เห้อครอบครัวนี้นี่มัน...ในใจของเฉินฝานทั้งรู้สึกจนปัญญาและซาบซึ้ง“เอ้อร์ยา มา ช่วยพี่ฝานกินไข่ฟองหนึ่งสิ” เฉินฝานนำไข่หนึ่งฟองไปไว้ในถ้วยของเอ้อร์ยา“พี่ฝาน... ”เอ้อร์ยามองไปที่พ่อแม่ของตนเองไม่แตะต้องไข่ทอดในถ้วย“ท่านลุงท่านป้า ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องการจะสื่ออะไร ทว่าตอนนี้เอ้อร์ยากำลังอยู่ในวัยกำลังโต นางต้องการมัน! อีกอย่าง ท่านป้าเมื่อครู่ท่านก็พูดไม่ใช่หรือว่าพวกเราคือครอบครัวเดียวกัน? เหตุใดครอบครัวเดียวกันยังต้องแบ่งแยกซึ่งกันและกัน ? ”ฟังเฉินฝานพูดจบประโยคนี้ นางเจิ้งพูดอย่างสะอึกสะอื้น “ลูกรอง พี่ฝานของเจ้าให้เจ้า เจ้าก็กินเถอะ”นางกับเฉินผิงไม่มีลูกชาย อีกทั้งยังไม่มีสมบัติอะไรซักอย่าง งานวิวาห์ของลูกสาวคนโตก็พังล้มเหลวไม่เป็นท่าชาตินี้ครอบครัวของพวกเขาคงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้คนในหมู่บ้านมีผลประโยชน์ที่ดี เรื่องอะไรจะนึกถึงพวกเขา ทว่าใครก็ตามอยากทำผลประโยชน์ที่ดีให้กับตระกูลเฉิน ล้วนไปที่บ้านเฉินเจียงกันหมดทว่าเงินทองที่เฉินฝานหามาด้วยตัวเอง ไม่ได้นำไปไว้ที่บ้านเฉินเจียง และไม่ได้ให้ผลประโยชน์ที่ดีกับบ้านเฉินเจียง ทว่าดูแลพวกเขาที่ไม่มีอำนาจที่สุดอย่างไร้
“ท่านพ่อ ลูกสาวยื่นนิ้วมือออกมาเก้านิ้ว เดือนหนึ่งพี่ฝานจะให้เงินครอบครัวพวกเราเก้าตำลึง”“เก้า เก้าตำลึง!”เฉินผิงและนางเจิ้ง ตาโตพร้อมกันเงินเก้าตำลึง สำหรับเฉินผิงกับนางเจิ้งแล้ว นั่นมันจำนวนยิ่งใหญ่กว่าตัวเลขระดับจักรวาลเสียอีกนะรวมรวบเงินที่พวกเขาสองคนแต่งงานกันมานานสิบปีกว่า ยังหาได้ไม่เยอะขนาดนี้“หลานฝาน เยอะเกินไป เยอะเกินไปแล้ว ข้ารับไว้ไม่ได้ รับไว้ไม่ได้!”“ถูกต้อง! หลานฝาน” นางเจิ้งรีบพูดต่อจากเฉินผิงทันที “ถึงแม้พวกเราจะขาดแคลนทุนทรัพย์ ทว่าก็ไม่สามารถเอาเงินมาจากเจ้าเช่นนี้”“ท่านลุง ท่านป้า!” เฉินฝานเก็บสีหน้าที่เปื้อนยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เงินนี้ไม่ถือว่าเยอะ ให้เงินก้อนนี้แก่พวกท่าน ข้าต้องการพวกท่านจริงๆ งานที่พวกท่านทำก็สมราคากับเงินก้อนนี้”หลังจากที่เฉินฝานพูดจบ ในบ้านก็เงียบสนิทครอบครัวเฉินผิงปฏิเสธไม่ได้ ทว่าก็กระอักกระอ่วนที่จะรับไว้“เห้อ เงินเยอะก็ดีแล้ว! หลังจากนี้ลูกสาวคนโตของพวกเราก็สามารถแต่งงานกับบ้านสามีที่ดีได้แล้ว ดีที่ตระกูลหูที่หมู่บ้านหลิงนั้น ไม่มาสู่ขอลูกสาวคนโตของพวกเรา ทำให้พวกเขาเสียใจภายหลังกันเถอะ!”เดิมทีลูกสาวคน
