“คุณจะรีบไปไหน? เดี๋ยวทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว ทำความรู้จักกันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า”ในตาของหวังซวี่มีแววตาเยือกเย็นแวบเข้ามา จากนั้นก็ริเริ่มยื่นมือออกไปที่ฉู่เฉิน แล้วพูดอย่างโอ้อวดว่า “ผมแนะนำตัวเองหน่อยนะ ผมหวังซวี่ ตอนนี้เป็นผู้จัดการการตลาดแผนกสอง เป็นเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าของรั่วเวยน่ะ”ฉู่เฉินเห็นถึงรอยยิ้มอันชั่วร้ายนี้ และเข้าใจได้ในทันที เขาจึงยื่นมือออกไป แล้วพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ฉู่เฉิน”เมื่อเห็นทั้งสองจับมือกัน กัวรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองอย่างดีใจที่คนอื่นต้องประสบกับความโชคร้ายอย่างลืมตัวขึ้นมาซึ่งต้องรู้ก่อนว่า ความแข็งแกร่งของหวังซวี่นั้นเลื่องลือมาก เขาเคยจับมือกับหวังซวี่อยู่ครั้งหนึ่ง แล้วนิ้วมือก็แทบจะหัก จากนั้นผ่านไปสามวันก็ปวดขึ้นมา นี่ยังเป็นผลมาจากการออมมือแล้วของหวังซวี่คนบ้านนอกที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กำลังจะทำให้ตัวเองดูโง่เขลาเสียแล้วและเป็นดังที่คาดไว้ ในขณะที่ฉู่เฉินและหวังซวี่จับมือกัน ฉู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่บีบเขาอยู่แต่เมื่อมองดูการแสดงออกของหวังซวี่ มันก็เต็มไปด้วยการล้อเล่นและคาดหวังเขาก็แค่อยากให้ฉู่เฉินอับอายขึ้นมาในตอนท
ผู้หญิงคนนั้นรีบพูดขึ้นว่า “ผู้อำนวยการฉู่คะ ฉันคือหลินชวงอู่รองผู้อำนวยการของแจฟฟรีย์กรุ๊ปค่ะ คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวหลินก็ได้ค่ะ”“ก็คือเมื่อวานนี้ บริษัทได้จัดการประชุมผู้ถือหุ้นขึ้นค่ะ คุณชายฉู่เซี่ยงตงของตี้หาวกรุ๊ปได้ประกาศขึ้นต่อที่ประชุมว่า หุ้นเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในมือของเขานั้นได้โอนไปให้กับคุณแล้ว นั่นหมายความว่าตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นมา คุณก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและเป็นผู้อำนวยการของบริษัทด้วยค่ะ”“เขายังส่งรูปถ่ายรวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ของคุณมาให้กับฉัน ให้ฉันช่วยเหลือคุณต่อจากนี้ไปค่ะ”จู่ ๆ ฉู่เฉินก็พูดขึ้นว่า “ผมเข้าใจแล้ว ตอนนี้ผมก็อยู่ในบริษัท ถ้ามีอะไรผมจะสั่งการไปที่คุณละกัน”ณ ห้องทำงานของรองผู้อำนวยการพอหลินชวงอู่วางสายแล้วก็รีบเรียกเลขามาทันที แล้วสั่งขึ้นว่า “ผู้อำนวยการฉู่ผู้ดูแลบริษัทคนใหม่ได้มาถึงแล้ว น่าจะมาแอบมาเยี่ยมดู เธอรีบไปแจ้งให้ผู้ดูแลแต่ละแผนกทราบ ให้พวกเขากำชับพนักงานให้ดี จะต้องดูดีที่สุดในที่ทำงาน”“ฉันได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนตรงหน้าแล้ว ว่าหากใครทำให้ผู้อำนวยการฉู่ไม่พอใจ ก็รีบเก็บของออกไปจากที่นี่ซะ!”“ค่ะ ผู้อำนวยการหลิน!” เลขาตกใ
