“หลังจากที่ตกลงไปที่หุบเขาไม่ได้สติ ก็ฝันถึงความฝันที่ยาวนานมากๆ ข้าได้ไปโลกาที่แสนมหัศจรรย์ โลกานั้นแตกต่างกับโลกาของพวกเราตอนนี้อย่างสิ้นเชิง ในห้วงความฝันนั้น ข้าได้เรียนรู้สิ่งที่ที่นี่ไม่มีมากมาย”เฉินฝานไม่ได้พูดว่าทะลุมิติเพราะว่าต่อให้สองพี่น้องนี้ฉลาดแค่ไหน ก็ยังเป็นคนยุคโบราณ ปรากฏการณ์การทะลุมิติเช่นนี้ คนยุคปัจจุบันไม่สามารถหาวิธีในการใช้วิทยาศาสตร์อธิบายได้ นับประสาอะไรกับคนยุคโบราณ“ดังนั้นหลังจากที่ข้าฟื้นขึ้นมา ก็ยังเป็นข้าคนเดิม ทว่าก็เป็นข้าในแบบใหม่ด้วย”“นายท่าน โลกาในห้วงความฝันเป็นโลกาแบบใดกัน? มิคาดคิดว่าจะสอนสิ่งต่างๆมากมายให้ท่านได้ขนาดนี้”ดวงตาทั้งคู่ของฉินเย่ว์โหรวเปล่งประกายแวววับ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย“นั่นเป็นโลกาที่แสนจะมหัศจรรย์และน่าสนใจ เอาไว้หลังจากนี้ข้าจะค่อยๆเล่าให้พวกเจ้าฟัง”“ไม่ได้อยากฟังเสียหน่อย อย่างไรเสียข้าก็ไม่สามารถไปโลกานั้นได้!”เสียงอันอ่อนช้อยใสแจ๋วของฉินเย่ว์เจียวดังขึ้นความรู้สึกอันหนาวเหน็บพัดผ่านมาเฉินฝานหันหน้าไปดูด้วยสัญชาตญาณ...ฉินเย่ว์เจียวเลิกผ้าม่านด้านข้างรถม้าขึ้น ยื่นศีรษะออกไปดูเฉินฝานเห็นเพียงด้า
“พวกเจ้าดูบ้านหลังนี้สิ จะสามารถต้านทานฤดูหนาวนี้ได้หรือไม่? ถ้าเขาหาเงินได้เยอะจริงๆ บ้านนี้ก็คงถูกซ่อมแซมไปนานแล้ว”“เมื่อวานซืนเขายังบังคับขูดรีดเอาเงินพ่อข้าอยู่เลย โดนอาสองสามคนในบ้านให้โอวาท บอกว่าเขาไร้ซึ่งความสามารถอีกทั้งยังชอบก่อเรื่องวุ่นวาย พวกอายังบอกอีกว่าถ้ายังทำตัวเยี่ยงนี้อีกก็จะขับไล่เขาออกจากตระกูล”“ไอหนุ่มนั่นไม่ยอมรับผิด ไม่พูดไม่จา สะบัดเสื้อแขนต่อหน้าพวกอาแล้วเดินจากไป”“เดิมทีพวกเรานึกว่าเขากลับบ้านจะยอมสำนึกผิดแต่โดยดี ผลสุดท้ายไม่คิดเลยว่า เขาจะเอาเงินทองที่ข้าให้เขา มาทำเรื่องแบบนี้ เขาอยากแสดงแสงยานุภาพต่อหน้าพวกอาทั้งหลายว่าเขามีความสามารถ”“คาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือ ทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนึกว่าเขามีความสามารถ ก็มาขอร้องเขา”“เขาจะมีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไรกัน อันที่จริงทุกคนคิดดีๆก็จะเข้าใจ ปกติปลาทุกคนก็ไม่กิน ต่อให้เฉินฝานมีความสามารถอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้ปลาขายดีเทน้ำเทท่าได้หรอก”“เขาหลอกทุกคน ทว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเกินการควบคุมไปแล้ว ดังนั้นวันนี้เขาจึงแอบย่องออกจากบ้านตั้งแต่ที่ทุกคนยังไม่ทันตื่น หลบหน้าทุกคนไปแล้ว คงไม่กล้ากลับมา
