“คุณจะรีบไปไหน? เดี๋ยวทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว ทำความรู้จักกันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า”ในตาของหวังซวี่มีแววตาเยือกเย็นแวบเข้ามา จากนั้นก็ริเริ่มยื่นมือออกไปที่ฉู่เฉิน แล้วพูดอย่างโอ้อวดว่า “ผมแนะนำตัวเองหน่อยนะ ผมหวังซวี่ ตอนนี้เป็นผู้จัดการการตลาดแผนกสอง เป็นเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าของรั่วเวยน่ะ”ฉู่เฉินเห็นถึงรอยยิ้มอันชั่วร้ายนี้ และเข้าใจได้ในทันที เขาจึงยื่นมือออกไป แล้วพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ฉู่เฉิน”เมื่อเห็นทั้งสองจับมือกัน กัวรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองอย่างดีใจที่คนอื่นต้องประสบกับความโชคร้ายอย่างลืมตัวขึ้นมาซึ่งต้องรู้ก่อนว่า ความแข็งแกร่งของหวังซวี่นั้นเลื่องลือมาก เขาเคยจับมือกับหวังซวี่อยู่ครั้งหนึ่ง แล้วนิ้วมือก็แทบจะหัก จากนั้นผ่านไปสามวันก็ปวดขึ้นมา นี่ยังเป็นผลมาจากการออมมือแล้วของหวังซวี่คนบ้านนอกที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กำลังจะทำให้ตัวเองดูโง่เขลาเสียแล้วและเป็นดังที่คาดไว้ ในขณะที่ฉู่เฉินและหวังซวี่จับมือกัน ฉู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่บีบเขาอยู่แต่เมื่อมองดูการแสดงออกของหวังซวี่ มันก็เต็มไปด้วยการล้อเล่นและคาดหวังเขาก็แค่อยากให้ฉู่เฉินอับอายขึ้นมาในตอนท
ผู้หญิงคนนั้นรีบพูดขึ้นว่า “ผู้อำนวยการฉู่คะ ฉันคือหลินชวงอู่รองผู้อำนวยการของแจฟฟรีย์กรุ๊ปค่ะ คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวหลินก็ได้ค่ะ”“ก็คือเมื่อวานนี้ บริษัทได้จัดการประชุมผู้ถือหุ้นขึ้นค่ะ คุณชายฉู่เซี่ยงตงของตี้หาวกรุ๊ปได้ประกาศขึ้นต่อที่ประชุมว่า หุ้นเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในมือของเขานั้นได้โอนไปให้กับคุณแล้ว นั่นหมายความว่าตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นมา คุณก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและเป็นผู้อำนวยการของบริษัทด้วยค่ะ”“เขายังส่งรูปถ่ายรวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ของคุณมาให้กับฉัน ให้ฉันช่วยเหลือคุณต่อจากนี้ไปค่ะ”จู่ ๆ ฉู่เฉินก็พูดขึ้นว่า “ผมเข้าใจแล้ว ตอนนี้ผมก็อยู่ในบริษัท ถ้ามีอะไรผมจะสั่งการไปที่คุณละกัน”ณ ห้องทำงานของรองผู้อำนวยการพอหลินชวงอู่วางสายแล้วก็รีบเรียกเลขามาทันที แล้วสั่งขึ้นว่า “ผู้อำนวยการฉู่ผู้ดูแลบริษัทคนใหม่ได้มาถึงแล้ว น่าจะมาแอบมาเยี่ยมดู เธอรีบไปแจ้งให้ผู้ดูแลแต่ละแผนกทราบ ให้พวกเขากำชับพนักงานให้ดี จะต้องดูดีที่สุดในที่ทำงาน”“ฉันได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนตรงหน้าแล้ว ว่าหากใครทำให้ผู้อำนวยการฉู่ไม่พอใจ ก็รีบเก็บของออกไปจากที่นี่ซะ!”“ค่ะ ผู้อำนวยการหลิน!” เลขาตกใ