เจิ้งหงโกรธมากจนแทบจะกระอักเลือด “แกต่างหากล่ะที่เป็นพวกรักร่วมเพศ โคตรเง้าของแกเป็นพวกรักร่วมเพศกันหมด ออกไป รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้”ฉู่เฉินถามขึ้นว่า “ในเมื่อคุณไม่ใช่พวกรักร่วมเพศ แล้วทำไมคุณถึงเลือกคนให้เหมาะผ่านราศีล่ะ?”“เพราะฉันเป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฉันพูดแล้วคนอื่นก็ต้องทำ ไอ้เด็กอย่างแกทำอะไรฉันได้ล่ะ? จะตบฉันเหรอ?” เจิ้งหงเยาะเย้ย และพูดอย่างภาคภูมิใจ“เพี้ยะ!”พอเขาพูดจบ ใบหน้าก็ถูกตบอย่างแรงเจิ้งหงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาจับหน้าแล้วมองดูฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไอ้หนุ่ม แก……แกกล้าตบฉันงั้นเหรอ?”“ผมไม่เพียงแต่กล้าตบคุณ แต่ยังไล่คุณออกไปได้ด้วย คุณเชื่อไหมล่ะ?” ฉู่เฉินพูดด้วยสีหน้าไม่แยแสและเจิ้งหงก็พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองว่า “ไล่ฉันออกงั้นเหรอ? ไอ้หนุ่ม ก็แค่แกอ่ะนะ? แกคิดว่าแกเป็นผู้อำนวยการคนใหม่หรือไงกัน?”“แกกล้าตบฉัน แกจบเห่แล้ว แกรอฉันก่อนเถอะ!”เขาไม่พูดอะไรต่อแล้วรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร “พี่จ้าว พายามมาที่ห้องทำงานฉันหน่อย มีคนก่อเรื่องขึ้นที่นี่”ไม่นาน ชายร่างสูงห้าคนที่อยู่ในเครื่องแบบก็พุ่งเข้ามาทันที“พี่จ้าว ก็คือไอ้หนุ่มนี่
“ห้านาทีสิบวินาที……” ฉู่เฉินมองหลินชวงอู่ด้วยสายตาไม่แยแส “เธอสายแล้ว”“ต้องขอประทานโทษจริงๆค่ะ ผู้อำนวยการฉู่” หัวใจของหลินชวงอู่สั่นไปหมดทันใดนั้น สถานที่แห่งนี้ก็เงียบลงการกระทำนี้ของหลินชวงอู่ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างพากันตกตะลึงดวงตาของเจิ้งหงเบิกกว้างขึ้นซึ่งจะต้องรู้ว่า หลินชวงอู่เป็นถึงรองผู้อำนวยการของบริษัท ซึ่งมีสถานะรองมาจากผู้อำนวยเท่านั้นเดี๋ยวนะ……เธอเรียกไอ้หนุ่มนี่ว่าอะไรนะ?ผะผู้……ผู้อำนวยการฉู่……ในขณะนั้น เจิ้งหงตัวสั่นอย่างรุนแรง ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น และมองดูฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณ……คุณคือผู้อำนวยการฉู่คนใหม่อย่างงั้นเหรอ?”อะไรนะ?เขาก็คือผู้อำนวยการฉู่คนใหม่งั้นเหรอ?จ้าวปินและคนอื่น ๆ ที่ได้ยินแบบนี้ ต่างก็พากันตัวแข็ง และตัวสั่นด้วยความกลัวฉู่เฉินไขว้ขา แล้วมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ยังจำที่ผมคุยกับคุณเมื่อกี้ได้อยู่ไหม? ผมไม่เพียงแต่กล้าตบคุณ แต่ยังไล่คุณออกไปได้ด้วย”“ตอนนี้ คุณเชื่อหรือยัง?”ทันทีที่เขาพูดออกมา เจิ้งหงตัวสั่นอย่างรุนแรง และรีบตบตัวเองแรง ๆ ทันที “ขอ……ขอโทษครับ ผู้อำนวยการฉู่ เป็นผมที่ดูถูกคนอื่น
