“ในตอนนั้นเอง เขาสวมเสื้อเกราะกันกระสุน ในมือถือปืนกล เขาฆ่าได้ทั้งพระเจ้าหรือแม้แต่พระพุทธเจ้าเมื่อเขาต้องเผชิญหน้า!”“สำหรับปืนที่คุณพูดถึง แน่นอนว่าพวกเขาสามารถคุกคามเขาได้ ท้ายที่สุดแล้ว ปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ก็ไม่ใช่เทพ”หวู่ฉางชุนหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ก็มีความสามารถในการรับรู้ถึงอันตรายล่วงหน้าได้"“รับรู้ล่วงหน้า?” ฉินปิงเยว่ถามโดยไม่รู้ตัว“ก็ไม่เชิง”หวู่ฉางชุนยิ้มและพูดว่า "คุณคงคิดว่ามันเป็นความเร็วของปฏิกิริยาของกล้ามเนื้อ ตัวอย่างเช่น หากคุณชี้ปืนไปที่ปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ ทันทีที่คุณยิง อีกฝ่ายจะสัมผัสได้ถึงอันตรายและหลบกระสุนได้อย่างรวดเร็ว "“แน่นอนว่าสถานการณ์ที่ฉันกำลังพูดถึงนั้นอยู่ในขอบเขตที่กำหนด หากคุณกดปืนไปที่หน้าผากของเขา เขาจะหลบไม่ได้อย่างแน่นอน”“เพื่อที่จะถอยออกไป แม้ว่ากระสุนจะโดนเขา แต่พลังงานภายในร่างกายของเขาก็ยังสามารถผลักกระสุนออกจากบริเวณสำคัญ เช่น หัวใจ ได้ในทันที”เมื่อพูดเช่นนี้ หวู่ฉางชุนก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดต่อ "ลองนึกภาพดูนะ ว่าถ้าคุณไม่สามารถฆ่าเขาด้วยปืนนัดเดียวและปล่อยใ
"บู้ม!"จ้าวเหยียนรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกฟ้าผ่าลงกลางศีรษะอย่างจังและได้พูดออกมาอย่างไม่เชื่อ "แกพูดว่าอะไรนะ น้องชายของฉันกับหมิงฮุยตาย... ตายแล้วงั้นหรอ?"“ครับ...ครับนายท่าน” ชายคนนั้นพูดจาน้ำเสียงสั่นเทา"ปัง!"ทันใดนั้นจ้าวเหยียนก็เตะเขากลิ้งลงไปกองกับพื้น: "หยุดพูดเรื่องไร้สาระซะ มีปรมาจารย์ลู่อยู่ด้วยทั้งคน พวกเขาจะตายได้ยังไง?""ท่านเจ้าตระกูล ท่านปรมาจารย์ลู่... ท่านปรมาจารย์ลู่ก็ตะ... ตายแล้วครับ..."“ไม่ ฉันไม่เชื่อ!”จ้าวเหยียนคำรามเสียงดังไม่นานนักก็มีคนอีกหลายคนที่ถูกส่งออกไปสืบข่าวก็กลับมาคำตอบของพวกเขาเหมือนกับคำตอบของลูกน้องคนแรกทุกประการร่างกายของจ้าวเหยียนแข็งทื่อราวกับว่าเขาหยุดหายใจและไม่มีการรับรู้และเคลื่อนไหวใดๆ ไม่กี่วินาทีต่อมา ทันใดนั้นเองเขาก็กระอักเลือดสดออกมาเต็มปาก ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง: "ตระกูลฉิน ตระกูลจ้าวของฉันจะจองล้างจองผลานกับพวกแกจนกว่าจะตายกันไปข้างนึง!"เมื่อเขาพูดจบ เขาก็รู้สึกได้ถึงความมืดมิดที่อยู่ตรงหน้าและเป็นลมล้มไป“ท่านเจ้าตระกูลเป็นลม รีบเรียกหมอด่วน”ชั่วขณะหนึ่ง ตระกูลจ้าวทั้งหมดได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนวุ่นว