เจิ้งหงโกรธมากจนแทบจะกระอักเลือด “แกต่างหากล่ะที่เป็นพวกรักร่วมเพศ โคตรเง้าของแกเป็นพวกรักร่วมเพศกันหมด ออกไป รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้”ฉู่เฉินถามขึ้นว่า “ในเมื่อคุณไม่ใช่พวกรักร่วมเพศ แล้วทำไมคุณถึงเลือกคนให้เหมาะผ่านราศีล่ะ?”“เพราะฉันเป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฉันพูดแล้วคนอื่นก็ต้องทำ ไอ้เด็กอย่างแกทำอะไรฉันได้ล่ะ? จะตบฉันเหรอ?” เจิ้งหงเยาะเย้ย และพูดอย่างภาคภูมิใจ“เพี้ยะ!”พอเขาพูดจบ ใบหน้าก็ถูกตบอย่างแรงเจิ้งหงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาจับหน้าแล้วมองดูฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไอ้หนุ่ม แก……แกกล้าตบฉันงั้นเหรอ?”“ผมไม่เพียงแต่กล้าตบคุณ แต่ยังไล่คุณออกไปได้ด้วย คุณเชื่อไหมล่ะ?” ฉู่เฉินพูดด้วยสีหน้าไม่แยแสและเจิ้งหงก็พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองว่า “ไล่ฉันออกงั้นเหรอ? ไอ้หนุ่ม ก็แค่แกอ่ะนะ? แกคิดว่าแกเป็นผู้อำนวยการคนใหม่หรือไงกัน?”“แกกล้าตบฉัน แกจบเห่แล้ว แกรอฉันก่อนเถอะ!”เขาไม่พูดอะไรต่อแล้วรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร “พี่จ้าว พายามมาที่ห้องทำงานฉันหน่อย มีคนก่อเรื่องขึ้นที่นี่”ไม่นาน ชายร่างสูงห้าคนที่อยู่ในเครื่องแบบก็พุ่งเข้ามาทันที“พี่จ้าว ก็คือไอ้หนุ่มนี่
“ห้านาทีสิบวินาที……” ฉู่เฉินมองหลินชวงอู่ด้วยสายตาไม่แยแส “เธอสายแล้ว”“ต้องขอประทานโทษจริงๆค่ะ ผู้อำนวยการฉู่” หัวใจของหลินชวงอู่สั่นไปหมดทันใดนั้น สถานที่แห่งนี้ก็เงียบลงการกระทำนี้ของหลินชวงอู่ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างพากันตกตะลึงดวงตาของเจิ้งหงเบิกกว้างขึ้นซึ่งจะต้องรู้ว่า หลินชวงอู่เป็นถึงรองผู้อำนวยการของบริษัท ซึ่งมีสถานะรองมาจากผู้อำนวยเท่านั้นเดี๋ยวนะ……เธอเรียกไอ้หนุ่มนี่ว่าอะไรนะ?ผะผู้……ผู้อำนวยการฉู่……ในขณะนั้น เจิ้งหงตัวสั่นอย่างรุนแรง ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น และมองดูฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณ……คุณคือผู้อำนวยการฉู่คนใหม่อย่างงั้นเหรอ?”อะไรนะ?เขาก็คือผู้อำนวยการฉู่คนใหม่งั้นเหรอ?จ้าวปินและคนอื่น ๆ ที่ได้ยินแบบนี้ ต่างก็พากันตัวแข็ง และตัวสั่นด้วยความกลัวฉู่เฉินไขว้ขา แล้วมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ยังจำที่ผมคุยกับคุณเมื่อกี้ได้อยู่ไหม? ผมไม่เพียงแต่กล้าตบคุณ แต่ยังไล่คุณออกไปได้ด้วย”“ตอนนี้ คุณเชื่อหรือยัง?”ทันทีที่เขาพูดออกมา เจิ้งหงตัวสั่นอย่างรุนแรง และรีบตบตัวเองแรง ๆ ทันที “ขอ……ขอโทษครับ ผู้อำนวยการฉู่ เป็นผมที่ดูถูกคนอื่น
