยังคงมีจิตวิญญาณอยู่ด้วยแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเลือดของไก่อย่างเดียวเท่านั้น ยังสามารถใช้เลือดของนกพิราบด้วยก็ได้ ข
ฉู่เฉินก้มลงไปหยิบก้อนหิน แล้วดีดออกไปหินได้ปลิวลอยไปในอากาศ และกระแทกเข้ากับเท้าของนกพิราบสีเงินตัวนั้นจากนั้นนกพิราบสีเงินก็ร่วงตกลงมา และส่งเสียงร้องหวาดผวาออกมาฉู่เฉินคว้ามันขึ้นมา แล้วหันหลังกลับเพื่อเดินออกไปครึ่งชั่วโมงต่อมา สวี่ป๋อเหวินและชายชราก็เดินออกมาจากร้านชายชราหัวโล้นเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ และผิวปากแต่เขากลับประหลาดใจที่นกพิราบอันล้ำค่าของเขานั้น ไม่มีส่งเสียงตอบรับใดๆ กลับมาเขาเป่าปากเรียกอีกหลายต่อหลายครั้ง อย่าพูดถึงนกพิราบเป็นตัวๆ เลย ยังไม่เห็นแม้แต่ขนของนกพิราบแม้แต่เส้นเดียวสีหน้าของชายชราก็ถอดสี และจู่ๆ เขาก็ตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวัง: "ฉิบหายแล้ว นกพิราบอันล้ำค่าของฉันต้องถูกจับไปแล้วแน่เลย""อะไรนะ?คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าจับนกพิราบของอาจารย์ไป?" สวี่ป๋อเหวินถึงกับช็อค"จะตามล่าจนสุดหล้าฟ้าเขียว กูจะไม่ปล่อยมึงไว้แน่นอน"ชายชราหัวโล้นได้ปล่อยนกพิราบอีกตัวหนึ่งออกจากกระบอกไม้ไผ่ที่อยู่ด้านหลัง หยิบขนนกสีเงินออกมาจ่อจะงอยปากของมัน แล้วพูด "บินไป!"นกพิราบตัวนั้นบินวนไปมา ก่อนจะบินมุ่งไปที่ภูเขาใกล้ ๆ อย่างรวดเร็ว"ตามไป!"เจตนาอันแรงกล้านั้
ฉินเหวินเทียนตำหนิเธอที่พูดมากจนเกินไป แต่เขาก็ยังพูดเสริมอีกว่า: "คุณฉู่ หากคุณต้องการความช่วยเหลืออะไรในภายหลัง เพียงแค่คุณเปิดปากบอกมา ตระกูลครัวฉินจะช่วยคุณอย่างเต็มที่"ทันทีที่เขาพูดจบ ฉู่เซี่ยงตง ที่ไม่พอใจก็จึงได้พูดว่า: "ผู้เฒ่าฉิน คุณไม่เชื่อในความสามารถทางการเงินของนายน้อย หรือคุณกำลังดูถูกฐานะของตระกูลฉู่อยู่กันแน่?"ฉินเหวินเทียนจึงสังเกตเห็นว่าฉู่เซี่ยงตงได้ยืนอยู่ข้างหลังฉู่เฉินนายน้อย?ท่าทางของฉินเหวินเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้ม "เจ้าพ่อหนานเจียงพูดถึงขนาดนี้ ทรัพย์สินของตระกูลฉินนั้นเทียบไม่ได้กับของคุณเลย"เขาแอบหายใจเข้าลึก ๆเจ้าพ่อหนานแห่งเจียงผู้สง่างามนี้ เป็นลูกน้องของคุณฉู่งั้นหรอ? จะเป็นไปได้ยังไง?“ผู้เฒ่าฉินมีน้ำใจ หากผมต้องการความช่วยเหลือก็จะไม่เกรงใจพวกคุณนะครับ” ฉู่เฉินขอบคุณคุณด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินจากไปฉินเหวินเทียนก็ได้เตือนขึ้นทันทีว่า "ใช่แล้ว คุณฉู่ คนของตระกูลจ้าวก็มาด้วย ครั้งนี้คนที่เป็นผู้นำมาคือนายน้อยห้าจ้าว จ้าวขุย ""นายน้อยห้าจ้าว? นายน้อย ดูเหมือนว่าตระกูลจ้าวจะกลัวจนตัวสั่นเลยนะครับ ถึงส่งนายน้อยห้าจ้าวมาเนี่ย" ฉู่
ปรมาจารย์พลังเวทย์ฉู่เซี่ยงตงตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างไม่แยแสเขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ไหน ในตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าคู่ต่อสู้จะได้รับความช่วยเหลือจากปรมาจารย์พลังเวทย์ แต่เขาก็ไม่ได้มีความกลัวแต่อย่างใดยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คิดอะไรที่เรียกว่าปรมาจารย์พลังเวทย์จะมีพละพลังมายมากนั่นตามข่าวลือไม่ว่าแกจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่เก่งกว่าพระเจ้าหรอกว่ะ?ฉู่เฉินเห็นเขาท่าทางแบบนี้ ก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ เขาก็อดที่จะส่ายหัวไม่ได้หลังจากทั้งสองคนเข้าสู่สถานที่จัดงานประมูลแล้ว สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนนั้นก็คือห้องโถงรูปวงแหวนซึ่งมีลักษณะแบน มีแสงไฟส่องสว่าง ตอนนี้ก็มีคนนั่งอยู่ที่นั่นประมาณ 1,000 คนได้ "นายน้อย พวกเราจะขึ้นไปที่ห้องหยา"ฉู่เซี่ยงตงเดินนําฉู่เฉินขึ้นไปที่ชั้นสอง ถ้าจะให้บอกว่าเป็นชั้นสอง ที่จริงแล้วมันก็ยังคงเป็นชั้น 30 นั่นแหละ เพียงแต่มีชั้นลอยที่เป็นรูปวงแหวนสามชั้นอยู่กลางอากาศต่างหากผู้คนในห้องด้านบน ต่างก็สามารถมองเห็นด้านล่างได้แบบทั่วทุกสารทิศ รวมไปถึงโต๊ะประมูลที่อยู่ตรงกลางด้วยห้องพักในแต่ละห้องตั้งชื่อตามลำดับชั้นของสวรรค์ แ