เมลิดาเรียกชายหนุ่มที่กำลังจะเดินกลับออกไปหลังจากวางกุญแจไว้บนโต๊ะไม้กลมริมหน้าต่าง เขาหันกลับมามองหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้
“ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีคุณภูมิเมย์อาจต้องเดินหาที่พักอีกนาน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าช่วยเหลือกัน คนที่นี่ไม่ใจดำอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่เดินทางมาไกล”
ชายหนุ่มทิ้งน้ำเสียงอันนุ่มนวลไว้ก่อนหันหลังออกไปจากบังกะโล หญิงสาวมองตามด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากเพียงชั่วขณะเธอจำต้องสลัดความหวั่นไหวที่กำลังเกาะกินใจนั้นทิ้งไป....เขาอาจมีคนรู้ใจแล้วก็เป็นได้ คนหน้าตาดีแบบนี้มีหรือจะรอดพ้นจากสตรีหมายปอง เมลิดายกมือเกาหัวเบา ๆ .....ทำไมต้องคิดเรื่องไร้สาระ ตอนนี้ก็ได้ที่พักแล้วเธอควรต้องนึกต่อไปดีกว่าว่าจะเอายังไงกับของใช้ที่เธอพกติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเพราะความรีบเร่ง
“คุณเมย์!....คุณเมย์จะไปไหนครับ?”
เมลิดาหันไปตามเสียงที่ตะโกนมาเบื้องหลังขณะเดินออกมาจากบังกะโลมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อจับจ่ายของใช้และสิ่งจำเป็น ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขี่รถมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ และถอดแว่นกันแดดสีชาออกแล้วเหน็บไว้ที่คอเสื้อ
“คุณภูมิ...เมย์จะออกไปซื้อของใช้ที่ร้านแถวนี้ค่ะ ว่าจะเดินไปเล่น ๆ “
“ผมพาคุณเมย์ไปดีกว่านะครับ เดินไปกลับไม่ใช่ใกล้ ๆ เลย มาเลยครับ นั่งซ้อนท้ายผมไปเลย ว่าแต่คุณเมย์กล้านั่งหรือเปล่า”
หญิงสาวทำท่าลังเลชั่วครู่แต่ก็พยักหน้าในท้ายที่สุด เธออยากจะปฏิเสธทว่ารอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคมสันทำให้เธอนึกบอกปัดเขาไม่ลง ร่างอรชรขึ้นนั่งซ้อนท้ายชายหนุ่มในท่าผู้หญิงอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยไม่ค่อยได้นั่งรถมอร์เตอร์ไซด์เท่ากับใช้รถยนต์ เมื่อเขาบิดคันเร่งให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าเธอเผลอใช้แขนรัดเอวเขาไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจและมันทำให้คนขับเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เช่นเดียวกัน
“กลัวหรือครับ ผมขี่ไม่เร็วหรอก คุณเมย์นั่งระวังก็แล้วกัน”
เสียงทุ้มนุ่มของเขาทำให้เธอคลายความหวาดหวั่นแต่แขนทั้งสองยังคงเกี่ยวเกาะเอวหนาเอาไว้แน่น เธอมักพบเขาในเวลาที่กำลังต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ก็แปลกดีเหมือนกันที่ต้องเจอกับชายหนุ่มแปลกหน้าซึ่งเธอเริ่มคุ้นเคยในท่าทีนั้นมากขึ้นในสถานการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือทุกครั้ง
