การแต่งกายของหญิงสาวด้านหลังเหล่านี้ แม้จะดีกว่าปานิวเล็กน้อย แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เท้าและมือของพวกเขา เต็มไปด้วยแผลเปื่อยตอนออกไปจากเรือนของเฉินฝาน พ่อแม่ของพวกนางเหมือนกับหญิงวัยกลางคน ต่างหารือว่าอีกห้าวันจะนำสินเดิมใดมาบ้างก็นำข้าวสาร บ้างก็นำเป็ด บ้างก็นำเนื้อ บ้างก็นำผ้าห่มมาคนที่บอกว่าจะนำผ้าห่มมานั้น ถูกมองด้วยสายตาอิจฉาจากผู้คนมากมายหลายปีมานี้ฝ้ายเก็บเกี่ยวได้น้อยมาก ดอกฝ้ายจึงค่อนข้างแผง เอาผ้าห่มมาเป็นสินเดิมได้นั้น สำหรับชาวบ้านทั่วไป ถือเป็นเรื่องที่ดีมากมองใบหน้าบริสุทธิ์ของผู้คนที่สวมเสื้อผ้าเรียบง่าย แต่พูดคุยเรื่องสินเดิมอย่างมีความสุข เฉินฝานประทับใจเล็กน้อย“ทุกท่าน ช้าก่อน”เฉินฝานหยิบถุงเงินในมือฉินเย่ว์โหรวขึ้นมา“ข้ามีเงินให้นิดหน่อย คนละสิบเหวิน ถือว่าเป็นค่าครองชีพห้าวันของพวกนาง“เท่าใดนะ?”นอกจากเฉียนลิ่วที่ช่วยเฉินฝานจับปลาแล้ว คนอื่นๆ มองเฉินฝานด้วยความตกตะลึงห้าวันให้ค่าครองชีพสิบเหวินเนี่ยนะ?หมู่บ้านแถบนี้ ไม่อาจเทียบกับในอำเภอได้ ชาวบ้านที่นี่ โดยส่วนมากหนึ่งครอบครัวหาเงินได้เดือนหนึ่งไม่ถึงสิบเหวิน“เขยฝาน เจ้าไม่ได้ล้อเล่นกระ
“เจ้าทำอย่างไรต่างหาก ไม่ใช่เรา เจ้าเกลียดเฉินฝาน มีความแค้นกับเขา ข้าไม่มี”เฉินเจียงพูดอย่างชัดเจนว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับเรืองนี้ เขาเล่นงานเฉินฝาน แต่ไม่มีวันเอาตัวเข้าไปยุ่งเด็ดขาดจูต้าอันชะงัก ก่นด่าในใจเฉินเจียงเอ๊ย เจ้าเป็นคนมาหาข้าและเป็นต้นคิด แต่ตอนนี้กลับบอกว่าตนไม่ได้อยากเล่นงานเฉินฝาน เจ้าเล่ห์จริงๆแต่ว่าช่างเถอะ ขอเพียงทำให้เฉินฝานล้มได้ เขาไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร“คือข้าคนเดียว ข้าคนเดียว”เวลานี้เฉินเจียงค่อยรู้สึกพอใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองกำแพงที่กั้นกลางเรือนของตนและเฉินฝาน พูดขึ้นช้าๆ “หลังจากนี้ทุกอย่างง่ายมาก จับตาดูเขาไว้ อย่าปล่อยให้เขามีโอกาสหนีไปเด็ดขาด”“อีกเรื่องนี้ หากเจ้าเห็นเขาทำอะไรผิดปกติ ไม่ว่าทำอะไร เจ้าและสหายคิดหาวิธีทำลายซะ”“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล” จูต้าอันโบกมือ สีหน้าไม่ยี่หระ “เวลาห้าวัน เขาจะเสกเรือนหลังใหญ่ออกมาได้หรืออย่างไร”“เจ้าระมัดระวังหน่อย” เฉินเจียงไม่วางใจเล็กน้อย หลังจากเฉินฝานตกหน้าผา ก็ยากจะคาดเดานักยกตัวอย่างเช่นปลาย่าง ก็คาดเดายากยิ่งนัก เมื่อก่อนแค่ทำอาหารเขาก็ยังทำไม่เป็น แต่จู่ๆ กลับทำปลารสชาติอร่อยเช่นนั้นได้“ได้ ข้าจะ
