“คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ อะไรที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าต้องฝืนอยู่ก็ต้องการอิสรเสรีในที่อยู่ใหม่ พูดอีกอย่างก็เหมือนการหนีจากปัญหาที่เราไม่อยากพบ”
เมลิดาทำท่าอย่างจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง หนีหรือ?....คำ ๆ นี้ทำให้ความนึกคิดของเธอเชื่องช้าลง มีบางอย่างสะกิดความรู้สึกของเธอให้หันกลับไปมองเส้นทางที่เธอวิ่งผ่านมา เธอควรยินดีต่อสถานที่ใหม่หรือเศร้าใจกับการกระทำที่ไม่ได้คิดถึงใครนอกจากตัวเอง
“ไม่มีใครอยากหนีหรอกค่ะคุณภูมิ บางทีปัญหาที่เราเจอมันหนักหนาเราก็ควรได้มีเวลาคิดไตร่ตรองว่าเราควรรับมือกับมันยังไงดี”
“แล้วคุณเมย์คิดว่าจะพบทางออกหรือครับ ถ้าเราหนีอยู่เรื่อย ๆ “
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันออกไปทางชายหาดเพื่อรับสายลมอ่อนที่ไหลเอื่อยมาปะทะใบหน้า
“อาจจะนะคะ.....หรืออาจไม่พบเลย เมย์แค่อยากแสดงให้คนที่ชอบบีบบังคับจิตใจคนอื่นให้ทำตามความต้องการของตัวเองเขาได้รู้สึกบ้างว่า เขากำหนดหรือชี้ชะตาชีวิตของใครไม่ได้ทุกคน”
นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าคมสันเหมือนมีอะไรบางอย่างวูบไหวขณะจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ให้ความสนใจกับภาพทิวทัศน์ของท้องทะเลใต้โค้งฟ้าห่มคลุมด้วยผืนกำมะหยี่สีนิล อะไรบางอย่างที่ฉายวาบขึ้นมาบนประกายตาคู่นั้นเพียงครู่ก่อนจางหายไป
เมลิดากลับมาถึงบังกะโลตอนสามทุ่มกว่าโดยมีภูมิช่วยหอบหิ้วของมาให้ถึงหน้าบ้านพัก เขาเป็นผู้ชายที่ภายนอกดูเงียบขรึมแต่ความมีน้ำใจและรอยยิ้มทรงเสน่ห์ทำให้หญิงสาวรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น เธอเพียงนึกว่าช่างโชคดีแม้อยู่ไกลบ้านก็ยังได้พบกับความอบอุ่นจากคนแปลกหน้าจนทำให้ลืมผู้ชายที่ชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ ไปได้เกือบสนิท
“เมย์ขอบคุณมากนะคะ ที่วันนี้คุณภูมิต้องมาวุ่นวายเป็นธุระให้ทั้งวัน”
หญิงสาวกล่าวกับชายหนุ่มที่วางสิ่งของในมือลงหน้าประตูบ้าน เขาแย้มยิ้มภายใต้แสงจากโคมไฟหน้าบ้านและเสียงเกลียวคลื่นขับกล่อมจากท้องทะเล ร่างระหงของเมลิดาดูเล็กบางเมื่อเทียบกับความสูงใหญ่ของบุรุษที่ยืนอยู่ใกล้เธอ
“ผมเต็มใจครับ อย่างน้อยที่สุดตอนนี้คุณเมย์จะได้มีผมเป็นเพื่อนอยู่สักคน”
“ค่ะ....เมย์มาอยู่ที่นี่เหมือนเมย์ไม่มีเพื่อนเลยจริง ๆ เพื่อนที่ดีสำหรับเมย์หายากมาก”
“เราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะก็ได้ครับคุณเมย์ แค่คนเดียวโลกนี้ก็น่ารื่นรมย์แล้ว ผมขอตัวนะครับ ถ้าคุณเมย์ต้องการให้ผมช่วยอะไรผมก็อยู่แถวบังกะโลนี่แหละครับ”