รถม้าคันนั้น ดูแล้วก็ไม่เหมือนของครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านท้ายที่สุดแล้ว รถม้าหยุดอยู่ระหว่างบ้านของเฉินเจียงและบ้านของเฉินฝาน“คงจะมาหาเฉินเจียงกระมัง”“ก็คงจะใช่ ไม่แน่ว่าหลี่เจิ้งอาจจะส่งของดีๆมาให้เฉินเจียงอีกก็ได้”“ได้ยินมาว่าหลี่เจิ้งถูกใจเฉินเจียงเข้าแล้ว อยากจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับเฉินเจียง”“ข้าเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน ข้ายังได้ยินซานจื่อที่สถานศึกษาพูดว่า สองสามวันมานี้ เฉินเจียงแต่งบทประพันธ์มากมายอย่างต่อเนื่อง ท่านอาจารย์ยังชื่นชมเขาด้วย ปีหน้าแรกเริ่มวสันตฤดู เฉินเจียงสอบเป็นถงเซิง(บัณฑิตขั้นสูง)ได้แน่นอน และอาจจะสอบได้ลำดับที่หนึ่งด้วยซ้ำ!”“ถ้าเป็นเช่นนั้นละก็ ข้าเป็นหลี่เจิ้ง ข้าก็อยากให้ลูกสาวข้าแต่งงานกับเขา”ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้คน เฉินเจียงเดินไปทางรถม้าเขายืนอยู่หน้ารถม้า โค้งตัวเล็กน้อย ต้อนรับคนด้านบนรถม้าด้วยความยินดียิ่งผ้าม่านของรถม้าถูกคนด้านในรถม้าเปิดออกผู้คนต่างพากันแห่ไปดู อยากเห็นว่าหลี่เจิ้งส่งของขวัญดีๆอะไรมาให้เฉินเจียง หรือพูดอีกอย่างก็คือ นอกจากหลี่เจิ้งแล้ว จะมีใครสามารถส่งของขวัญให้เฉินเจียงได้อีกส่งของขวัญอะไรมาอีกแล้วเฉินเจียง
เขาเป็นเจ้าของรถม้าคันนี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม เมื่อสักครู่ตอนที่ขับรถม้าไม่ทันระวังทาง ชนเข้ากับหินก้อนหนึ่ง ทำให้ถุงยาสูบของเขากระเด็นตกไปบนถนนหลังจากที่รถม้าหยุด เขาบอกกับเฉินฝาน แล้วก็กลับไปหาหาถุงยาสูบกลับมาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามา“เจ้าหลบไป พวกข้าจะจับโจรขโมยรถม้า!” จูต้าอันอยากจะจับชายวัยกลางคนที่ยืนตรงหน้ารถม้าโยนออกไป“อะไรนะ? ”ชายวัยกลางคนขยับไปยืนด้านนั้น คนที่ขับรถม้ามานานหลายปี มีรูปร่างหน้าตาสูงใหญ่และกำยำเพียงเขาพลิกผ่ามือ สามารถทำให้จูต้าอันล้มลงได้ทันที“โจรขโมยรถม้าอะไรกัน? อยู่ที่ใด? ”“พี่ชายท่านนี้ ใจเย็นลงก่อน!” เฉินเจียงพูดด้วยท่าทางที่นุ่มนวล “หัวขโมยก็คือคนที่อยู่บนรถม้าด้านหลังท่าน พวกเรารู้จักเขาดี ไม่สามารถจ้างรถม้าแบบนี้ไหวหรอก”“โอ้!” ชายวัยกลางคนพยักหน้า “แท้ที่จริงแล้วรถม้านี้ไม่ใช่น้องชายจ้างมาหรอก”“เฮ้อ!” เมื่อได้ยินชายวัยกลางคนพูดเช่นนี้ เฉินเจียงถอนหายใจทันที พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “บ้านข้ามีชายที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ พวกข้ากราบขออภัยอย่างยิ่ง”ชายวัยกลางคนมองเฉินเจียงด้วยสายตารังเกียจ “เจ้ากำลังพูดจามีมารยาทอะไรของเจ้า รถม้า