“ข้าไม่ได้ฝืน ข้ามีที่ให้พวกนางอยู่จริงๆ”“มีจริงหรือ อยู่ที่ใด?” เห็นเฉินฝานมั่นใจเช่นนั้น เฉินผิงเริ่มงุนงง หรือว่าช่วงนี้เฉินฝานปลูกเรือนเงียบๆ?“เรื่องนี้...” เฉินฝานเกาศีรษะ ยิ้มแห้ง “ตอนนี้ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะให้พวกนางอยู่ที่ใด”“…น้องฝาน เวลาไหนแล้ว เจ้ายังล้อเล่นอีกหรือ?” เฉินผิงโมโหเล็กน้อยสีหน้าของเฉียนลิ่วก็ไม่สบอารมณ์เท่าใดนักเรื่องใหญ่เช่นนี้ เขาตอบด้วยท่าทีผ่อนคลายเช่นนี้ได้อย่างไรแม้สุดท้าย เขาไม่อาจรับหญิงสาวเหล่านั้นมาอยู่ด้วย ทางการก็ไม่มีทางลงโทษรุนแรง แต่จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียของเขาเป็นอย่างมาก ชื่อเสียงไม่อาจใช้เงินทองมาวัดได้ทุกคนเคร่งเครียด เฉินฝานจึงจริงจังด้วย “ข้าไม่ได้ล้อเล่น ไปกันเถอะ ไปขายปลากัน”เช้าวันนี้ ระหว่างทางจากหมู่บ้านซานเหอไปอำเภอ คนเยอะเป็นพิเศษเฉินฝานเข้าใจ คนพวกนี้โดยส่วนมากล้วนมาจับตาดูเขา กลัวเขาจะหนี…หลังจากฟังจูต้าอันพูด เฉินเจียงยกมุมปากขึ้น “การไม่ได้ร่ำเรียนช่างน่ากลัวยิ่งนัก ไม่รู้ว่าหลานชายของข้าเคยได้ยินคำพูดนี้หรือไม่ เชื่อมั่นในตนเองเกินไปถือเป็นการทำร้ายตนเอง”จูต้าอันไม่เข้าใจคำพูดนี้ของเฉินเจียง แต่เขารู
“ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ พวกนางไม่ใช่ภรรยาใหม่ของข้า ข้าไม่แต่งงานกับพวกนาง? เฮ้อ ไว้ค่อยอธิบายให้พวกเจ้าฟังก็แล้วกัน”เฉินฝานสวมรองเท้าเดินออกจากเรือน“นายท่าน อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ ขอให้นายท่านสุขสงบร่างกายแข็งแรง!”เพิ่งเปิดประตู หญิงสาวห้าสิบกว่าคนด้านนอก ย่อตัวลงคารวะเฉินฝานอย่างพร้อมเพรียงเฉินฝานที่เกิดเป็นมนุษย์มาสองชาติภพ ถือว่าเปิดหูเปิดตามามาก แต่กลับตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าเยี่ยม หญิงสาวห้าสิบกว่าคนคารวะพร้อมกัน ไม่ต่างอะไรกับฉากในละคร ตอนที่ชายาคารวะฮ่องเต้การแต่งกายของหญิงสาว แตกต่างจากห้าวันก่อน ส่วนใหญ่สวมเสื้อกันหนาวสีแดงในแคว้นต้าชิ่ง ชุดเจ้าสาวของชาวบ้านทั่วไปคือเสื้อผ้าสีแดง ออกเรือนฤดูคิมหันต์ สวมเสื้อผ้าสีแดง ออกเรือนฤดูเหมันต์ สวมเสื้อกันหนาวสีแดงเพียงแต่เสื้อกันหนาวสีแดงที่หญิงสาวตรงหน้าเฉินฝานสวมใส่นั้นสีซีดมาก พวกนางน่าจะใส่เสื้อกันหนาวของมารดาเมื่อครั้นออกเรือนกระมังตอนหลังฉินเย่ว์โหรวบอกเขาว่า ไม่ใช่แค่มารดา คนส่วนมากสวมใส่ของยายหรือย่า เสื้อกันหนาวสีแดงหนึ่งตัวอย่าน้อยก็ใส่ถึงสามรุ่น บ้างก็ใส่สี่ถึงห้ารุ่น“ด้านนอกลมแรง พวกเจ้าเข้ามาก่อน”“ข