ชายหนุ่มกล่าวจบก็หันหลังเดินจากไปตามทางที่มีโคมไฟส่องทางเดินของบังกะโล เมลิดามองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกบางอย่างที่จู่ ๆ ก็แล่นพล่านขึ้นมา เธอรับรู้ได้ว่าการพูดคุยกับผู้ชายคนนี้ทำให้เธอตื่นเต้นมากขึ้นทุกครั้ง หญิงสาวไม่กล้าตั้งคำถามกับตัวเองเพราะแน่ใจว่าคำตอบนั้นมีอยู่แล้ว
หากแต่ใยความรู้สึกที่เธอยังเข้าใจไม่กระจ่างแจ้งจึงบังเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วนัก เมลิดานึกถึงตัวตนที่ตอนนี้อายุยี่สิบหก เธอไม่ใช่สาวน้อยร้อยชั่งอีกแล้วและแม้อยู่ในวงการนางแบบพบคนมากหน้าหลายตาก็มิเคยใจเต้นไม่เป็นส่ำเช่นนี้ ไม่หรอก
เมลิดา.....นี่อาจเป็นเพราะการห่างไกลจากโลกที่เธอเคยอยู่ทำให้ความเหงาเข้ามามีอิทธิพลเหนือสำนึกที่เคยเป็นปกติ แค่เธอเพิ่งเจอเขา พรหมอาจไม่ลิขิตให้ชีวิตต้องผูกติดกับใครรวดเร็วเช่นนั้น
“คิดมากไปแล้วเรา เขาคงไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นหรอก”
หญิงสาวพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนเปิดประตูเข้าไปด้านใน เมื่อประตูปิดลงและไฟในตัวบ้านสว่างไสว ณ มุมหนึ่งไม่ไกลออกไปเจ้าของร่างสูงจึงก้าวออกมาจากหลังพุ่มปาล์มเตี้ย นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าคมสันมองไปยังบังกะโลหลังที่เพิ่งจากมาเนิ่นนานก่อนหันหลังเดินลับหายไปภายใต้เงามืดของไม้ใหญ่ที่อาบไล้ด้วยแสงจันทรา
เวลาผ่านไปกว่าสามสัปดาห์ที่หญิงสาวผู้ซึ่งระหกระเหินมาจากบ้านโดยปกปิดเบื้องหลังของตนไว้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอยู่ภายในอาณาบริเวณของ มุกประกาย บังกะโล เมลิดาพยายามตัดตัวเองให้ขาดออกจากโลกภายนอกด้วยการเปลี่ยนเบอร์ไทรศัพท์มือถือ ไม่ยอมติดต่อหาใครโดยเฉพาะเพื่อนพ้องในแวดวงนางแบบ ทำราวกับชีวิตของเธอถูกกลืนหายไปในห้วงจักรวาลอันไพศาล
เป็นแค่ เมลิดา ผู้หญิงสามัญไร้ชื่อเสียง หลีกเร้นตัวเองจากเกียรติที่เคยมีในฐานะนางแบบชื่อดัง กลางวันเธอใช้เวลานั่งอ่านนิยายเล่มโปรดใต้ไม้ใหญ่ กลางคืนนั่งฟังเสียงคลื่นเล่นล้อกระทบหาดทราย
และเช้านี้ก็เหมือนทุกวันที่ยังไม่ทันเห็นดวงอาทิตย์ เพียงแสงแรกของวันใหม่ฉายประกายที่เส้นขอบฟ้า หญิงสาวในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายเนื้อบางก็ออกมาเดินเล่นเลียบไปตามชายหาดเพื่อให้ได้สัมผัสฟองคลื่นแตกกระจายใต้ฝ่าเท้าเปล่าเปลือย แต่แล้วขณะเดินมาได้ไม่ไกลจากบังกะโลก็เห็นเจ้าของร่างสูงที่เธอคุ้นเคยย่ำฝ่าฟองคลื่นสวนกลับมาพอดี
“คุณภูมิ!....คุณมาจากไหนคะ?”