วันนี้พวกเขาได้ 208 ตำลึงจากทักษะจับปลา และ 201 เหวินจากการขายปลาย่าง 67 ตัว เมื่อบวกกับ 400 ตำลึง-เหวินจากยอดเดิม วันนี้พวกเขาน่าจะได้ 208 ตำลึง 601 เหวินจ่ายค่าแรงจับปลาให้กับครอบครัวเฉินผิง 50 เหวิน ซื้อรถม้าใช้ไป 30 ตำลึง ซื้ออาหารแห้ง เนื้อ น้ำมันและของใช้ประจำวันใช้ไป 3 ตำลึงยอดคงเหลือจริงปัจจุบันคือ: 175 ตำลึง 551 เหวิน“อืม!”เฉินฝานพยักหน้าอย่างพอใจ “เรามีเงินซ่อมแซมเรือนทั้งห้าห้องแล้ว”“ใช่แล้ว!” ฉินเย่ว์โหรวรู้สึกดีใจมากเช่นกัน “ตอนนี้ข้ากับพี่สามก็ไปนอนอีกห้องได้แล้ว”“หืม”เฉินฝานลืมตาขึ้นทันทีมีบางอย่างไม่ถูกต้อง!“อะไรนะ พวกเจ้าไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับข้าขนาดนั้นเชียวหรือ”ถ้าเช่นนั้นเขาซ่อมแซมห้องจำนวนมากขนาดนั้นทำไม!ควรซ่อมแซมสามห้องตามแผนเดิม หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องเก็บของและหนึ่งห้องครัวก็เพียงพอแล้ว“ไม่ใช่ ๆ!” ฉินเย่ว์โหรวส่ายหัวไปมาและรีบปฏิเสธ “พวกข้าไม่มีเจตนาไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับนายท่านเจ้าค่ะ!”หากเฉินฝานยังคงเป็นเฉินฝานคนเก่า พวกนางไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับเขาจริง ๆแต่เฉินฝานคนปัจจุบัน......ฉินเย่ว์โหรวก้มศีรษะลง อาการเขินอายแสดงที่ใบหน้าข
ตื่นเต้นเพราะเฉินฝานจะเชิญพวกเขาไปจับปลาไม่สบายใจเพราะกังวลว่าเฉินฝานมีเงินให้พวกเขาจริง ๆ หรือไม่?“ทำไมพวกเจ้ามาที่นี่เร็วจัง มาถึงแล้วทำไมไม่เคาะประตู ข้างนอกหนาวขนาดนี้”หลายคนหนาวจนหน้าแดงหูแดงและตัวสั่นระริก“เอ่อ!” เฉียนลิ่วเกาหัวด้วยความเกรงใจ “ก็กลัวจะรบกวนพวกท่านไงล่ะ!”เมื่อคืนคนกลุ่มนี้ไม่ได้นอน ตอนที่เฉินฝานเห็นพวกเขา พวกเขานั่งยอง ๆ อยู่ข้างนอกเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง-ชั่วยาม“ใช่ กลัวจะรบกวนพี่ฝานและพี่สะใภ้” จูจื้ออันยิ้มอย่างซื่อบื้อ สองมือหนาวจนแดงระเรื่อ“เฮ้อ พวกเจ้า…...”เฉินฝานรีบผลักประตูออกให้กว้างที่สุด“ทุกคนเข้ามาก่อน ข้างนอกหนาว”เมื่อฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์โหรวได้ยินเสียงดังกล่าว ก็ลงจากเตียงเตาและออกจากห้อง“เย่ว์เจียว เย่ว์โหรว รีบก่อไฟสองกองมาวางตรงนี้หน่อย”ที่เรือนมีเก้าอี้ไม่มากนัก เดิมทีเฉินฝานอยากให้ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์โหรวย้ายฟืนออกจากห้องเก็บของเพื่อให้ทุกคนได้นั่งคนเหล่านี้พากันกล่าวปฏิเสธและพูดว่านั่งพื้นได้เมื่อพูดจบ ทุกคนก็นั่งล้อมเตาอั้งโล่ที่พื้นทันทีแสงไฟส่องบนใบหน้าของพวกเขา ทุก ๆ ใบหน้าแสดงรอยยิ้มที่ตื่นเต้นเอ