การกอดรัดฉินเย่ว์โหรวลงจากรถม้าที่ไม่ควรเช่นนี้ นี่คือวิธีคิดที่คุ้นชินของเฉินฝานในฐานะคนยุคปัจจุบันตอนที่เขากำลังเตรียมจะปล่อยฉินเย่ว์โหรวลง พบว่าหน้าของนางอยู่ในอ้อมอกของเขาอย่างแนบแน่ ร่างบางสั่นเทาอย่างต่อเนื่อง เผยครึ่งใบหน้าเรียวเล็กที่แดงเกือบจะคล้ายกับมีเลือดไหลออกมาเอ่อ...เฉินฝานยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวณ ห้วงเวลานั้น เขาลืมไปเลยว่าที่นี้คือยุคโบราณหญิงสาวในอ้อมอกเกรงว่าจะเดินกลับเองไม่ได้แล้วก็เลยปล่อยเลยตามเลยไปเสียเฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์โหรวตรงเข้าไปในบ้าน“นายท่าน ท่านจะปล่อยข้าลงได้หรือยัง? ”เฉินฝานก้มหน้ามองฉินเย่ว์โหรวที่เหมือนแมวน้อยขดตัวอยู่ในอ้อมอกของเขาฉีกยิ้มเบาๆพลางวางนางลงพอเท้าของฉินเย่ว์โหรวแตะพื้น ก็รีบวิ่งไปหลบในห้องทันทีณ ช่วงเวลาสั้นๆนี้ ถึงแม้ว่าบ้านจะโดนฟ้าผ่า เดาว่านางก็คงไม่ออกมาปล่อยนางไปเถอะเขายังต้องทำความเข้าใจกับสถานการณ์ด้านนอกบ้านด้านนนอก ตอนที่เฉินฝานอุ้มเฉินเย่ว์โหรวเข้าไปในบ้าน เฉินเจียงกับเฉินฟู่ก็แอบหนีกลับเข้าบ้านของตัวเองจูต้าอันยังไม่กลับ พวกเขายืนอยู่ไกลๆในก้นบึ้งของหัวใจมีความไม่เต็มใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นถ
ส่วนเรื่องที่ว่าเฉินฝานจะสามารถทำให้พวกเขาหาเงินได้หรือไม่นั้น แท้จริงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มากมายผ่านคืนวานที่สงบจิตสงบใจ และวันนี้จูต้าอันยังหัวเราะเยาะพวกเขาอีกพวกเขาได้สติกลับมาหาเงินมันง่ายแบบนั้นที่ไหนกัน โดยเฉพาะในเหมันตฤดูที่สภาพการณ์ไม่ค่อยดี“พี่ฝาน ท่านพูดจริงหรือ? ” จูจื้ออันตื่นเต้นจนปากสั่น“จริงสิ!” เฉินฝานยิ้มพลางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ไม่ได้บอกว่าจะพาเจ้าหาเงินมหาศาลได้ ทว่าสามารถทำให้ภรรยาเจ้ากินอิ่มนอนอุ่นอย่างแน่นอน ทำให้สามารถนำมาเลี้ยงดูลูกสาวของเจ้าให้ข้ามผ่านฤดูหนาวนี้ได้”“พี่ลิ่ว ข้าไม่แน่ใจว่าค่ายาของแม่ท่านชุดหนึ่งต้องใช้เงินเท่าใด ทว่าข้าจะพยายามอย่างสุดกำลังให้ท่านหาเงินได้เยอะขึ้น”เมื่อวานรับปากว่าจะนำทุกคนสาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากเฉียนลิ่วและจูจื้ออันเฉียนลิ่วร่างกายสูงใหญ่กำยำ ปกติแล้วก็ไม่ค่อยกวนโมโหข้าเสียเท่าไหร่ในความทรงจำ เขากับเจ้าของร่างเดิมก็ไม่ลงรอยกันอย่างยิ่ง ทว่าเพื่อแม่ของตนเอง วางความโกรธลงนอบน้อมเจียมตัวมาขอความช่วยเหลือจากเขาจูจื้ออัน อ่อนกว่าสองปี ประพฤติตัวดีปีก่อนพ่อแม่ไปตัดไม้ในภูเขา ตกลงไปในหุบเขา ตอน