แม้แสงแรกยังส่องมาไม่ถึงหากประกายอันเจิดจ้าก็ทำให้เธอมองเห็นใบหน้าคมคายบนร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงเดนิมสีซีดอย่างทุกวัน เข้าเดินเข้ามาหยุดใกล้ ๆ เหมือนตั้งใจให้เธอหายใจติดขัดเสียกระนั้น
“คุณเมย์มาเดินเล่นหรือครับ ปกติผมไม่ค่อยเห็นคุณตอนเช้าตรู่แบบนี้” “เมย์ก็มาเดินเกือบทุกวันค่ะ เดินฝั่งโน้นบ้าง ฝั่งนี้บ้าง แต่ก็เพิ่งเจอคุณภูมิวันนี้” “แต่ผมเห็นคุณเมย์ทุกวันนะครับ เวลาคุณเมย์นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้...อืม...บางครั้งอยากเข้าไปทักทาย แต่กลัวคุณเมย์เสียสมาธิ” น้ำเสียงของผู้พูดทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนผะผ่าวบนใบหน้า เขากำลังจะบอกเธอหรืออย่างไรว่าแม้เธอไม่เจอเขาหากแต่เธอก็อยู่ในสายตาคมคู่นั้นตลอดเวลา “คุณเมย์จะเดินไปทางโน้นหรือครับ ผมจะเดินเป็นเพื่อน” เมลิดายิ้มรับอย่างเก้อเขิน เธอเพียรสะกดความรู้สึกบางอย่างกลับเข้าไปในภวังค์อันวายวุ่น ทว่าชายหนุ่มกลับสังเกตได้จากพวงแก้มที่เริ่มเป็นสีแดงเรื่อของหญิงสาวก่อนทั้งสองจะออกเดินไปพร้อมกัน “วันนี้คุณภูมิไม่ขับเรือพาแขกไปเที่ยวหรือคะ?” “ช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่นน่ะครับ แขกจะน้อยลงสักหน่อย คิดเสียว่าได้หยุดพักบ้างจะได้ไม่เครียด” “ดีจังเลยนะคะ คุณภูมิทำงานแบบนี้ก็ดีอย่าง ได้เที่ยวบ่อย ไม่ต้องพะวงอะไร” “บางครั้งก็มีบ้าง เจอแขกเรื่องมา
แล้วแผนที่วางไว้ว่าจะนั่งเรือเที่ยวชมเกาะของเมลิดาก็เป็นอันต้องพักไว้ก่อนเพราะแผลยาวที่ฝ่าเท้าต้องให้หมอเย็บถึงสิบเข็ม หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่จะได้นั่งเรือออกทะเลทว่าก็ยังนึกยินดีที่มีชายหนุ่มชื่อภูมิคอยช่วยเหลือไปเสียทุกอย่างเขาพาเธอไปหาหมอ คอยช่วยพยุงร่างระหงตลอดเวลาที่ไปโรงพยาบาลจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นสามีภรรยามาด้วยกัน เมลิดาแอบเขินเล็ก ๆ ต่อท่าทีแสดงออกของชายหนุ่มเสมือนว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอจริง ๆและที่หญิงสาวประทับใจคือความอดทนที่ไม่มีขีดจำกัดแม้ต้องคอยนานต่อการทำแผลของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลรัฐกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงยามบ่ายกว่าเขาและเธอจะกลับมาถึงบังกะโล ร่างบอบบางต้องเดินเขย่งเท้าข้างหนึ่งซึ่งถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวขณะเดินจูงมือชายหนุ่มจนมาถึงที่พัก “นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วคะที่เมย์รบกวนคุณภูมิ แย่จังเลย” เมลิดาทอดถอนใจขณะนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกภายในห้องที่ภูมิช่วยเปิดประตูหน้าต่างให้ลมโกรกเข้ามาเย็นสบาย เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วใช้มือหนาจับเท้าเรียวดูแผลที่ถูกพันผ้าไว้อย่างดีก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่ติดกัน “ถ้าคุ