“วันนี้มีพวกเจ้าทั้งหมดสิบเก้าคน จับปลาไนตัวเล็กคนละสามสิบตัวและปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่คนละหกตัว”เช่นนี้ก็จะได้ปลาไนตัวเล็ก 570 ตัว และปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่114 ตัวจำนวนปลาต้องได้มากกว่าที่ต้องการแน่นอน เพราะวันนี้เฉินฝานต้องส่งปลาเป็นและอาจมีปลาตายระหว่างทางที่สำคัญหลี่ซานไม่ใช่พ่อค้าประเภทที่ไม่ยอมคิดเงินเมื่อจำนวนเพิ่มขึ้นเสียหน่อยทันทีที่เฉินฝานพูดจบ เฉียนลิ่วและคนอื่น ๆ ก็รวมตัวกันเริ่มนับทันที "ปลาไนตัวเล็กสามสิบตัว ห้าตัวหนึ่งเหวิน ปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่หกตัว ตัวละหนึ่งเหวิน......"คนที่มาที่นี่โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนยากจนในหมู่บ้าน ไม่เคยเรียนการคำนวณ พวกเขาคิดคำนวณร่วมกันอยู่ครู่ใหญ่ก็คิดไม่ออก“โอ้ย ทำไมเจ้าถึงใช้เวลาคิดนานขนาดนั้นล่ะ” ต้ายาอดไม่ได้จึงกล่าว“ปลาไนตัวเล็กสามสิบตัว ได้เงินคนละหกเหวิน ปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่หกตัว ได้เงินคนละหกเหวินเหมือนกัน เมื่อนำมารวมกันแล้ว จะได้เงินวันละสิบสองเหวินต่อคน”“สิบสองเหวิน?!”ชาวบ้านเงยหน้าขึ้นและมองดูต้ายาด้วยความไม่เชื่อจับปลาเพียงสิบกว่าตัวก็ได้เงินสิบสองเหวินแล้วรึ!เมื่อก่อนไม่มีใครยอมกินปลา ตอนนี้เพียงแค่จับมันก็ได้เงินแล้ว ที่สำคัญย
“ข้า ข้าเปล่านะ!”ปกติม่อเกินเซิงเป็นเด็กฉลาด แต่เมื่อพูดถึงเฉินต้ายาเขาจะเริ่มพูดติดอ่าง“ข้า ข้าขี้เกียจพูดกับพวกท่านแล้ว ข้าจะเอาเงินนี้กลับไปให้แม่ของข้าและให้นางเอาไปซื้อข้าวสาร!”ม่อเกินเซิงพูดจบก็วิ่งออกไปขณะวิ่ง มือข้างหนึ่งจับกระเป๋าเสื้อแน่น ข้างในนั้นมีเงินสิบสองเหวินที่เขาเพิ่งได้รับ“ข้าก็จะกลับแล้วเหมือนกัน เมียของข้ารออยู่”“พ่อของข้าก็รอเหมือนกัน ตอนเช้าที่ข้าออกไปข้างนอก เขายังตำหนิข้าอยู่เลย บอกว่าเสี่ยวฝานโกหกพวกเรา ข้าจะเอาเงินกลับไปแล้วดูว่าเขาจะพูดอะไรได้อีก”“ข้าก็เหมือนกัน ข้าไม่เพียงแต่จะกลับไปพูด แต่ข้ายังจะบอกพวกเขาด้วยว่าเสี่ยวฝานให้เงินพวกเราแล้ว และตอนนี้เสี่ยวฝานเป็นคนดีมาก!”“ใช่ ๆ ๆ!”ชาวบ้านที่ได้รับเงินกล่าวขอบคุณเฉินฝานเสร็จก็พากันกลับ“พี่ลิ่ว จื้ออัน!”เฉินฝานเรียกเฉียนลิ่วกับจูจื้ออันหลังจากเก็บปลาเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการขนย้ายเพื่อลดการสูญเสียปลา เฉินฝานต้องการนำปลาใส่ลงถังเก็บน้ำหลายใบ จากนั้นนำขึ้นเกวียนและส่งไปยังตัวอำเภอแม้ว่าหัวใจของพวกเขากลับบ้านไปแล้ว แต่เฉียนลิ่วกับจูจื้ออันก็หันกลับมาทันทีที่เฉินฝานกล่าว“เสี่ยวฝาน