คนมีน้ำใจพาเธอนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ผ่านหาดทรายที่ขับประกายแข่งกับแผ่นน้ำไหวระยิบยามแสงอาทิตย์ใกล้อัสดงตกต้อง สายลมริมหาดพัดพาเอากลิ่นน้ำหอมอ่อนเบามาจากเรือนผมของผู้บังคับรถห้อตะบึงไปข้างหน้า เธอชื่นชอบกลิ่นจาง ๆ นั่นแต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นน้ำหอมของดีไซเนอร์คนไหน แต่หญิงสาวได้แต่คิดอย่างเป็นกลาง ๆ ว่าคนขับเรือคงไม่ใช้สินค้าราคาแพงเพราะมันเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
เมลิดาแวะซื้อเสื้อผ้าและของใช้จากร้านค้าริมหาดและคนที่พาเธอไปก็หาได้ปริปากบ่นต่อการรอคอยไม่ เขายินดีคอยและอดทนต่อเวลาที่ผ่านไปนานนับชั่วโมงจนแสงสุดท้ายลาจากขอบฟ้าที่มองเห็นสุดขอบทะเล หญิงสาวไม่ลืมที่จะขอบคุณสารถีผู้พาเธอซื้อของได้เต็มไม้เต็มมือด้วยการพาเขาไปเลี้ยงอาหารมื้อค่ำที่ร้านริมชายหาดในบรรยากาศที่เธอสัมผัสได้ถึงอิสรเสรียามอยู่ห่างบ้าน
“วันนี้คุณภูมิไม่มีโปรแกรมขับเรือไปไหนหรือคะ เมย์เลยได้คนช่วยพามาซื้อของ”
“ไม่มีหรอกครับ....เวลาว่างผมก็จะอยู่แถวนี้ นอกจากคุณมุกประกายจะเรียกผมไป”
ชายหนุ่มยกแก้วน้ำขึ้นจิบทว่าสายตาคมกล้ากลับจ้องหญิงสาวตรงหน้าที่มองไปยังสถานที่รอบ ๆ อย่างมีความสุข เธอเป็นผู้หญิงที่ไร้จริตจะก้านเกินงาม ทุกอิริยาบถนั้นดูเป็นธรรมชาติมากเสียจนเขามิอาจละสายตาไปจากความหมดจดที่สะท้อนผ่านกิริยาท่าทีนั้นได้
“คุณภูมิมากับเมย์แบบนี้แฟนของคุณคงไม่ว่านะคะ”
“ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับ คนขับเรือที่ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันแน่นอนคงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากสานสัมพันธ์ด้วย แค่จะไปเสนอตัวผมก็ยังไม่กล้า คุณเมย์ต่างหากล่ะครับ มาคนเดียวแบบนี้แฟนของคุณเมย์คงเป็นห่วงแย่แล้ว”
เมลิดาวางช้อนในมือลงพลางโบกมือเป็นสัญญาณของการปฏิเสธ
“ไม่มีค่ะ....คุณภูมิ เมย์ก็ยังไม่มีใคร โสดสนิทเหมือนคุณภูมิ”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งอ่อนหวานอย่างคุณเมย์จะไม่มีใครเลย ผมเห็นคุณเมย์ครั้งแรกยังนึกว่าคุณเป็นนางแบบมาเดินเที่ยวที่นี่ ชื่อของคุณก็เหมือนนางแบบชื่อดังด้วย”
คำว่านางแบบทำให้เมลิดานิ่งเงียบไปชั่วขณะ เธอจะให้ใครรู้สถานภาพแท้จริงของตัวเองไม่ได้ แม้เขาจะแสดงออกซึ่งความหวังดีมากแค่ไหน หญิงสาวยิ้มกลบเกลื่อนพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสดใส
“เมย์ไม่ใช่นางแบบหรอกค่ะ เมย์เป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดา....แหม....ชื่อนางแบบกับพนักงานบริษัทเหมือนกันออกเยอะแยะนะคะ คุณภูมิพูดแบบนี้ทำให้เมย์รู้สึกหลงตัวเองขึ้นมาเลย”
“ผมอาจจะถามสิ่งที่ทำให้คุณเมย์รำคาญใจ...คุณเมย์ลาออกจากบริษัทแล้วหรือครับถึงได้คิดจะมาอยู่ที่นี่นาน ๆ “
“ค่ะ....เมย์ลาออกจากงาน....เอ้อ....มันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกนะคะ แค่อยู่ในที่ ๆ เคยอยู่แล้วไม่สบายใจก็อยากหาที่อยู่ใหม่สักพัก”
“คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ อะไรที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าต้องฝืนอยู่ก็ต้องการอิสรเสรีในที่อยู่ใหม่ พูดอีกอย่างก็เหมือนการหนีจากปัญหาที่เราไม่อยากพบ” เมลิดาทำท่าอย่างจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง หนีหรือ?....คำ ๆ นี้ทำให้ความนึกคิดของเธอเชื่องช้าลง มีบางอย่างสะกิดความรู้สึกของเธอให้หันกลับไปมองเส้นทางที่เธอวิ่งผ่านมา เธอควรยินดีต่อสถานที่ใหม่หรือเศร้าใจกับการกระทำที่ไม่ได้คิดถึงใครนอกจากตัวเอง “ไม่มีใครอยากหนีหรอกค่ะคุณภูมิ บางทีปัญหาที่เราเจอมันหนักหนาเราก็ควรได้มีเวลาคิดไตร่ตรองว่าเราควรรับมือกับมันยังไงดี” “แล้วคุณเมย์คิดว่าจะพบทางออกหรือครับ ถ้าเราหนีอยู่เรื่อย ๆ “ หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันออกไปทางชายหาดเพื่อรับสายลมอ่อนที่ไหลเอื่อยมาปะทะใบหน้า “อาจจะนะคะ.....หรืออาจไม่พบเลย เมย์แค่อยากแสดงให้คนที่ชอบบีบบังคับจิตใจคนอื่นให้ทำตามความต้องการของตัวเองเขาได้รู้สึกบ้างว่า เขากำหนดหรือชี้ชะตาชีวิตของใครไม่ได้ทุกคน” นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าคมสันเหมือนมีอะไรบางอย่างวูบไหวขณะจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ให้ความสนใจกับภาพทิวทัศน
“คุณเมย์มาเดินเล่นหรือครับ ปกติผมไม่ค่อยเห็นคุณตอนเช้าตรู่แบบนี้” “เมย์ก็มาเดินเกือบทุกวันค่ะ เดินฝั่งโน้นบ้าง ฝั่งนี้บ้าง แต่ก็เพิ่งเจอคุณภูมิวันนี้” “แต่ผมเห็นคุณเมย์ทุกวันนะครับ เวลาคุณเมย์นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้...อืม...บางครั้งอยากเข้าไปทักทาย แต่กลัวคุณเมย์เสียสมาธิ” น้ำเสียงของผู้พูดทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนผะผ่าวบนใบหน้า เขากำลังจะบอกเธอหรืออย่างไรว่าแม้เธอไม่เจอเขาหากแต่เธอก็อยู่ในสายตาคมคู่นั้นตลอดเวลา “คุณเมย์จะเดินไปทางโน้นหรือครับ ผมจะเดินเป็นเพื่อน” เมลิดายิ้มรับอย่างเก้อเขิน เธอเพียรสะกดความรู้สึกบางอย่างกลับเข้าไปในภวังค์อันวายวุ่น ทว่าชายหนุ่มกลับสังเกตได้จากพวงแก้มที่เริ่มเป็นสีแดงเรื่อของหญิงสาวก่อนทั้งสองจะออกเดินไปพร้อมกัน “วันนี้คุณภูมิไม่ขับเรือพาแขกไปเที่ยวหรือคะ?” “ช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่นน่ะครับ แขกจะน้อยลงสักหน่อย คิดเสียว่าได้หยุดพักบ้างจะได้ไม่เครียด” “ดีจังเลยนะคะ คุณภูมิทำงานแบบนี้ก็ดีอย่าง ได้เที่ยวบ่อย ไม่ต้องพะวงอะไร” “บางครั้งก็มีบ้าง เจอแขกเรื่องมา