ไอแดดบางเบาลอดผ่านม่านเมฆที่คลี่ตัวอยู่เหนือแผ่นฟ้าสีครามในยามสาย ร่างบอบบางในชุดกระโปรงผ้าชีฟองเนื้อเบาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินเลียบไปตามเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและโรงแรมในย่านการท่องเที่ยวริมหาดนพรัตน์ธารา ที่ซึ่งหญิงสาวมุ่งตรงมายังจังหวัดกระบี่อย่างตั้งใจหากก็ไร้จุดหมายอันแน่นอน เรือนผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลถูกมุ่นไว้ด้านหลังภายใต้หมวกปีกกว้างดวงตากลมโตหลังแว่นกันแดดกรอบใหญ่มองไปข้างหน้าราวกับยังมองไม่เห็นสิ่งที่คาดหวัง บ่อยครั้งที่หญิงสาวเสียสมาธิหันไปมองของฝากสวยงามภายในร้านริมทางพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย เมลิดาเฝ้าบอกตัวเองว่าตอนนี้เธอไม่ใช่นางแบบชื่อดังที่เจ้าของงานโชว์ตัวและงานเดินแบบเที่ยวตามหากันให้ควั่ก ทั้งยามนี้เธอก็ห่างไกลจากบ้านมาอยู่ในสถานที่ ๆ ดูเหมือนสงบสุขไกลจากเมืองหลวงและไกลจากความต้องการไร้สาระของทั้งบิดาและมารดาซึ่งยืนกรานให้เธอเข้าพิธีวิวาห์กับผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ เพียงรู้ว่าเป็นเจ้าของบริษัททำเหมืองทองคำและเจ้าของไร่องุ่นกว้างใหญ่ที่ต่างจังหวัด “เขาชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ เป็นเจ้าของเหมืองทองและไร่ภควัตณ์ที่ใหญ่มาก
“คุณจะเช่าบังกะโลเป็นรายเดือนหรือคะ พอดีมีเหลืออยู่ห้องหนึ่งริมหาดฝั่งโน้น เดินไปไม่ไกลมากหรอกค่ะ แต่แถวนึ้คุณไม่ต้องห่วง เรารับประกันเรื่องความปลอดภัย” มุกประกายเจ้าของบังกะโลไม่กี่หลังตั้งเรียงรายริมหาดกล่าวกับเมลิดาอย่างเป็นมิตร หญิงวัยประมาณสามสิบกว่าผิวขาวเหลืองรูปร่างค่อนข้างอวบในชุดกระโปรงผ้าบาติกที่อยู่ในบังกะโลหลังเล็กมีป้ายบอกสถานที่ “มุกประกาย บังกะโล” มองหญิงสาวอย่างใช้ความคิด “อืม....ดิฉันคิดว่าดิฉันคุ้นหน้าคุณมากเลยนะคะ คุณเหมือน....เหมือน....เอ คิดไม่ออก หรือว่าคนสมัยนี้หน้าตาคล้าย ๆ กันเลยทำให้สับสน” “คงงั้นกระมังคะ....เมย์ว่าเมย์คงหน้าโหลไปเหมือนใครสักคนที่คุณรู้จักแน่เลย” เมลิดารีบตัดบทเพราะการเดินทางจากเมืองหลวงมาไกลถึงที่นี่ไม่เพียงแค่อยากปลดแอกตัวเองออกจากกรอบชีวิตที่บิดามารดาตีเส้นไว้ หากแต่เธออยากปลดเปลื้องสถานะของ เมลิดา มัณฑาวีร์ นางแบบชื่อดังออกจากตัวเธอด้วย “ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะให้ภูมิพาคุณไปดูห้องพักนะคะ ภูมิเขาเป็นคนขับเรือของที่นี่ด้วย ถ้าคุณอยากจะนั่งเรือเที่ยวชมตามเกาะต่าง ๆ เราก็มีเรือของบังกะโ
เมลิดาเรียกชายหนุ่มที่กำลังจะเดินกลับออกไปหลังจากวางกุญแจไว้บนโต๊ะไม้กลมริมหน้าต่าง เขาหันกลับมามองหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้ “ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีคุณภูมิเมย์อาจต้องเดินหาที่พักอีกนาน” “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าช่วยเหลือกัน คนที่นี่ไม่ใจดำอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่เดินทางมาไกล” ชายหนุ่มทิ้งน้ำเสียงอันนุ่มนวลไว้ก่อนหันหลังออกไปจากบังกะโล หญิงสาวมองตามด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากเพียงชั่วขณะเธอจำต้องสลัดความหวั่นไหวที่กำลังเกาะกินใจนั้นทิ้งไป....