“ ไม่เลยครับ ปรมาจารย์ฉู่คนนี้เป็นคนที่ลึกลับมาก ราวกับว่าจู่ๆเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมา และรวมเข้ากับเจตนาปกปิดความลับของตระกูลฉินไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทราบที่มาที่ไป”"แต่ว่า...""แต่อะไร?" จ้าวเหยียนมองไปที่ผู้พูดทันทีด้วยสายตาอามาตชายคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ได้พูดออกมาว่า "แต่จากสภาพการตายของนายท่านสองและนายน้อย พวกเขาดูเหมือนกับนายท่านสี่และนายท่านสามก่อนหน้าพวกเขาทุกประการเลยนะครับ และพวกเขาก็ยังไม่มีหัวอีกด้วย"“ ดังนั้น ผมจึงได้สงสัยว่าปรมาจารย์ฉู่ที่ได้รับเชิญจากตระกูลฉิน น่าจะเป็นเศษเดนที่เหลือรอดของสถานรับเลี้ยงชิงซานนั้นแหละครับ!”"ปัง!"จ้าวเหยียนคว่ำโต๊ะอย่างแรงและพูดว่า "ต้องเป็นมันแน่ๆ ต้องเป็นสัตว์ร้ายตัวน้อยนั่น มีเพียงมันเท่านั้นที่โหดร้ายได้อย่างนี้!"สมาชิกหลายคนของตระกูลจ้าวหน้าถอดสีและตกใจแทบตายเมื่อได้ยินสิ่งนี้เศษซากเหลือเดนของสถานรับเลี้ยงเด็กชิงซานได้ร่วมมือกับตระกูลฉินอย่างไม่น่าเป็นไปได้จริงหรือที่ตระกูลจ้าวของพวกเขาจะจบสิ้นลงแบบนี้?ดวงตาของจ้าวเหยียนแสดงความบ้าคลั่งออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน: "ติดต่อบรรพบุรุษของเราทันทีและบอกเขาว่าตระกูลจ้าวขอ
เหตุผลที่หนิงชิงเสว่พูดแบบนี้ออกมา ก็เพราะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีแซ่ฉู่ และอยู่ใกล้ตัวเธอ นั่นก็คือฉู่เฉินทันใดนั้นเอง เย่จิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้และพูดว่า "จะว่าไป ทำไมฉันไม่ได้นึกถึงเขาเลยล่ะ"“พี่เย่ พี่กำลังจะบอกว่าฉู่เฉินเป็นปรมาจารย์ฉู่งั้นเหรอ?” หนิงชิงเสว่พูดด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่หรอก พูดได้แค่เพียงว่าเป็นไปได้ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันยังคงต้องให้เขาเป็นผู้ต้องสงสัยในการสืบสวนอยู่ดี”เย่จิงส่ายหัวและถามในทันทีว่า “ใช่แล้ว ฉู่เฉินล่ะ? รีบพาฉันไปหาเขาหน่อยสิ”“พี่เย่ ฉัน... ฉันไม่รู้ว่าฉู่เฉินอยู่ที่ไหน…” ดวงตาที่สวยงามของหนิงชิงเสว่หรี่ลง และค่อยๆ พูดเรื่องความขัดแย้งระหว่างตัวเธอกับฉู่เฉินออกมาหลังจากได้ฟังแล้ว เย่จิงก็ขมวดคิ้วและพูดว่า "เธอกำลังจะบอกว่า ตอนที่จ้าวฉวนกับจ้าวหมิงฮุยเสียชีวิตนั้น เขาได้หายตัวไปอย่างนั้นหรอ?""อาจ...อาจะเป็นอย่างนั้น"“เขาน่าสงสัยมากขึ้นอีกแล้ว รีบติดต่อเพื่อนของเธอด่วน ดูว่าจะหาเขาเจอได้หรือเปล่า”เย่จิงเร่งเร้าเธออย่างกระตือรือร้น รู้สึกว่าเธอเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆหนิงชิงเสว่รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกดโทร
ฉินปิงเยว่มองไปทางฉู่เฉิน ที่อยู่ห่างจากเธอออกไปสิบก้าวด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มต่อมา เธอก็ส่งเสียงร้องออกมา และก้าวพุ่งไปข้างหน้า เพื่อจะต่อยฉู่เฉินด้วยหมัดตรงเนื่องจากเธอสวมรองเท้าส้นสูง เธอจึงสะดุดและท่าทางดูตลกมากในตอนที่เธอกำลังวิ่งฉู่เฉินส่ายหัวอย่างอดไม่ได้การสวมรองเท้าส้นสูงเพื่อฝึกศิลปะการต่อสู้ก็ถือเป็นพรสวรรค์ส่วนตัวเช่นกันตามที่คาดเอาไว้ไม่มีผิด ทันทีที่ฉินปิงเยว่เข้าใกล้ฉู่เฉินร่างของเธอก็สะดุด และเธอก็โยนตัวเองไปที่ฉู่เฉิน"คุณโอเคไหม?" ฉู่เฉินพยุงเอวของเธอโดยสัญชาตญาณ เพราะกลัวว่าเธอจะล้มลงบนพื้น“ฉันเจ็บเท้านิดหน่อยน่ะ...” ฉินปิงเยว่พูดออกมาด้วยความเจ็บปวดฉู่เฉินก้มศีรษะลงและพบว่ารองเท้าส้นสูงของเธอหัก เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะมาจากการวิ่งเมื่อกี้นี้“ยังยืนไหวหรือเปล่า?” ฉู่เฉินถาม“ไม่ มันเจ็บ...” ฉินปิงเยว่ต้องการลุกขึ้นยืนโดยสัญชาตญาณ และจากนั้นความเจ็บปวดอันรุนแรงก็เกิดขึ้น ทำให้เธอล้มลงในอ้อมแขนของฉู่เฉินอีกครั้งในขณะนี้ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำเพราะท่าทางของพวกเขาเงอะงะเกินไปในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ เธอก็ได้กลิ่นหอมจากร่างกายของฉู่เฉินสิ่งนี้ทำให้หัวใจขอ
หนิงชิงเสว่ ไม่ได้เอื้อมมือไปหยิบทิชชู่แต่อย่างใดเธอบอกตัวเองอยู่ในใจอย่างไม่หยุดหย่อนหนิงชิงเสว่ เธอจะร้องไห้ไม่ได้!แม้ว่าเธอและฉู่เฉินจะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว และอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแล้วก็ตามแต่นี่เป็นเพียงแค่ทั้งสองฝ่ายกำลังทำตามความปรารถนาสุดท้ายของปู่และไม่มีใครจริงจังกับมันทั้งนั้นและตัวเองก็ไม่ได้ชอบฉู่เฉิน เป็นเรื่องปกติที่เขาจะไปคบกับผู้หญิงคนอื่นไม่ใช่เหรอ?แล้วเธอ หนิงชิงเสว่ ต้องร้องไห้ด้วยเรื่องอะไร?ถึงอย่างนั้นน้ำตาก็ยังไหลออกมาจากหัวตาของเธออย่างควบคุมไม่ได้เนื่องจากว่าเห็นที่ฉู่เฉินและฉินปิงเยว่สนิทสนมกันมาก เธอจึงรู้สึกเศร้าใจอย่างมาก ราวกับว่ามีบางสิ่งล้ำค่ากำลังถูกใครบางคนพรากไปอย่างงั้นแหละฉัน...ฉันทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้หนิงชิงเสว่ ส่ายหัวอย่างแรง และทันใดนั้นก็มีความคิดเกิดขึ้นในหัวและเธอแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเองด้วยซ้ำหรือว่า…..ฉันตกหลุมรักฉู่เฉินไปแล้วจริงๆใช่ไหม?ไม่!ไม่มีทาง!คนที่ฉันชอบคือน้องเสี่ยวสือโถ่ว นอกจากเขาแล้ว ฉันจะไม่มีวันตกหลุมรักใครอีกทั้งนั้นในชีวิตนี้หนิงชิงเสว่ สลัดสิ่งรบกวนสมาธิออกไปอย่างรวดเร็วและไม่กล้าที่จะคิดต่อไป