แล้วแผนที่วางไว้ว่าจะนั่งเรือเที่ยวชมเกาะของเมลิดาก็เป็นอันต้องพักไว้ก่อนเพราะแผลยาวที่ฝ่าเท้าต้องให้หมอเย็บถึงสิบเข็ม หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่จะได้นั่งเรือออกทะเลทว่าก็ยังนึกยินดีที่มีชายหนุ่มชื่อภูมิคอยช่วยเหลือไปเสียทุกอย่างเขาพาเธอไปหาหมอ คอยช่วยพยุงร่างระหงตลอดเวลาที่ไปโรงพยาบาลจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นสามีภรรยามาด้วยกัน เมลิดาแอบเขินเล็ก ๆ ต่อท่าทีแสดงออกของชายหนุ่มเสมือนว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอจริง ๆและที่หญิงสาวประทับใจคือความอดทนที่ไม่มีขีดจำกัดแม้ต้องคอยนานต่อการทำแผลของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลรัฐกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงยามบ่ายกว่าเขาและเธอจะกลับมาถึงบังกะโล ร่างบอบบางต้องเดินเขย่งเท้าข้างหนึ่งซึ่งถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวขณะเดินจูงมือชายหนุ่มจนมาถึงที่พัก “นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วคะที่เมย์รบกวนคุณภูมิ แย่จังเลย” เมลิดาทอดถอนใจขณะนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกภายในห้องที่ภูมิช่วยเปิดประตูหน้าต่างให้ลมโกรกเข้ามาเย็นสบาย เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วใช้มือหนาจับเท้าเรียวดูแผลที่ถูกพันผ้าไว้อย่างดีก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่ติดกัน “ถ้าคุ
ไอแดดบางเบาลอดผ่านม่านเมฆที่คลี่ตัวอยู่เหนือแผ่นฟ้าสีครามในยามสาย ร่างบอบบางในชุดกระโปรงผ้าชีฟองเนื้อเบาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินเลียบไปตามเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและโรงแรมในย่านการท่องเที่ยวริมหาดนพรัตน์ธารา ที่ซึ่งหญิงสาวมุ่งตรงมายังจังหวัดกระบี่อย่างตั้งใจหากก็ไร้จุดหมายอันแน่นอน เรือนผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลถูกมุ่นไว้ด้านหลังภายใต้หมวกปีกกว้างดวงตากลมโตหลังแว่นกันแดดกรอบใหญ่มองไปข้างหน้าราวกับยังมองไม่เห็นสิ่งที่คาดหวัง บ่อยครั้งที่หญิงสาวเสียสมาธิหันไปมองของฝากสวยงามภายในร้านริมทางพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย เมลิดาเฝ้าบอกตัวเองว่าตอนนี้เธอไม่ใช่นางแบบชื่อดังที่เจ้าของงานโชว์ตัวและงานเดินแบบเที่ยวตามหากันให้ควั่ก ทั้งยามนี้เธอก็ห่างไกลจากบ้านมาอยู่ในสถานที่ ๆ ดูเหมือนสงบสุขไกลจากเมืองหลวงและไกลจากความต้องการไร้สาระของทั้งบิดาและมารดาซึ่งยืนกรานให้เธอเข้าพิธีวิวาห์กับผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ เพียงรู้ว่าเป็นเจ้าของบริษัททำเหมืองทองคำและเจ้าของไร่องุ่นกว้างใหญ่ที่ต่างจังหวัด “เขาชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ เป็นเจ้าของเหมืองทองและไร่ภควัตณ์ที่ใหญ่มาก
“คุณจะเช่าบังกะโลเป็นรายเดือนหรือคะ พอดีมีเหลืออยู่ห้องหนึ่งริมหาดฝั่งโน้น เดินไปไม่ไกลมากหรอกค่ะ แต่แถวนึ้คุณไม่ต้องห่วง เรารับประกันเรื่องความปลอดภัย” มุกประกายเจ้าของบังกะโลไม่กี่หลังตั้งเรียงรายริมหาดกล่าวกับเมลิดาอย่างเป็นมิตร หญิงวัยประมาณสามสิบกว่าผิวขาวเหลืองรูปร่างค่อนข้างอวบในชุดกระโปรงผ้าบาติกที่อยู่ในบังกะโลหลังเล็กมีป้ายบอกสถานที่ “มุกประกาย บังกะโล” มองหญิงสาวอย่างใช้ความคิด “อืม....