เขาอาจมีคนรู้ใจแล้วก็เป็นได้ คนหน้าตาดีแบบนี้มีหรือจะรอดพ้นจากสตรีหมายปอง เมลิดายกมือเกาหัวเบา ๆ .....ทำไมต้องคิดเรื่องไร้สาระ ตอนนี้ก็ได้ที่พักแล้วเธอควรต้องนึกต่อไปดีกว่าว่าจะเอายังไงกับของใช้ที่เธอพกติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเพราะความรีบเร่ง “คุณเมย์!....คุณเมย์จะไปไหนครับ?” เมลิดาหันไปตามเสียงที่ตะโกนมาเบื้องหลังขณะเดินออกมาจากบังกะโลมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อจับจ่ายของใช้และสิ่งจำเป็น ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขี่รถมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ และถอดแว่นกันแดดสีชาออกแล้ว
แล้วแผนที่วางไว้ว่าจะนั่งเรือเที่ยวชมเกาะของเมลิดาก็เป็นอันต้องพักไว้ก่อนเพราะแผลยาวที่ฝ่าเท้าต้องให้หมอเย็บถึงสิบเข็ม หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่จะได้นั่งเรือออกทะเลทว่าก็ยังนึกยินดีที่มีชายหนุ่มชื่อภูมิคอยช่วยเหลือไปเสียทุกอย่างเขาพาเธอไปหาหมอ คอยช่วยพยุงร่างระหงตลอดเวลาที่ไปโรงพยาบาลจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นสามีภรรยามาด้วยกัน เมลิดาแอบเขินเล็ก ๆ ต่อท่าทีแสดงออกของชายหนุ่มเสมือนว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอจริง ๆและที่หญิงสาวประทับใจคือความอดทนที่ไม่มีขีดจำกัดแม้ต้องคอยนานต่อการทำแผลของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลรัฐกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงยามบ่ายกว่าเขาและเธอจะกลับมาถึงบังกะโล ร่างบอบบางต้องเดินเขย่งเท้าข้างหนึ่งซึ่งถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวขณะเดินจูงมือชายหนุ่มจนมาถึงที่พัก “นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วคะที่เมย์รบกวนคุณภูมิ แย่จังเลย” เมลิดาทอดถอนใจขณะนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกภายในห้องที่ภูมิช่วยเปิดประตูหน้าต่างให้ลมโกรกเข้ามาเย็นสบาย เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วใช้มือหนาจับเท้าเรียวดูแผลที่ถูกพันผ้าไว้อย่างดีก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่ติดกัน “ถ้าคุ
“คุณเมย์มาเดินเล่นหรือครับ ปกติผมไม่ค่อยเห็นคุณตอนเช้าตรู่แบบนี้” “เมย์ก็มาเดินเกือบทุกวันค่ะ เดินฝั่งโน้นบ้าง ฝั่งนี้บ้าง แต่ก็เพิ่งเจอคุณภูมิวันนี้” “แต่ผมเห็นคุณเมย์ทุกวันนะครับ เวลาคุณเมย์นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้...อืม...