“ป้าเหอ กรุณาระวังคำพูดของคุณไว้ด้วยนะครับ แล้วผมไปทำให้คุณขุ่นเคืองตอนไหน?” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดเพื่อเห็นแก่หน้าของถังไห่ซาน เขาจึงปฏิเสธที่จะโต้เถียงกับผู้หญิงคนนี้“แกถามมาได้ยังไง?”เหอหลานพูดออกมาด้วยความโกรธ "แกทำอะไรน่ะหรอ แกทำให้ครอบครัวของฉัน รั่วเวยถูกไล่ออกจากบริษัท แถมเธอยังออกไปนอกเมืองเพียงลำพังโดยไม่ติดต่อกับครอบครัวของเธอเลยด้วย"“ถ้าวันนี้แกไม่อธิบายให้ฉันฟัง ก็อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยแกไปเลย”แต่ไหนแต่ไร อารมณ์ของถังรั่วเวยผันผวนอย่างมากนับตั้งแต่ถูกฉู่เฉินไล่ออก และเธอก็เงียบขรึมเอามากๆ แม้ว่าเธอจะกลับบ้าน เธอก็ไม่ยอมคุยกับพ่อแม่ของเธอเลยถังไห่ซานและภรรยาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเธอ จากนั้นจึงได้ถามออกไป ทำให้พวกเขาก็รู้ว่าเธอถูกไล่ออกสำหรับเหตุผลที่ถูกไล่ออกนั้น ถังรั่วเวยไม่ได้บอกอะไรสักคำเช้าเมื่อวานนี้ เธอได้ซื้อตั๋วเครื่องบินไปลี่เจียงและบินไปคนเดียวพร้อมกระเป๋าเดินทางของเธอเหอหลานยืนยันว่าฉู่เฉินจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อทำร้ายลูกสาวของเธออย่างแน่นอน ถึงเป็นแบบนี้จู่ๆ ฉู่เฉินก็พูดขึ้นมาว่า “ป้าเหอ ถังรั่วเวยไม่ได้บอกเหตุผลกับคุณในการถูกไล่อ
"นี่ใคร?" ฉู่เฉินขมวดคิ้วและจ้องไปที่ชายหนุ่ม“เสี่ยวฉู่ ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือลู่ซวน และพ่อของเขา ลู่หยวน เธอสามารถเรียกเขาว่าลุงลู่ก็ได้”ถังไห่ซานแนะนำฉู่เฉิน ด้วยรอยยิ้มและพูดต่อว่า "ลุงลู่เป็นเจ้านายเก่าของฉันเอง และตอนนี้ก็เป็นผู้จัดการคนใหม่ของแจฟฟรีย์กรุ๊ป"ผู้จัดการคนใหม่?ฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ลู่หยวน และคิดกับตัวเองว่าเขาควรจะเข้ารับตำแหน่งหลังจากการประชุมของเขาเองไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ได้เห็นเขามาก่อนหลังจากสบตากับสายตาของฉู่เฉินแล้ว ลู่หยวนก็แสดงออกอย่างเย่อหยิ่งโดยไม่แม้แต่จะชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำดูเหมือนว่าฉู่เฉินไม่คุ้มค่าที่จะให้ความสนใจกับเขาฉู่เฉินเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน และหาที่นั่งด้วยตัวเองเมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา ใบหน้าของลู่ซวนก็มืดตึงลง: "เจ้าหนู แกหูหนวกหรือไง เมื่อกี้ฉันเพิ่งถามแกไปนะ?""คุณกำลังพูดกับผมเหรอ?" ฉู่เฉินเอียงศีรษะและมองเขา“ไร้สาระ แกคิดว่าหมูรึไงที่กำลังคุยกับแก?” ลู่ซวนพูดอย่างเย็นชาฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า "คุณพูดถูก ผมคิดว่าก่อนหน้านี้เป็นหมูที่คุยกับผม"ลู่ซวนผงะไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตระหนักว่าเด็กคนน