“คุณจะเช่าบังกะโลเป็นรายเดือนหรือคะ พอดีมีเหลืออยู่ห้องหนึ่งริมหาดฝั่งโน้น เดินไปไม่ไกลมากหรอกค่ะ แต่แถวนึ้คุณไม่ต้องห่วง เรารับประกันเรื่องความปลอดภัย”
มุกประกายเจ้าของบังกะโลไม่กี่หลังตั้งเรียงรายริมหาดกล่าวกับเมลิดาอย่างเป็นมิตร หญิงวัยประมาณสามสิบกว่าผิวขาวเหลืองรูปร่างค่อนข้างอวบในชุดกระโปรงผ้าบาติกที่อยู่ในบังกะโลหลังเล็กมีป้ายบอกสถานที่ “มุกประกาย บังกะโล” มองหญิงสาวอย่างใช้ความคิด
“อืม....ดิฉันคิดว่าดิฉันคุ้นหน้าคุณมากเลยนะคะ คุณเหมือน....เหมือน....เอ คิดไม่ออก หรือว่าคนสมัยนี้หน้าตาคล้าย ๆ กันเลยทำให้สับสน”
“คงงั้นกระมังคะ....เมย์ว่าเมย์คงหน้าโหลไปเหมือนใครสักคนที่คุณรู้จักแน่เลย”
เมลิดารีบตัดบทเพราะการเดินทางจากเมืองหลวงมาไกลถึงที่นี่ไม่เพียงแค่อยากปลดแอกตัวเองออกจากกรอบชีวิตที่บิดามารดาตีเส้นไว้ หากแต่เธออยากปลดเปลื้องสถานะของ เมลิดา มัณฑาวีร์ นางแบบชื่อดังออกจากตัวเธอด้วย
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะให้ภูมิพาคุณไปดูห้องพักนะคะ ภูมิเขาเป็นคนขับเรือของที่นี่ด้วย ถ้าคุณอยากจะนั่งเรือเที่ยวชมตามเกาะต่าง ๆ เราก็มีเรือของบังกะโลให้คุณเช่า ส่วนค่าห้องพักคุณค่อยจ่ายหลังจากคุณไปดูแล้วคุณคิดว่าพอใจก็ได้ค่ะ อ้อ!...ดิฉันชื่อมุกประกายนะคะ เรียกพี่มุกก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่มุก....พี่มุกเรียกน้องว่าเมย์เฉย ๆ ก็ได้นะคะ”
หญิงสาวหันไปทางชายหนุ่มที่ยืนฟังอยู่ใกล้ ๆ เขายิ้มให้ก่อนจะเดินนำไปยังห้องพักที่มุกประกายบอก ทางเดินผ่านบังกะโลถูกปูลาดด้วยอิฐตัวหนอนอย่างหยาบ ๆ เสมือนว่าต้องการรักษาบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติริมหาดอันแสนสงบเงียบ
เสียงคลื่นบางเบาใต้ระยับแดดทำให้เมลิดาเริ่มหลงรักในความงามที่ไร้สิ่งฉาบฉวย เม็ดทรายและสายน้ำคือความหมดจดที่เธอปรารถนา ไม่มีแสงสีนอกจากต้นไม้ใบหญ้าอวดความงามแข่งกัน ปราศจากเสียงอึกทึกยินเพียงสายลมหวีดหวิวในความเรียบง่าย
เธอเดินตามชายหนุ่มมาถึงห้องพักหลังริมสุดซึ่งโอบล้อมด้วยปาล์มเตี้ย ๆ และไม่ประดับสวยงาม ตัวบังกะโลเป็นไม้ทั้งหลังยกพื้นขึ้นเล็กน้อยและมีระเบียงหันหน้าออกสู่หาดทรายที่ลาดลงไปบรรจบเกลียวคลื่น เมลิดาสูดหายใจเต็มปอดและทำท่าบิดขี้เกียจอย่างสุขใจ
“คุณเมย์จะเข้าไปดูข้างในก่อนไหมครับ ถ้าไม่ชอบยังไงก็บอกคุณมุกประกายได้”
“แค่นี้เมย์ก็ไม่อยากไปไหนแล้วล่ะค่ะคุณภูมิ ที่นี่สวยมาก เมย์ไม่เคยเห็นที่ไหนสวยแบบนี้เลย”
“คุณเมย์ตัดสินใจอะไรง่ายจังนะครับ...ผมหมายถึง คุณเมย์น่าจะดูบ้านพักด้านในก่อน บางคนชอบธรรมชาติข้างนอก พอเห็นที่พักกลับคิดตรงข้าม ไม่อยากอยู่เลยก็มี”