ในที่สุด ถังรั่วเวยก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ว่า “หวังซวี่ หนุ่มคนนั้นเข้าไปสัมภาษณ์จนเกือบจะเที่ยงอยู่แล้วนะ ทำไมยังไม่ออกมาอีก?”“วางใจเถอะ รั่วเวย ก่อนหน้านี้ผมได้บอกกล่าวกับลุงของผมเอาไว้แล้ว ไอ้หนุ่มนั่นไม่มีทางผ่านการสัมภาษณ์ไปได้หรอก” แม้ว่าหวังซวี่จะอยากรู้อยากเห็นมากเช่นกัน แต่ก็ยังพูดปลอบใจด้วยรอยยิ้มออกไปเฉินย่าพูดอย่างยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น “ใช่แล้ว รั่วเวย คุณลุงของหวังซวี่เป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลเชียวนะ มีอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายและสรรหาพนักงาน ตราบใดที่เขาไม่พยักหน้า คู่หมั้นคนบ้านนอกของเธอก็อย่าคิดที่จะเข้ามาในบริษัทของเราได้”หลังจากที่ทั้งสองปลอบแบบนี้ ในใจของถังรั่วเวยที่หงุดหงิดอยู่ก็สงบลงไปเล็กน้อยในเวลานี้ เห็นเพียงเจิ้งหงที่เหน็บกระเป๋าหนังอยู่ใต้วงแขน และเดินออกมาอย่างเร่งรีบ ดวงตาของหวังซวี่เป็นประกายขึ้น แล้วรีบเข้าไปหาเขาทันที “คุณลุง เป็นไงบ้างครับ? คุณลุงไม่ปล่อยให้ไอ้หนุ่มนั่นผ่านการสัมภาษณ์ใช่ไหมครับ?”“เพี้ยะ!”ใครจะไปคิดว่าเจิ้งหงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตบเขาไปหนึ่งฉาดเสียแล้ว ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าซีดเซียวว่า “ไอ้โง่ ฉันเกือบโดนแกฆ่าตายอย
“วางใจได้เลย พวกเราไม่พูดออกไปแน่นอน เธอรีบพูดมาเถอะน่า”ทุกคนรบเร้ากันใหญ่เฉินย่ายิ้มเยาะและพูดว่า “ว่ากันว่าผู้จัดการเจิ้งหงในตอนที่สัมภาษณ์ไอ้หนุ่มนั่นอยู่ ก็สร้างความยากลำบากขึ้นทุกรูปแบบ แล้วผลคือผู้อำนวยการฉู่ที่มาแอบมาดูงานโดยไม่บอกกล่าวก็ได้มาเห็นเข้า ผู้อำนวยการฉู่ท่านโกรธมาก และเรียกรองผู้อำนวยการหลินมาเป็นพิเศษ จากนั้นผู้จัดการเจิ้งหงก็ถูกตำหนิยกใหญ่”ทันใดนั้นหวังซวี่ก็ตระหนักขึ้นได้ “ฉันก็ถึงว่า ทำไมตอนที่ลุงของฉันเห็นฉันก็รู้สึกราวกับเห็นศัตรูที่ไปฆ่าพ่อของเขา ทั้งยังพูดด้วยว่าฉันเกือบทำให้เขาตาย นั่นเป็นเพราะผู้จัดการฉู่ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นใหม่มาเห็นเข้านี่เอง”“รั่วเวย เธอก็ได้ยินหมดแล้วใช่ไหมล่ะ? เรื่องนี้โทษผมไม่ได้นะ ต้องโทษโชคชะตาของไอ้หนุ่มนั่น”“นับว่าหนุ่มนั่นโชคดี” สีหน้าของถังรั่วเวยดูแย่อย่างหาที่เปรียบมิได้หวังซวี่พูดปลอบขึ้นว่า “เธอวางใจเถอะ ผมจะหาเหตุผลมาไล่ไอ้หนุ่มนั่นออกไปทีหลังเอง”ในไม่ช้า ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว หวังซวี่จะต้องไปเจรจาสัญญา และจะพาถังรั่วเวยกับคนอื่น ๆ ไปดูงานด้วยเดิมทีฉู่เฉินไม่ได้วางแผนที่จะไปด้วย แต่พอเห็นว่าถังรั่วเวยไปด้
