ยามที่เฉินฝานไม่ได้มาส่งอาหารให้ในวันแรก เขาคิดว่าจะส่งมาให้ในวันที่สองผลคือในวันที่สาม ที่สี่ ที่ห้า...ล้วนไม่เห็นเขามาส่งอาหารเลยก่อนหน้านี้ที่บ้านของเฉินเจียง เขาเคยบอกว่าเฉินฝานไร้ค่า ยามนี้ต่อให้หิวโหยเพียงใดก็ไม่มีหน้าจะไปหา“ข้าบ่น แล้วสั่งสอนหลานออกมาเช่นนี้ มันเป็นความผิดของข้าหรือ?”นางโจวยิ่งฮึดฮัดมากขึ้น“จะไม่ใช่ความผิดของเจ้าได้อย่างไรกัน ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปใจจืดใจดำกับเขาปานนั้นเสียหน่อย”“ใจจืดใจดำ? ข้า?”และแล้วนางโจวกับเฉินฟู่ก็ทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น-กินข้าวเสร็จครอบครัวของเฉินผิงกลับไปแล้ว ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวอยู่ในครัว พูดคุยกระซิบกระซาบกันอยู่นานไม่ออกมากันเสียทีผู้หญิงมีเรื่องให้พูดคุยกันเยอะซึ่งเฉินฝานก็ไม่สนใจ เขาพูดกับสองพี่น้องในครัวแล้วออกไปเฉียนลิ่วบอกว่าเขาได้ค้นพบหนองน้ำแห่งใหม่แล้ว และเรียกเฉินฝานไปดูว่าคุณภาพปลาในหนองน้ำนั้นดีหรือไม่ครั้นกลับมาบ้านก็เงียบสงบเสียแล้ว สองพี่น้องต่างไม่อยู่ที่บ้านเฉินฝานเดาว่าพวกนางไปบ้านของเฉินผิง เขาจึงนั่งบนเตียง ขณะที่รอก็อ่านหนังสือไปด้วยด้านนอกเย็นจนหนาวเหน็บ เปลือกตาของเฉินฝานปิดแน่นแล้วพ
“นายท่าน...”เสียงออดอ้อนปนเกียจคร้านเอ่อล้นออกมาจากริมฝีปากชมพูของฉินเย่ว์โหรว ทันใดนั้นมือหยกอันละเอียดอ่อนโอบรอบคอของเฉินฝานแทบไม่มีระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่เฉินฝานสามารถรับรู้ถึงสัมผัสที่นุ่มนิ่มได้อย่างชัดเจนลูกกระเดือกขยับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ดวงตาของเขามืดลงเขาหยุดมือที่เคลื่อนไหวสะเปะสะปะของฉินเย่ว์โหรว และอุ้มนางไปที่เตียง “อย่าขยับ ข้าจะอุ้มเจ้าขึ้นไป!”ขณะที่วางฉินเย่ว์โหรวลงบนเตียง มือของนางก็เกี่ยวรอบคอของเฉินฝานอีกครั้งด้วยการยื้อยุดนี้ ผ้าปิดหน้าอกมากกว่าครึ่งหนึ่งจึงเลิกขึ้นเฉินฝานรู้สึกถึงเลือดร้อนพุ่งขึ้นไปบนหัว เขาเชยคางของฉินเย่ว์โหรวขึ้นพลางพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เย่ว์โหรว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่”ใบหน้าของฉินเย่ว์โหรวแดงก่ำ รอยยิ้มเขินอายในแววตาหยาดเยิ้มพร่ามัว “ข้ารู้ พี่สามบอกเอง ให้ข้าช่วยผลิดอกออกผลให้นายท่านเถอะ”“...” จริง ๆ แล้ววันนี้สองสาวกระซิบกระซาบและยังออกไปดื่มด้วยกัน ที่แท้ก็เพื่อสิ่งนี้เฉินฝานวางฉินเย่ว์โหรวลง จากนั้นก็เอนตัวนอนอยู่ข้างกายนาง ใช้มือประคองคางมน และมองฉินเย่ว์โหรวด้วยรอยยิ้ม “เพื่อผลิดอกออกผล?”ฉินเย่ว์
