Share

บทที่ 11

ฉู่เฉินส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้ซื้อหรอกครับ”

“หืม?”

หญิงสาวทั้งสองได้ยินก็ผงะไปครู่หนึ่ง

เฉินย่าพูดอย่างไม่เชื่อขึ้นมาเล็กน้อย “คุณฉู่ถ่อมตัวจริง ๆ เลยนะคะ”

ทันใดนั้น เธอก็มองเห็นฉู่เฉินถือถุงพลาสติกอยู่ในมือ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวขึ้นมาทันที “คุณฉู่ ในถุงนี้ของคุณเป็นเงินสดใช่ไหมคะ? ฉันได้ยินมาว่าคนรวยแบบพวกคุณชอบใช้เงินสดกัน”

โดยที่ไม่รอให้ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดอะไร เธอก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้าเอาถุงจากมือของเขามา จากนั้นก็เปิดออกดู

ทันใดนั้น หน้าของเธอก็ดำสนิทขึ้นมาทันที

เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่อยู่ในถุงนั้นไม่ใช่เงิน แต่เป็นกองกระป๋องและขวดน้ำแร่ ที่ทั้งสกปรกและเหม็นนั่นเอง

“นี่เป็นขยะที่ผมเก็บมาเมื่อกี้น่ะ” ฉู่เฉินพูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ขยะที่เก็บมาเหรอ?” รอยยิ้มของเฉินย่าแข็งค้างไป

“ใช่แล้ว” ฉู่เฉินพยักหน้า

หน้าของเฉินย่าขุ่นมัวลงทันที “สร้างปัญหาให้เรามานานสองนาน คุณวิ่งมาเก็บขยะที่นี่อะนะ?”

ขณะที่พูด เธอก็หยิบทิชชูออกมาเช็ดมืออย่างบ้าคลั่งไปด้วย “น่าผิดหวังจริง ๆ เป็นคนจนคนหนึ่ง ทำฉันตื่นเต้นเสียเปล่า”

“รั่วเวย ไม่ใช่ฉันจะว่าเธอนะ พ่อเธอมีวิสัยทัศน์ยังไงกัน เลือกคู่หมั้นเป็นคนเก็บขยะมาให้เธอเนี่ยนะ”

ใบหน้าของเธอที่มองไปที่ฉู่เฉินนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ ท่าทีก็แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

ถังรั่วเวยเองก็หน้าซีดไปเช่นกัน

เธอยังคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้อาศัยอยู่ที่นี่จริง ๆ น่ะเหรอ? คิดไม่ถึงว่าจะวิ่งมาถึงที่นี่เพื่อเก็บขยะเท่านั้น

ไอ้สารเลว!

นายทำให้ฉันอับอายไม่พออีกเหรอ?

เธอโกรธมากจนใบหน้าบูดเบี้ยว และพูดทิ้งท้ายขึ้นประโยคหนึ่งว่า “พวกเราไปกันเถอะ”

ณ ล่างตึกของอาคารหลายสิบชั้นของแจฟฟรีย์กรุ๊ป

“คุณรอที่นี่ก่อนสักแป๊บนะ ฉันจะเข้าไปทักทายก่อน” ถังอี้เฟยพูดบอกหนึ่งประโยค แต่ไม่มองฉู่เฉินเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะหันตัวเดินเข้าไปในอาคารพร้อมกับเฉินย่า

ฉู่เฉินมองดูชื่อบริษัทที่อยู่ตรงหน้า จู่ ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมาทันที

บริษัทแจฟฟรีย์อินเตอร์เนชั่นแนลคอสเมติกจำกัดงั้นเหรอ? นี่มันเป็นบริษัทที่เซี่ยงตงโอนมาให้เขาไม่ใช่เหรอ?

ภายในชั้นหนึ่งของอาคาร หนุ่มสาวห้าคนรวมกัน และกระซิบกระซาบ

“รั่วเวย เธอก็วางใจเถอะ ฉันไปบอกลุงของฉันแล้ว ว่าอย่าให้ไอ้หนุ่มคนนี้ผ่านการสัมภาษณ์อย่างเด็ดขาด”

หวังซวี่ที่ติดตราผู้จัดการแผนกการตลาดอยู่บนหน้าอก และสวมชุดสูทยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “พอถึงเวลานั้นแล้วผมจะหาโอกาสสั่งสอนเขาสักหน่อย ให้เขาถอยห่างออกจากคุณ”

“ไปกันเถอะ พวกเราไปดูกันเถอะว่าคนบ้านนอกคอกนาแบบไหนที่กล้าเอารัดเอาเปรียบรั่วเวยกัน” หญิงสาวที่ชื่อว่าอู๋เยี่ยนพูดด้วยเจตนาที่ไม่ดี

ฉู่เฉินเห็นว่าถังรั่วเวยเข้าไปนานแล้วและยังไม่ได้ออกมาสักที ในตอนที่เขาเตรียมจะโทรไปหาเธอ เขาก็เห็นเธอพาชายสามคนและหญิงหนึ่งคนเดินเข้ามา

“นี่ก็คือฉู่เฉินที่ฉันเล่าให้พวกเธอฟังไง” ถังรั่วเวยแนะนำอย่างไม่เป็นทางการ

“พ่อหนุ่ม นายกล้าหาญมากนะ กล้าคิดอุบายกับรั่วเวย ช่างเป็นหมามองเครื่องบินเสียจริงๆ” อู๋เยี่ยนมองดูฉู่เฉินอย่างดูถูก

“พูดถูกเลย หากนายยังมีความคิดอยู่บ้างก็รีบออกไปจากรั่วเวยซะ” ชายหนุ่มอีกคนที่ชื่อว่ากัวรุ่ยก็เยาะเย้ยขึ้นมาเช่นกัน

เมื่อหวังซวี่มองไปที่ฉู่เฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเหยียดหยามขึ้นมาทันที หน้าตาก็ดูโอเค แต่น่าเสียดายที่เป็นแค่คนบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง คู่ควรที่จะมาแย่งชิงสาวคนนี้กับฉันด้วยงั้นเหรอ?

“นายน้อยหวัง พวกคุณลองทายดูสิว่า เมื่อกี้ในตอนที่ฉันกับรั่วเวยไปรับชายหนุ่มคนนี้ ตอนนั้นเขากำลังทำอะไรอยู่?” เฉินย่าพูดอย่างหวังให้เกิดความวุ่นวาย

“เขากำลังทำอะไรเหรอ?” หลายคนถามกันอย่างสงสัย

เฉินย่าพูดขึ้นทันที “ชายหนุ่มคนนี้ตอนนั้นกำลังเก็บขยะอยู่ จนเต็มถุงใหญ่อีกด้วย”

“อะไรนะ? เก็บขยะ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ทุกคนผงะไปชั่วครู่ก่อน ก่อนจะหัวเราะเยาะเสียงดังออกมา

พอได้ยินเสียงหัวเราะของทุกคน ถังรั่วเวยก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก และอยากจะหายวับไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย

ฉู่เฉินเอามือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋า แล้วหันไปหาถังรั่วเวยพร้อมทั้งพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไรขึ้นว่า “เริ่มสัมภาษณ์ตอนไหนเหรอ?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status