“ตกลงตามนี้แล้วกัน พวกเจ้าสองคนหยุดไร้สาระกับข้าได้แล้ว รีบกลับเรือนไปซะ คนที่ยกถังน้ำก็ไปยกถังน้ำ คนที่ลากเกวียนก็ไปลากเกวียน ข้าต้องรีบไปส่งปลาที่ตัวอำเภออีก!”“เอาล่ะ ๆ ทำตามที่เสี่ยวฝานพูด”“ฟังพี่ฝานขอรับ”ท่ามกลางสายตาอิจฉาของทุกคน เฉียนลิ่วกับจูจื้ออันวิ่งกลับเรือนอย่างรวดเร็วจูจื้ออันสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นสิบเหวินต่อวัน ส่วนเฉียนลิ่วได้เพิ่มอีกยี่สิบเหวินผู้ชายตัวใหญ่สองคนเป็นเสาหลักของครอบครัวมาตลอด สองวันที่ผ่านมาคงแอบเช็ดน้ำตากันไม่น้อยในที่สุดพวกเขาก็สามารถทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นชาวบ้านทุกคนที่ช่วยเฉินฝานจับปลาได้รับเงินจากเฉินฝานและกลับเรือนไปอย่างมีความสุขคนที่ยืนดูความคึกคักอยู่นอกบ้านเฉินฝานเมื่อเห็นชาวบ้านได้รับเงินและกลับเรือนก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก แต่ละคนก็กลับเรือนไปด้วยความหดหู่ใจบางคนกลับถึงเรือนก็ถูกภรรยาของตนเองตำหนิตำหนิว่าพวกเขาไม่ควรทำตามจู้ต้าอันที่ด่าทอเฉินฝาน ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถสร้างรายได้กับเฉินฝานแล้ววันนี้ หลายครอบครัวในหมู่บ้านมีความสุขเพราะเฉินฝาน และมีอีกหลายคนที่ทะเลาะกันเพราะเฉินฝาน-หลังจากทำการค้าขายมาหลา
ผู้ที่มาเยือนคือจูจื้ออัน วันนี้ได้เงินจากการช่วยเฉินฝานจับปลา เขาจึงอยากมาซื้อเนื้อขาหน้าเพื่อนำไปบำรุงร่างกายของภรรยาที่เพิ่งคลอดบุตรก่อนหน้านี้ จูจื้ออันเป็นคนยากจนที่รู้จักกันดีในหมู่บ้านซานเหอ ในฐานะคนขายเนื้อที่เร่ขายระหว่างหมู่บ้าน โจวเหล่าซื่อย่อมรู้จักภูมิหลังของครอบครัวจูจื้ออันดีและหมูสามชั้นน่ะ ถึงจะเป็นเนื้อหั่นที่ราคาถูกที่สุด ทว่าจูจื้ออันกลับซื้อมันไม่ไหวแม้แต่ชิ้นเดียว“เหล่าซื่อ มีเนื้อมันหมูบ้างไหม?”ผู้ที่มาเยือนถึงตรงหน้าโจวเหล่าซื่อคนที่สองคือเฉียนลิ่ว ที่บ้านเขากินอาหารไร้น้ำมันมาสามเดือนแล้ว และท้องก็โครกครากอย่างหนัก ครั้นมีน้ำมันแล้วไม่ว่าจะอาหารใดก็อร่อยหมดทุกอย่างโจวเหล่าซื่อมองจูจื้ออันและเฉียนลิ่วที่อยู่ประกบตนอยู่ตรงหน้าในใจรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน จ้องมองจูจื้ออันและเฉียนลิ่วด้วยความรังเกียจวันนี้เขาประสบโชคร้ายอะไรกันทันทีที่เข้ามาถึง ยังไม่ทันได้เปิดป้ายร้านค้าเลยก็ได้พบกับยาจกสองคนนี้จากหมู่บ้านซานเหอเสียแล้วแล้วยาจกสองคนนี้ต่างพูดว่าอย่างไรนะ?คนหนึ่งถามถึงเนื้อขาหน้าคนหนึ่งถามถึงมันหมูพวกเขาทั้งยากจนและฟั่นเฟือน และยังมีปัญหาทางจิ