“จูต้าอัน ทำไมเจ้าปากปีจอเช่นนี้!” ฉินเย่ว์เจียวหงุดหงิดอย่างมากเวลาที่คนอื่นมาพูดให้ร้ายเฉินฝานเฉินฝานดึงมือฉินเย่ว์เจียวไว้ “รู้ว่ามันปากปีจอ จะไปสนใจมันทำไม? กลับกันเถอะ!”ทุกคนล้วนแยกย้าย หน้าบ้านของเฉินฝานเหลือเพียงแต่ครอบครัวของเฉินผิงครอบครัวเดียว“ท่านลุง ท่านดูไม่กังวลเลยนะ ไม่กลัวว่าพวกเราจะไม่กลับมาหรือ? ”เฉินผิงยิ้ม “ข้าจะกังวลอะไรกัน สองสามวันมานี้เจ้าทั้งให้เงินเหวินให้เนื้อสัตว์แก่พวกเรา ถ้าไม่ได้หวังดีกับพวกเราอย่างจริงใจ จะตั้งใจทำไปเพื่ออะไรกัน”“แต่ว่า!” เฉินผิงหุบยิ้ม “วันนี้พวกเรากลับมาดึกดื่นขนาดนี้ พวกเรากังวลจริงๆ กังวลว่าพวกเจ้าจะเจออุบัติเหตุด้านนอก”“โอ้ย! ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้แล้ว พวกเจ้ากลับมาก็ดีแล้ว” เฉินผิงหันหน้าไปพูดกับนางเจิ้งผู้เป็นภรรยา“พวกเฉินฝานเพิ่งจะกลับมา ต้องทั้งเหนื่อยทั้งหิว เจ้ารีบพาลูกสาวคนโตเข้าไปทำอาหารให้พวกเขา”“รับทราบ!”นางเจิ้งพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางพาลูกสาวคนโตวิ่งตรงไปที่ห้องครัวของเฉินฝานในมือของนางยังหิ้วตะกร้าใบหนึ่ง ในตะกร้านั้นล้วนเป็นอาหารเห็นอาหารที่ปรุงสุกเย็นแล้ว ตอนนี้ก็เอาไปอุ่นในครัวเฉินผิงเดิน
เห้อครอบครัวนี้นี่มัน...ในใจของเฉินฝานทั้งรู้สึกจนปัญญาและซาบซึ้ง“เอ้อร์ยา มา ช่วยพี่ฝานกินไข่ฟองหนึ่งสิ” เฉินฝานนำไข่หนึ่งฟองไปไว้ในถ้วยของเอ้อร์ยา“พี่ฝาน... ”เอ้อร์ยามองไปที่พ่อแม่ของตนเองไม่แตะต้องไข่ทอดในถ้วย“ท่านลุงท่านป้า ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องการจะสื่ออะไร ทว่าตอนนี้เอ้อร์ยากำลังอยู่ในวัยกำลังโต นางต้องการมัน! อีกอย่าง ท่านป้าเมื่อครู่ท่านก็พูดไม่ใช่หรือว่าพวกเราคือครอบครัวเดียวกัน? เหตุใดครอบครัวเดียวกันยังต้องแบ่งแยกซึ่งกันและกัน ? ”ฟังเฉินฝานพูดจบประโยคนี้ นางเจิ้งพูดอย่างสะอึกสะอื้น “ลูกรอง พี่ฝานของเจ้าให้เจ้า เจ้าก็กินเถอะ”นางกับเฉินผิงไม่มีลูกชาย อีกทั้งยังไม่มีสมบัติอะไรซักอย่าง งานวิวาห์ของลูกสาวคนโตก็พังล้มเหลวไม่เป็นท่าชาตินี้ครอบครัวของพวกเขาคงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้คนในหมู่บ้านมีผลประโยชน์ที่ดี เรื่องอะไรจะนึกถึงพวกเขา ทว่าใครก็ตามอยากทำผลประโยชน์ที่ดีให้กับตระกูลเฉิน ล้วนไปที่บ้านเฉินเจียงกันหมดทว่าเงินทองที่เฉินฝานหามาด้วยตัวเอง ไม่ได้นำไปไว้ที่บ้านเฉินเจียง และไม่ได้ให้ผลประโยชน์ที่ดีกับบ้านเฉินเจียง ทว่าดูแลพวกเขาที่ไม่มีอำนาจที่สุดอย่างไร้
