ในที่สุด ถังรั่วเวยก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ว่า “หวังซวี่ หนุ่มคนนั้นเข้าไปสัมภาษณ์จนเกือบจะเที่ยงอยู่แล้วนะ ทำไมยังไม่ออกมาอีก?”“วางใจเถอะ รั่วเวย ก่อนหน้านี้ผมได้บอกกล่าวกับลุงของผมเอาไว้แล้ว ไอ้หนุ่มนั่นไม่มีทางผ่านการสัมภาษณ์ไปได้หรอก” แม้ว่าหวังซวี่จะอยากรู้อยากเห็นมากเช่นกัน แต่ก็ยังพูดปลอบใจด้วยรอยยิ้มออกไปเฉินย่าพูดอย่างยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น “ใช่แล้ว รั่วเวย คุณลุงของหวังซวี่เป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลเชียวนะ มีอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายและสรรหาพนักงาน ตราบใดที่เขาไม่พยักหน้า คู่หมั้นคนบ้านนอกของเธอก็อย่าคิดที่จะเข้ามาในบริษัทของเราได้”หลังจากที่ทั้งสองปลอบแบบนี้ ในใจของถังรั่วเวยที่หงุดหงิดอยู่ก็สงบลงไปเล็กน้อยในเวลานี้ เห็นเพียงเจิ้งหงที่เหน็บกระเป๋าหนังอยู่ใต้วงแขน และเดินออกมาอย่างเร่งรีบ ดวงตาของหวังซวี่เป็นประกายขึ้น แล้วรีบเข้าไปหาเขาทันที “คุณลุง เป็นไงบ้างครับ? คุณลุงไม่ปล่อยให้ไอ้หนุ่มนั่นผ่านการสัมภาษณ์ใช่ไหมครับ?”“เพี้ยะ!”ใครจะไปคิดว่าเจิ้งหงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตบเขาไปหนึ่งฉาดเสียแล้ว ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าซีดเซียวว่า “ไอ้โง่ ฉันเกือบโดนแกฆ่าตายอย
“วางใจได้เลย พวกเราไม่พูดออกไปแน่นอน เธอรีบพูดมาเถอะน่า”ทุกคนรบเร้ากันใหญ่เฉินย่ายิ้มเยาะและพูดว่า “ว่ากันว่าผู้จัดการเจิ้งหงในตอนที่สัมภาษณ์ไอ้หนุ่มนั่นอยู่ ก็สร้างความยากลำบากขึ้นทุกรูปแบบ แล้วผลคือผู้อำนวยการฉู่ที่มาแอบมาดูงานโดยไม่บอกกล่าวก็ได้มาเห็นเข้า ผู้อำนวยการฉู่ท่านโกรธมาก และเรียกรองผู้อำนวยการหลินมาเป็นพิเศษ จากนั้นผู้จัดการเจิ้งหงก็ถูกตำหนิยกใหญ่”ทันใดนั้นหวังซวี่ก็ตระหนักขึ้นได้ “ฉันก็ถึงว่า ทำไมตอนที่ลุงของฉันเห็นฉันก็รู้สึกราวกับเห็นศัตรูที่ไปฆ่าพ่อของเขา ทั้งยังพูดด้วยว่าฉันเกือบทำให้เขาตาย นั่นเป็นเพราะผู้จัดการฉู่ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นใหม่มาเห็นเข้านี่เอง”“รั่วเวย เธอก็ได้ยินหมดแล้วใช่ไหมล่ะ? เรื่องนี้โทษผมไม่ได้นะ ต้องโทษโชคชะตาของไอ้หนุ่มนั่น”“นับว่าหนุ่มนั่นโชคดี” สีหน้าของถังรั่วเวยดูแย่อย่างหาที่เปรียบมิได้หวังซวี่พูดปลอบขึ้นว่า “เธอวางใจเถอะ ผมจะหาเหตุผลมาไล่ไอ้หนุ่มนั่นออกไปทีหลังเอง”ในไม่ช้า ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว หวังซวี่จะต้องไปเจรจาสัญญา และจะพาถังรั่วเวยกับคนอื่น ๆ ไปดูงานด้วยเดิมทีฉู่เฉินไม่ได้วางแผนที่จะไปด้วย แต่พอเห็นว่าถังรั่วเวยไปด้