เฉินฝานตบบั้นท้ายกลมกลึงของโอวหยางน่าหลันทีหนึ่ง “พอได้แล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว!”“ข้าไม่ได้เสแสร้งนะ จริง ๆ แล้วข้า...”เสียงของโอวหยางน่าหลันขาดหายไป เพราะว่า...“ข้าจากเมืองหลวงของต้าชิ่งมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เป็นห่วงลูกเมียที่บ้าน ไม่อาจไปแคว้นหลู่จัดพิธีแต่งงานกับท่านได้ จัดขึ้นที่เมืองลู่ตูแห่งนี้ละกัน”“จริงหรือ? ช่างดีเหลือเกิน!”โอวหยางน่าหลันโผเข้าหาตัวเฉินฝานทันที“สามี ช่วงเวลาที่งดงามเช่นนี้ เหตุใดเราไม่สู้...”มือของโอวหยางน่าหลันเริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้งเฉินฝานบีบเอวบางของโอวหยางน่าหลัน“ร่านนัก!”เสียงยั่วยวนดังขึ้นอีกครั้ง.....ตอนที่ฉินเย่ว์เหมยส่งโอวหยางน่าหลันกลับไป ก็ถามนางว่าเหตุใดถึงยืนกรานจะแต่งงานกับเฉินฝานให้ได้คำตอบของโอวหยางน่าหลันธรรมดามากเหตุผลแรกคือนางชอบเฉินฝานเหตุผลข้อที่สองคือแคว้นหลู่มีเฉินฝานก็จะดำรงอยู่ได้ตลอดไป“เหตุผลข้อที่สองของท่านมันเกินจริงไปหรือไม่” ฉินเย่ว์เหมยกล่าว“ข้ากล่าวเกินจริงหรือไม่? ท่านรู้ดีกว่าข้ามิใช่หรือ?” โอวหยางน่าหลันฉุนเฉียวเล็กน้อย“ท่านอย่าได้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเพียงเพราะว่าเขาใส่ใจท่าน หากท่านไม่ทะนุถนอ
“หากเงื่อนไขแบบนี้ยังดึงดูดใจไม่ได้ เช่นนั้นความจริงแล้วท่านก็เป็นคนไร้น้ำยา บุตรชายฝาแฝดสี่คนคงอาศัยน้ำเชื้อของผู้อื่น เรื่องเล่านี้คงจะเป็นความจริงสินะ?”โอวหยางน่าหลันพูดข่ม“โอวหยางน่าหลัน ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา?”คนที่โมโหก่อนคือฉินเย่ว์เหมย ใบหน้าเย็นชางดงามของนางดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“หรือว่าเราพูดผิดไป? ต้าชิ่งของพวกท่านบุรุษน้อยสตรีมาก เขาเป็นถึงอัครเสนาบดีผู้ทรงเกียรติ แต่ที่บ้านกลับมีภรรยาไม่ถึงสิบคน หากเขาไม่ใช่คนไร้น้ำยา แล้วภรรยาที่บ้านจะน้อยถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”“ภรรยาของเขาไม่ได้น้อย เขา...”“เขาอะไร?” โอวหยางน่าหลันกำเริบเสิบสานมากขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เขา...” ฉินเย่ว์เหมยหน้าแดงระเรื่อจากความโกรธเกรี้ยวเท่านั้นวังหลังของต้าชิ่งเป็นของเฉินฝานทั้งหมดแต่ฉินเย่ว์เหมยไม่อาจเอ่ยเรื่องนี้ออกมาได้“ฝ่าบาท อย่าทรงกริ้ว ให้กระหม่อมสั่งสอนสักยก นางก็จะเชื่อฟังแล้ว”เสียงพูดยังไม่ทันจบ เฉินฝานก็แบกโอวหยางน่าหลันขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องไม่นานนัก... เสียงร้องตะโกนของสตรีและเสียงคำรามต่ำของบุรุษก็ดังสลับกันขึ้นมา“รู้ความผิดแล้วหรือยัง?”