“เมย์ไม่ได้ด่วนตัดสินใจนะคะ แต่เมย์รู้สึกรักที่นี่จัง รักบรรยากาศแบบนี้ มันน่าหลงใหลมาก ถ้าคนที่เมย์รู้จักได้มาเห็นแบบนี้ เขาคงจะซึ้งกับคำว่าธรรมชาติอันบริสุทธิ์แน่ ๆ “
เมลิดามัวให้ความสนใจกับธรรมชาติอันงดงามรอบ ๆ จนไม่ทันเห็นประกายตาของชายหนุ่มที่จ้องเธอไม่วาง ใบหน้าหมดจดของหญิงสาวช่างเจิดจรัสใต้ละอองไอแดดร้อน จมูกโด่งและเรียวปากบางเป็นเครื่องหน้ารับกับดวงตากลมสวย เรือนผมเหยียดตรงสีน้ำตาลสะบัดไหวยามสายลมต้อง ลำคอเรียวระหงบนเรือนร่างบอบบางใต้โครงชุดชีฟองเนื้อเบาขับเสน่ห์ความงามที่เปล่งรัศมีอันสดใสและกิริยาท่าทีที่ดูตื่นใจนั้นก็ดึงดูดเจ้าของสายตาที่เฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหวของเธอยิ่งนัก
“เมย์อาจจะอยู่ที่นี่มากกว่าเดือนหรือสองเดือนค่ะ”
“แต่ผมเห็นกระเป๋าของคุณแล้วเหมือนไม่ตั้งใจอยู่นานขนาดนั้น”
“เมย์รีบน่ะค่ะ...เอ่อ.....เมย์ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะที่จะไปที่ไหนแน่นอน แต่พอมาเห็นที่นี่ก็คิดว่าอยากจะอยู่สักพักใหญ่ แล้วคุณภูมิพักอยู่แถวนี้หรือคะ?”
“ผมเป็นคนขับเรือให้คุณมุก งานอื่นก็มีรับบ้าง ที่พักของผมก็อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ล่ะครับ เดี๋ยวผมเปิดห้องพักให้คุณเมย์เข้าไปดูด้านในดีกว่านะครับ ชวนคุณเมย์คุยนานแล้ว”
หญิงสาวพิศดูกิริยาท่าทางขณะชายหนุ่มไขกุญแจเปิดบ้านพัก เขาดูไม่เหมือนคนขับเรือที่ตากแดดจนผิวเกรียมไหม้ หน้าตาของเขาก็ดูสะอาดสะอ้านแม้มีเคราบาง ๆ บนใบหน้าคมสัน ถ้าลองให้ใส่สูทผูกเนคไทน์ก็ใช่นักธุรกิจที่ดูดีไม่หยอก หญิงสาวคำนวณอายุของเขาในใจน่าจะอยู่ที่ประมาณ 28-29 ปี
ความหล่อเหลาและลุ่มลึกนั้นเทียบชั้นกันได้เลยกับนายแบบที่เธอพบในช่วงเวลาทำงาน หากทว่าเมลิดาไม่เคยผูกหัวใจกับใครเลย อาจเพราะไม่เคยพบกับคนที่ใช่ ข้างกายก็เลยยังว่างเปล่าตราบจนเดี๋ยวนี้ คิดดูอีกทีหากเธอมีใครสักคนตั้งแต่ก่อนหน้า ชีวิตคงไม่ต้องระหกระเหินเดินทางเพื่อหนีให้ไกลผู้ชายที่ชื่อ ทศภาค คนนั้น
“คุณเมย์ชอบไหมครับ ห้องแบบนี้”
ภูมิเอ่ยถามหญิงสาวขณะเดินเข้าไปดูด้านในซึ่งเป็นห้องขนาดเหมาะสำหรับผู้เข้าพักคนเดียว เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องไม่ว่าจะเป็นเตียง ตู้ และเก้าอี้ทำจากไม้หรูเรียบ ส่วนที่อยู่ถัดไปเป็นห้องครัวและห้องน้ำเล็ก ๆ ดูแล้วก็เป็นห้องพักอย่างบังกะโลทั่วไปหากแต่ธรรมชาติที่โอบล้อมโดยรอบทำให้ที่อยู่เรียบ ๆ ดูมีชีวิตและเต็มไปด้วยชีวาได้อย่างน่าอัศจรรย์
“ตกลงเมย์จะพักที่นี่ค่ะ...ทุกอย่างดูโอเคมาก”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะให้กุญแจคุณเมย์ไว้เลย ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“คุณภูมิคะ.....”
