แล้วแผนที่วางไว้ว่าจะนั่งเรือเที่ยวชมเกาะของเมลิดาก็เป็นอันต้องพักไว้ก่อนเพราะแผลยาวที่ฝ่าเท้าต้องให้หมอเย็บถึงสิบเข็ม หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่จะได้นั่งเรือออกทะเลทว่าก็ยังนึกยินดีที่มีชายหนุ่มชื่อภูมิคอยช่วยเหลือไปเสียทุกอย่าง
เขาพาเธอไปหาหมอ คอยช่วยพยุงร่างระหงตลอดเวลาที่ไปโรงพยาบาลจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นสามีภรรยามาด้วยกัน เมลิดาแอบเขินเล็ก ๆ ต่อท่าทีแสดงออกของชายหนุ่มเสมือนว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอจริง ๆ
และที่หญิงสาวประทับใจคือความอดทนที่ไม่มีขีดจำกัดแม้ต้องคอยนานต่อการทำแผลของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลรัฐกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงยามบ่ายกว่าเขาและเธอจะกลับมาถึงบังกะโล ร่างบอบบางต้องเดินเขย่งเท้าข้างหนึ่งซึ่งถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวขณะเดินจูงมือชายหนุ่มจนมาถึงที่พัก
“นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วคะที่เมย์รบกวนคุณภูมิ แย่จังเลย”
เมลิดาทอดถอนใจขณะนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกภายในห้องที่ภูมิช่วยเปิดประตูหน้าต่างให้ลมโกรกเข้ามาเย็นสบาย เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วใช้มือหนาจับเท้าเรียวดูแผลที่ถูกพันผ้าไว้อย่างดีก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่ติดกัน
“ถ้าคุณเมย์ไม่ออกแรงจนแผลฉีก อีกวันสองวันก็คงได้นั่งเรือไปเที่ยวตามเกาะ”
“เมย์คิดว่าคุณภูมิคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ถ้าเมย์ไม่สะเพร่าคงไม่ต้องลำบากคุณแบบนี้”
“ผมทำเพราะเต็มใจและไม่ได้คาดหวังอะไรด้วย ที่ทำไปกลัวคุณเมย์จะนึกรังเกียจด้วยซ้ำที่ผมเป็นแค่คนขับเรือรับจ้างไปวัน ๆ “
“ไม่นะคะคุณภูมิ!”
หญิงสาวรีบพูดเพื่อปกป้องความรู้สึกของคู่สนทนา เธอเริ่มเป็นกังวลแทนความนึกคิดของเขาโดยไม่รู้ตัว
“อย่าพูดแบบนั้นกับเมย์อีกนะคะ คุณภูมิเป็นคนดี ไม่เคยเอาเปรียบเมย์ มันไม่สำคัญสักนิดถ้าคุณจะเป็นคนขับเรือหรือทำอาชีพอะไร มันสำคัญที่เมย์มีคุณคอยช่วยเหลือในเวลาที่เมย์ไม่มีใคร.....สักคนเดียว”
“แม้แต่คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณเมย์หรือครับ?”
บทสนทนาราวกับสะดุดเหมือนหนังขาดตอน เมลิดาซึมลงไปเล็กน้อยและคิดว่าบางทีเธออาจปิดบังเขาไม่ได้ทุกเรื่อง แล้วเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเจ้าของร่างสูงดึงมือเรียวบางนั้นไปกุมไว้
“ผมอาจจะยังรู้อะไรไม่หมดเกี่ยวกับตัวคุณ แต่ถ้าเป็นคนอื่นเขาก็คงต้องเดาว่าทำไมจู่ ๆ คุณถึงต้องลาออกจากงานมาอยู่ที่นี่คนเดียว หรือถ้าให้ผมเดาเองคุณคงมีปัญหากับทางบ้าน ถ้าพ่อแม่คุณยังอยู่ที่นั่น คุณเมย์อาจไม่ต้องบอกผมก็ได้ถ้าไม่สบายใจ”
“เมย์หนีมาค่ะ!”