“หลังจากแต่งงานกับองค์หญิงโอวหยางแล้ว เจ้าจะได้เป็นอัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น ระหว่างแคว้นต้าชิ่งกับแคว้นหลู่ เจ้าชอบอาศัยอยู่ฝั่งไหนก็สุดแล้วแต่เจ้าจะปรารถนา” คำพูดของฉินเย่ว์เหมยทำให้ทุกคนตะลึงงันอีกครั้ง“อัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น? นี่ก็ได้ด้วยหรือ?”“เหตุใดจะไม่ได้เล่า หลังจากที่ใต้เท้าเฉินได้เป็นอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่แล้ว แคว้นหลู่ย่อมไม่คิดโจมตีแคว้นต้าชิ่งของเราอีกแน่นอน เรื่องดี เรื่องดีมากเลย!”“ใต้เท้า อย่าได้ลังเล รีบตอบตกลงเถิด คืนนี้ก็เข้าห้องหอได้แล้ว!”“ห้องหอ ๆ ในหัวเจ้านอกเรื่องนี้แล้ว ยังคิดเรื่องอื่นได้อีกไหม?” เหอจื่อหลินตบหัวมั่วเซิน“สองเรื่องที่งดงามที่สุดในชีวิตมนุษย์คือตอนที่สอบได้เป็นขุนนางกับคืนส่งตัวเข้าหอ การสอบได้เป็นขุนนางไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับใต้เท้าแล้ว จะเหลือก็แต่คืนส่งตัวเข้าหอไม่ใช่หรือ? ท่านแม่ทัพ หรือว่าท่านไม่คิด?” มั่วเซินหัวเราะคิกคักพลางหลบหลีก“ไอ้หนู เจ้ายังกล้าหลบอีก พวกเจ้าก็ด้วย ยังจะกล้าหัวเราะอีกหรือ ข้าจะทำให้พวกเจ้าหัวเราะ ทำให้พวกเจ้าหัวเราะไปเลย”ขณะที่เหอจื่อหลินฟาดมั่วเซิน เวลาเดียวกันก็ฟาดพวกขุนพลคนอื่น ๆ อีกด้วยต
“นางต้องการให้เจ้าแต่งงานกับนาง!”“???!!!”ทุกคนตกตะลึงกันหมด เคยคาดเดาข้อเรียกร้องทุกรูปแบบ แต่ไม่มีใครเคยคาดคิดถึงข้อเรียกร้องนี้เลยโอวหยางน่าหลันยืนหยัดมานานหลายวันขนาดนี้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?“หึ ๆ” เสียงหัวเราะของเหอจื่อหลินทำลายความเงียบสงัด “แต่ไหนแต่ไรมีแต่วีรบุรุษโกรธเพื่อหญิงงาม ตอนนี้กลับเป็นหญิงงามที่โกรธเพื่อวีรบุรุษ ใต้เท้า เสน่ห์ของท่านทำให้ข้าน้อยนับถือแล้ว”“ข้าน้อยก็นับถือ ใต้เท้า ท่านยังมัวลังเลอะไรอยู่เล่า? รีบตอบตกลงเถิด”“ตอบตกลงตอนนี้ คืนนี้ก็เข้าห้องหอเลย”“กลางคืนพยายามสักหน่อย ปีหน้าใต้เท้าก็ได้อุ้มบุตรชายแล้ว”“ดูเจ้าพูดสิ ใต้เท้ามีบุตรชายตั้งนานแล้วนะ”“นี่เจ้าไม่เข้าใจใช่หรือไม่ ไฉนเลยจะรังเกียจที่มีบุตรชายมากเกินไป?”ปกติแล้วเฉินฝานไม่ได้ถือตัว ทั้งยังร่วมกินร่วมอยู่ด้วยกัน ดังนั้นขุนพลกองทัพลาดตระเวนเหล่านั้นจึงพากันหยอกล้อ“พวกเจ้าแต่ละคน ไม่มีความสำรวมเลย ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ตรงนี้นะ!”ขุนพลเหล่านั้นยิ่งพูดยิ่งติดลมขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ควบคุมตัวเองเลย เหอจื่อหลินจึงรีบห้ามปรามแม้เฉินฝานจะไม่ถือสาขุนพลเหล่านี้ที่พูดหยอกล้อต่อหน้า แต่ฝ่าบาทอาจ