เมลิดาเรียกชายหนุ่มที่กำลังจะเดินกลับออกไปหลังจากวางกุญแจไว้บนโต๊ะไม้กลมริมหน้าต่าง เขาหันกลับมามองหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้ “ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีคุณภูมิเมย์อาจต้องเดินหาที่พักอีกนาน” “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าช่วยเหลือกัน คนที่นี่ไม่ใจดำอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่เดินทางมาไกล” ชายหนุ่มทิ้งน้ำเสียงอันนุ่มนวลไว้ก่อนหันหลังออกไปจากบังกะโล หญิงสาวมองตามด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากเพียงชั่วขณะเธอจำต้องสลัดความหวั่นไหวที่กำลังเกาะกินใจนั้นทิ้งไป....เขาอาจมีคนรู้ใจแล้วก็เป็นได้ คนหน้าตาดีแบบนี้มีหรือจะรอดพ้นจากสตรีหมายปอง เมลิดายกมือเกาหัวเบา ๆ .....ทำไมต้องคิดเรื่องไร้สาระ ตอนนี้ก็ได้ที่พักแล้วเธอควรต้องนึกต่อไปดีกว่าว่าจะเอายังไงกับของใช้ที่เธอพกติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเพราะความรีบเร่ง “คุณเมย์!....คุณเมย์จะไปไหนครับ?” เมลิดาหันไปตามเสียงที่ตะโกนมาเบื้องหลังขณะเดินออกมาจากบังกะโลมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อจับจ่ายของใช้และสิ่งจำเป็น ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขี่รถมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ และถอดแว่นกันแดดสีชาออกแล้ว
“คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ อะไรที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าต้องฝืนอยู่ก็ต้องการอิสรเสรีในที่อยู่ใหม่ พูดอีกอย่างก็เหมือนการหนีจากปัญหาที่เราไม่อยากพบ” เมลิดาทำท่าอย่างจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง หนีหรือ?....คำ ๆ นี้ทำให้ความนึกคิดของเธอเชื่องช้าลง มีบางอย่างสะกิดความรู้สึกของเธอให้หันกลับไปมองเส้นทางที่เธอวิ่งผ่านมา เธอควรยินดีต่อสถานที่ใหม่หรือเศร้าใจกับการกระทำที่ไม่ได้คิดถึงใครนอกจากตัวเอง “ไม่มีใครอยากหนีหรอกค่ะคุณภูมิ บางทีปัญหาที่เราเจอมันหนักหนาเราก็ควรได้มีเวลาคิดไตร่ตรองว่าเราควรรับมือกับมันยังไงดี” “แล้วคุณเมย์คิดว่าจะพบทางออกหรือครับ ถ้าเราหนีอยู่เรื่อย ๆ “ หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันออกไปทางชายหาดเพื่อรับสายลมอ่อนที่ไหลเอื่อยมาปะทะใบหน้า “อาจจะนะคะ.....หรืออาจไม่พบเลย เมย์แค่อยากแสดงให้คนที่ชอบบีบบังคับจิตใจคนอื่นให้ทำตามความต้องการของตัวเองเขาได้รู้สึกบ้างว่า เขากำหนดหรือชี้ชะตาชีวิตของใครไม่ได้ทุกคน” นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าคมสันเหมือนมีอะไรบางอย่างวูบไหวขณะจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ให้ความสนใจกับภาพทิวทัศน