เฉินฝานตบบั้นท้ายกลมกลึงของโอวหยางน่าหลันทีหนึ่ง “พอได้แล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว!”“ข้าไม่ได้เสแสร้งนะ จริง ๆ แล้วข้า...”เสียงของโอวหยางน่าหลันขาดหายไป เพราะว่า...“ข้าจากเมืองหลวงของต้าชิ่งมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เป็นห่วงลูกเมียที่บ้าน ไม่อาจไปแคว้นหลู่จัดพิธีแต่งงานกับท่านได้ จัดขึ้นที่เมืองลู่ตูแห่งนี้ละกัน”“จริงหรือ? ช่างดีเหลือเกิน!”โอวหยางน่าหลันโผเข้าหาตัวเฉินฝานทันที“สามี ช่วงเวลาที่งดงามเช่นนี้ เหตุใดเราไม่สู้...”มือของโอวหยางน่าหลันเริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้งเฉินฝานบีบเอวบางของโอวหยางน่าหลัน“ร่านนัก!”เสียงยั่วยวนดังขึ้นอีกครั้ง.....ตอนที่ฉินเย่ว์เหมยส่งโอวหยางน่าหลันกลับไป ก็ถามนางว่าเหตุใดถึงยืนกรานจะแต่งงานกับเฉินฝานให้ได้คำตอบของโอวหยางน่าหลันธรรมดามากเหตุผลแรกคือนางชอบเฉินฝานเหตุผลข้อที่สองคือแคว้นหลู่มีเฉินฝานก็จะดำรงอยู่ได้ตลอดไป“เหตุผลข้อที่สองของท่านมันเกินจริงไปหรือไม่” ฉินเย่ว์เหมยกล่าว“ข้ากล่าวเกินจริงหรือไม่? ท่านรู้ดีกว่าข้ามิใช่หรือ?” โอวหยางน่าหลันฉุนเฉียวเล็กน้อย“ท่านอย่าได้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเพียงเพราะว่าเขาใส่ใจท่าน หากท่านไม่ทะนุถนอ
“หากเงื่อนไขแบบนี้ยังดึงดูดใจไม่ได้ เช่นนั้นความจริงแล้วท่านก็เป็นคนไร้น้ำยา บุตรชายฝาแฝดสี่คนคงอาศัยน้ำเชื้อของผู้อื่น เรื่องเล่านี้คงจะเป็นความจริงสินะ?”โอวหยางน่าหลันพูดข่ม“โอวหยางน่าหลัน ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา?”คนที่โมโหก่อนคือฉินเย่ว์เหมย ใบหน้าเย็นชางดงามของนางดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“หรือว่าเราพูดผิดไป? ต้าชิ่งของพวกท่านบุรุษน้อยสตรีมาก เขาเป็นถึงอัครเสนาบดีผู้ทรงเกียรติ แต่ที่บ้านกลับมีภรรยาไม่ถึงสิบคน หากเขาไม่ใช่คนไร้น้ำยา แล้วภรรยาที่บ้านจะน้อยถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”“ภรรยาของเขาไม่ได้น้อย เขา...”“เขาอะไร?” โอวหยางน่าหลันกำเริบเสิบสานมากขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เขา...” ฉินเย่ว์เหมยหน้าแดงระเรื่อจากความโกรธเกรี้ยวเท่านั้นวังหลังของต้าชิ่งเป็นของเฉินฝานทั้งหมดแต่ฉินเย่ว์เหมยไม่อาจเอ่ยเรื่องนี้ออกมาได้“ฝ่าบาท อย่าทรงกริ้ว ให้กระหม่อมสั่งสอนสักยก นางก็จะเชื่อฟังแล้ว”เสียงพูดยังไม่ทันจบ เฉินฝานก็แบกโอวหยางน่าหลันขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องไม่นานนัก... เสียงร้องตะโกนของสตรีและเสียงคำรามต่ำของบุรุษก็ดังสลับกันขึ้นมา“รู้ความผิดแล้วหรือยัง?”
