“วันนี้มีพวกเจ้าทั้งหมดสิบเก้าคน จับปลาไนตัวเล็กคนละสามสิบตัวและปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่คนละหกตัว”เช่นนี้ก็จะได้ปลาไนตัวเล็ก 570 ตัว และปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่114 ตัวจำนวนปลาต้องได้มากกว่าที่ต้องการแน่นอน เพราะวันนี้เฉินฝานต้องส่งปลาเป็นและอาจมีปลาตายระหว่างทางที่สำคัญหลี่ซานไม่ใช่พ่อค้าประเภทที่ไม่ยอมคิดเงินเมื่อจำนวนเพิ่มขึ้นเสียหน่อยทันทีที่เฉินฝานพูดจบ เฉียนลิ่วและคนอื่น ๆ ก็รวมตัวกันเริ่มนับทันที "ปลาไนตัวเล็กสามสิบตัว ห้าตัวหนึ่งเหวิน ปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่หกตัว ตัวละหนึ่งเหวิน......"คนที่มาที่นี่โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนยากจนในหมู่บ้าน ไม่เคยเรียนการคำนวณ พวกเขาคิดคำนวณร่วมกันอยู่ครู่ใหญ่ก็คิดไม่ออก“โอ้ย ทำไมเจ้าถึงใช้เวลาคิดนานขนาดนั้นล่ะ” ต้ายาอดไม่ได้จึงกล่าว“ปลาไนตัวเล็กสามสิบตัว ได้เงินคนละหกเหวิน ปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่หกตัว ได้เงินคนละหกเหวินเหมือนกัน เมื่อนำมารวมกันแล้ว จะได้เงินวันละสิบสองเหวินต่อคน”“สิบสองเหวิน?!”ชาวบ้านเงยหน้าขึ้นและมองดูต้ายาด้วยความไม่เชื่อจับปลาเพียงสิบกว่าตัวก็ได้เงินสิบสองเหวินแล้วรึ!เมื่อก่อนไม่มีใครยอมกินปลา ตอนนี้เพียงแค่จับมันก็ได้เงินแล้ว ที่สำคัญย
“ข้า ข้าเปล่านะ!”ปกติม่อเกินเซิงเป็นเด็กฉลาด แต่เมื่อพูดถึงเฉินต้ายาเขาจะเริ่มพูดติดอ่าง“ข้า ข้าขี้เกียจพูดกับพวกท่านแล้ว ข้าจะเอาเงินนี้กลับไปให้แม่ของข้าและให้นางเอาไปซื้อข้าวสาร!”ม่อเกินเซิงพูดจบก็วิ่งออกไปขณะวิ่ง มือข้างหนึ่งจับกระเป๋าเสื้อแน่น ข้างในนั้นมีเงินสิบสองเหวินที่เขาเพิ่งได้รับ“ข้าก็จะกลับแล้วเหมือนกัน เมียของข้ารออยู่”“พ่อของข้าก็รอเหมือนกัน ตอนเช้าที่ข้าออกไปข้างนอก เขายังตำหนิข้าอยู่เลย บอกว่าเสี่ยวฝานโกหกพวกเรา ข้าจะเอาเงินกลับไปแล้วดูว่าเขาจะพูดอะไรได้อีก”“ข้าก็เหมือนกัน ข้าไม่เพียงแต่จะกลับไปพูด แต่ข้ายังจะบอกพวกเขาด้วยว่าเสี่ยวฝานให้เงินพวกเราแล้ว และตอนนี้เสี่ยวฝานเป็นคนดีมาก!”“ใช่ ๆ ๆ!”ชาวบ้านที่ได้รับเงินกล่าวขอบคุณเฉินฝานเสร็จก็พากันกลับ“พี่ลิ่ว จื้ออัน!”เฉินฝานเรียกเฉียนลิ่วกับจูจื้ออันหลังจากเก็บปลาเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการขนย้ายเพื่อลดการสูญเสียปลา เฉินฝานต้องการนำปลาใส่ลงถังเก็บน้ำหลายใบ จากนั้นนำขึ้นเกวียนและส่งไปยังตัวอำเภอแม้ว่าหัวใจของพวกเขากลับบ้านไปแล้ว แต่เฉียนลิ่วกับจูจื้ออันก็หันกลับมาทันทีที่เฉินฝานกล่าว“เสี่ยวฝาน