“คุณอยู่ที่ไหนกันแน่?”ฉินปิงเยว่กัดฟัน และพูดทั้งน้ำตาว่า “ตราบใดที่คุณสามารถช่วยปู่ของฉันได้ ฉันฉินปิงเยว่ก็เต็มใจที่จะปรนนิบัติพัดวีให้คุณทุกอย่าง”และในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอรีบกดรับสายอย่างแทบจะรอไม่ไหว “เฉินเอ้อโกว่ ปะเป็น……เป็นไงบ้าง? หาคนนั้นเจอหรือยัง?”“คุณหนูฉิน ผมเจอแล้วครับ คนคนนั้นบอกว่าพวกคุณจะต้องไปที่ห้องส่วนตัวหมายเลข 802 ของโรงแรมรอยัลด้วยตัวเอง เพื่อขอโทษเขาครับ” คนปลายสายพูดอย่างรวดเร็วพอได้ยินแบบนี้ ฉินปิงเยว่ไม่เพียงจะไม่ได้โกรธ แต่กลับร้องไห้อย่างดีใจออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “ได้ ๆ ๆ ”“เข้ามา ไปเตรียมรถ แล้วรีบไปที่โรงแรมรอยัลกัน!”ณ ห้องส่วนตัวหมายเลข 802 ของโรงแรมรอยัลบนโต๊ะกระจกทรงกลมขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยอาหารสุดหรูมากมายหลายชนิด รวมถึงไวน์ชื่อดังอีกจำนวนหนึ่งหวังซวี่ที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนังยกแก้วไวน์แดงขึ้นมา ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดกับชายวัยกลางคนที่อยู่ไกลออกไปว่า “ประธานเฉิน แก้วนี้ผมขออวยพรให้ท่านครับ ขอบคุณที่ท่านให้เกียรติมางานเลี้ยงในวันนี้ครับ”“ผมขอดื่มให้ก่อนตามมารยาทนะครับ”โดยไม่รอให้ประธานเฉินตอบ เขาก็ดื่มไวน์แดงหนึ่ง
ทุกคนหันหน้าไปมอง และเห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังก้าวเดินเข้ามาโดยเอามือสองข้างล้วงไว้ในกระเป๋า“ฉู่เฉิน?”หวังซวี่และคนอื่น ๆ อุทานขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกันถังรั่วเวยรู้สึกประหลาดใจ และในใจก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเอ่อล้นออกมา“ไอ้หนุ่ม นายพูดว่าแม่งแกกับใครเหรอ? เรื่องของฉันนายก็กล้ายุ่งด้วยเหรอ?” เฉินติงเทียนมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชาฉู่เฉินไม่ได้พูดอะไร แต่เดินไปข้าง ๆ ถังรั่วเวย แล้วดึงเธอไปไว้ข้างหลังเขาจากนั้น เขาก็หยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาหนึ่งขวด แล้วไม่พูดพร่ำทำเพลงก่อนจะฟาดลงไปบนหัวของเฉินติงเทียน “ผู้หญิงของฉันฉู่เฉิน แกก็กล้าแตะเหรอ?”“อ๊าก ๆ ๆ ๆ!”เฉินติงเทียนกรีดร้อง แล้วรีบเอามือปิดศีรษะทันที จากนั้นเลือดสีแดงก็ไหลออกมาตามซอกนิ้วของเขาเมื่อถังรั่วเวยและคนอื่น ๆ เห็นแบบนี้ก็ตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง จากนั้นใบหน้าก็ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาต้องทราบก่อนว่า เฉินติงเทียนนั้นเป็นถึงผู้จัดการทั่วไปของตี้หาวกรุ๊ป และตอนนี้ก็ถูกฉู่เฉินทุบตีเข้าให้เสียแล้วนี่มันก่อปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว! เฉินติงเทียนกุมหัว แล้วตะคอกขึ้นมาอย่างแรง “ไอ้เศษสวะ แกกล้าดียังไ
เธอยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ จนสุดท้ายก็หลั่งน้ำตาแห่งความคับข้องใจออกมาฉู่เฉินมองดูเธออย่างผิดหวัง แต่ก็ยังยิ้มอยู่ “แล้วถ้าผมไม่ขอโทษมันล่ะ?”ถังรั่วเวยโกรธแทบตาย เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “งั้นคุณก็ออกไปซะ ตั้งแต่นี้ฉันไม่อยากเจอคุณอีก”หลังจากพูดแบบนี้ เดิมทีเธอคิดว่าฉู่เฉินจะมีท่าทีที่เสียใจขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็ไปขอโทษเฉินติงเทียนใครจะรู้ว่าฉู่เฉินจะยักไหล่ แล้วพูดอย่างไม่สนใจว่า “ได้ ผมไป”หลังจากพูดประโยคนี้เสร็จ ฉู่เฉินหันตัวแล้วเดินออกไปอย่างเรียบง่ายและเด็ดขาดมากถังรั่วเวยอดที่จะตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้ ในใจมีความเสียใจผุดขึ้นมา ท้ายที่สุดถ้าให้พูดจริง ๆ ฉู่เฉินก็ทำไปเพื่อปกป้องตัวเธอเองทั้งนั้นแต่พอคิดถึงเรื่องเดือดร้อนที่เขาก่อขึ้นมา ในใจของเธอก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธทันทีหวังซวี่รีบก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดกับเฉินติงเทียนด้วยใบหน้าที่ประจบประแจงว่า “ประธานเฉินครับ บาดแผลบนศีรษะของท่านล้วนเกิดจากไอ้หนุ่มฉู่เฉินที่เป็นคนตี พวกเราไม่เกี่ยวด้วยนะครับ”“ใช่ค่ะประธานเฉิน หากท่านอยากแก้แค้นโปรดจงไปหาเขาเถอะนะคะ อย่าโกรธพวกเราไปด้วยเลย” เฉินย่ากับกัวรุ่ยพูดอย่างตื
“เอาล่ะ เห็นแก่ความจริงใจของพวกคุณ ผมตกลง” ฉู่เฉินกล่าวอย่างราบเรียบ“ขอบคุณหมอวิเศษมากนะคะ!” ฉินปิงเยว่ร้องไห้ด้วยความดีใจ แล้วรีบเชิญเขาขึ้นรถทันทีพอดีกับที่ถังรั่วเวยกับหวังซวี่และคนอื่น ๆ เดินออกมาจากในโรงแรม ทั้งหลายต่างก็ตกใจกับรถโรลส์รอยซ์ทั้งสิบแปดคันที่อยู่ไม่ไกลออกไปโดยเฉพาะในตอนที่พวกเขาเห็นเข้า ว่าคนใหญ่คนโตเยอะแยะมากมายเหล่านี้ล้อมรอบติดตามชายหนุ่มคนหนึ่งขึ้นรถด้วยความเคารพอย่างสูง ใบหน้าก็ยิ่งเต็มไปด้วยความตกใจมากยิ่งขึ้นหลังจากที่ฉู่เฉินขึ้นรถไปแล้ว รถโรลส์รอยซ์ทั้งสิบแปดคันก็กลับหัวรถ แล้วขับออกไปท่ามกลางสายตาที่สั่นเทาของผู้คนนับไม่ถ้วนทันใดนั้นเฉินย่าที่นำหน้าอยู่ก็อุทานขึ้นมา พร้อมกับแววตาที่ไม่อยากจะเชื่อ“เฉินย่า คุณเป็นอะไรไป?” หวังซวี่มองไปที่เธออย่างงุนงงเฉินย่าชี้ไปที่รถโรลส์รอยซ์ทั้งสิบแปดคันที่กำลังขับออกไปอยู่ไกล ๆ แล้วพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “พวกคุณเห็นคนนั้นที่ขึ้นรถไปเมื่อกี้ไหม?”“ฉะฉัน……ฉันทำไมรู้สึกว่าคนคนนั้นเหมือนกับฉะฉู่……ฉู่เฉิน……”ทันทีที่เฉินย่าพูดจบ กัวรุ่ยก็ตะโกนขึ้นเสียงดังว่า “ให้ตายเถอะ ถ้าคุณไม่พูดผมก็ไม่สังเกต พอคุณพูดผมก็รู้สึ