“คุณเมย์มาเดินเล่นหรือครับ ปกติผมไม่ค่อยเห็นคุณตอนเช้าตรู่แบบนี้” “เมย์ก็มาเดินเกือบทุกวันค่ะ เดินฝั่งโน้นบ้าง ฝั่งนี้บ้าง แต่ก็เพิ่งเจอคุณภูมิวันนี้” “แต่ผมเห็นคุณเมย์ทุกวันนะครับ เวลาคุณเมย์นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้...อืม...บางครั้งอยากเข้าไปทักทาย แต่กลัวคุณเมย์เสียสมาธิ” น้ำเสียงของผู้พูดทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนผะผ่าวบนใบหน้า เขากำลังจะบอกเธอหรืออย่างไรว่าแม้เธอไม่เจอเขาหากแต่เธอก็อยู่ในสายตาคมคู่นั้นตลอดเวลา “คุณเมย์จะเดินไปทางโน้นหรือครับ ผมจะเดินเป็นเพื่อน” เมลิดายิ้มรับอย่างเก้อเขิน เธอเพียรสะกดความรู้สึกบางอย่างกลับเข้าไปในภวังค์อันวายวุ่น ทว่าชายหนุ่มกลับสังเกตได้จากพวงแก้มที่เริ่มเป็นสีแดงเรื่อของหญิงสาวก่อนทั้งสองจะออกเดินไปพร้อมกัน “วันนี้คุณภูมิไม่ขับเรือพาแขกไปเที่ยวหรือคะ?” “ช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่นน่ะครับ แขกจะน้อยลงสักหน่อย คิดเสียว่าได้หยุดพักบ้างจะได้ไม่เครียด” “ดีจังเลยนะคะ คุณภูมิทำงานแบบนี้ก็ดีอย่าง ได้เที่ยวบ่อย ไม่ต้องพะวงอะไร” “บางครั้งก็มีบ้าง เจอแขกเรื่องมา
แล้วแผนที่วางไว้ว่าจะนั่งเรือเที่ยวชมเกาะของเมลิดาก็เป็นอันต้องพักไว้ก่อนเพราะแผลยาวที่ฝ่าเท้าต้องให้หมอเย็บถึงสิบเข็ม หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่จะได้นั่งเรือออกทะเลทว่าก็ยังนึกยินดีที่มีชายหนุ่มชื่อภูมิคอยช่วยเหลือไปเสียทุกอย่างเขาพาเธอไปหาหมอ คอยช่วยพยุงร่างระหงตลอดเวลาที่ไปโรงพยาบาลจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นสามีภรรยามาด้วยกัน เมลิดาแอบเขินเล็ก ๆ ต่อท่าทีแสดงออกของชายหนุ่มเสมือนว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอจริง ๆและที่หญิงสาวประทับใจคือความอดทนที่ไม่มีขีดจำกัดแม้ต้องคอยนานต่อการทำแผลของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลรัฐกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงยามบ่ายกว่าเขาและเธอจะกลับมาถึงบังกะโล ร่างบอบบางต้องเดินเขย่งเท้าข้างหนึ่งซึ่งถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวขณะเดินจูงมือชายหนุ่มจนมาถึงที่พัก “นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วคะที่เมย์รบกวนคุณภูมิ แย่จังเลย” เมลิดาทอดถอนใจขณะนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกภายในห้องที่ภูมิช่วยเปิดประตูหน้าต่างให้ลมโกรกเข้ามาเย็นสบาย เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วใช้มือหนาจับเท้าเรียวดูแผลที่ถูกพันผ้าไว้อย่างดีก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่ติดกัน “ถ้าคุ
ไอแดดบางเบาลอดผ่านม่านเมฆที่คลี่ตัวอยู่เหนือแผ่นฟ้าสีครามในยามสาย ร่างบอบบางในชุดกระโปรงผ้าชีฟองเนื้อเบาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินเลียบไปตามเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและโรงแรมในย่านการท่องเที่ยวริมหาดนพรัตน์ธารา ที่ซึ่งหญิงสาวมุ่งตรงมายังจังหวัดกระบี่อย่างตั้งใจหากก็ไร้จุดหมายอันแน่นอน เรือนผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลถูกมุ่นไว้ด้านหลังภายใต้หมวกปีกกว้างดวงตากลมโตหลังแว่นกันแดดกรอบใหญ่มองไปข้างหน้าราวกับยังมองไม่เห็นสิ่งที่คาดหวัง บ่อยครั้งที่หญิงสาวเสียสมาธิหันไปมองของฝากสวยงามภายในร้านริมทางพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย เมลิดาเฝ้าบอกตัวเองว่าตอนนี้เธอไม่ใช่นางแบบชื่อดังที่เจ้าของงานโชว์ตัวและงานเดินแบบเที่ยวตามหากันให้ควั่ก ทั้งยามนี้เธอก็ห่างไกลจากบ้านมาอยู่ในสถานที่ ๆ ดูเหมือนสงบสุขไกลจากเมืองหลวงและไกลจากความต้องการไร้สาระของทั้งบิดาและมารดาซึ่งยืนกรานให้เธอเข้าพิธีวิวาห์กับผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ เพียงรู้ว่าเป็นเจ้าของบริษัททำเหมืองทองคำและเจ้าของไร่องุ่นกว้างใหญ่ที่ต่างจังหวัด “เขาชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ เป็นเจ้าของเหมืองทองและไร่ภควัตณ์ที่ใหญ่มาก
แล้วแผนที่วางไว้ว่าจะนั่งเรือเที่ยวชมเกาะของเมลิดาก็เป็นอันต้องพักไว้ก่อนเพราะแผลยาวที่ฝ่าเท้าต้องให้หมอเย็บถึงสิบเข็ม หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่จะได้นั่งเรือออกทะเลทว่าก็ยังนึกยินดีที่มีชายหนุ่มชื่อภูมิคอยช่วยเหลือไปเสียทุกอย่างเขาพาเธอไปหาหมอ คอยช่วยพยุงร่างระหงตลอดเวลาที่ไปโรงพยาบาลจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นสามีภรรยามาด้วยกัน เมลิดาแอบเขินเล็ก ๆ ต่อท่าทีแสดงออกของชายหนุ่มเสมือนว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอจริง ๆและที่หญิงสาวประทับใจคือความอดทนที่ไม่มีขีดจำกัดแม้ต้องคอยนานต่อการทำแผลของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลรัฐกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงยามบ่ายกว่าเขาและเธอจะกลับมาถึงบังกะโล ร่างบอบบางต้องเดินเขย่งเท้าข้างหนึ่งซึ่งถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวขณะเดินจูงมือชายหนุ่มจนมาถึงที่พัก “นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วคะที่เมย์รบกวนคุณภูมิ แย่จังเลย” เมลิดาทอดถอนใจขณะนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกภายในห้องที่ภูมิช่วยเปิดประตูหน้าต่างให้ลมโกรกเข้ามาเย็นสบาย เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วใช้มือหนาจับเท้าเรียวดูแผลที่ถูกพันผ้าไว้อย่างดีก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่ติดกัน “ถ้าคุ
“คุณเมย์มาเดินเล่นหรือครับ ปกติผมไม่ค่อยเห็นคุณตอนเช้าตรู่แบบนี้” “เมย์ก็มาเดินเกือบทุกวันค่ะ เดินฝั่งโน้นบ้าง ฝั่งนี้บ้าง แต่ก็เพิ่งเจอคุณภูมิวันนี้” “แต่ผมเห็นคุณเมย์ทุกวันนะครับ เวลาคุณเมย์นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้...อืม...