คนพวกนั้นบอกให้เขารับอนุภรรยาก็ช่างเถอะ แต่ภรรยาทั้งสองคนของเขา ก็อยากให้เขามีอนุภรรยาเพิ่มด้วย“พวกเจ้าไม่หึงหวงหรือ?” เฉินฝานแกล้งทำเป็นถลึงตามองหญิงสาวสองคนด้านหลังที่ร่วมวงกับชาวบ้าน“หึงหวง?” ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์โหรวมองหน้ากัน แล้วยกมือขึ้นป้องหน้าพร้อมกับหัวเราะ “นายท่านถ้าไม่ใช่ความจำเสื่อม ก็แกล้งให้พวกเราดีใจ เรื่องเช่นนี้หญิงสาวคนใดจะหึงหวงกันเจ้าคะ ทุกคนล้วนอยากให้สามีของตนรับอนุภรรยาเพิ่ม”“...” เฉินฝานฉงนงุนงง หรือเขาลืมวัฒนธรรมสำคัญอะไรอีกแล้วหรือ?ในตอนหลัง เมื่อทำความเข้าใจแล้ว เฉินฝานเพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดสองพี่น้องตระกูลฉินจึงอยากให้เขามีภรรยาหลายคนบุรุษต้าชิ่ง ยิ่งมีภรรยามากเท่าใด ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเก่งมากเท่านั้น โดยเฉพาะในช่วงปีที่เศรษฐกิจไม่ดีด้วยเหตุนี้ ในต้าชิ่ง บุรุษคนหนึ่งมีภรรยากี่คน จึงกลายเป็นเครื่องวัดว่าชายคนนั้นมีความสามารถหรือไม่ยกตัวอย่างเช่นเวลานี้เฉินฝานมีภรรยาห้าหกคน หรือมากกว่านี้ ยามพวกฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวออกไปข้างนอก คนอื่นรู้ว่าพวกนางมีพี่น้องมากมายเช่นนั้น ต่างก็พากันอิจฉาแท้จริงแล้วราชสำนักคอยชี้นำเรื่องนี้อย่างลับๆ
หญิงสาวทั้งสามแถว ยืนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ มีจำนวนไม่ต่ำกว่ายี่สิบคนมองออกไป แม้จะซูบผอม สวมผ้าหยาบ แต่มีดีที่ความอ่อนเยาว์ พวกนางแต่ละคนล้วนสะสวยแม้แคว้นต้าชิ่งจะยากจน แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าหญิงสาวที่นี่งดงามยิ่งนักตั้งแต่ทะลุมิติมากระทั่งทุกวันนี้ เฉินฝานยังไม่เคยพบเจอหญิงสาวคนใดอัปลักษณ์มาก่อนเผชิญหน้ากับดวงหน้างดงามอ่อนเยาว์ บวกกับดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง เฉินฝานเคร่งเครียด จะให้เขาเลือกอย่างไรเฮ้อ ช่างเถอะเฉินฝานตั้งใจว่าจะเลือกส่งๆ สักสองสามคน จะได้จบๆ ขอเพียงเฉินฝานเดินผ่านหญิงสาวคนใดไปแล้วไม่เลือก หญิงสาวคนนั้นก็จะร้องไห้เฉินฝานสงสาร ตอนที่กำลังจะหันกลับไปเลือก หญิงสาวตรงหน้าก็ร้องไห้อีกแรกเริ่มเพียงสะอื้นเสียงเบา ตอนหลังร้องไห้กันหลายคน พวกนางจึงฟูมฟายเสียงดังชั่วขณะหนึ่ง ลานหน้าบ้านของเฉินฝาน ก็มีเสียงร้องไห้ดังระงมเฉินฝานเครียดหนักมาก เขาไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไรจริงๆสถานการณ์เช่นนี้ นอกจากเฉินฝานและหญิงสาวที่กำลังร้องไห้เหล่านั้น คนอื่นๆ ต่างชินชาแล้ว เพราะในทุก ๆ ปี ยามที่ทางการจัดสรรคู่ ล้วนมีหญิงสาวมากมายที่ไม่ผ่านการคัดเลือกและจัดสรรออก