เฉินฝานยื่นไก่ให้เฉียนลิ่วและให้เขาไปรับเงินห้าตำลึงกับฉินเย่ว์โหรว จากนั้นก็ให้คนส่งไปที่เรือนของปาหนิวครอบครัวของฉินเย่ว์เจียว ฉินเย่ว์โหรวและเฉินผิง ต้อนรับเด็กผู้หญิงและครอบครัวของนางอย่างอบอุ่น ภายในสวนคึกคักมากเป็นพิเศษและสนุกสนานกันอย่างมาก“ข้าว่าพวกท่านทั้งหลายอย่ามัวแต่ดีใจเลย ลองดูเรือนของเฉินฝานสิ มีที่สำหรับผู้หญิงอย่างพวกเจ้าหรือไม่ ?”ด้านนอกประตู เสียงของจูต้าอันทำลายความสนุกสนานภายในสวนจากนั้นเหล่าหญิงสาวเพิ่งสังเกตเห็นว่าเรือนของเฉินฝานเหมือนกับเรือนที่พวกนางเห็นเมื่อห้าวันก่อนทุกประการเมื่อห้าวันก่อน ที่พวกนางจากไป เฉินฝานสัญญาไว้ว่าจะมีที่อยู่ใหม่สำหรับพวกนาง“เพียงห้าวัน ลูกเขยฝานเตรียมการไม่ทันอย่างแน่นอน”มีญาติบางคนช่วยเฉินฝานแก้ตัว มีญาติบางคนวางสินเดิมของหญิงสาวแล้ววิ่งออกไป จากนั้นไม่นานก็กลับมา และเมื่อพวกเขากลับมาก็ทำหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย“ไม่มีฟางแห้งเหลืออยู่ใกล้หมู่บ้านซานเหอแล้ว”“อ้าว ทำไมเป็นเช่นนี้เล่า บังเอิญเกินไปหรือไม่ ?”“ข้าไม่คิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญ แต่ต้องมีคนจงใจแน่ ๆ” จูต้าอันมองเฉินฝานด้วยท่าทางเจาะจง“ทำไมเจ้าถึงปากร้ายเช่นน
ชายคนหนึ่งในชุดผ้าแพรกระโดดลงจากรถม้าที่จอดด้านหน้าสุดและเดินตรงมาหาเฉินฝาน“น้องฝาน โรงงานจัดตั้งเสร็จแล้ว สามารถเริ่มงานได้ตั้งแต่พรุ่งนี้ คนของเจ้าเตรียมพร้อมหรือยัง?”“ฮ่า ๆ ๆ เป็นเช่นนี้เอง ๆ!”จู้ต้าอันที่ถูกขับไล่ออกไป จู่ ๆ ก็วิ่งกลับมา เขาเดินมาพร้อมกับปรบมือเสียงดังจู้ต้าอันชี้ชายชุดผ้าแพรที่อยู่ข้างหน้าเฉินฝาน “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร”ผู้คนต่างส่ายหัว พวกเขาล้วนเป็นคนที่ยากจนที่สุด จะรู้จักคนร่ำรวยเช่นนี้ได้อย่างไร“ข้าจะบอกให้ เขามีนามว่าหลี่ซาน เป็นลูกเถ้าแก่ของหอนางโลมอี๋ชุนย่วน”“หอนางโลมอี๋ชุนย่วน?”เมื่อพูดถึงหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ในสายตาของพวกเขาย่อมมีความดูถูกไม่มากก็น้อยแม้ว่าผู้ชายทุกคนจะชอบไปเที่ยวผู้หญิง แต่สถานที่เช่นนั้นก็ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี“เขามาทำอะไรที่นี่?” การมาถึงของหลี่ซานทำให้ผู้คนเต็มไปด้วยความสงสัย“พรวด!”จูต้าอันหัวเราะและกล่าว “ข้าว่าพวกท่านเป็นคนตลกจริง ๆ ในฐานะลูกเถ้าแกของหอนางโลมอี๋ชุนย่วน เขามาที่นี่ก็เพื่อมารับผู้หญิงไปหอนางโลมอี๋ชุนย่วนไงเล่า”“ก็ควรเป็นเช่นนั้น ผู้หญิงที่มีอยู่ในหอนางโลมอี๋ชุนย่วนตอนนี้อายุไม่น้อยแล้ว ถึงเว
“ถ้าเป็นข้า ข้าจะแจ้งทางการทันที ถ้าแจ้งทางการแล้วไม่ได้ผล ก็ไปเอาเรื่องที่เรือนแขกสำราญสุขและตัดขาดการส่งปลาของเขาให้สิ้น ไม่เช่นนั้น เขาจะทำร้ายคนอีกในอนาคต”“เฉินฝาน เจ้าควรอธิบายให้พวกเราฟังสักหน่อยหรือไม่” ครอบครัวของผู้หญิงเหล่านั้นถามหาคำตอบกับเฉินฝานพร้อมกัน หากเฉินฝานคิดแต่งงานกับบุตรสาวของพวกเขาจริง ๆ ย่อมซาบซึ้งในน้ำใจอย่างยิ่ง และพวกเขายอมทำทุกอย่างอย่างไม่เสียใจในภายหลังแต่ถ้าเฉินฝานคิดจะขายบุตรสาวของพวกเขาให้กับหอนางโลมอี๋ชุนย่วน เช่นนั้นพวกเขาจะเอาเรื่องกับเฉินฝานให้ถึงที่สุด“ทุกท่านใจเย็นก่อน” ด้วยความกังวลว่าคนเหล่านั้นจะทำร้ายเฉินฝาน เฉียนลิ่วจึงรีบจูงจูจื้ออันและคนอื่น ๆ ให้มายืนข้างหน้าเฉินฝานเฉียนลิ่วตำหนิด้วยความโกรธ“จู้ต้าอัน เจ้ากำลังบิดเบือนข้อเท็จจริงและกล่าวหาผู้อื่น!”