“ได้เลย หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน จัดให้เลยพรุ่งนี้” เฉินฝานตอบเสียงดัง“หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน!”ทหารทุกคนล้วนเข้าใจจุดประสงค์ที่เฉินฝานให้พวกเขากินดื่มกันยกใหญ่บนภูเขา ดังนั้นจึงพร้อมใจกันทวนชื่ออาหารเสียงดัง“ใต้เท้า!”ขณะที่เฉินฝานกำลังเตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นเหอจื่อหลินก็พาสตรีนางหนึ่งมาหาเขาสตรีผู้นั้นเป็นคนที่มาจากด้านล่างหุบเขา นางคือสาวใช้คนสนิทของโอวหยางหน่าหลัน“ข้าขอพบใต้เท้าเฉิน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของพวกท่าน!” สาวใช้ผู้นั้นเอาแต่กล่าวเช่นนี้ซ้ำ ๆ “ข้านี่แหละ” เฉินฝานกล่าวสาวใช้ผู้นั้นมองเฉินฝานอย่างพิจารณาพลางเอ่ยพึมพำในปากว่า “ใบหน้าขาวสะอาด รูปร่างกำยำ เสียงทุ้มนุ่มลึก”“เช่นนั้นข้าตรงกับเงื่อนไขหรือไม่?” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ยิ้มแล้วดูซื่อ ๆ” สาวใช้มองเฉินฝานแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเองอีกครั้ง“อ้อ!” เฉินฝานยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้ในสายตาองค์หญิงของพวกเจ้าข้ามีภาพลักษณ์เช่นนี้เอง!”“องค์หญิงของเราตรัสว่าพวกเรายอมจำนนก็ได้!” สาวใช้ผู้นั้นกล่าว“นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งนัก องค์หญิงของพวกเจ้าควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”“แต่ว่าพระ
เฉินฝานกล่าวจบไปได้พักใหญ่แล้ว เหอจื่อหลินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม“พี่จื่อหลิน มิใช่ว่าอยากรีบจบเรื่องนี้โดยเร็วหรอกหรือ? เหตุใดพี่ยังมัวอึ้งอยู่ที่นี่เล่า? รีบลงมือสิ!” เฉินฝานเร่งเหอจื่อหลิน “ทราบดีว่าท่านมีคำถามอยู่เต็มสมอง ตอนนี้ไม่อาจอธิบายให้ท่านฟังโดยละเอียด ท่านไปจัดการก่อน อีกไม่นานข้าจะมา”หลังจากที่เหอจื่อหลินจากไปแล้ว เฉินฝานก็พาฉินเย่ว์เจียวเข้าเมืองลู่ตูทันทีไม่นาน เขาก็พาคนออกมาจากเมืองลู่ตู มุ่งหน้าสู่เนินเขากงจียามที่เฉินฝานไปถึง พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ กำลังขนย้ายเครื่องครัวมาถึงพอดี ขณะเดียวกันเจ้าเมืองลู่ตูก็นำไก่หนึ่งพันตัวมาส่งให้เช่นกันเฉินฝานให้พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ ตั้งเตาหลายสิบเตาของแต่ละกองทัพตรงสถานที่ที่มีลมโกรก ต้มน้ำเดือด หั่นไก่ที่เชือดเรียบร้อยแล้วเป็นชิ้น ๆ แล้วเคี่ยวลงในหม้อผ่านไปไม่นานนัก น้ำแกงไก่ในหม้อเหล็กใบใหญ่ก็เดือดปุด ๆ กลิ่นหอมของน้ำแกงไก่เข้มข้นอบอวลไปทั่วหุบเขาอย่าว่าแต่ทหารหลู่ที่หิวจนท้องร้องโครกครากเลย ต่อให้เป็นกองทัพลาดตระเวนที่เพิ่งกินข้าวอิ่มเมื่อครู่นี้ต่างก็น้ำลายไหลถึงพื้นแล้ว เฉินฝานกล่าวเสียงดังว่า “เหล
มองทหารที่อยู่ในหลุมหลบภัย ถูกไฟคลอกทั้งตัว เกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด รวมถึงน้ำมันสนที่ยังคงไหลไม่หยุด ทหารหลู่ที่ยังไม่กระโดดลงไปในหลุมหลบภัย ไม่กล้ากระโดดลงไปแล้วทหารหลู่ที่เดิมทีจะฝ่าวงล้อมออกไปได้แล้วนั้น ถูกขังด้วยเพลิงไฟ“เหี้ยมโหดยิ่งนัก!”