“ป้า ข้าไม่รับนางเป็นอนุภรรยา ข้า...”เมื่อได้ยินเฉินฝานบอกว่าไม่รับ นางจะทนฟังต่อไปได้อย่างไร“แม้ปานิวของข้าจะดูซูบผอม แต่สะโพกนางผาย มีลูกชายให้ได้แน่นอน” ขณะพูด หญิงวัยกลางคนเริ่มถอดเสื้อผ้าลูกสาวอีกทั้งไม่เพียงถอดเสื้อผ้าตัวนอก เสื้อตัวในก็เตรียมที่จะถอดด้วยฐานะทางบ้านของนาง เมื่อเฉินฝานไม่เลือก เข้าฤดูวสันต์ปีหน้าแม้จะโชคดีเป็นคนที่ถูกเลือก แต่เมื่อไปถึงบ้านสามี ต้องถูกครอบครัวสามีอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อหย่ากับนางแน่นอน“เฮ้อ ป้าอย่าทำเช่นนี้เลย” เฉินฝานรีบปรามหญิงวัยกลางคน หญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน ถอดเสื้อตัวในในที่สาธารณะ ชีวิตนางจบสิ้นแล้ว“เช่นนั้นน้องฝาน เจ้ายอมรับปานิวเป็นอนุภรรยาแล้วหรือ?” พวงแก้มแดงก่ำเพราะอากาศหนาวเย็นของหญิงวัยกลางคน เปี่ยมไปด้วยความหวัง“...ก็ได้ ข้ารับไว้...”เฉินฝานยังพูดไม่จบ หญิงวัยกลางคนอีกหลายคนรีบลากลูกสาวของตนมาใกล้ บอกว่าลูกสาวของตนก็มีลูกชายให้เขาได้ พร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าลูกสาวของตน“เฮ้อ พวกป้าๆ พวกท่านทำอะไรเนี่ย หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดเดี๋ยวนี้”ความจริง การห้ามปรามของเฉินฝานนั้นไร้ประโยชน์ เพราะพวกเขาเห็นสิ่งที่หญิงวัยกลางคนทำได้ผ
ไม่มีคนเชื่อคำพูดของเฉินฝานแม้เขาจะหาเงินได้มาก แต่การบอกว่าจะเลี้ยงดูคนห้าสิบกว่าคน เหลือเชื่อเกินไปแล้วเมื่อครู่เฉินฝานพูดปากเปียกปากแฉะ คนในครอบครัวของหญิงสาวเหล่านี้ไม่ยอมให้พวกนางสวมเสื้อผ้าเวลานี้ เฉินฝานไม่จำเป็นต้องพูด ต่างกุลีกุจอใส่เสื้อตัวนอกให้ลูกสาว พาพวกนางเดินออกไปข้างนอกตั้งแต่ผู้ใหญ่ไปจนถึงพวกหญิงสาว ทุกคนต่างเศร้าสลดผู้คนกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยจูต้าอัน พูดจาเหน็บแนมหน้าบ้านของเฉินฝานบ้างก็บอกว่าเฉินฝานตระหนี่บ้างก็บอกว่าเฉินฝานทำเป็นหน้าใหญ่ใจโต แท้จริงแล้วไม่มีเงินถึงขั้นมีคนบอกว่า เฉินฝานไม่เก่งเรื่องบนเตียง ดังนั้นจึงไม่กล้ามีภรรยาหลายคนคำพูดเหน็บแนมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังไม่ชวนฟังขึ้นเรื่อยๆหลังจากพูดจาเสียดสีเฉินฝานจบ พวกเขาก็เริ่มหัวเราะเยาะคนที่พาหญิงสาวเหล่านั้นมา“เฮ้อ พวกเจ้าโง่หรือเปล่า? เป็นสาวเป็นนาง พามาถอดเสื้อผ้าให้คนอื่นดูฟรีๆ”ในธรรมเนียมของต้าชิ่ง หญิงสาวคนหนึ่งที่ยังไม่ออกเรือน สวมใส่เสื้อผ้ากับไม่สวมใส่เสื้อผ้า ไม่มีอะไรแตกต่างกัน“โง่จริงๆ หลังเข้าฤดูวสันต์ปีหน้า แม้พวกนางจะถูกคัดสรร แต่เมื่อฝ่ายชายได้ยินว่าเฉินฝานเห็นเรือนร่างแ