“ข้าบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือกล่าวหาผู้อื่นหรือไม่ เช่นนั้นก็ให้เฉินฝานพูด เขาพาหลี่ซานมาที่นี่ เพื่อมารับหญิงสาวเหล่านั้นใช่หรือไม่?”หลี่ซานจ้องจู้ต้าอันด้วยสายตาโมโห “เจ้าเป็นใคร? ถึงต้องให้น้องฝานของข้าอธิบายให้เจ้าฟังด้วยตนเอง ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ อย่ามาขวางทาง ข้ายังต้องพาผู้หญิ
“ทำลึกลับไปได้ ข้าคิดว่าคือสิ่งใด ของสิ่งนั้นน่ะหรือ ปกติข้าเอาไว้เลี้ยงไก่กับเป็ดเท่านั้นแหล่ะ”“อ่อ?” เฉินฝานมองจูต้าอันอย่างเย็นชา “นี่คือเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงไร้ประโยชน์ เจ้าใช้สิ่งนี้เพื่อเลี้ยงไก่ แต่ข้าสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นสมบัติได้”จูต้าอันโต้กลับทันที “เจ้าบอกว่าเป็นสมบัติ มันก็เป็นสมบัติเลยรึ ปลาตัวเล็กชนิดนี้ พบได้ตามหนองน้ำทะเลสาบทุกหนแห่งบนภูเขา มีคนมากมายใช้เลี้ยงไก่กับหมู แต่ไก่กับหมูยังไม่ชอบเลย”“จู้ต้าอันพูดถูก” ผู้คนต่างก็รู้จัก พวกเขาตระหนักดีว่าหลายปีที่ผ่านมา ผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวนั้นย่ำแย่ หลายคนเคยลองใช้ไข่ปลาตัวเล็กเลี้ยงไก่กับหมู แต่ไก่กับหมูไม่ชอบกิน“จะอร่อยหรือไม่ มาคุยกันภายหลังจากที่ทุกคนได้ชิมแล้วดีกว่า” เฉินฝานหยิบชามแล้วยื่นให้ทุกคนชิมเดิมทีผู้คนยังเกิดความสงสัย แต่หลังจากที่ผู้กล้าสองสามคนเป็นผู้นำในการกิน ไข่ปลาในถ้วยของเฉินฝานก็ถูกแย่งหมดในทันที“อร่อย ๆ”“เฉินฝาน เจ้าทำอย่างไรกันแน่”เฉินฝานยิ้มจาง ๆ และกล่าว “ทุกคนชอบก็พอแล้ว ของว่างไข่ปลาเหล่านี้ เราสามารถไปขายที่หรงตูได้ ข้ากับพี่หลี่ได้สร้างโรงงานแปรรูปไข่ปลาที่อำเภอผิงอัน เพื่อผลิต
ยังมิทันถึงเวลาเข้าท้องพระโรงยามเช้าในวันถัดมา วังหลวงก็ส่งคนมาเรียกตัวเฉินฝานเข้าไปแม้ว่าจะนำเหล่าบุรุษมารวมตัวกันแล้ว แม้ว่าจะมีการคุ้มครองของเหล่าทหาร นักฆ่าหญิงเหล่านั้นก็ยังสามารถลงมือได้อยู่ดีเมื่อคืนมีจุดรวมพลแห่งหนึ่งในเมืองเซียนตูที่ใกล้เมืองหลวงมากที่สุด มีชายสิบห้าคนที่ถูกสังหารและทั้งหมดล้วนเป็นทหารคุ้มกันโชคดีที่มือปืนอยู่ มิเช่นนั้นคงจะทหารถูกสังหารไปมากกว่านี้สังหารเพียงทหาร มิสังหารชายธรรมดา นี่เป็นการยั่วยุราชสำนักอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่คำกล่าวรายงานจบ ฉินเย่ว์เหมยโมโหเดือดดาลทันที“ทหารของพวกเราต้าชิ่งเป็นพวกไร้น้ำยากันหมดหรือกระไร ถึงปล่อยให้สตรีสังหารได้อย่างง่ายดายปานนั้น?”