ดิฉันคิดว่าดิฉันคุ้นหน้าคุณมากเลยนะคะ คุณเหมือน....เหมือน....เอ คิดไม่ออก หรือว่าคนสมัยนี้หน้าตาคล้าย ๆ กันเลยทำให้สับสน” “คงงั้นกระมังคะ....เมย์ว่าเมย์คงหน้าโหลไปเหมือนใครสักคนที่คุณรู้จักแน่เลย” เมลิดารีบตัดบทเพราะการเดินทางจากเมืองหลวงมาไกลถึงที่นี่ไม่เพียงแค่อยากปลดแอกตัวเองออกจากกรอบชีวิตที่บิดามารดาตีเส้นไว้ หากแต่เธออยากปลดเปลื้องสถานะของ เมลิดา มัณฑาวีร์ นางแบบชื่อดังออกจากตัวเธอด้วย “ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะให้ภูมิพาคุณไปดูห้องพักนะคะ ภูมิเขาเป็นคนขับเรือของที่นี่ด้วย ถ้าคุณอยากจะนั่งเรือเที่ยวชมตามเกาะต่าง ๆ เราก็มีเรือของบังกะโ
แล้วแผนที่วางไว้ว่าจะนั่งเรือเที่ยวชมเกาะของเมลิดาก็เป็นอันต้องพักไว้ก่อนเพราะแผลยาวที่ฝ่าเท้าต้องให้หมอเย็บถึงสิบเข็ม หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่จะได้นั่งเรือออกทะเลทว่าก็ยังนึกยินดีที่มีชายหนุ่มชื่อภูมิคอยช่วยเหลือไปเสียทุกอย่างเขาพาเธอไปหาหมอ คอยช่วยพยุงร่างระหงตลอดเวลาที่ไปโรงพยาบาลจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นสามีภรรยามาด้วยกัน เมลิดาแอบเขินเล็ก ๆ ต่อท่าทีแสดงออกของชายหนุ่มเสมือนว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอจริง ๆและที่หญิงสาวประทับใจคือความอดทนที่ไม่มีขีดจำกัดแม้ต้องคอยนานต่อการทำแผลของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลรัฐกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงยามบ่ายกว่าเขาและเธอจะกลับมาถึงบังกะโล ร่างบอบบางต้องเดินเขย่งเท้าข้างหนึ่งซึ่งถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวขณะเดินจูงมือชายหนุ่มจนมาถึงที่พัก “นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วคะที่เมย์รบกวนคุณภูมิ แย่จังเลย” เมลิดาทอดถอนใจขณะนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกภายในห้องที่ภูมิช่วยเปิดประตูหน้าต่างให้ลมโกรกเข้ามาเย็นสบาย เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วใช้มือหนาจับเท้าเรียวดูแผลที่ถูกพันผ้าไว้อย่างดีก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่ติดกัน “ถ้าคุ
“คุณเมย์มาเดินเล่นหรือครับ ปกติผมไม่ค่อยเห็นคุณตอนเช้าตรู่แบบนี้” “เมย์ก็มาเดินเกือบทุกวันค่ะ เดินฝั่งโน้นบ้าง ฝั่งนี้บ้าง แต่ก็เพิ่งเจอคุณภูมิวันนี้” “แต่ผมเห็นคุณเมย์ทุกวันนะครับ เวลาคุณเมย์นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้...อืม...