หญิงวัยกลางคนวิ่งไปตรงหน้าเฉินฝาน คุกเข่าลง“น้องฝาน เมื่อครู่เจ้าบอกว่า เจ้าจะรับหญิงสาวทั้งห้าสิบกว่าคนเอาไว้ เจ้าอย่าคืนคำนะ”“ข้าไม่ได้คืนคำ ห้าสิบกว่าคน ขอเพียงยินดีที่จะอยู่ ข้ารับทั้งหมด” เฉินฝานพูด พร้อมกับส่งสายตาให้ฉินเย่ว์เจียวพยุงหญิงวัยกลางคนขึ้นหญิงวัยกลางคนไม่ยอมลุก “น้องฝาน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนดี แต่ว่า คำพูดไร้หลักฐาน”เฉินฝานหันไปพูดกับฉินเย่ว์โหรว “เย่ว์โหรว เจ้าหยิบกระดาษกับพู่กันออกมา”แม้จะไม่เข้าใจว่าเฉินฝานทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไร แต่ฉินเย่ว์โหรวไม่ลังเลแม้แต่น้อย ขานรับ แล้วทำตามที่เฉินฝานสั่งทันที“ท่านป้า” เฉินฝานชี้ไปยังฉินเย่ว์โหรวที่หยิบกระดาษและพู่กันออกมาแล้ว “นี่คือภรรยาของข้า ข้าให้นางเขียนหนังสือรับรอง ประเดี๋ยวนางจะจดชื่อลูกสาวของท่าน แบ่งเป็นสองฉบับ ท่านหนึ่งฉบับ ข้าหนึ่งฉบับ เช่นนี้ท่านวางใจแล้วกระมัง”“เขยฝาน!” หญิงวัยกลางคนรีบเปลี่ยนสรรพนามร้องเรียกทันที ดึงลูกสาวของตน คำนับขอบคุณเฉินฝานไม่หยุด “เจ้าเป็นคนดีจริงๆ ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยลูกสาวข้า”“ท่านป้า!” จูต้าอันที่ยืนมองด้านนอกร้องตะโกนเสียงดัง “ท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนคำนับขอบคุณ หากหนังสื
คนพวกนั้นพาพวกสาวๆ ไปตัดฟาง“อย่าๆๆ!” เฉินฝานที่เพิ่งดึงสติกลับมารีบร้องปราม “พวกนางไม่ได้พักที่นี่”“จริงอยู่ว่าที่นี่ไม่กว้างพอ เขยฝาน บ้านของเจ้ามีที่ดินผืนใดกว้างกว่านี้ พวกเราตัดฟางแล้วสร้างกระท่อมที่นั่นกัน”“ไม่ใช่!” เฉินฝานอธิบาย “เมื่อครู่ข้าบอกแล้วว่า ข้าจะให้พวกนางมีชีวิตรอด แต่พวกนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า ไม่ต้องอยู่กับข้า”“???” บรรดาพ่อแม่ของพวกหญิงสาวมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าเฉินฝานหมายความว่าอย่างไร“เจ้าพูดจาไร้สาระอะไรเนี่ย? เจ้าแต่งงานกับพวกนาง แต่ไม่ให้พวกนางอยู่ด้วยเนี่ยนะ?” จูต้าอันฉวยโอกาสนี้พูดเสียงดังพ่อแม่ของพวกหญิงสาวงงงวย “เขยฝาน? เจ้าไม่ให้พวกนางอยู่ที่หมู่บ้านซานเหอ แล้วจะให้พวกนางอยู่ที่ใด?”“ทุกท่านพาลูกสาวของตนกลับไปก่อน” เฉินฝานยกมือขึ้น “ทุกท่านโปรดให้เวลาข้าห้าวัน อีกห้าวันข้าจะหาที่พักให้พวกหญิงสาวแน่นอน”“ระยะเวลาห้าวันหาที่พักสำหรับห้าสิบกว่าคนเนี่ยนะ? พวกท่านอย่าเชื่อเขา!” จูต้าอันที่อยากเห็นเฉินฝานขายหน้ารีบพูดสีหน้าของเฉินฝานไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “หมาบ้าจากไหนเนี่ย เห่าหอนไปทั่ว!”“น้องฝาน ข้าจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้” เฉียนลิ่วพาคนสี่ห้าคนล้อมจู