เลขาธิการกรมกลาโหมฟางซินฮุ่ยเหงื่อท่วมทั้งตัว มิกล้าหายใจดัง“ทำไมล่ะ ข้ามิเรียกชื่อ ก็แกล้งเป็นใบ้ไปแล้วหรือกระไร?” สายตาเดือดดาลเย็นยะเยือกของฉินเย่ว์เหมยจ้องปีที่ฟางซินฮุ่ย“ฝ่าบาท!” ฟางซินฮุ่ยคุกเข่าด้วยความรีบร้อน “กระหม่อมส่งหัวหน้าแม่ทัพไปตรวจสอบกองกำลังแต่ละเมืองทุกเดือน ให้กองกำลังแต่ละที่เพิ่มความเข้มงวดในการฝึกซ้อม กระหม่อมไปตระเวนตรวจทั่วแคว้นเดือนเว้นเดือน นายกองทุกเ
“นายท่าน ท่านนี่จริง ๆ เลย ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เพียงใด ก็ควรให้น้องหวั่นเอ๋อร์กลับบ้านมาเสียก่อนสิ”ฉินเย่ว์โหรวเริ่มต่อว่าเฉินฝานเหมือนแต่ก่อนอีกแล้วทว่า แม้กำลังต่อว่าอยู่ ท่าทีของฉินเย่ว์โหรวก็ยังคงสง่างามดังเดิม นี่ก็เป็นสาเหตุที่เฉินฝานวางใจมอบอำนาจให้นางจัดการเรื่องในบ้าน“พี่ผิดไปแล้ว ต่อจากนี้จะมิทำแล้ว”เฉินฝานรีบยอมรับผิด ฉินเย่ว์โหรวก็มิได้ซักไซ้อีก“นายท่าน เหน็ดเหนื่อยจากด้านนอกมามากแล้ว กลับเข้ามาพักผ่อนก่อนเถอะ”เฉินฝานตามฉินเย่ว์โหรวไปที่โถงหลัก เพิ่งจะนั่งได้มินาน เขาก็พบว่าในครอบครัวมีเด็กทารกเพิ่มมาอีกสองคนเด็กทารกสองคนนี้ดูแล้วคงจะมีอายุประมาณห้าหกเดือนเด็กทารกคนหนึ่งคงจะเป็นของคนใดคนหนึ่งระหว่างท่านหญิงสองคนนั้น เฉินฝานมิได้รู้สึกประหลาดใจ เพราะตอนที่เขาออกจากเมืองหลวง ก็มีท่านหญิงคนหนึ่งที่ตั้งครรภ์ได้สองสามเดือนแล้วอีกคนหนึ่ง...“เหอเสียนเฟยงั้นรึ?”การปรากฏตัวของเหอวอวี่ถง ทำให้เฉินฝานตื่นตกใจอย่างมาก ทว่าหลังจากที่ฉินเย่ว์โหรวอธิบายแล้วเฉินฝานก็เข้าใจได้ในทันทีฉินเย่ว์เหมยขึ้นเป็นจักรพรรดินีแล้ว วังหลังต้องถูกยุบอย่างแน่นอนโชคดีที่ตอนเหออว
หลังจากที่ออกจากวังมาแล้ว เฉินฝานก็รีบมุ่งหน้ากลับบ้านทันทีเฉินฝานออกจากบ้านในเมืองหลวงไปแคว้นเหลียง ต่อมาไปช่วยโอวหยางน่าหลันจัดการเหตุไฟไหม้ทำให้แผ่นดินกลับมาเป็นปึกแผ่น จากนั้นก็ไปแก้ไขวิกฤตประหารพ่อลูกตระกูลเสิ่นที่เมืองลู่ตู ท้ายที่สุดคือไปสำรวจทั่วต้าชิ่งเป็นเพื่อนหวงหวั่นเอ๋อร์การออกจากบ้านครั้งนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเขารีบกลับบ้านด้วยความคิดถึงใจจะขาดเขากลับเมืองหลวงมาแล้วก็ให้เลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน และแม่ทัพใหญ่ผู้คุ้มกันแคว้นเหอจื่อหลินที่ตำแหน่งเป็นรองเพ่ยจี้เท่านั้นเข้าเฝ้าฝ่าบาทพร้อมกับเขา ขบวนทัพค่อนข้างยิ่งใหญ่ ดังนั้นคงจะทราบเรื่องที่เขากลับมามืองหลวงโดยทั่วกันแล้วหลังจากที่ออกจากประตูวังมาแล้ว เจอราษฎรที่อยู่ตามท้องถนนจำนวนมากเห็นสายตาของราษฎรทั้งสองฝั่งถนนที่มองตนเองด้วยความแค้นเคือง และสีหน้าลักษณะหน้าชื่นอกตรม เฉินฝานก็เข้าใจได้ทันทีว่ายังมีคำเล่าลือที่มิดีของราษฎรเหล่านั้นเกี่ยวกับเขาอีกมากมายที่ไป่เผยหรานมิยอมบอกจวนพำนักของเฉินฝานอยู่ห่างจากวังหลวงมิไกลนัก เดินข้ามถนนสามสายก็ถึงแล้วระหว่างทางกลับ คนที่ต้อนรับเฉินฝานอย่างแท้จริงก็เพียงแค่เห