บางครั้งอยากเข้าไปทักทาย แต่กลัวคุณเมย์เสียสมาธิ” น้ำเสียงของผู้พูดทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนผะผ่าวบนใบหน้า เขากำลังจะบอกเธอหรืออย่างไรว่าแม้เธอไม่เจอเขาหากแต่เธอก็อยู่ในสายตาคมคู่นั้นตลอดเวลา “คุณเมย์จะเดินไปทางโน้นหรือครับ ผมจะเดินเป็นเพื่อน” เมลิดายิ้มรับอย่างเก้อเขิน เธอเพียรสะกดความรู้สึกบางอย่างกลับเข้าไปในภวังค์อันวายวุ่น ทว่าชายหนุ่มกลับสังเกตได้จากพวงแก้มที่เริ่มเป็นสีแดงเรื่อของหญิงสาวก่อนทั้งสองจะออกเดินไปพร้อมกัน “วันนี้คุณภูมิไม่ขับเรือพาแขกไปเที่ยวหรือคะ?” “ช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่นน่ะครับ แขกจะน้อยลงสักหน่อย คิดเสียว่าได้หยุดพักบ้างจะได้ไม่เครียด” “ดีจังเลยนะคะ คุณภูมิทำงานแบบนี้ก็ดีอย่าง ได้เที่ยวบ่อย ไม่ต้องพะวงอะไร” “บางครั้งก็มีบ้าง เจอแขกเรื่องมา
“คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ อะไรที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าต้องฝืนอยู่ก็ต้องการอิสรเสรีในที่อยู่ใหม่ พูดอีกอย่างก็เหมือนการหนีจากปัญหาที่เราไม่อยากพบ” เมลิดาทำท่าอย่างจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง หนีหรือ?....คำ ๆ นี้ทำให้ความนึกคิดของเธอเชื่องช้าลง มีบางอย่างสะกิดความรู้สึกของเธอให้หันกลับไปมองเส้นทางที่เธอวิ่งผ่านมา เธอควรยินดีต่อสถานที่ใหม่หรือเศร้าใจกับการกระทำที่ไม่ได้คิดถึงใครนอกจากตัวเอง “ไม่มีใครอยากหนีหรอกค่ะคุณภูมิ บางทีปัญหาที่เราเจอมันหนักหนาเราก็ควรได้มีเวลาคิดไตร่ตรองว่าเราควรรับมือกับมันยังไงดี” “แล้วคุณเมย์คิดว่าจะพบทางออกหรือครับ ถ้าเราหนีอยู่เรื่อย ๆ “ หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันออกไปทางชายหาดเพื่อรับสายลมอ่อนที่ไหลเอื่อยมาปะทะใบหน้า “อาจจะนะคะ.....หรืออาจไม่พบเลย เมย์แค่อยากแสดงให้คนที่ชอบบีบบังคับจิตใจคนอื่นให้ทำตามความต้องการของตัวเองเขาได้รู้สึกบ้างว่า เขากำหนดหรือชี้ชะตาชีวิตของใครไม่ได้ทุกคน” นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าคมสันเหมือนมีอะไรบางอย่างวูบไหวขณะจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ให้ความสนใจกับภาพทิวทัศน
เมลิดาเรียกชายหนุ่มที่กำลังจะเดินกลับออกไปหลังจากวางกุญแจไว้บนโต๊ะไม้กลมริมหน้าต่าง เขาหันกลับมามองหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้ “ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีคุณภูมิเมย์อาจต้องเดินหาที่พักอีกนาน” “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าช่วยเหลือกัน คนที่นี่ไม่ใจดำอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่เดินทางมาไกล” ชายหนุ่มทิ้งน้ำเสียงอันนุ่มนวลไว้ก่อนหันหลังออกไปจากบังกะโล หญิงสาวมองตามด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากเพียงชั่วขณะเธอจำต้องสลัดความหวั่นไหวที่กำลังเกาะกินใจนั้นทิ้งไป....เขาอาจมีคนรู้ใจแล้วก็เป็นได้ คนหน้าตาดีแบบนี้มีหรือจะรอดพ้นจากสตรีหมายปอง เมลิดายกมือเกาหัวเบา ๆ .....ทำไมต้องคิดเรื่องไร้สาระ ตอนนี้ก็ได้ที่พักแล้วเธอควรต้องนึกต่อไปดีกว่าว่าจะเอายังไงกับของใช้ที่เธอพกติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเพราะความรีบเร่ง “คุณเมย์!....คุณเมย์จะไปไหนครับ?” เมลิดาหันไปตามเสียงที่ตะโกนมาเบื้องหลังขณะเดินออกมาจากบังกะโลมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อจับจ่ายของใช้และสิ่งจำเป็น ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขี่รถมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ และถอดแว่นกันแดดสีชาออกแล้ว