เฉินฝานตบบั้นท้ายกลมกลึงของโอวหยางน่าหลันทีหนึ่ง “พอได้แล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว!”“ข้าไม่ได้เสแสร้งนะ จริง ๆ แล้วข้า...”เสียงของโอวหยางน่าหลันขาดหายไป เพราะว่า...“ข้าจากเมืองหลวงของต้าชิ่งมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เป็นห่วงลูกเมียที่บ้าน ไม่อาจไปแคว้นหลู่จัดพิธีแต่งงานกับท่านได้ จัดขึ้นที่เมืองลู่ตูแห่งนี้ละกัน”“จริงหรือ? ช่างดีเหลือเกิน!”โอวหยางน่าหลันโผเข้าหาตัวเฉินฝานทันที“สามี ช่วงเวลาที่งดงามเช่นนี้ เหตุใดเราไม่สู้...”มือของโอวหยางน่าหลันเริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้งเฉินฝานบีบเอวบางของโอวหยางน่าหลัน“ร่านนัก!”เสียงยั่วยวนดังขึ้นอีกครั้ง.....ตอนที่ฉินเย่ว์เหมยส่งโอวหยางน่าหลันกลับไป ก็ถามนางว่าเหตุใดถึงยืนกรานจะแต่งงานกับเฉินฝานให้ได้คำตอบของโอวหยางน่าหลันธรรมดามากเหตุผลแรกคือนางชอบเฉินฝานเหตุผลข้อที่สองคือแคว้นหลู่มีเฉินฝานก็จะดำรงอยู่ได้ตลอดไป“เหตุผลข้อที่สองของท่านมันเกินจริงไปหรือไม่” ฉินเย่ว์เหมยกล่าว“ข้ากล่าวเกินจริงหรือไม่? ท่านรู้ดีกว่าข้ามิใช่หรือ?” โอวหยางน่าหลันฉุนเฉียวเล็กน้อย“ท่านอย่าได้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเพียงเพราะว่าเขาใส่ใจท่าน หากท่านไม่ทะนุถนอ
“หากเงื่อนไขแบบนี้ยังดึงดูดใจไม่ได้ เช่นนั้นความจริงแล้วท่านก็เป็นคนไร้น้ำยา บุตรชายฝาแฝดสี่คนคงอาศัยน้ำเชื้อของผู้อื่น เรื่องเล่านี้คงจะเป็นความจริงสินะ?”โอวหยางน่าหลันพูดข่ม“โอวหยางน่าหลัน ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา?”คนที่โมโหก่อนคือฉินเย่ว์เหมย ใบหน้าเย็นชางดงามของนางดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“หรือว่าเราพูดผิดไป? ต้าชิ่งของพวกท่านบุรุษน้อยสตรีมาก เขาเป็นถึงอัครเสนาบดีผู้ทรงเกียรติ แต่ที่บ้านกลับมีภรรยาไม่ถึงสิบคน หากเขาไม่ใช่คนไร้น้ำยา แล้วภรรยาที่บ้านจะน้อยถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”“ภรรยาของเขาไม่ได้น้อย เขา...”“เขาอะไร?” โอวหยางน่าหลันกำเริบเสิบสานมากขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เขา...” ฉินเย่ว์เหมยหน้าแดงระเรื่อจากความโกรธเกรี้ยวเท่านั้นวังหลังของต้าชิ่งเป็นของเฉินฝานทั้งหมดแต่ฉินเย่ว์เหมยไม่อาจเอ่ยเรื่องนี้ออกมาได้“ฝ่าบาท อย่าทรงกริ้ว ให้กระหม่อมสั่งสอนสักยก นางก็จะเชื่อฟังแล้ว”เสียงพูดยังไม่ทันจบ เฉินฝานก็แบกโอวหยางน่าหลันขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องไม่นานนัก... เสียงร้องตะโกนของสตรีและเสียงคำรามต่ำของบุรุษก็ดังสลับกันขึ้นมา“รู้ความผิดแล้วหรือยัง?”
