การแต่งกายของหญิงสาวด้านหลังเหล่านี้ แม้จะดีกว่าปานิวเล็กน้อย แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เท้าและมือของพวกเขา เต็มไปด้วยแผลเปื่อยตอนออกไปจากเรือนของเฉินฝาน พ่อแม่ของพวกนางเหมือนกับหญิงวัยกลางคน ต่างหารือว่าอีกห้าวันจะนำสินเดิมใดมาบ้างก็นำข้าวสาร บ้างก็นำเป็ด บ้างก็นำเนื้อ บ้างก็นำผ้าห่มมาคนที่บอกว่าจะนำผ้าห่มมานั้น ถูกมองด้วยสายตาอิจฉาจากผู้คนมากมายหลายปีมานี้ฝ้ายเก็บเกี่ยวได้น้อยมาก ดอกฝ้ายจึงค่อนข้างแผง เอาผ้าห่มมาเป็นสินเดิมได้นั้น สำหรับชาวบ้านทั่วไป ถือเป็นเรื่องที่ดีมากมองใบหน้าบริสุทธิ์ของผู้คนที่สวมเสื้อผ้าเรียบง่าย แต่พูดคุยเรื่องสินเดิมอย่างมีความสุข เฉินฝานประทับใจเล็กน้อย“ทุกท่าน ช้าก่อน”เฉินฝานหยิบถุงเงินในมือฉินเย่ว์โหรวขึ้นมา“ข้ามีเงินให้นิดหน่อย คนละสิบเหวิน ถือว่าเป็นค่าครองชีพห้าวันของพวกนาง“เท่าใดนะ?”นอกจากเฉียนลิ่วที่ช่วยเฉินฝานจับปลาแล้ว คนอื่นๆ มองเฉินฝานด้วยความตกตะลึงห้าวันให้ค่าครองชีพสิบเหวินเนี่ยนะ?หมู่บ้านแถบนี้ ไม่อาจเทียบกับในอำเภอได้ ชาวบ้านที่นี่ โดยส่วนมากหนึ่งครอบครัวหาเงินได้เดือนหนึ่งไม่ถึงสิบเหวิน“เขยฝาน เจ้าไม่ได้ล้อเล่นกระ
“เจ้าทำอย่างไรต่างหาก ไม่ใช่เรา เจ้าเกลียดเฉินฝาน มีความแค้นกับเขา ข้าไม่มี”เฉินเจียงพูดอย่างชัดเจนว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับเรืองนี้ เขาเล่นงานเฉินฝาน แต่ไม่มีวันเอาตัวเข้าไปยุ่งเด็ดขาดจูต้าอันชะงัก ก่นด่าในใจเฉินเจียงเอ๊ย เจ้าเป็นคนมาหาข้าและเป็นต้นคิด แต่ตอนนี้กลับบอกว่าตนไม่ได้อยากเล่นงานเฉินฝาน เจ้าเล่ห์จริงๆแต่ว่าช่างเถอะ ขอเพียงทำให้เฉินฝานล้มได้ เขาไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร“คือข้าคนเดียว ข้าคนเดียว”เวลานี้เฉินเจียงค่อยรู้สึกพอใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองกำแพงที่กั้นกลางเรือนของตนและเฉินฝาน พูดขึ้นช้าๆ “หลังจากนี้ทุกอย่างง่ายมาก จับตาดูเขาไว้ อย่าปล่อยให้เขามีโอกาสหนีไปเด็ดขาด”“อีกเรื่องนี้ หากเจ้าเห็นเขาทำอะไรผิดปกติ ไม่ว่าทำอะไร เจ้าและสหายคิดหาวิธีทำลายซะ”“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล” จูต้าอันโบกมือ สีหน้าไม่ยี่หระ “เวลาห้าวัน เขาจะเสกเรือนหลังใหญ่ออกมาได้หรืออย่างไร”“เจ้าระมัดระวังหน่อย” เฉินเจียงไม่วางใจเล็กน้อย หลังจากเฉินฝานตกหน้าผา ก็ยากจะคาดเดานักยกตัวอย่างเช่นปลาย่าง ก็คาดเดายากยิ่งนัก เมื่อก่อนแค่ทำอาหารเขาก็ยังทำไม่เป็น แต่จู่ๆ กลับทำปลารสชาติอร่อยเช่นนั้นได้“ได้ ข้าจะ
“ข้าไม่ได้ฝืน ข้ามีที่ให้พวกนางอยู่จริงๆ”“มีจริงหรือ อยู่ที่ใด?” เห็นเฉินฝานมั่นใจเช่นนั้น เฉินผิงเริ่มงุนงง หรือว่าช่วงนี้เฉินฝานปลูกเรือนเงียบๆ?“เรื่องนี้...” เฉินฝานเกาศีรษะ ยิ้มแห้ง “ตอนนี้ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะให้พวกนางอยู่ที่ใด”“…น้องฝาน เวลาไหนแล้ว เจ้ายังล้อเล่นอีกหรือ?” เฉินผิงโมโหเล็กน้อยสีหน้าของเฉียนลิ่วก็ไม่สบอารมณ์เท่าใดนักเรื่องใหญ่เช่นนี้ เขาตอบด้วยท่าทีผ่อนคลายเช่นนี้ได้อย่างไรแม้สุดท้าย เขาไม่อาจรับหญิงสาวเหล่านั้นมาอยู่ด้วย ทางการก็ไม่มีทางลงโทษรุนแรง แต่จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียของเขาเป็นอย่างมาก