โอวหยางหน่าหลันตะโกนด้วยความโมโหหลังจากนั้น เฉินฝานทำเพียงอย่างดีซึ่งก็คือขุดหลุมรอบทหารหลู่ แล้วเทน้ำมันสนลงไปเรื่อยๆตอนทหารหลู่ย้อนกลับไปทางเดิม ไปถึงหุบเขาต้าถัง หลี่จื้อใช้วิธีการเดียวกัน อีกทั้งเขายิ่งสบายกว่าหุบเขาต้าถังมีเพียงทางเดียว เขาสั่งให้คนขุดหลุมยาว เทน้ำมันสนปริมาณมากลงไป เมื่อทหารหลู่มาถึง เปลวไฟในหลุมลุกโชนทหารหลู่อยากฝ่าออกไปโดยใช้เส้นทางบนหุบเขา กองทัพลาดตระเวนประจำการอยู่ที่นั่น ยิ่งง่ายในการต่อสู้ยิ่งไปกว่านั้น ทหารหลู่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหนึ่งวันแล้ว ต่อสู้ตลอดทั้งวัน พวกเขาแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีจนสิ้นแล้วหฃังจากปิดล้อมทหารหลู่ เฉินฝานก็สั่งให้หยุดโจมตีตอนนี้เพียงปิดล้อมไม่ต้องโจมตีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองอาวุธและชีวิตอันล้ำค่าของกองทัพลาดตระเวนอีกต่อไป“ใต้เท้า ส่งคนเข้าไปสามรอบแล้ว
“สหายทั้งหลาย ลุย! อย่าให้ทหารหลู่ไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิงเด็ดขาด”เวลานี้ ทหารกองกำลังที่สามจากหุบเขาเสี่ยวถังมาถึงแล้วเมื่อทหารกองกำลังที่สามถึง ซุนลี่ก็ออกคำสั่งทันที“ทหารทั้งหลาย กองทัพลาดตระเวนต้าชิ่งเริ่มปิดล้อมแล้ว เหลืออีกเพียงหนึ่งแนวป้องกันเท่านั้น ก็จะฝ่าออกไปจากการปิดล้อมได้แล้ว!”ทางด้านทหารหลู่ โอวหยางน่าหลันก็ฉีดยาให้กำลังใจทหารหลู่“อย่ายอมตายอย่างอดอยากเด็ดขาด ฝ่าออกไป!”ทหารหลู่ราวกับเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก ไม่ว่าข้างกายจะมีคนล้มลงมากน้อยเพียงใด พวกเขาล้วนมองไม่เห็น เป้าหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิง แล้วฝ่าวงล้อมออกไปเวลานี้ เหอจื่อหลินที่มาจากหุบเขาต้าถังมาถึงแล้วทหารกองกำลังที่ห้าของเหอจื่อเฝ้าหุบเขาต้าถัง เพื่อป้องกันทหารหลู่ถอยกลับไปทางด้านเหอจื่อหลินนำทัพกองกำลังที่สองเร่งเดินทางมา“ใต้เท้า ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ช้าก็เร็วทหารหลู่ต้องฝ่าออกไปได้แน่นอน ข้ารีบเข้าเมืองลู่ตูตอนนี้ นำทหารเฝ้าเมืองห้าหมื่นนาย ไปเมืองลู่ตูเพื่อปิดกั้นเส้นทางการออกไปของทหารหลู่”“นี่ไม่ใช่วิธีการที่ดี!”เฉินฝานขมวดคิ
“ฝ่าออกไป ไม่อาจเป็นผีหิวตายเด็ดขาด!”โอวหยางน่าหลันลากเท้าที่บาดเจ็บ พุ่งตัวไปด้านหน้าหลังจากถูกยิงไปแล้วหนึ่งครั้ง ทหารรักษาพระองค์ล้อมโอวหยางน่าหลังทั้งสองสี่ด้าน คุ้มกันนางอย่างแน่นหนาลูกธนูของฉินเย่ว์เจียวยิงถูกคน ทว่าไม่อาจยิงโดนโอวหยางน่าหลัน“ฝ่าออกไป! ไม่อาจอดตายกลายเป็นผีได้!”คล้ายตอนอยู่นอกประตูเมืองลู่ตู จู่ๆ ทหารหลู่พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิตครั้งนี้ พวกเขาไม่วิ่งขึ้นหุบเขาอีกแล้ว พุ่งตัวไปหาทหารหญิง“ลุย จัดการพวกมันซะ!” มั่วเซินรีบออกคำสั่งทันทีทหารกองกำลังที่หนึ่ง รวมถึงทหารกองกำลังที่สามซึ่งรีบเดินทางมา ระดมกำลังต่อสู้ ช่วยคลายความกดดันให้ทหารหญิงบนพื้นดิน ทหารหลู่ล้มกองแล้วกองเล่า ศพกองเป็นภูเขาแต่พวกเขากลับไม่สนใจคนข้างกาย ยิงธนูใส่พวกสตรี อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับพุ่งตัวไปด้านหน้าลูกธนูด้านหน้าถูกยิงมาราวกับสายฝน พวกทหารหญิงถึงขั้นไม่อาจเงยหน้าขึ้น“พี่น้องทั้งหลาย!” เย่ว์หนูร้องตะโกนเสียงดัง “ลงไปเร็วเข้าๆ ทหารหลู่มาใกล้เกินไปแล้ว สุ่มโยนได้เลย!”ทหารหญิงกระโดดลงจากเก้าอี้ ยืนอยู่ในหลุมหลบภัยแล้วสุ่มโยนระยะทางใกล้เช่นนี้ การสุ่มโยนระเบิดทห