“หลังจากแต่งงานกับองค์หญิงโอวหยางแล้ว เจ้าจะได้เป็นอัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น ระหว่างแคว้นต้าชิ่งกับแคว้นหลู่ เจ้าชอบอาศัยอยู่ฝั่งไหนก็สุดแล้วแต่เจ้าจะปรารถนา” คำพูดของฉินเย่ว์เหมยทำให้ทุกคนตะลึงงันอีกครั้ง“อัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น? นี่ก็ได้ด้วยหรือ?”“เหตุใดจะไม่ได้เล่า หลังจากที่ใต้เท้าเฉินได้เป็นอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่แล้ว แคว้นหลู่ย่อมไม่คิดโจมตีแคว้นต้าชิ่งของเราอีกแน่นอน เรื่องดี เรื่องดีมากเลย!”“ใต้เท้า อย่าได้ลังเล รีบตอบตกลงเถิด คืนนี้ก็เข้าห้องหอได้แล้ว!”“ห้องหอ ๆ ในหัวเจ้านอกเรื่องนี้แล้ว ยังคิดเรื่องอื่นได้อีกไหม?” เหอจื่อหลินตบหัวมั่วเซิน“สองเรื่องที่งดงามที่สุดในชีวิตมนุษย์คือตอนที่สอบได้เป็นขุนนางกับคืนส่งตัวเข้าหอ การสอบได้เป็นขุนนางไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับใต้เท้าแล้ว จะเหลือก็แต่คืนส่งตัวเข้าหอไม่ใช่หรือ? ท่านแม่ทัพ หรือว่าท่านไม่คิด?” มั่วเซินหัวเราะคิกคักพลางหลบหลีก“ไอ้หนู เจ้ายังกล้าหลบอีก พวกเจ้าก็ด้วย ยังจะกล้าหัวเราะอีกหรือ ข้าจะทำให้พวกเจ้าหัวเราะ ทำให้พวกเจ้าหัวเราะไปเลย”ขณะที่เหอจื่อหลินฟาดมั่วเซิน เวลาเดียวกันก็ฟาดพวกขุนพลคนอื่น ๆ อีกด้วยต
“นางต้องการให้เจ้าแต่งงานกับนาง!”“???!!!”ทุกคนตกตะลึงกันหมด เคยคาดเดาข้อเรียกร้องทุกรูปแบบ แต่ไม่มีใครเคยคาดคิดถึงข้อเรียกร้องนี้เลยโอวหยางน่าหลันยืนหยัดมานานหลายวันขนาดนี้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?“หึ ๆ” เสียงหัวเราะของเหอจื่อหลินทำลายความเงียบสงัด “แต่ไหนแต่ไรมีแต่วีรบุรุษโกรธเพื่อหญิงงาม ตอนนี้กลับเป็นหญิงงามที่โกรธเพื่อวีรบุรุษ ใต้เท้า เสน่ห์ของท่านทำให้ข้าน้อยนับถือแล้ว”“ข้าน้อยก็นับถือ ใต้เท้า ท่านยังมัวลังเลอะไรอยู่เล่า? รีบตอบตกลงเถิด”“ตอบตกลงตอนนี้ คืนนี้ก็เข้าห้องหอเลย”“กลางคืนพยายามสักหน่อย ปีหน้าใต้เท้าก็ได้อุ้มบุตรชายแล้ว”“ดูเจ้าพูดสิ ใต้เท้ามีบุตรชายตั้งนานแล้วนะ”“นี่เจ้าไม่เข้าใจใช่หรือไม่ ไฉนเลยจะรังเกียจที่มีบุตรชายมากเกินไป?”ปกติแล้วเฉินฝานไม่ได้ถือตัว ทั้งยังร่วมกินร่วมอยู่ด้วยกัน ดังนั้นขุนพลกองทัพลาดตระเวนเหล่านั้นจึงพากันหยอกล้อ“พวกเจ้าแต่ละคน ไม่มีความสำรวมเลย ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ตรงนี้นะ!”ขุนพลเหล่านั้นยิ่งพูดยิ่งติดลมขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ควบคุมตัวเองเลย เหอจื่อหลินจึงรีบห้ามปรามแม้เฉินฝานจะไม่ถือสาขุนพลเหล่านี้ที่พูดหยอกล้อต่อหน้า แต่ฝ่าบาทอาจ