ในที่สุด ถังรั่วเวยก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ว่า “หวังซวี่ หนุ่มคนนั้นเข้าไปสัมภาษณ์จนเกือบจะเที่ยงอยู่แล้วนะ ทำไมยังไม่ออกมาอีก?”“วางใจเถอะ รั่วเวย ก่อนหน้านี้ผมได้บอกกล่าวกับลุงของผมเอาไว้แล้ว ไอ้หนุ่มนั่นไม่มีทางผ่านการสัมภาษณ์ไปได้หรอก” แม้ว่าหวังซวี่จะอยากรู้อยากเห็นมากเช่นกัน แต่ก็ยังพูดปลอบใจด้วยรอยยิ้มออกไปเฉินย่าพูดอย่างยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น “ใช่แล้ว รั่วเวย คุณลุงของหวังซวี่เป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลเชียวนะ มีอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายและสรรหาพนักงาน ตราบใดที่เขาไม่พยักหน้า คู่หมั้นคนบ้านนอกของเธอก็อย่าคิดที่จะเข้ามาในบริษัทของเราได้”หลังจากที่ทั้งสองปลอบแบบนี้ ในใจของถังรั่วเวยที่หงุดหงิดอยู่ก็สงบลงไปเล็กน้อยในเวลานี้ เห็นเพียงเจิ้งหงที่เหน็บกระเป๋าหนังอยู่ใต้วงแขน และเดินออกมาอย่างเร่งรีบ ดวงตาของหวังซวี่เป็นประกายขึ้น แล้วรีบเข้าไปหาเขาทันที “คุณลุง เป็นไงบ้างครับ? คุณลุงไม่ปล่อยให้ไอ้หนุ่มนั่นผ่านการสัมภาษณ์ใช่ไหมครับ?”“เพี้ยะ!”ใครจะไปคิดว่าเจิ้งหงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตบเขาไปหนึ่งฉาดเสียแล้ว ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าซีดเซียวว่า “ไอ้โง่ ฉันเกือบโดนแกฆ่าตายอย
“วางใจได้เลย พวกเราไม่พูดออกไปแน่นอน เธอรีบพูดมาเถอะน่า”ทุกคนรบเร้ากันใหญ่เฉินย่ายิ้มเยาะและพูดว่า “ว่ากันว่าผู้จัดการเจิ้งหงในตอนที่สัมภาษณ์ไอ้หนุ่มนั่นอยู่ ก็สร้างความยากลำบากขึ้นทุกรูปแบบ แล้วผลคือผู้อำนวยการฉู่ที่มาแอบมาดูงานโดยไม่บอกกล่าวก็ได้มาเห็นเข้า ผู้อำนวยการฉู่ท่านโกรธมาก และเรียกรองผู้อำนวยการหลินมาเป็นพิเศษ จากนั้นผู้จัดการเจิ้งหงก็ถูกตำหนิยกใหญ่”ทันใดนั้นหวังซวี่ก็ตระหนักขึ้นได้ “ฉันก็ถึงว่า ทำไมตอนที่ลุงของฉันเห็นฉันก็รู้สึกราวกับเห็นศัตรูที่ไปฆ่าพ่อของเขา ทั้งยังพูดด้วยว่าฉันเกือบทำให้เขาตาย นั่นเป็นเพราะผู้จัดการฉู่ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นใหม่มาเห็นเข้านี่เอง”“รั่วเวย เธอก็ได้ยินหมดแล้วใช่ไหมล่ะ? เรื่องนี้โทษผมไม่ได้นะ ต้องโทษโชคชะตาของไอ้หนุ่มนั่น”“นับว่าหนุ่มนั่นโชคดี” สีหน้าของถังรั่วเวยดูแย่อย่างหาที่เปรียบมิได้หวังซวี่พูดปลอบขึ้นว่า “เธอวางใจเถอะ ผมจะหาเหตุผลมาไล่ไอ้หนุ่มนั่นออกไปทีหลังเอง”ในไม่ช้า ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว หวังซวี่จะต้องไปเจรจาสัญญา และจะพาถังรั่วเวยกับคนอื่น ๆ ไปดูงานด้วยเดิมทีฉู่เฉินไม่ได้วางแผนที่จะไปด้วย แต่พอเห็นว่าถังรั่วเวยไปด้