“หลังจากแต่งงานกับองค์หญิงโอวหยางแล้ว เจ้าจะได้เป็นอัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น ระหว่างแคว้นต้าชิ่งกับแคว้นหลู่ เจ้าชอบอาศัยอยู่ฝั่งไหนก็สุดแล้วแต่เจ้าจะปรารถนา” คำพูดของฉินเย่ว์เหมยทำให้ทุกคนตะลึงงันอีกครั้ง“อัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น? นี่ก็ได้ด้วยหรือ?”“เหตุใดจะไม่ได้เล่า หลังจากที่ใต้เท้าเฉินได้เป็นอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่แล้ว แคว้นหลู่ย่อมไม่คิดโจมตีแคว้นต้าชิ่งของเราอีกแน่นอน เรื่องดี เรื่องดีมากเลย!”“ใต้เท้า อย่าได้ลังเล รีบตอบตกลงเถิด คืนนี้ก็เข้าห้องหอได้แล้ว!”“ห้องหอ ๆ ในหัวเจ้านอกเรื่องนี้แล้ว ยังคิดเรื่องอื่นได้อีกไหม?” เหอจื่อหลินตบหัวมั่วเซิน“สองเรื่องที่งดงามที่สุดในชีวิตมนุษย์คือตอนที่สอบได้เป็นขุนนางกับคืนส่งตัวเข้าหอ การสอบได้เป็นขุนนางไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับใต้เท้าแล้ว จะเหลือก็แต่คืนส่งตัวเข้าหอไม่ใช่หรือ? ท่านแม่ทัพ หรือว่าท่านไม่คิด?” มั่วเซินหัวเราะคิกคักพลางหลบหลีก“ไอ้หนู เจ้ายังกล้าหลบอีก พวกเจ้าก็ด้วย ยังจะกล้าหัวเราะอีกหรือ ข้าจะทำให้พวกเจ้าหัวเราะ ทำให้พวกเจ้าหัวเราะไปเลย”ขณะที่เหอจื่อหลินฟาดมั่วเซิน เวลาเดียวกันก็ฟาดพวกขุนพลคนอื่น ๆ อีกด้วยต
“นางต้องการให้เจ้าแต่งงานกับนาง!”“???!!!”ทุกคนตกตะลึงกันหมด เคยคาดเดาข้อเรียกร้องทุกรูปแบบ แต่ไม่มีใครเคยคาดคิดถึงข้อเรียกร้องนี้เลยโอวหยางน่าหลันยืนหยัดมานานหลายวันขนาดนี้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?“หึ ๆ” เสียงหัวเราะของเหอจื่อหลินทำลายความเงียบสงัด “แต่ไหนแต่ไรมีแต่วีรบุรุษโกรธเพื่อหญิงงาม ตอนนี้กลับเป็นหญิงงามที่โกรธเพื่อวีรบุรุษ ใต้เท้า เสน่ห์ของท่านทำให้ข้าน้อยนับถือแล้ว”“ข้าน้อยก็นับถือ ใต้เท้า ท่านยังมัวลังเลอะไรอยู่เล่า? รีบตอบตกลงเถิด”“ตอบตกลงตอนนี้ คืนนี้ก็เข้าห้องหอเลย”“กลางคืนพยายามสักหน่อย ปีหน้าใต้เท้าก็ได้อุ้มบุตรชายแล้ว”“ดูเจ้าพูดสิ ใต้เท้ามีบุตรชายตั้งนานแล้วนะ”“นี่เจ้าไม่เข้าใจใช่หรือไม่ ไฉนเลยจะรังเกียจที่มีบุตรชายมากเกินไป?”ปกติแล้วเฉินฝานไม่ได้ถือตัว ทั้งยังร่วมกินร่วมอยู่ด้วยกัน ดังนั้นขุนพลกองทัพลาดตระเวนเหล่านั้นจึงพากันหยอกล้อ“พวกเจ้าแต่ละคน ไม่มีความสำรวมเลย ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ตรงนี้นะ!”ขุนพลเหล่านั้นยิ่งพูดยิ่งติดลมขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ควบคุมตัวเองเลย เหอจื่อหลินจึงรีบห้ามปรามแม้เฉินฝานจะไม่ถือสาขุนพลเหล่านี้ที่พูดหยอกล้อต่อหน้า แต่ฝ่าบาทอาจ