“ตกลงตามนี้แล้วกัน พวกเจ้าสองคนหยุดไร้สาระกับข้าได้แล้ว รีบกลับเรือนไปซะ คนที่ยกถังน้ำก็ไปยกถังน้ำ คนที่ลากเกวียนก็ไปลากเกวียน ข้าต้องรีบไปส่งปลาที่ตัวอำเภออีก!”“เอาล่ะ ๆ ทำตามที่เสี่ยวฝานพูด”“ฟังพี่ฝานขอรับ”ท่ามกลางสายตาอิจฉาของทุกคน เฉียนลิ่วกับจูจื้ออันวิ่งกลับเรือนอย่างรวดเร็วจูจื้ออันสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นสิบเหวินต่อวัน ส่วนเฉียนลิ่วได้เพิ่มอีกยี่สิบเหวินผู้ชายตัวใหญ่สองคนเป็นเสาหลักของครอบครัวมาตลอด สองวันที่ผ่านมาคงแอบเช็ดน้ำตากันไม่น้อยในที่สุดพวกเขาก็สามารถทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นชาวบ้านทุกคนที่ช่วยเฉินฝานจับปลาได้รับเงินจากเฉินฝานและกลับเรือนไปอย่างมีความสุขคนที่ยืนดูความคึกคักอยู่นอกบ้านเฉินฝานเมื่อเห็นชาวบ้านได้รับเงินและกลับเรือนก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก แต่ละคนก็กลับเรือนไปด้วยความหดหู่ใจบางคนกลับถึงเรือนก็ถูกภรรยาของตนเองตำหนิตำหนิว่าพวกเขาไม่ควรทำตามจู้ต้าอันที่ด่าทอเฉินฝาน ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถสร้างรายได้กับเฉินฝานแล้ววันนี้ หลายครอบครัวในหมู่บ้านมีความสุขเพราะเฉินฝาน และมีอีกหลายคนที่ทะเลาะกันเพราะเฉินฝาน-หลังจากทำการค้าขายมาหลา
ผู้ที่มาเยือนคือจูจื้ออัน วันนี้ได้เงินจากการช่วยเฉินฝานจับปลา เขาจึงอยากมาซื้อเนื้อขาหน้าเพื่อนำไปบำรุงร่างกายของภรรยาที่เพิ่งคลอดบุตรก่อนหน้านี้ จูจื้ออันเป็นคนยากจนที่รู้จักกันดีในหมู่บ้านซานเหอ ในฐานะคนขายเนื้อที่เร่ขายระหว่างหมู่บ้าน โจวเหล่าซื่อย่อมรู้จักภูมิหลังของครอบครัวจูจื้ออันดีและหมูสามชั้นน่ะ ถึงจะเป็นเนื้อหั่นที่ราคาถูกที่สุด ทว่าจูจื้ออันกลับซื้อมันไม่ไหวแม้แต่ชิ้นเดียว“เหล่าซื่อ มีเนื้อมันหมูบ้างไหม?”ผู้ที่มาเยือนถึงตรงหน้าโจวเหล่าซื่อคนที่สองคือเฉียนลิ่ว ที่บ้านเขากินอาหารไร้น้ำมันมาสามเดือนแล้ว และท้องก็โครกครากอย่างหนัก ครั้นมีน้ำมันแล้วไม่ว่าจะอาหารใดก็อร่อยหมดทุกอย่างโจวเหล่าซื่อมองจูจื้ออันและเฉียนลิ่วที่อยู่ประกบตนอยู่ตรงหน้าในใจรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน จ้องมองจูจื้ออันและเฉียนลิ่วด้วยความรังเกียจวันนี้เขาประสบโชคร้ายอะไรกันทันทีที่เข้ามาถึง ยังไม่ทันได้เปิดป้ายร้านค้าเลยก็ได้พบกับยาจกสองคนนี้จากหมู่บ้านซานเหอเสียแล้วแล้วยาจกสองคนนี้ต่างพูดว่าอย่างไรนะ?คนหนึ่งถามถึงเนื้อขาหน้าคนหนึ่งถามถึงมันหมูพวกเขาทั้งยากจนและฟั่นเฟือน และยังมีปัญหาทางจิ