บางครั้งอยากเข้าไปทักทาย แต่กลัวคุณเมย์เสียสมาธิ” น้ำเสียงของผู้พูดทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนผะผ่าวบนใบหน้า เขากำลังจะบอกเธอหรืออย่างไรว่าแม้เธอไม่เจอเขาหากแต่เธอก็อยู่ในสายตาคมคู่นั้นตลอดเวลา “คุณเมย์จะเดินไปทางโน้นหรือครับ ผมจะเดินเป็นเพื่อน” เมลิดายิ้มรับอย่างเก้อเขิน เธอเพียรสะกดความรู้สึกบางอย่างกลับเข้าไปในภวังค์อันวายวุ่น ทว่าชายหนุ่มกลับสังเกตได้จากพวงแก้มที่เริ่มเป็นสีแดงเรื่อของหญิงสาวก่อนทั้งสองจะออกเดินไปพร้อมกัน “วันนี้คุณภูมิไม่ขับเรือพาแขกไปเที่ยวหรือคะ?” “ช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่นน่ะครับ แขกจะน้อยลงสักหน่อย คิดเสียว่าได้หยุดพักบ้างจะได้ไม่เครียด” “ดีจังเลยนะคะ คุณภูมิทำงานแบบนี้ก็ดีอย่าง ได้เที่ยวบ่อย ไม่ต้องพะวงอะไร” “บางครั้งก็มีบ้าง เจอแขกเรื่องมา
“คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ อะไรที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าต้องฝืนอยู่ก็ต้องการอิสรเสรีในที่อยู่ใหม่ พูดอีกอย่างก็เหมือนการหนีจากปัญหาที่เราไม่อยากพบ” เมลิดาทำท่าอย่างจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง หนีหรือ?....คำ ๆ นี้ทำให้ความนึกคิดของเธอเชื่องช้าลง มีบางอย่างสะกิดความรู้สึกของเธอให้หันกลับไปมองเส้นทางที่เธอวิ่งผ่านมา เธอควรยินดีต่อสถานที่ใหม่หรือเศร้าใจกับการกระทำที่ไม่ได้คิดถึงใครนอกจากตัวเอง “ไม่มีใครอยากหนีหรอกค่ะคุณภูมิ บางทีปัญหาที่เราเจอมันหนักหนาเราก็ควรได้มีเวลาคิดไตร่ตรองว่าเราควรรับมือกับมันยังไงดี” “แล้วคุณเมย์คิดว่าจะพบทางออกหรือครับ ถ้าเราหนีอยู่เรื่อย ๆ “ หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันออกไปทางชายหาดเพื่อรับสายลมอ่อนที่ไหลเอื่อยมาปะทะใบหน้า “อาจจะนะคะ.....หรืออาจไม่พบเลย เมย์แค่อยากแสดงให้คนที่ชอบบีบบังคับจิตใจคนอื่นให้ทำตามความต้องการของตัวเองเขาได้รู้สึกบ้างว่า เขากำหนดหรือชี้ชะตาชีวิตของใครไม่ได้ทุกคน” นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าคมสันเหมือนมีอะไรบางอย่างวูบไหวขณะจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ให้ความสนใจกับภาพทิวทัศน
เมลิดาเรียกชายหนุ่มที่กำลังจะเดินกลับออกไปหลังจากวางกุญแจไว้บนโต๊ะไม้กลมริมหน้าต่าง เขาหันกลับมามองหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้ “ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีคุณภูมิเมย์อาจต้องเดินหาที่พักอีกนาน” “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าช่วยเหลือกัน คนที่นี่ไม่ใจดำอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่เดินทางมาไกล” ชายหนุ่มทิ้งน้ำเสียงอันนุ่มนวลไว้ก่อนหันหลังออกไปจากบังกะโล หญิงสาวมองตามด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากเพียงชั่วขณะเธอจำต้องสลัดความหวั่นไหวที่กำลังเกาะกินใจนั้นทิ้งไป....เขาอาจมีคนรู้ใจแล้วก็เป็นได้ คนหน้าตาดีแบบนี้มีหรือจะรอดพ้นจากสตรีหมายปอง เมลิดายกมือเกาหัวเบา ๆ .....ทำไมต้องคิดเรื่องไร้สาระ ตอนนี้ก็ได้ที่พักแล้วเธอควรต้องนึกต่อไปดีกว่าว่าจะเอายังไงกับของใช้ที่เธอพกติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเพราะความรีบเร่ง “คุณเมย์!....คุณเมย์จะไปไหนครับ?” เมลิดาหันไปตามเสียงที่ตะโกนมาเบื้องหลังขณะเดินออกมาจากบังกะโลมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อจับจ่ายของใช้และสิ่งจำเป็น ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขี่รถมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ และถอดแว่นกันแดดสีชาออกแล้ว