“คุณอยู่ที่ไหนกันแน่?”ฉินปิงเยว่กัดฟัน และพูดทั้งน้ำตาว่า “ตราบใดที่คุณสามารถช่วยปู่ของฉันได้ ฉันฉินปิงเยว่ก็เต็มใจที่จะปรนนิบัติพัดวีให้คุณทุกอย่าง”และในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอรีบกดรับสายอย่างแทบจะรอไม่ไหว “เฉินเอ้อโกว่ ปะเป็น……เป็นไงบ้าง? หาคนนั้นเจอหรือยัง?”“คุณหนูฉิน ผมเจอแล้วครับ คนคนนั้นบอกว่าพวกคุณจะต้องไปที่ห้องส่วนตัวหมายเลข 802 ของโรงแรมรอยัลด้วยตัวเอง เพื่อขอโทษเขาครับ” คนปลายสายพูดอย่างรวดเร็วพอได้ยินแบบนี้ ฉินปิงเยว่ไม่เพียงจะไม่ได้โกรธ แต่กลับร้องไห้อย่างดีใจออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “ได้ ๆ ๆ ”“เข้ามา ไปเตรียมรถ แล้วรีบไปที่โรงแรมรอยัลกัน!”ณ ห้องส่วนตัวหมายเลข 802 ของโรงแรมรอยัลบนโต๊ะกระจกทรงกลมขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยอาหารสุดหรูมากมายหลายชนิด รวมถึงไวน์ชื่อดังอีกจำนวนหนึ่งหวังซวี่ที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนังยกแก้วไวน์แดงขึ้นมา ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดกับชายวัยกลางคนที่อยู่ไกลออกไปว่า “ประธานเฉิน แก้วนี้ผมขออวยพรให้ท่านครับ ขอบคุณที่ท่านให้เกียรติมางานเลี้ยงในวันนี้ครับ”“ผมขอดื่มให้ก่อนตามมารยาทนะครับ”โดยไม่รอให้ประธานเฉินตอบ เขาก็ดื่มไวน์แดงหนึ่ง
ทุกคนหันหน้าไปมอง และเห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังก้าวเดินเข้ามาโดยเอามือสองข้างล้วงไว้ในกระเป๋า“ฉู่เฉิน?”หวังซวี่และคนอื่น ๆ อุทานขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกันถังรั่วเวยรู้สึกประหลาดใจ และในใจก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเอ่อล้นออกมา“ไอ้หนุ่ม นายพูดว่าแม่งแกกับใครเหรอ? เรื่องของฉันนายก็กล้ายุ่งด้วยเหรอ?” เฉินติงเทียนมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชาฉู่เฉินไม่ได้พูดอะไร แต่เดินไปข้าง ๆ ถังรั่วเวย แล้วดึงเธอไปไว้ข้างหลังเขาจากนั้น เขาก็หยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาหนึ่งขวด แล้วไม่พูดพร่ำทำเพลงก่อนจะฟาดลงไปบนหัวของเฉินติงเทียน “ผู้หญิงของฉันฉู่เฉิน แกก็กล้าแตะเหรอ?”“อ๊าก ๆ ๆ ๆ!”เฉินติงเทียนกรีดร้อง แล้วรีบเอามือปิดศีรษะทันที จากนั้นเลือดสีแดงก็ไหลออกมาตามซอกนิ้วของเขาเมื่อถังรั่วเวยและคนอื่น ๆ เห็นแบบนี้ก็ตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง จากนั้นใบหน้าก็ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาต้องทราบก่อนว่า เฉินติงเทียนนั้นเป็นถึงผู้จัดการทั่วไปของตี้หาวกรุ๊ป และตอนนี้ก็ถูกฉู่เฉินทุบตีเข้าให้เสียแล้วนี่มันก่อปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว! เฉินติงเทียนกุมหัว แล้วตะคอกขึ้นมาอย่างแรง “ไอ้เศษสวะ แกกล้าดียังไ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่