“ได้เลย หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน จัดให้เลยพรุ่งนี้” เฉินฝานตอบเสียงดัง“หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน!”ทหารทุกคนล้วนเข้าใจจุดประสงค์ที่เฉินฝานให้พวกเขากินดื่มกันยกใหญ่บนภูเขา ดังนั้นจึงพร้อมใจกันทวนชื่ออาหารเสียงดัง“ใต้เท้า!”ขณะที่เฉินฝานกำลังเตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นเหอจื่อหลินก็พาสตรีนางหนึ่งมาหาเขาสตรีผู้นั้นเป็นคนที่มาจากด้านล่างหุบเขา นางคือสาวใช้คนสนิทของโอวหยางหน่าหลัน“ข้าขอพบใต้เท้าเฉิน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของพวกท่าน!” สาวใช้ผู้นั้นเอาแต่กล่าวเช่นนี้ซ้ำ ๆ “ข้านี่แหละ” เฉินฝานกล่าวสาวใช้ผู้นั้นมองเฉินฝานอย่างพิจารณาพลางเอ่ยพึมพำในปากว่า “ใบหน้าขาวสะอาด รูปร่างกำยำ เสียงทุ้มนุ่มลึก”“เช่นนั้นข้าตรงกับเงื่อนไขหรือไม่?” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ยิ้มแล้วดูซื่อ ๆ” สาวใช้มองเฉินฝานแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเองอีกครั้ง“อ้อ!” เฉินฝานยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้ในสายตาองค์หญิงของพวกเจ้าข้ามีภาพลักษณ์เช่นนี้เอง!”“องค์หญิงของเราตรัสว่าพวกเรายอมจำนนก็ได้!” สาวใช้ผู้นั้นกล่าว“นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งนัก องค์หญิงของพวกเจ้าควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”“แต่ว่าพระ
เฉินฝานกล่าวจบไปได้พักใหญ่แล้ว เหอจื่อหลินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม“พี่จื่อหลิน มิใช่ว่าอยากรีบจบเรื่องนี้โดยเร็วหรอกหรือ? เหตุใดพี่ยังมัวอึ้งอยู่ที่นี่เล่า? รีบลงมือสิ!” เฉินฝานเร่งเหอจื่อหลิน “ทราบดีว่าท่านมีคำถามอยู่เต็มสมอง ตอนนี้ไม่อาจอธิบายให้ท่านฟังโดยละเอียด ท่านไปจัดการก่อน อีกไม่นานข้าจะมา”หลังจากที่เหอจื่อหลินจากไปแล้ว เฉินฝานก็พาฉินเย่ว์เจียวเข้าเมืองลู่ตูทันทีไม่นาน เขาก็พาคนออกมาจากเมืองลู่ตู มุ่งหน้าสู่เนินเขากงจียามที่เฉินฝานไปถึง พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ กำลังขนย้ายเครื่องครัวมาถึงพอดี ขณะเดียวกันเจ้าเมืองลู่ตูก็นำไก่หนึ่งพันตัวมาส่งให้เช่นกันเฉินฝานให้พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ ตั้งเตาหลายสิบเตาของแต่ละกองทัพตรงสถานที่ที่มีลมโกรก ต้มน้ำเดือด หั่นไก่ที่เชือดเรียบร้อยแล้วเป็นชิ้น ๆ แล้วเคี่ยวลงในหม้อผ่านไปไม่นานนัก น้ำแกงไก่ในหม้อเหล็กใบใหญ่ก็เดือดปุด ๆ กลิ่นหอมของน้ำแกงไก่เข้มข้นอบอวลไปทั่วหุบเขาอย่าว่าแต่ทหารหลู่ที่หิวจนท้องร้องโครกครากเลย ต่อให้เป็นกองทัพลาดตระเวนที่เพิ่งกินข้าวอิ่มเมื่อครู่นี้ต่างก็น้ำลายไหลถึงพื้นแล้ว เฉินฝานกล่าวเสียงดังว่า “เหล
มองทหารที่อยู่ในหลุมหลบภัย ถูกไฟคลอกทั้งตัว เกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด รวมถึงน้ำมันสนที่ยังคงไหลไม่หยุด ทหารหลู่ที่ยังไม่กระโดดลงไปในหลุมหลบภัย ไม่กล้ากระโดดลงไปแล้วทหารหลู่ที่เดิมทีจะฝ่าวงล้อมออกไปได้แล้วนั้น ถูกขังด้วยเพลิงไฟ“เหี้ยมโหดยิ่งนัก!”