“คุณจะเช่าบังกะโลเป็นรายเดือนหรือคะ พอดีมีเหลืออยู่ห้องหนึ่งริมหาดฝั่งโน้น เดินไปไม่ไกลมากหรอกค่ะ แต่แถวนึ้คุณไม่ต้องห่วง เรารับประกันเรื่องความปลอดภัย” มุกประกายเจ้าของบังกะโลไม่กี่หลังตั้งเรียงรายริมหาดกล่าวกับเมลิดาอย่างเป็นมิตร หญิงวัยประมาณสามสิบกว่าผิวขาวเหลืองรูปร่างค่อนข้างอวบในชุดกระโปรงผ้าบาติกที่อยู่ในบังกะโลหลังเล็กมีป้ายบอกสถานที่ “มุกประกาย บังกะโล” มองหญิงสาวอย่างใช้ความคิด “อืม....ดิฉันคิดว่าดิฉันคุ้นหน้าคุณมากเลยนะคะ คุณเหมือน....เหมือน....เอ คิดไม่ออก หรือว่าคนสมัยนี้หน้าตาคล้าย ๆ กันเลยทำให้สับสน” “คงงั้นกระมังคะ....เมย์ว่าเมย์คงหน้าโหลไปเหมือนใครสักคนที่คุณรู้จักแน่เลย” เมลิดารีบตัดบทเพราะการเดินทางจากเมืองหลวงมาไกลถึงที่นี่ไม่เพียงแค่อยากปลดแอกตัวเองออกจากกรอบชีวิตที่บิดามารดาตีเส้นไว้ หากแต่เธออยากปลดเปลื้องสถานะของ เมลิดา มัณฑาวีร์ นางแบบชื่อดังออกจากตัวเธอด้วย “ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะให้ภูมิพาคุณไปดูห้องพักนะคะ ภูมิเขาเป็นคนขับเรือของที่นี่ด้วย ถ้าคุณอยากจะนั่งเรือเที่ยวชมตามเกาะต่าง ๆ เราก็มีเรือของบังกะโ
ไอแดดบางเบาลอดผ่านม่านเมฆที่คลี่ตัวอยู่เหนือแผ่นฟ้าสีครามในยามสาย ร่างบอบบางในชุดกระโปรงผ้าชีฟองเนื้อเบาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินเลียบไปตามเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและโรงแรมในย่านการท่องเที่ยวริมหาดนพรัตน์ธารา ที่ซึ่งหญิงสาวมุ่งตรงมายังจังหวัดกระบี่อย่างตั้งใจหากก็ไร้จุดหมายอันแน่นอน เรือนผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลถูกมุ่นไว้ด้านหลังภายใต้หมวกปีกกว้างดวงตากลมโตหลังแว่นกันแดดกรอบใหญ่มองไปข้างหน้าราวกับยังมองไม่เห็นสิ่งที่คาดหวัง บ่อยครั้งที่หญิงสาวเสียสมาธิหันไปมองของฝากสวยงามภายในร้านริมทางพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย เมลิดาเฝ้าบอกตัวเองว่าตอนนี้เธอไม่ใช่นางแบบชื่อดังที่เจ้าของงานโชว์ตัวและงานเดินแบบเที่ยวตามหากันให้ควั่ก ทั้งยามนี้เธอก็ห่างไกลจากบ้านมาอยู่ในสถานที่ ๆ ดูเหมือนสงบสุขไกลจากเมืองหลวงและไกลจากความต้องการไร้สาระของทั้งบิดาและมารดาซึ่งยืนกรานให้เธอเข้าพิธีวิวาห์กับผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ เพียงรู้ว่าเป็นเจ้าของบริษัททำเหมืองทองคำและเจ้าของไร่องุ่นกว้างใหญ่ที่ต่างจังหวัด “เขาชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ เป็นเจ้าของเหมืองทองและไร่ภควัตณ์ที่ใหญ่มาก