พอเห็นฉู่เฉิน ซุนหย่างซินก็ประหลาดใจอย่างมาก และรีบก้าวเข้าไปหาพร้อมกับกำมือแล้วโค้งคำนับด้วยความอับอาย “ศิษย์น้องซื่อบื้อขอทำความเคารพต่อศิษย์พี่หมอวิเศษครับ”ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างตกใจต่อเหตุการณ์นี้ซึ่งต้องรู้ก่อนว่าชื่อเสียงหมอวิเศษซุนหย่างซินได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งหนานเจียง และตอนนี้เขาก็กำลังแสดงความเคารพแบบศิษย์น้องต่อเด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าคนหนึ่งงั้นเหรอ?ฉู่เฉินพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็ตั้งใจมองท่านปู่แห่งตระกูลฉินที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างระมัดระวังช่วงเวลาต่อมา สีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาทันที “ใครให้พวกคุณดึงเข็มเงินออกจากร่างของท่านปู่?”เขาทิ้งเข็มเงินทั้งเจ็ดเล่มเอาไว้บนร่างท่านปู่ฉิน เพื่อสำรองเอาไว้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนอื่นดึงออกไปฉินปิงเยว่ก้าวไปดูข้างหน้า สีหน้าก็ซีดเซียว แล้วรีบถามขึ้นเสียงดังว่า “ใครกัน?”เธอสั่งเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ว่าห้ามใครคนใดแตะต้องเข็มเงินบนร่างของคุณปู่ทั้งเจ็ดเล่มนั้น“คุณหนูฉิน ผมเองครับ” แพทย์แผนจีนเฒ่าผมหงอกท่านหนึ่งที่อยู่ในนี้ยืนขึ้นมา และพูดด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ “ดูเหมือนจุดฝังเข็มของท่านปู่ที่ฝัง
เขาไม่ได้ลังเลอีกต่อไป หลังจากที่สะบัดมือ เข็มเงินทั้งสิบสามเข็มก็ถูกนำออกมา“ซ่า ๆ ๆ”เข็มเงินทั้งสิบสามเข็มถูกฉู่เฉินสะบัดออกมา ไม่มีความผิดเพี้ยน แทงเข้าจุดกุ่ยเฟิง จุดกุ่ยกง จุดกุ่ยคู จุดกุ่ยเหลย จุดกุ่ยฉางและจุดฝังเข็มหลักสิบสามจุดหลักของคุณปู่ฉินอย่างแม่นยำ“วิ๊ง…”วินาทีนั้น พลังงานทางจิตวิญญาณของธรรมชาติก็กระสับกระส่าย และต่างก็เข้ามาในร่างกายของคุณปู่ฉินอย่างว่องไวนี่คือผลอันน่าอัศจรรย์ของเข็มสิบสามเข็มแห่งกุ่ยเหมิน ที่สามารถดึงดูดพลังงานทางจิตวิญญาณของธรรมชาติเข้าสู่ร่างกาย และฟื้นฟูความมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้เมื่อฉู่เฉินทำการฝังเข็ม อากาศข้างนอกเกิดการแปรปรวนขึ้นมาทันที มีสายฟ้าฟาดลงบนคฤหาสน์ตระกูลฉินในท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไปเพราะเข็มทั้งสิบสามของกุ่ยเหมินเป็นสิ่งต้องห้าม และการกระทำของฉู่เฉินก็เป็นการกระทำที่ต้องห้าม ดังนั้นจึงฟ้าผ่าลงมาเป็นการเตือนฉู่เฉินเลือกที่จะมองข้าม ป้อนพลังในร่างกายเข้าไปในเข็มเงินทั้งสิบสามเข็ม ส่งพลังวิญญาณแห่งสรรพสิ่งให้กับคุณปู่ฉินขั้นตอนนี้ใช้สมาธิและพลังงานมาก ตามเวลาที่ไหลผ่านไปช้า ๆ หน้าผากเขาเริ่มมีเหงื่อไหลออกมาไม่รู้ว่าผ่านไปน