เมลิดาตัดสินใจพูดในเรื่องที่เธอคิดว่าควรลืมมันไปแล้วหากแต่ความทุกข์ก็ยังคงกัดกินความรู้สึกในส่วนลึกอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มนิ่งฟังทว่านัยน์ตาคมเข้มวาววับขึ้นมาเพียงชั่วขณะที่เขายังคงทำหน้าที่ผู้รับรู้เรื่องราวซึ่งหลุดออกมาจากปากของหญิงสาว
“เมย์ถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่เมย์ไม่รู้จัก เขาจะให้เมย์เป็นเจ้าสาวคนที่เมย์ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรัก เมย์รู้สึกว่าตัวเองถูกบีบและไม่มีทางเลือกเลย เมย์ไม่อยากอยู่กับใครก็ไม่รู้ที่คิดว่าตัวเองมีเงินแล้วจะบังคับคนอื่นให้ไปอยู่ด้วยได้”
“เขาเป็นคนมีเงินหรือครับ.....ที่จริงคุณเมย์น่าจะยินดี”
“เมย์ยินดีในชีวิติสระของตัวเองมากกว่าค่ะ เมย์ไม่ยินดีในอำนาจของใคร โดยเฉพาะคนมีเงินแล้วคิดว่าซื้อผู้หญิงได้ แต่เมย์ก็ไม่เข้าใจนะคะว่าทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ถึงยินยอมง่ายดายนัก ท่านจะให้เมย์แต่งงานกับผู้ชายคนนั้น ที่เมย์ไม่อยากแต่งงานด้วย”
“ตอนนี้ท่านอาจะกำลังทุกข์ใจเรื่องคุณเมย์อยู่ก็ได้ที่จู่ ๆ คุณเมย์หนีท่านมาแบบนี้”
เมลิดาเงียบไปชั่วอึดใจก่อนเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
“ก่อนเมย์จะมาที่นี่ท่านพูดเหมือนท่านมีปัญหาที่แก้ไม่ตก คิดอีกทีเมย์ก็เหมือนลูกอกตัญญูที่ไม่ยอมรับความทุกข์ของท่าน ตอนที่คุณพ่อบอกให้เมย์แต่งงานเมย์ก็สับสนมาก คิดได้อย่างเดียวคือต้องไปไหนก็ได้เพื่อให้พ้นจากคน ๆ นั้น”
“เขาเป็นใครหรือครับ? คุณเมย์พูดเหมือนเกลียดเขามากทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันเลย”
“เขาชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ ค่ะ เห็นคุณพ่อบอกว่าเป็นเจ้าของบริษัททำเหมืองทอง เป็นเจ้าของไร่ภควัตณ์ ถึงเมย์ไม่เคยเห็นหน้าก็นึกออกว่าคงเป็นคนประเภทบ้าอำนาจ คิดว่าบังคับให้ใครทำอะไรได้ตามใจ ถ้าไม่เป็นอย่างเมย์ว่าเขาจะมาบังคับให้เมย์แต่งงานด้วยทำไม คงคิดว่าเมย์จะยอม เขาไม่มีวันตามหาเมย์พบหรอกค่ะ”
ชั่วขณะหนึ่งชายหนุ่มเผลอบีบมือหญิงสาวไว้แน่นและขบกรามอย่างลืมตัว ทว่ากลับเป็นอากัปกิริยาที่ทำให้เมลิดาคิดว่าเขาอาจเจ็บแค้นแทนเธอ
“เมย์พูดให้คุณภูมิเครียดหรือเปล่าคะ มันคงเหมือนนิยายน้ำเน่า เพียงแต่เมย์ไม่ใช่ตัวละครที่จะยอมคนบ้าอำนาจได้ทุกอย่าง”
“คุณเมย์ไม่คิดบ้างหรือครับว่าที่คุณหนีมาแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเดือดร้อนหนัก”
“เมย์ไม่กลัวค่ะ ถ้าเขาทำอะไรคนที่เมย์รัก เมย์จะตอบโต้เขากลับไปเหมือนกัน”
ไอแดดบางเบาลอดผ่านม่านเมฆที่คลี่ตัวอยู่เหนือแผ่นฟ้าสีครามในยามสาย ร่างบอบบางในชุดกระโปรงผ้าชีฟองเนื้อเบาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินเลียบไปตามเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและโรงแรมในย่านการท่องเที่ยวริมหาดนพรัตน์ธารา ที่ซึ่งหญิงสาวมุ่งตรงมายังจังหวัดกระบี่อย่างตั้งใจหากก็ไร้จุดหมายอันแน่นอน เรือนผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลถูกมุ่นไว้ด้านหลังภายใต้หมวกปีกกว้างดวงตากลมโตหลังแว่นกันแดดกรอบใหญ่มองไปข้างหน้าราวกับยังมองไม่เห็นสิ่งที่คาดหวัง บ่อยครั้งที่หญิงสาวเสียสมาธิหันไปมองของฝากสวยงามภายในร้านริมทางพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย เมลิดาเฝ้าบอกตัวเองว่าตอนนี้เธอไม่ใช่นางแบบชื่อดังที่เจ้าของงานโชว์ตัวและงานเดินแบบเที่ยวตามหากันให้ควั่ก ทั้งยามนี้เธอก็ห่างไกลจากบ้านมาอยู่ในสถานที่ ๆ ดูเหมือนสงบสุขไกลจากเมืองหลวงและไกลจากความต้องการไร้สาระของทั้งบิดาและมารดาซึ่งยืนกรานให้เธอเข้าพิธีวิวาห์กับผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ เพียงรู้ว่าเป็นเจ้าของบริษัททำเหมืองทองคำและเจ้าของไร่องุ่นกว้างใหญ่ที่ต่างจังหวัด “เขาชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ เป็นเจ้าของเหมืองทองและไร่ภควัตณ์ที่ใหญ่มาก
“คุณจะเช่าบังกะโลเป็นรายเดือนหรือคะ พอดีมีเหลืออยู่ห้องหนึ่งริมหาดฝั่งโน้น เดินไปไม่ไกลมากหรอกค่ะ แต่แถวนึ้คุณไม่ต้องห่วง เรารับประกันเรื่องความปลอดภัย” มุกประกายเจ้าของบังกะโลไม่กี่หลังตั้งเรียงรายริมหาดกล่าวกับเมลิดาอย่างเป็นมิตร หญิงวัยประมาณสามสิบกว่าผิวขาวเหลืองรูปร่างค่อนข้างอวบในชุดกระโปรงผ้าบาติกที่อยู่ในบังกะโลหลังเล็กมีป้ายบอกสถานที่ “มุกประกาย บังกะโล” มองหญิงสาวอย่างใช้ความคิด “อืม....ดิฉันคิดว่าดิฉันคุ้นหน้าคุณมากเลยนะคะ คุณเหมือน....เหมือน....เอ คิดไม่ออก หรือว่าคนสมัยนี้หน้าตาคล้าย ๆ กันเลยทำให้สับสน” “คงงั้นกระมังคะ....เมย์ว่าเมย์คงหน้าโหลไปเหมือนใครสักคนที่คุณรู้จักแน่เลย” เมลิดารีบตัดบทเพราะการเดินทางจากเมืองหลวงมาไกลถึงที่นี่ไม่เพียงแค่อยากปลดแอกตัวเองออกจากกรอบชีวิตที่บิดามารดาตีเส้นไว้ หากแต่เธออยากปลดเปลื้องสถานะของ เมลิดา มัณฑาวีร์ นางแบบชื่อดังออกจากตัวเธอด้วย “ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะให้ภูมิพาคุณไปดูห้องพักนะคะ ภูมิเขาเป็นคนขับเรือของที่นี่ด้วย ถ้าคุณอยากจะนั่งเรือเที่ยวชมตามเกาะต่าง ๆ เราก็มีเรือของบังกะโ
เมลิดาเรียกชายหนุ่มที่กำลังจะเดินกลับออกไปหลังจากวางกุญแจไว้บนโต๊ะไม้กลมริมหน้าต่าง เขาหันกลับมามองหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้ “ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีคุณภูมิเมย์อาจต้องเดินหาที่พักอีกนาน” “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าช่วยเหลือกัน คนที่นี่ไม่ใจดำอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่เดินทางมาไกล” ชายหนุ่มทิ้งน้ำเสียงอันนุ่มนวลไว้ก่อนหันหลังออกไปจากบังกะโล หญิงสาวมองตามด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากเพียงชั่วขณะเธอจำต้องสลัดความหวั่นไหวที่กำลังเกาะกินใจนั้นทิ้งไป....เขาอาจมีคนรู้ใจแล้วก็เป็นได้ คนหน้าตาดีแบบนี้มีหรือจะรอดพ้นจากสตรีหมายปอง เมลิดายกมือเกาหัวเบา ๆ .....