“คุณอยู่ที่ไหนกันแน่?”ฉินปิงเยว่กัดฟัน และพูดทั้งน้ำตาว่า “ตราบใดที่คุณสามารถช่วยปู่ของฉันได้ ฉันฉินปิงเยว่ก็เต็มใจที่จะปรนนิบัติพัดวีให้คุณทุกอย่าง”และในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอรีบกดรับสายอย่างแทบจะรอไม่ไหว “เฉินเอ้อโกว่ ปะเป็น……เป็นไงบ้าง? หาคนนั้นเจอหรือยัง?”“คุณหนูฉิน ผมเจอแล้วครับ คนคนนั้นบอกว่าพวกคุณจะต้องไปที่ห้องส่วนตัวหมายเลข 802 ของโรงแรมรอยัลด้วยตัวเอง เพื่อขอโทษเขาครับ” คนปลายสายพูดอย่างรวดเร็วพอได้ยินแบบนี้ ฉินปิงเยว่ไม่เพียงจะไม่ได้โกรธ แต่กลับร้องไห้อย่างดีใจออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “ได้ ๆ ๆ ”“เข้ามา ไปเตรียมรถ แล้วรีบไปที่โรงแรมรอยัลกัน!”ณ ห้องส่วนตัวหมายเลข 802 ของโรงแรมรอยัลบนโต๊ะกระจกทรงกลมขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยอาหารสุดหรูมากมายหลายชนิด รวมถึงไวน์ชื่อดังอีกจำนวนหนึ่งหวังซวี่ที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนังยกแก้วไวน์แดงขึ้นมา ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดกับชายวัยกลางคนที่อยู่ไกลออกไปว่า “ประธานเฉิน แก้วนี้ผมขออวยพรให้ท่านครับ ขอบคุณที่ท่านให้เกียรติมางานเลี้ยงในวันนี้ครับ”“ผมขอดื่มให้ก่อนตามมารยาทนะครับ”โดยไม่รอให้ประธานเฉินตอบ เขาก็ดื่มไวน์แดงหนึ่ง
ทุกคนหันหน้าไปมอง และเห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังก้าวเดินเข้ามาโดยเอามือสองข้างล้วงไว้ในกระเป๋า“ฉู่เฉิน?”หวังซวี่และคนอื่น ๆ อุทานขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกันถังรั่วเวยรู้สึกประหลาดใจ และในใจก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเอ่อล้นออกมา“ไอ้หนุ่ม นายพูดว่าแม่งแกกับใครเหรอ? เรื่องของฉันนายก็กล้ายุ่งด้วยเหรอ?” เฉินติงเทียนมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชาฉู่เฉินไม่ได้พูดอะไร แต่เดินไปข้าง ๆ ถังรั่วเวย แล้วดึงเธอไปไว้ข้างหลังเขาจากนั้น เขาก็หยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาหนึ่งขวด แล้วไม่พูดพร่ำทำเพลงก่อนจะฟาดลงไปบนหัวของเฉินติงเทียน “ผู้หญิงของฉันฉู่เฉิน แกก็กล้าแตะเหรอ?”“อ๊าก ๆ ๆ ๆ!”เฉินติงเทียนกรีดร้อง แล้วรีบเอามือปิดศีรษะทันที จากนั้นเลือดสีแดงก็ไหลออกมาตามซอกนิ้วของเขาเมื่อถังรั่วเวยและคนอื่น ๆ เห็นแบบนี้ก็ตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง จากนั้นใบหน้าก็ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาต้องทราบก่อนว่า เฉินติงเทียนนั้นเป็นถึงผู้จัดการทั่วไปของตี้หาวกรุ๊ป และตอนนี้ก็ถูกฉู่เฉินทุบตีเข้าให้เสียแล้วนี่มันก่อปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว! เฉินติงเทียนกุมหัว แล้วตะคอกขึ้นมาอย่างแรง “ไอ้เศษสวะ แกกล้าดียังไ