“คุณจะเช่าบังกะโลเป็นรายเดือนหรือคะ พอดีมีเหลืออยู่ห้องหนึ่งริมหาดฝั่งโน้น เดินไปไม่ไกลมากหรอกค่ะ แต่แถวนึ้คุณไม่ต้องห่วง เรารับประกันเรื่องความปลอดภัย” มุกประกายเจ้าของบังกะโลไม่กี่หลังตั้งเรียงรายริมหาดกล่าวกับเมลิดาอย่างเป็นมิตร หญิงวัยประมาณสามสิบกว่าผิวขาวเหลืองรูปร่างค่อนข้างอวบในชุดกระโปรงผ้าบาติกที่อยู่ในบังกะโลหลังเล็กมีป้ายบอกสถานที่ “มุกประกาย บังกะโล” มองหญิงสาวอย่างใช้ความคิด “อืม....ดิฉันคิดว่าดิฉันคุ้นหน้าคุณมากเลยนะคะ คุณเหมือน....เหมือน....เอ คิดไม่ออก หรือว่าคนสมัยนี้หน้าตาคล้าย ๆ กันเลยทำให้สับสน” “คงงั้นกระมังคะ....เมย์ว่าเมย์คงหน้าโหลไปเหมือนใครสักคนที่คุณรู้จักแน่เลย” เมลิดารีบตัดบทเพราะการเดินทางจากเมืองหลวงมาไกลถึงที่นี่ไม่เพียงแค่อยากปลดแอกตัวเองออกจากกรอบชีวิตที่บิดามารดาตีเส้นไว้ หากแต่เธออยากปลดเปลื้องสถานะของ เมลิดา มัณฑาวีร์ นางแบบชื่อดังออกจากตัวเธอด้วย “ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะให้ภูมิพาคุณไปดูห้องพักนะคะ ภูมิเขาเป็นคนขับเรือของที่นี่ด้วย ถ้าคุณอยากจะนั่งเรือเที่ยวชมตามเกาะต่าง ๆ เราก็มีเรือของบังกะโ
ไอแดดบางเบาลอดผ่านม่านเมฆที่คลี่ตัวอยู่เหนือแผ่นฟ้าสีครามในยามสาย ร่างบอบบางในชุดกระโปรงผ้าชีฟองเนื้อเบาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินเลียบไปตามเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและโรงแรมในย่านการท่องเที่ยวริมหาดนพรัตน์ธารา ที่ซึ่งหญิงสาวมุ่งตรงมายังจังหวัดกระบี่อย่างตั้งใจหากก็ไร้จุดหมายอันแน่นอน เรือนผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลถูกมุ่นไว้ด้านหลังภายใต้หมวกปีกกว้างดวงตากลมโตหลังแว่นกันแดดกรอบใหญ่มองไปข้างหน้าราวกับยังมองไม่เห็นสิ่งที่คาดหวัง บ่อยครั้งที่หญิงสาวเสียสมาธิหันไปมองของฝากสวยงามภายในร้านริมทางพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย เมลิดาเฝ้าบอกตัวเองว่าตอนนี้เธอไม่ใช่นางแบบชื่อดังที่เจ้าของงานโชว์ตัวและงานเดินแบบเที่ยวตามหากันให้ควั่ก ทั้งยามนี้เธอก็ห่างไกลจากบ้านมาอยู่ในสถานที่ ๆ ดูเหมือนสงบสุขไกลจากเมืองหลวงและไกลจากความต้องการไร้สาระของทั้งบิดาและมารดาซึ่งยืนกรานให้เธอเข้าพิธีวิวาห์กับผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ เพียงรู้ว่าเป็นเจ้าของบริษัททำเหมืองทองคำและเจ้าของไร่องุ่นกว้างใหญ่ที่ต่างจังหวัด “เขาชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ เป็นเจ้าของเหมืองทองและไร่ภควัตณ์ที่ใหญ่มาก