บางครั้งอยากเข้าไปทักทาย แต่กลัวคุณเมย์เสียสมาธิ” น้ำเสียงของผู้พูดทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนผะผ่าวบนใบหน้า เขากำลังจะบอกเธอหรืออย่างไรว่าแม้เธอไม่เจอเขาหากแต่เธอก็อยู่ในสายตาคมคู่นั้นตลอดเวลา “คุณเมย์จะเดินไปทางโน้นหรือครับ ผมจะเดินเป็นเพื่อน” เมลิดายิ้มรับอย่างเก้อเขิน เธอเพียรสะกดความรู้สึกบางอย่างกลับเข้าไปในภวังค์อันวายวุ่น ทว่าชายหนุ่มกลับสังเกตได้จากพวงแก้มที่เริ่มเป็นสีแดงเรื่อของหญิงสาวก่อนทั้งสองจะออกเดินไปพร้อมกัน “วันนี้คุณภูมิไม่ขับเรือพาแขกไปเที่ยวหรือคะ?” “ช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่นน่ะครับ แขกจะน้อยลงสักหน่อย คิดเสียว่าได้หยุดพักบ้างจะได้ไม่เครียด” “ดีจังเลยนะคะ คุณภูมิทำงานแบบนี้ก็ดีอย่าง ได้เที่ยวบ่อย ไม่ต้องพะวงอะไร” “บางครั้งก็มีบ้าง เจอแขกเรื่องมา
“คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ อะไรที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าต้องฝืนอยู่ก็ต้องการอิสรเสรีในที่อยู่ใหม่ พูดอีกอย่างก็เหมือนการหนีจากปัญหาที่เราไม่อยากพบ” เมลิดาทำท่าอย่างจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง หนีหรือ?....คำ ๆ นี้ทำให้ความนึกคิดของเธอเชื่องช้าลง มีบางอย่างสะกิดความรู้สึกของเธอให้หันกลับไปมองเส้นทางที่เธอวิ่งผ่านมา เธอควรยินดีต่อสถานที่ใหม่หรือเศร้าใจกับการกระทำที่ไม่ได้คิดถึงใครนอกจากตัวเอง “ไม่มีใครอยากหนีหรอกค่ะคุณภูมิ บางทีปัญหาที่เราเจอมันหนักหนาเราก็ควรได้มีเวลาคิดไตร่ตรองว่าเราควรรับมือกับมันยังไงดี” “แล้วคุณเมย์คิดว่าจะพบทางออกหรือครับ ถ้าเราหนีอยู่เรื่อย ๆ “ หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันออกไปทางชายหาดเพื่อรับสายลมอ่อนที่ไหลเอื่อยมาปะทะใบหน้า “อาจจะนะคะ.....หรืออาจไม่พบเลย เมย์แค่อยากแสดงให้คนที่ชอบบีบบังคับจิตใจคนอื่นให้ทำตามความต้องการของตัวเองเขาได้รู้สึกบ้างว่า เขากำหนดหรือชี้ชะตาชีวิตของใครไม่ได้ทุกคน” นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าคมสันเหมือนมีอะไรบางอย่างวูบไหวขณะจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ให้ความสนใจกับภาพทิวทัศน
เมลิดาเรียกชายหนุ่มที่กำลังจะเดินกลับออกไปหลังจากวางกุญแจไว้บนโต๊ะไม้กลมริมหน้าต่าง เขาหันกลับมามองหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้ “ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีคุณภูมิเมย์อาจต้องเดินหาที่พักอีกนาน” “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าช่วยเหลือกัน คนที่นี่ไม่ใจดำอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่เดินทางมาไกล” ชายหนุ่มทิ้งน้ำเสียงอันนุ่มนวลไว้ก่อนหันหลังออกไปจากบังกะโล หญิงสาวมองตามด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากเพียงชั่วขณะเธอจำต้องสลัดความหวั่นไหวที่กำลังเกาะกินใจนั้นทิ้งไป....เขาอาจมีคนรู้ใจแล้วก็เป็นได้ คนหน้าตาดีแบบนี้มีหรือจะรอดพ้นจากสตรีหมายปอง เมลิดายกมือเกาหัวเบา ๆ .....ทำไมต้องคิดเรื่องไร้สาระ ตอนนี้ก็ได้ที่พักแล้วเธอควรต้องนึกต่อไปดีกว่าว่าจะเอายังไงกับของใช้ที่เธอพกติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเพราะความรีบเร่ง “คุณเมย์!....คุณเมย์จะไปไหนครับ?” เมลิดาหันไปตามเสียงที่ตะโกนมาเบื้องหลังขณะเดินออกมาจากบังกะโลมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อจับจ่ายของใช้และสิ่งจำเป็น ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขี่รถมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ และถอดแว่นกันแดดสีชาออกแล้ว