“เฮ้อ!”ฉินเย่ว์เหมยถอนหายใจออกมา “ข้าก็มิได้อยากกระวนกระวายใจหรอก หลังจากที่รู้ว่าเย่ว์ฉินอยู่ที่ตำหนักเซียวเหยาแล้ว ข้าก็พยายามให้คนป่าวประกาศชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้ากับน้องสาวสามคนอย่างสุดความสามารถ และปล่อยข่าวไปอีกว่า ขอเพียงตำหนักเซียวเหยาปล่อยวางความแค้นที่มีต่อบุรุษได้ จะมิเอาผิดเรื่องที่เคยทำก่อนหน้านี้ เพื่อรอให้เย่ว์ฉินหนีเอาตัวรอดออกมาจากตำหนักเซียวเหยา ทว่ารอมาเนิ่นนานแล้ว ก็ยังมิเห็นวี่แววของนางอยู่ดี”เฉินฝานพูดด้วยสีหน้าเหยเก “นางอาจจะมิอยากปักใจเชื่อ อย่างไรเสียเมื่อก่อนกระหม่อมเป็นคนสารเลวปานนั้น ข่าวลือที่ฝ่าบาทปล่อยออกไป นางอาจจะคิดว่าเป็นสิ่งที่ฝ่าบาททำให้นางหลงกล ล่อให้นางออกมา จากนั้นก็จะถอนรากถอนโคนตำหนักเซียวเหยาให้สิ้นซาก”ฉินเย่ว์เหมยส่ายหน้า “เมื่อก่อนข้ายังมิได้ครองตำแหน่งปกครองโดยสมบูรณ์ นางจะมิเชื่อข้าก็เข้าใจได้ ทว่าตอนนี้ข้าเป็นจักพรรดินีเต็มตัวแล้ว เย่ว์เจียวเย่ว์โหรวเย่ว์ฉู่น้องสาวทั้งสามคนล้วนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นองค์หยิง คำสั่งที่เลื่อนขั้นน้องสาวเป็นองค์หญิง ข้าก็ป่าวประกาศไปทั่วแคว้น เป็นไปมิได้ที่เย่ว์ฉินจะมิรู้ ขอเพียงนางกลับมา ข้าจะมอบตำแห
“ลงโทษเจ้างั้นรึ เจ้าเห็นข้าเป็นคนแบบนั้นงั้นรึ?”“อะไรนะขอรับ?” เฉินฝานที่ถูกถามรู้สึกงงงวยทันที “ฝ่าบาทท่านเป็นคนแบบใดขอรับ?”“อุ๊บ!”ไป่เผยหรานและเหอจื่อหลินกลั้นขำไว้ได้ ทว่าหงอิงกลับกลั้นขำไว้มิอยู่“ฝ่าบาท วันนี้ข้าน้อยกินกระเทียมมากเกินไป มักจะชอบผายลมออกมาเสมอ ข้าน้อยขอตัวไปรอด้านนอกนะเจ้าคะ”หงอิงรีบหาข้ออ้างหนีไปทันทีไป่เผยหรานและเหอจื่อหลินลอบอิจฉาหงอิงในใจสุดขีด พวกเขาก็อยากออกไปเช่นกัน ทว่าพวกเขาหาข้ออ้างมิได้ และมิกล้าหาข้ออ้างเช่นกัน เพราะเฉินฝานเป็นคนให้พวกเขาเข้ามาในวังฉินเย่ว์เหมยก็สังเกตได้ว่าตนเองขาดสติ จึงปรับอารมณ์ของตนเองเล็กน้อย “ขุนนางเฉินที่รักเพิ่งจะได้ภรรยาใหม่มินาน หยุดพักไปสองสามเดือนก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อครู่หลี่เต๋อฉวนมารายงานว่าพวกเจ้ามีเรื่องจะกราบทูลข้า”“พวกเจ้า จงจัดที่นั่ง!”ขันทีสองสามคนยกเก้าอี้สามตัวมาจากด้านนอก หลังจากที่วางไว้แล้วก็รีบออกไปทันทีเฉินฝาน: “ฝ่าบาท เรื่องที่กระหม่อมต้องการกราบทูลวันนี้ ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก”ฉินเย่ว์เหมยโบกมือไล่สาวใช้ขันทีในพระตำหนักออกไปทั้งหมดอย่างรู้ใจไป่เผยหรานเป็นเลขาธิการกรมยุติธ