“โจวเหล่าซื่อ เจ้าด่าใครน่ะ?”“ผัวะ!”หมัดของเฉียนลิ่วกระแทกบนใบหน้าของโจวเหล่าซื่ออย่างแรงเมื่อครู่โจวเหล่าซื่อไม่ไว้หน้าเขาเลย เสียดสีเขา เขาล้วนทนได้แต่โจวเหล่าซื่อกลับว่าใส่เฉินฝานเขาทนไม่ไหว!ถ้าไม่มีเฉินฝาน เขาจะมีเงินที่ใดไปซื้อมันหมูเล่า!“เฉียนลิ่ว เจ้า...”“ผัวะ!”อีกหนึ่งหมัดชกหน้าโจวเหล่าซื่ออย่างหนัก ครานี้คนที่ลงมือเป็นจูจื้ออัน“ผัวะ ๆ ๆ !”จูจื้ออันผู้เลือดร้อน ไม่ใช่แค่ชกหมัดเท่านั้น“โจวเหล่าซื่อด่าทอพี่ฝานจริง ๆ ข้าเห็นว่าเขาสมควรโดนต่อยแล้ว เหล่าสหายลุยเลย!”จูจื้ออันตะโกน ชาวบ้านที่ช่วยเฉินฝานจับปลาก็รุดไปข้างหน้าโจวเหล่าซื่อถูกทุบตีจนจมูกช้ำใบหน้าบวม หลังจากตะโกนขอให้ไว้ชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกคนก็ปล่อยเขาไปอย่างไม่เต็มใจ“พลั่ก!”เฉียนลิ่วตบถุงผ้าใบเล็กลงบนแผงขายเนื้อของโจวเหล่าซื่อ “เจ้าคนที่ใช้ตาสุนัขดูแคลนผู้อื่น! เจ้าลองนับดูเอาเองว่ามีเงินอยู่เท่าใด จะซื้อมันหมูครึ่งจินของเจ้าไหวหรือไม่”“พลั่ก!”จูจื้ออันยังโยนถุงเงินของตนไปตรงหน้าโจวเหล่าซื่ออีกด้วย“เจ้าก็นับดูว่าข้าสามารถจ่ายเงินซื้อหมูสามชั้นครึ่งจินของเจ้าได้หรือไม่”พูดจบ จูจื้อ
ภายใต้แรงกดดันอันแรงกล้าจากทุกคน จูต้าอันทำได้เพียงก้มหน้าลงและขอโทษเฉินฝาน จากนั้น...“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!”“เลียนแบบได้เหมือนมาก”“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเดาว่าในชาติที่แล้ว จูต้าอันอาจจะเป็นสุนัขจริง ๆ ”ครั้นเฉินฝานหอบซี่โครงกลับไป ก็ได้ยินเสียงเห่าของ “สุนัข” และเสียงหัวเราะของเหล่าผู้คนที่อยู่ด้านหลังท่ามกลางฝูงชนที่หัวเราะคิกคัก ดวงตามาดร้ายของจูต้าอันไล่ตามหลังเฉินฝานเฉินฝาน ฝากไว้ก่อนเถอะ-ฉินเย่ว์โหรวปรุงซี่โครงหมูไม่เป็น อาหารเย็นของวันนี้ เฉินฝานจึงลงมือทำด้วยตัวเองกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลลอยโชยมาจากห้องครัวไม่ขาดตอนฉินเย่ว์โหรวสูดดมกลิ่นหอมและมองร่างที่ยุ่งวุ่นวายของเฉินฝานข้างเตา ความสุขที่รู้สึกได้ก็ผุดขึ้นมาจากใจ“พี่ฝาน!”วันนี้เฉินฝานชวนครอบครัวของเฉินผิงมาทานอาหารเย็นด้วยกัน ทันทีที่พวกเขามาถึงบ้านของเฉินฝาน ลูกคนรองก็รีบพุ่งตัวเข้าไปในครัวเพื่อสูดดมกลิ่น นางถามเฉินฝานว่าเขาทำอาหารอร่อยอะไรอยู่นางเจิ้งส่ายหัว “เจ้าเด็กคนนี้ไร้ธรรมเนียมประเพณีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”“ท่านป้า” ฉินเย่ว์โหรวยิ้มเบา ๆ “เจ้ารองยังเด็กอยู่ เป็นเรื่องปกติน่ะเจ้าค่ะ”อย่างไรก็เคยอยู่ในชั้นเร