“ได้เลย หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน จัดให้เลยพรุ่งนี้” เฉินฝานตอบเสียงดัง“หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน!”ทหารทุกคนล้วนเข้าใจจุดประสงค์ที่เฉินฝานให้พวกเขากินดื่มกันยกใหญ่บนภูเขา ดังนั้นจึงพร้อมใจกันทวนชื่ออาหารเสียงดัง“ใต้เท้า!”ขณะที่เฉินฝานกำลังเตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นเหอจื่อหลินก็พาสตรีนางหนึ่งมาหาเขาสตรีผู้นั้นเป็นคนที่มาจากด้านล่างหุบเขา นางคือสาวใช้คนสนิทของโอวหยางหน่าหลัน“ข้าขอพบใต้เท้าเฉิน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของพวกท่าน!” สาวใช้ผู้นั้นเอาแต่กล่าวเช่นนี้ซ้ำ ๆ “ข้านี่แหละ” เฉินฝานกล่าวสาวใช้ผู้นั้นมองเฉินฝานอย่างพิจารณาพลางเอ่ยพึมพำในปากว่า “ใบหน้าขาวสะอาด รูปร่างกำยำ เสียงทุ้มนุ่มลึก”“เช่นนั้นข้าตรงกับเงื่อนไขหรือไม่?” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ยิ้มแล้วดูซื่อ ๆ” สาวใช้มองเฉินฝานแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเองอีกครั้ง“อ้อ!” เฉินฝานยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้ในสายตาองค์หญิงของพวกเจ้าข้ามีภาพลักษณ์เช่นนี้เอง!”“องค์หญิงของเราตรัสว่าพวกเรายอมจำนนก็ได้!” สาวใช้ผู้นั้นกล่าว“นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งนัก องค์หญิงของพวกเจ้าควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”“แต่ว่าพระ
เฉินฝานกล่าวจบไปได้พักใหญ่แล้ว เหอจื่อหลินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม“พี่จื่อหลิน มิใช่ว่าอยากรีบจบเรื่องนี้โดยเร็วหรอกหรือ? เหตุใดพี่ยังมัวอึ้งอยู่ที่นี่เล่า? รีบลงมือสิ!” เฉินฝานเร่งเหอจื่อหลิน “ทราบดีว่าท่านมีคำถามอยู่เต็มสมอง ตอนนี้ไม่อาจอธิบายให้ท่านฟังโดยละเอียด ท่านไปจัดการก่อน อีกไม่นานข้าจะมา”หลังจากที่เหอจื่อหลินจากไปแล้ว เฉินฝานก็พาฉินเย่ว์เจียวเข้าเมืองลู่ตูทันทีไม่นาน เขาก็พาคนออกมาจากเมืองลู่ตู มุ่งหน้าสู่เนินเขากงจียามที่เฉินฝานไปถึง พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ กำลังขนย้ายเครื่องครัวมาถึงพอดี ขณะเดียวกันเจ้าเมืองลู่ตูก็นำไก่หนึ่งพันตัวมาส่งให้เช่นกันเฉินฝานให้พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ ตั้งเตาหลายสิบเตาของแต่ละกองทัพตรงสถานที่ที่มีลมโกรก ต้มน้ำเดือด หั่นไก่ที่เชือดเรียบร้อยแล้วเป็นชิ้น ๆ แล้วเคี่ยวลงในหม้อผ่านไปไม่นานนัก น้ำแกงไก่ในหม้อเหล็กใบใหญ่ก็เดือดปุด ๆ กลิ่นหอมของน้ำแกงไก่เข้มข้นอบอวลไปทั่วหุบเขาอย่าว่าแต่ทหารหลู่ที่หิวจนท้องร้องโครกครากเลย ต่อให้เป็นกองทัพลาดตระเวนที่เพิ่งกินข้าวอิ่มเมื่อครู่นี้ต่างก็น้ำลายไหลถึงพื้นแล้ว เฉินฝานกล่าวเสียงดังว่า “เหล
มองทหารที่อยู่ในหลุมหลบภัย ถูกไฟคลอกทั้งตัว เกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด รวมถึงน้ำมันสนที่ยังคงไหลไม่หยุด ทหารหลู่ที่ยังไม่กระโดดลงไปในหลุมหลบภัย ไม่กล้ากระโดดลงไปแล้วทหารหลู่ที่เดิมทีจะฝ่าวงล้อมออกไปได้แล้วนั้น ถูกขังด้วยเพลิงไฟ“เหี้ยมโหดยิ่งนัก!”