ตอนที่รถม้าของเฉินฝานห่างจากประตูทางเข้าวังหลวงยี่สิบกว่าเมตร ไป่เผยหรานและเหอจื่อหลินก็รุดหน้าขึ้นต้อนรับทันที“ส่งคนไปกราบทูลฝ่าบาทแล้วใช่หรือไม่?”เฉินฝานลงรถม้าพลางกล่าวถามไป่เผยหรานและเหอจื่อหลินยังมิทันได้ตอบกลับคำพูดของเฉินฝาน ก็มีขันทีคนหนึ่งก็วิ่งออกมาจากด้านในวังหลวงด้วยความรีบร้อนหลังจากที่ขันทีคนนั้นคารวะเฉินฝานแล้วจึงรีบกล่าว “ใต้เท้าเฉิน ฝ่าบาทกำลังรอท่านอยู่ขอรับ”กล่าวจบ ขันทีจึงรีบนำทางให้เฉินฝานทันที-ณ พระตำหนักไท่เหอ“ฝ่าบาท ท่านอัครเสนาบดีขอเข้าพบขอรับ!”“รีบให้เขาเข้ามา !”ฉินเย่ว์เหมยที่กำลังอ่านสานส์กราบทูล โยนสานส์กราบทูลทิ้งไปรีบลุกขึ้นเดินไปต้อนรับทันทีหงอิงเดินขนาบข้างตามไปเงียบ ๆ นางพบว่าฉินเย่ว์เหมยแตกต่างไปอย่างเดิมอย่างมาก มิเพียงแต่สาวเท้าด้วยความรวดเร็วเท่านั้น สีหน้าก็มีความลิงโลดและกังวลเช่นกันเหมือนกับ...หงอิงเอียงศีรษะคิดใคร่ครวญเหมือนกับสามีออกเดินทางไกล ภรรยาที่รอคอยอยู่บ้านด้วยความระทมทุกข์อย่างยาวนาน ในที่สุดสามีก็กลับมาแล้วตอนที่หงอิงกำลังลอบขำฉินเย่ว์เหมย จู่ ๆ ฉินเย่ว์เหมยก็หยุดฝีเท้าเสียอย่างนั้นฉินเย่ว์เหมยรู้ตัวว่า
“ตำหนักเซียวเหยา คำเล่าขานที่กล่าวต่อกันมาล้วนเป็นสตรีของตำหนักเซียวเหยางั้นรึ?”“ถูกต้อง”“นายท่าน ท่านอยากให้ข้าไปค้นหาตำหนักเซียวเหยาใช่หรือไม่? ท่านพูดออกมาตรง ๆก็ได้ ไฉนต้องพูดถึงชายชราชาติชั่วผู้นั้นด้วย” หวงหวั่นเอ๋อร์พูดอย่างมิสบอารมณ์อย่างมาก ตั้งแต่ที่นางจำความได้ แม่มักจะก่นด่าพ่ออย่างรุนแรงเสมอ นางซึมซับเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก หวงหวั่นเอ๋อร์จึงเกลียดชังเจี้ยนหวงเป็นธรรมดาเฉินฝาน: “ตำหนักเซียวเหยาพิศวงคาดเดาได้ยาก มิมีที่อยู่ตายตัว หากเจ้าให้พ่อเจ้าช่วย โอกาสในการหาตำหนักเซียวเหยาเจอก็จะสูงขึ้น”“เพราะเหตุใดจึงกล่าวว่าหากหาชายชราชาติชั่วผู้นั้นเจอก็ทำให้โอกาสหาตำหนักเซียวเหยาพบมีสูงขึ้น”มิรอให้เฉินฝานตอบกลับ หวงหวั่นเอ๋อร์ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ข้ารู้แล้ว นายท่าน ท่านรอฟังข่าวจากข้าแล้วกัน”รวมเรื่องราวที่เฉินฝานเพิ่งจะพูดว่าพ่อของตนเจ้าชู้จนเป็นนิสัยแล้ว หวงหวั่นเอ๋อร์ก็เข้าใจได้ในทันที พ่อของตนและสตรีในตำหนักเซียวเหยาจะต้องมีเรื่องชู้สาวกันอย่างแน่นอน เช่นนั้นเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าตอนนี้องค์หญิงของตำหนักเซียวเหยาอยู่ที่ใดพูดจบ หวงหวั่นเอ๋อร์ก็เปิดผ้าม่าน ทะยานตัวพุ่