ยามที่เฉินฝานไม่ได้มาส่งอาหารให้ในวันแรก เขาคิดว่าจะส่งมาให้ในวันที่สองผลคือในวันที่สาม ที่สี่ ที่ห้า...ล้วนไม่เห็นเขามาส่งอาหารเลยก่อนหน้านี้ที่บ้านของเฉินเจียง เขาเคยบอกว่าเฉินฝานไร้ค่า ยามนี้ต่อให้หิวโหยเพียงใดก็ไม่มีหน้าจะไปหา“ข้าบ่น แล้วสั่งสอนหลานออกมาเช่นนี้ มันเป็นความผิดของข้าหรือ?”นางโจวยิ่งฮึดฮัดมากขึ้น“จะไม่ใช่ความผิดของเจ้าได้อย่างไรกัน ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปใจจืดใจดำกับเขาปานนั้นเสียหน่อย”“ใจจืดใจดำ? ข้า?”และแล้วนางโจวกับเฉินฟู่ก็ทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น-กินข้าวเสร็จครอบครัวของเฉินผิงกลับไปแล้ว ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวอยู่ในครัว พูดคุยกระซิบกระซาบกันอยู่นานไม่ออกมากันเสียทีผู้หญิงมีเรื่องให้พูดคุยกันเยอะซึ่งเฉินฝานก็ไม่สนใจ เขาพูดกับสองพี่น้องในครัวแล้วออกไปเฉียนลิ่วบอกว่าเขาได้ค้นพบหนองน้ำแห่งใหม่แล้ว และเรียกเฉินฝานไปดูว่าคุณภาพปลาในหนองน้ำนั้นดีหรือไม่ครั้นกลับมาบ้านก็เงียบสงบเสียแล้ว สองพี่น้องต่างไม่อยู่ที่บ้านเฉินฝานเดาว่าพวกนางไปบ้านของเฉินผิง เขาจึงนั่งบนเตียง ขณะที่รอก็อ่านหนังสือไปด้วยด้านนอกเย็นจนหนาวเหน็บ เปลือกตาของเฉินฝานปิดแน่นแล้วพ
“นายท่าน...”เสียงออดอ้อนปนเกียจคร้านเอ่อล้นออกมาจากริมฝีปากชมพูของฉินเย่ว์โหรว ทันใดนั้นมือหยกอันละเอียดอ่อนโอบรอบคอของเฉินฝานแทบไม่มีระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่เฉินฝานสามารถรับรู้ถึงสัมผัสที่นุ่มนิ่มได้อย่างชัดเจนลูกกระเดือกขยับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ดวงตาของเขามืดลงเขาหยุดมือที่เคลื่อนไหวสะเปะสะปะของฉินเย่ว์โหรว และอุ้มนางไปที่เตียง “อย่าขยับ ข้าจะอุ้มเจ้าขึ้นไป!”ขณะที่วางฉินเย่ว์โหรวลงบนเตียง มือของนางก็เกี่ยวรอบคอของเฉินฝานอีกครั้งด้วยการยื้อยุดนี้ ผ้าปิดหน้าอกมากกว่าครึ่งหนึ่งจึงเลิกขึ้นเฉินฝานรู้สึกถึงเลือดร้อนพุ่งขึ้นไปบนหัว เขาเชยคางของฉินเย่ว์โหรวขึ้นพลางพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เย่ว์โหรว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่”ใบหน้าของฉินเย่ว์โหรวแดงก่ำ รอยยิ้มเขินอายในแววตาหยาดเยิ้มพร่ามัว “ข้ารู้ พี่สามบอกเอง ให้ข้าช่วยผลิดอกออกผลให้นายท่านเถอะ”“...” จริง ๆ แล้ววันนี้สองสาวกระซิบกระซาบและยังออกไปดื่มด้วยกัน ที่แท้ก็เพื่อสิ่งนี้เฉินฝานวางฉินเย่ว์โหรวลง จากนั้นก็เอนตัวนอนอยู่ข้างกายนาง ใช้มือประคองคางมน และมองฉินเย่ว์โหรวด้วยรอยยิ้ม “เพื่อผลิดอกออกผล?”ฉินเย่ว์
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