ทำไมต้องคิดเรื่องไร้สาระ ตอนนี้ก็ได้ที่พักแล้วเธอควรต้องนึกต่อไปดีกว่าว่าจะเอายังไงกับของใช้ที่เธอพกติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเพราะความรีบเร่ง “คุณเมย์!....คุณเมย์จะไปไหนครับ?” เมลิดาหันไปตามเสียงที่ตะโกนมาเบื้องหลังขณะเดินออกมาจากบังกะโลมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อจับจ่ายของใช้และสิ่งจำเป็น ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขี่รถมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ และถอดแว่นกันแดดสีชาออกแล้ว
“คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ อะไรที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าต้องฝืนอยู่ก็ต้องการอิสรเสรีในที่อยู่ใหม่ พูดอีกอย่างก็เหมือนการหนีจากปัญหาที่เราไม่อยากพบ” เมลิดาทำท่าอย่างจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง หนีหรือ?....คำ ๆ นี้ทำให้ความนึกคิดของเธอเชื่องช้าลง มีบางอย่างสะกิดความรู้สึกของเธอให้หันกลับไปมองเส้นทางที่เธอวิ่งผ่านมา เธอควรยินดีต่อสถานที่ใหม่หรือเศร้าใจกับการกระทำที่ไม่ได้คิดถึงใครนอกจากตัวเอง “ไม่มีใครอยากหนีหรอกค่ะคุณภูมิ บางทีปัญหาที่เราเจอมันหนักหนาเราก็ควรได้มีเวลาคิดไตร่ตรองว่าเราควรรับมือกับมันยังไงดี” “แล้วคุณเมย์คิดว่าจะพบทางออกหรือครับ ถ้าเราหนีอยู่เรื่อย ๆ “ หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันออกไปทางชายหาดเพื่อรับสายลมอ่อนที่ไหลเอื่อยมาปะทะใบหน้า “อาจจะนะคะ.....หรืออาจไม่พบเลย เมย์แค่อยากแสดงให้คนที่ชอบบีบบังคับจิตใจคนอื่นให้ทำตามความต้องการของตัวเองเขาได้รู้สึกบ้างว่า เขากำหนดหรือชี้ชะตาชีวิตของใครไม่ได้ทุกคน” นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าคมสันเหมือนมีอะไรบางอย่างวูบไหวขณะจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ให้ความสนใจกับภาพทิวทัศน
“คุณเมย์มาเดินเล่นหรือครับ ปกติผมไม่ค่อยเห็นคุณตอนเช้าตรู่แบบนี้” “เมย์ก็มาเดินเกือบทุกวันค่ะ เดินฝั่งโน้นบ้าง ฝั่งนี้บ้าง แต่ก็เพิ่งเจอคุณภูมิวันนี้” “แต่ผมเห็นคุณเมย์ทุกวันนะครับ เวลาคุณเมย์นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้...อืม...บางครั้งอยากเข้าไปทักทาย แต่กลัวคุณเมย์เสียสมาธิ” น้ำเสียงของผู้พูดทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนผะผ่าวบนใบหน้า เขากำลังจะบอกเธอหรืออย่างไรว่าแม้เธอไม่เจอเขาหากแต่เธอก็อยู่ในสายตาคมคู่นั้นตลอดเวลา “คุณเมย์จะเดินไปทางโน้นหรือครับ ผมจะเดินเป็นเพื่อน” เมลิดายิ้มรับอย่างเก้อเขิน เธอเพียรสะกดความรู้สึกบางอย่างกลับเข้าไปในภวังค์อันวายวุ่น ทว่าชายหนุ่มกลับสังเกตได้จากพวงแก้มที่เริ่มเป็นสีแดงเรื่อของหญิงสาวก่อนทั้งสองจะออกเดินไปพร้อมกัน “วันนี้คุณภูมิไม่ขับเรือพาแขกไปเที่ยวหรือคะ?” “ช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่นน่ะครับ แขกจะน้อยลงสักหน่อย คิดเสียว่าได้หยุดพักบ้างจะได้ไม่เครียด” “ดีจังเลยนะคะ คุณภูมิทำงานแบบนี้ก็ดีอย่าง ได้เที่ยวบ่อย ไม่ต้องพะวงอะไร” “บางครั้งก็มีบ้าง เจอแขกเรื่องมา