ทว่าก็มิสมเหตุสมผลอย่างมากเคลื่อนไหวเอิกเกริกปานนั้น และสร้างข่าวลือส่งผลกระทบตำแหน่งปกครองฉินเย่ว์เหมย นางย่อมพยายามที่จะล้อมปราบอย่างสุดกำลังเป็นแน่ต่อให้เป็นกลุ่มที่ลึกลับเพียงใด ก็ต้องมีสถานที่ให้พำนัก มิว่าอย่างไรก็สามารถหาเจอได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลามากกว่าปกติเท่านั้นเฉินฝานคิดมาถึงตรงนี้ ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างต่อเนื่องวิธีการสู้สุดตัวเช่นนี้ ช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก คงจะมิใช่กลุ่มที่เขาคิดไว้ในใจทว่า ก็เกิดคำถามขึ้นมาอีกหากมิใช่กลุ่มนั้น ในต้าชิ่งจะมีกลุ่มใดที่สามารถมีนักฆ่าหญิงจำนวนมหาศาลปานนั้นได้อีกมีแคว้นอื่นเข้ามาเกี่ยวพันงั้นรึ?ฉวยโอกาสตอนที่ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งขึ้นปกครองได้มินาน อำนาจรากฐานยังมิมั่งคง แคว้นอื่นใช้ประโยชน์จากแนวคิดที่ต้าชิ่งให้ความสำคัญบุรุษด้อยค่าสตรีทำให้ต้าชิ่งตกอยู่ในความโกลาหลงั้นรึ?ตอนนี้ปัญหาชายน้อยหญิงเยอะยังมิทันได้รับการแก้ไข จักรพรรดินีเพิ่งขึ้นปกครองมินาน พิธีราชาภิเษกก็ยังมิได้จัดเสียด้วยซ้ำ มิว่าจะเป็นในราชสำนักหรือในกลุ่มราษฎร ล้วนมีชายจำนวนมากที่ยังมิยอมรับบัดนี้ ให้นักฆ่าหญิงไล่ล่าสังหารบุรุษจำนวนมหาศาล สามารถสร้างความโกลาหลภาย
กลุ่มนักฆ่าหญิงเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน พวกนางทุกคนล้วนมีวรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ไล่ล่าสังหารบุรุษเพียงอย่างเดียวตั้งเมืองลู่ตูจนมาถึงเมืองหลวง “กลุ่มหนึ่งงั้นรึ?” เฉินฝานรู้สึกตกใจเล็กน้อย เดิมทีเขาหลงคิดไปมีเพียงสองสามคนที่ต่อสู้กับหวงหวั่นเอ๋อร์เท่านั้น “ใช่ขอรับ ใต้เท้า”“สามารถประมาณออกได้หรือไม่ว่ามีกี่คน?”“ใต้เท้า ข้าน้อยวิเคราะห์เบื้องต้นแล้วอาจจะมีประมาณหนึ่งร้อยถึงหนึ่งพันคนขอรับ”“เท่าใดนะ?” เฉินฝานมองไป่เผยหรานด้วยสายตามิสู้ดีอย่างมากระหว่างหนึ่งร้อยถึงหนึ่งพัน ระยะห่างตัวเลขสองจำนวนห่างปานนั้น นี่เรียกว่าประมาณการ? เรียกว่าการวิเคราะห์งั้นรึ?“ใต้เท้า!” ไป่เผยหรานรีบโค้งตัวก้มหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจและโทษตนเอง “เสื้อผ้าและท่าทางของนักฆ่าหญิงเหล่านั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก และมักเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ไร้หนทางที่จะนับจำนวนได้อย่างแม่นยำจริง ๆ ขอรับ”จำนวนหนึ่งร้อยถึงหนึ่งพัน เป็นจำนวนคนที่ลูกน้องเก่งกาจที่สุดภายใต้การบัญชากรมยุติธรรมของไป่เผยหราน วิเคราะห์ยาวนานมาหนึ่งเดือน จึงได้ตัวเลขนี้ออกมาอย่างยากลำบาก“ตกลงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่?”ตอนที่พูดอีกรอบ