“คุณจะเช่าบังกะโลเป็นรายเดือนหรือคะ พอดีมีเหลืออยู่ห้องหนึ่งริมหาดฝั่งโน้น เดินไปไม่ไกลมากหรอกค่ะ แต่แถวนึ้คุณไม่ต้องห่วง เรารับประกันเรื่องความปลอดภัย” มุกประกายเจ้าของบังกะโลไม่กี่หลังตั้งเรียงรายริมหาดกล่าวกับเมลิดาอย่างเป็นมิตร หญิงวัยประมาณสามสิบกว่าผิวขาวเหลืองรูปร่างค่อนข้างอวบในชุดกระโปรงผ้าบาติกที่อยู่ในบังกะโลหลังเล็กมีป้ายบอกสถานที่ “มุกประกาย บังกะโล” มองหญิงสาวอย่างใช้ความคิด “อืม....ดิฉันคิดว่าดิฉันคุ้นหน้าคุณมากเลยนะคะ คุณเหมือน....เหมือน....เอ คิดไม่ออก หรือว่าคนสมัยนี้หน้าตาคล้าย ๆ กันเลยทำให้สับสน” “คงงั้นกระมังคะ....เมย์ว่าเมย์คงหน้าโหลไปเหมือนใครสักคนที่คุณรู้จักแน่เลย” เมลิดารีบตัดบทเพราะการเดินทางจากเมืองหลวงมาไกลถึงที่นี่ไม่เพียงแค่อยากปลดแอกตัวเองออกจากกรอบชีวิตที่บิดามารดาตีเส้นไว้ หากแต่เธออยากปลดเปลื้องสถานะของ เมลิดา มัณฑาวีร์ นางแบบชื่อดังออกจากตัวเธอด้วย “ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะให้ภูมิพาคุณไปดูห้องพักนะคะ ภูมิเขาเป็นคนขับเรือของที่นี่ด้วย ถ้าคุณอยากจะนั่งเรือเที่ยวชมตามเกาะต่าง ๆ เราก็มีเรือของบังกะโ
ไอแดดบางเบาลอดผ่านม่านเมฆที่คลี่ตัวอยู่เหนือแผ่นฟ้าสีครามในยามสาย ร่างบอบบางในชุดกระโปรงผ้าชีฟองเนื้อเบาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินเลียบไปตามเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและโรงแรมในย่านการท่องเที่ยวริมหาดนพรัตน์ธารา ที่ซึ่งหญิงสาวมุ่งตรงมายังจังหวัดกระบี่อย่างตั้งใจหากก็ไร้จุดหมายอันแน่นอน เรือนผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลถูกมุ่นไว้ด้านหลังภายใต้หมวกปีกกว้างดวงตากลมโตหลังแว่นกันแดดกรอบใหญ่มองไปข้างหน้าราวกับยังมองไม่เห็นสิ่งที่คาดหวัง บ่อยครั้งที่หญิงสาวเสียสมาธิหันไปมองของฝากสวยงามภายในร้านริมทางพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย เมลิดาเฝ้าบอกตัวเองว่าตอนนี้เธอไม่ใช่นางแบบชื่อดังที่เจ้าของงานโชว์ตัวและงานเดินแบบเที่ยวตามหากันให้ควั่ก ทั้งยามนี้เธอก็ห่างไกลจากบ้านมาอยู่ในสถานที่ ๆ ดูเหมือนสงบสุขไกลจากเมืองหลวงและไกลจากความต้องการไร้สาระของทั้งบิดาและมารดาซึ่งยืนกรานให้เธอเข้าพิธีวิวาห์กับผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ เพียงรู้ว่าเป็นเจ้าของบริษัททำเหมืองทองคำและเจ้าของไร่องุ่นกว้างใหญ่ที่ต่างจังหวัด “เขาชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ เป็นเจ้าของเหมืองทองและไร่ภควัตณ์ที่ใหญ่มาก