โอวหยางหน่าหลันตะโกนด้วยความโมโหหลังจากนั้น เฉินฝานทำเพียงอย่างดีซึ่งก็คือขุดหลุมรอบทหารหลู่ แล้วเทน้ำมันสนลงไปเรื่อยๆตอนทหารหลู่ย้อนกลับไปทางเดิม ไปถึงหุบเขาต้าถัง หลี่จื้อใช้วิธีการเดียวกัน อีกทั้งเขายิ่งสบายกว่าหุบเขาต้าถังมีเพียงทางเดียว เขาสั่งให้คนขุดหลุมยาว เทน้ำมันสนปริมาณมากลงไป เมื่อทหารหลู่มาถึง เปลวไฟในหลุมลุกโชนทหารหลู่อยากฝ่าออกไปโดยใช้เส้นทางบนหุบเขา กองทัพลาดตระเวนประจำการอยู่ที่นั่น ยิ่งง่ายในการต่อสู้ยิ่งไปกว่านั้น ทหารหลู่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหนึ่งวันแล้ว ต่อสู้ตลอดทั้งวัน พวกเขาแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีจนสิ้นแล้วหฃังจากปิดล้อมทหารหลู่ เฉินฝานก็สั่งให้หยุดโจมตีตอนนี้เพียงปิดล้อมไม่ต้องโจมตีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองอาวุธและชีวิตอันล้ำค่าของกองทัพลาดตระเวนอีกต่อไป“ใต้เท้า ส่งคนเข้าไปสามรอบแล้ว
“สหายทั้งหลาย ลุย! อย่าให้ทหารหลู่ไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิงเด็ดขาด”เวลานี้ ทหารกองกำลังที่สามจากหุบเขาเสี่ยวถังมาถึงแล้วเมื่อทหารกองกำลังที่สามถึง ซุนลี่ก็ออกคำสั่งทันที“ทหารทั้งหลาย กองทัพลาดตระเวนต้าชิ่งเริ่มปิดล้อมแล้ว เหลืออีกเพียงหนึ่งแนวป้องกันเท่านั้น ก็จะฝ่าออกไปจากการปิดล้อมได้แล้ว!”ทางด้านทหารหลู่ โอวหยางน่าหลันก็ฉีดยาให้กำลังใจทหารหลู่“อย่ายอมตายอย่างอดอยากเด็ดขาด ฝ่าออกไป!”ทหารหลู่ราวกับเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก ไม่ว่าข้างกายจะมีคนล้มลงมากน้อยเพียงใด พวกเขาล้วนมองไม่เห็น เป้าหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิง แล้วฝ่าวงล้อมออกไปเวลานี้ เหอจื่อหลินที่มาจากหุบเขาต้าถังมาถึงแล้วทหารกองกำลังที่ห้าของเหอจื่อเฝ้าหุบเขาต้าถัง เพื่อป้องกันทหารหลู่ถอยกลับไปทางด้านเหอจื่อหลินนำทัพกองกำลังที่สองเร่งเดินทางมา“ใต้เท้า ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ช้าก็เร็วทหารหลู่ต้องฝ่าออกไปได้แน่นอน ข้ารีบเข้าเมืองลู่ตูตอนนี้ นำทหารเฝ้าเมืองห้าหมื่นนาย ไปเมืองลู่ตูเพื่อปิดกั้นเส้นทางการออกไปของทหารหลู่”“นี่ไม่ใช่วิธีการที่ดี!”เฉินฝานขมวดคิ
“ฝ่าออกไป ไม่อาจเป็นผีหิวตายเด็ดขาด!”โอวหยางน่าหลันลากเท้าที่บาดเจ็บ พุ่งตัวไปด้านหน้าหลังจากถูกยิงไปแล้วหนึ่งครั้ง ทหารรักษาพระองค์ล้อมโอวหยางน่าหลังทั้งสองสี่ด้าน คุ้มกันนางอย่างแน่นหนาลูกธนูของฉินเย่ว์เจียวยิงถูกคน ทว่าไม่อาจยิงโดนโอวหยางน่าหลัน“ฝ่าออกไป! ไม่อาจอดตายกลายเป็นผีได้!”คล้ายตอนอยู่นอกประตูเมืองลู่ตู จู่ๆ ทหารหลู่พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิตครั้งนี้ พวกเขาไม่วิ่งขึ้นหุบเขาอีกแล้ว พุ่งตัวไปหาทหารหญิง“ลุย จัดการพวกมันซะ!” มั่วเซินรีบออกคำสั่งทันทีทหารกองกำลังที่หนึ่ง รวมถึงทหารกองกำลังที่สามซึ่งรีบเดินทางมา ระดมกำลังต่อสู้ ช่วยคลายความกดดันให้ทหารหญิงบนพื้นดิน ทหารหลู่ล้มกองแล้วกองเล่า ศพกองเป็นภูเขาแต่พวกเขากลับไม่สนใจคนข้างกาย ยิงธนูใส่พวกสตรี อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับพุ่งตัวไปด้านหน้าลูกธนูด้านหน้าถูกยิงมาราวกับสายฝน พวกทหารหญิงถึงขั้นไม่อาจเงยหน้าขึ้น“พี่น้องทั้งหลาย!” เย่ว์หนูร้องตะโกนเสียงดัง “ลงไปเร็วเข้าๆ ทหารหลู่มาใกล้เกินไปแล้ว สุ่มโยนได้เลย!”ทหารหญิงกระโดดลงจากเก้าอี้ ยืนอยู่ในหลุมหลบภัยแล้วสุ่มโยนระยะทางใกล้เช่นนี้ การสุ่มโยนระเบิดทห