โอวหยางหน่าหลันตะโกนด้วยความโมโหหลังจากนั้น เฉินฝานทำเพียงอย่างดีซึ่งก็คือขุดหลุมรอบทหารหลู่ แล้วเทน้ำมันสนลงไปเรื่อยๆตอนทหารหลู่ย้อนกลับไปทางเดิม ไปถึงหุบเขาต้าถัง หลี่จื้อใช้วิธีการเดียวกัน อีกทั้งเขายิ่งสบายกว่าหุบเขาต้าถังมีเพียงทางเดียว เขาสั่งให้คนขุดหลุมยาว เทน้ำมันสนปริมาณมากลงไป เมื่อทหารหลู่มาถึง เปลวไฟในหลุมลุกโชนทหารหลู่อยากฝ่าออกไปโดยใช้เส้นทางบนหุบเขา กองทัพลาดตระเวนประจำการอยู่ที่นั่น ยิ่งง่ายในการต่อสู้ยิ่งไปกว่านั้น ทหารหลู่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหนึ่งวันแล้ว ต่อสู้ตลอดทั้งวัน พวกเขาแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีจนสิ้นแล้วหฃังจากปิดล้อมทหารหลู่ เฉินฝานก็สั่งให้หยุดโจมตีตอนนี้เพียงปิดล้อมไม่ต้องโจมตีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองอาวุธและชีวิตอันล้ำค่าของกองทัพลาดตระเวนอีกต่อไป“ใต้เท้า ส่งคนเข้าไปสามรอบแล้ว
“สหายทั้งหลาย ลุย! อย่าให้ทหารหลู่ไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิงเด็ดขาด”เวลานี้ ทหารกองกำลังที่สามจากหุบเขาเสี่ยวถังมาถึงแล้วเมื่อทหารกองกำลังที่สามถึง ซุนลี่ก็ออกคำสั่งทันที“ทหารทั้งหลาย กองทัพลาดตระเวนต้าชิ่งเริ่มปิดล้อมแล้ว เหลืออีกเพียงหนึ่งแนวป้องกันเท่านั้น ก็จะฝ่าออกไปจากการปิดล้อมได้แล้ว!”ทางด้านทหารหลู่ โอวหยางน่าหลันก็ฉีดยาให้กำลังใจทหารหลู่“อย่ายอมตายอย่างอดอยากเด็ดขาด ฝ่าออกไป!”ทหารหลู่ราวกับเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก ไม่ว่าข้างกายจะมีคนล้มลงมากน้อยเพียงใด พวกเขาล้วนมองไม่เห็น เป้าหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิง แล้วฝ่าวงล้อมออกไปเวลานี้ เหอจื่อหลินที่มาจากหุบเขาต้าถังมาถึงแล้วทหารกองกำลังที่ห้าของเหอจื่อเฝ้าหุบเขาต้าถัง เพื่อป้องกันทหารหลู่ถอยกลับไปทางด้านเหอจื่อหลินนำทัพกองกำลังที่สองเร่งเดินทางมา“ใต้เท้า ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ช้าก็เร็วทหารหลู่ต้องฝ่าออกไปได้แน่นอน ข้ารีบเข้าเมืองลู่ตูตอนนี้ นำทหารเฝ้าเมืองห้าหมื่นนาย ไปเมืองลู่ตูเพื่อปิดกั้นเส้นทางการออกไปของทหารหลู่”“นี่ไม่ใช่วิธีการที่ดี!”เฉินฝานขมวดคิ
“ฝ่าออกไป ไม่อาจเป็นผีหิวตายเด็ดขาด!”โอวหยางน่าหลันลากเท้าที่บาดเจ็บ พุ่งตัวไปด้านหน้าหลังจากถูกยิงไปแล้วหนึ่งครั้ง ทหารรักษาพระองค์ล้อมโอวหยางน่าหลังทั้งสองสี่ด้าน คุ้มกันนางอย่างแน่นหนาลูกธนูของฉินเย่ว์เจียวยิงถูกคน ทว่าไม่อาจยิงโดนโอวหยางน่าหลัน“ฝ่าออกไป! ไม่อาจอดตายกลายเป็นผีได้!”คล้ายตอนอยู่นอกประตูเมืองลู่ตู จู่ๆ ทหารหลู่พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิตครั้งนี้ พวกเขาไม่วิ่งขึ้นหุบเขาอีกแล้ว พุ่งตัวไปหาทหารหญิง“ลุย จัดการพวกมันซะ!” มั่วเซินรีบออกคำสั่งทันทีทหารกองกำลังที่หนึ่ง รวมถึงทหารกองกำลังที่สามซึ่งรีบเดินทางมา ระดมกำลังต่อสู้ ช่วยคลายความกดดันให้ทหารหญิงบนพื้นดิน ทหารหลู่ล้มกองแล้วกองเล่า ศพกองเป็นภูเขาแต่พวกเขากลับไม่สนใจคนข้างกาย ยิงธนูใส่พวกสตรี อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับพุ่งตัวไปด้านหน้าลูกธนูด้านหน้าถูกยิงมาราวกับสายฝน พวกทหารหญิงถึงขั้นไม่อาจเงยหน้าขึ้น“พี่น้องทั้งหลาย!” เย่ว์หนูร้องตะโกนเสียงดัง “ลงไปเร็วเข้าๆ ทหารหลู่มาใกล้เกินไปแล้ว สุ่มโยนได้เลย!”ทหารหญิงกระโดดลงจากเก้าอี้ ยืนอยู่ในหลุมหลบภัยแล้วสุ่มโยนระยะทางใกล้เช่นนี้ การสุ่มโยนระเบิดทห