ชื่อเสียงไม่อาจใช้เงินทองมาวัดได้ทุกคนเคร่งเครียด เฉินฝานจึงจริงจังด้วย “ข้าไม่ได้ล้อเล่น ไปกันเถอะ ไปขายปลากัน”เช้าวันนี้ ระหว่างทางจากหมู่บ้านซานเหอไปอำเภอ คนเยอะเป็นพิเศษเฉินฝานเข้าใจ คนพวกนี้โดยส่วนมากล้วนมาจับตาดูเขา กลัวเขาจะหนี…หลังจากฟังจูต้าอันพูด เฉินเจียงยกมุมปากขึ้น “การไม่ได้ร่ำเรียนช่างน่ากลัวยิ่งนัก ไม่รู้ว่าหลานชายของข้าเคยได้ยินคำพูดนี้หรือไม่ เชื่อมั่นในตนเองเกินไปถือเป็นการทำร้ายตนเอง”จูต้าอันไม่เข้าใจคำพูดนี้ของเฉินเจียง แต่เขารู
“ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ พวกนางไม่ใช่ภรรยาใหม่ของข้า ข้าไม่แต่งงานกับพวกนาง? เฮ้อ ไว้ค่อยอธิบายให้พวกเจ้าฟังก็แล้วกัน”เฉินฝานสวมรองเท้าเดินออกจากเรือน“นายท่าน อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ ขอให้นายท่านสุขสงบร่างกายแข็งแรง!”เพิ่งเปิดประตู หญิงสาวห้าสิบกว่าคนด้านนอก ย่อตัวลงคารวะเฉินฝานอย่างพร้อมเพรียงเฉินฝานที่เกิดเป็นมนุษย์มาสองชาติภพ ถือว่าเปิดหูเปิดตามามาก แต่กลับตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าเยี่ยม หญิงสาวห้าสิบกว่าคนคารวะพร้อมกัน ไม่ต่างอะไรกับฉากในละคร ตอนที่ชายาคารวะฮ่องเต้การแต่งกายของหญิงสาว แตกต่างจากห้าวันก่อน ส่วนใหญ่สวมเสื้อกันหนาวสีแดงในแคว้นต้าชิ่ง ชุดเจ้าสาวของชาวบ้านทั่วไปคือเสื้อผ้าสีแดง ออกเรือนฤดูคิมหันต์ สวมเสื้อผ้าสีแดง ออกเรือนฤดูเหมันต์ สวมเสื้อกันหนาวสีแดงเพียงแต่เสื้อกันหนาวสีแดงที่หญิงสาวตรงหน้าเฉินฝานสวมใส่นั้นสีซีดมาก พวกนางน่าจะใส่เสื้อกันหนาวของมารดาเมื่อครั้นออกเรือนกระมังตอนหลังฉินเย่ว์โหรวบอกเขาว่า ไม่ใช่แค่มารดา คนส่วนมากสวมใส่ของยายหรือย่า เสื้อกันหนาวสีแดงหนึ่งตัวอย่าน้อยก็ใส่ถึงสามรุ่น บ้างก็ใส่สี่ถึงห้ารุ่น“ด้านนอกลมแรง พวกเจ้าเข้ามาก่อน”“ข
เฉินฝานยื่นไก่ให้เฉียนลิ่วและให้เขาไปรับเงินห้าตำลึงกับฉินเย่ว์โหรว จากนั้นก็ให้คนส่งไปที่เรือนของปาหนิวครอบครัวของฉินเย่ว์เจียว ฉินเย่ว์โหรวและเฉินผิง ต้อนรับเด็กผู้หญิงและครอบครัวของนางอย่างอบอุ่น ภายในสวนคึกคักมากเป็นพิเศษและสนุกสนานกันอย่างมาก“ข้าว่าพวกท่านทั้งหลายอย่ามัวแต่ดีใจเลย ลองดูเรือนของเฉินฝานสิ มีที่สำหรับผู้หญิงอย่างพวกเจ้าหรือไม่ ?”ด้านนอกประตู เสียงของจูต้าอันทำลายความสนุกสนานภายในสวนจากนั้นเหล่าหญิงสาวเพิ่งสังเกตเห็นว่าเรือนของเฉินฝานเหมือนกับเรือนที่พวกนางเห็นเมื่อห้าวันก่อนทุกประการเมื่อห้าวันก่อน ที่พวกนางจากไป เฉินฝานสัญญาไว้ว่าจะมีที่อยู่ใหม่สำหรับพวกนาง“เพียงห้าวัน ลูกเขยฝานเตรียมการไม่ทันอย่างแน่นอน”มีญาติบางคนช่วยเฉินฝานแก้ตัว มีญาติบางคนวางสินเดิมของหญิงสาวแล้ววิ่งออกไป จากนั้นไม่นานก็กลับมา และเมื่อพวกเขากลับมาก็ทำหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย“ไม่มีฟางแห้งเหลืออยู่ใกล้หมู่บ้านซานเหอแล้ว”“อ้าว ทำไมเป็นเช่นนี้เล่า บังเอิญเกินไปหรือไม่ ?”“ข้าไม่คิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญ แต่ต้องมีคนจงใจแน่ ๆ” จูต้าอันมองเฉินฝานด้วยท่าทางเจาะจง“ทำไมเจ้าถึงปากร้ายเช่นน
ชายคนหนึ่งในชุดผ้าแพรกระโดดลงจากรถม้าที่จอดด้านหน้าสุดและเดินตรงมาหาเฉินฝาน“น้องฝาน โรงงานจัดตั้งเสร็จแล้ว สามารถเริ่มงานได้ตั้งแต่พรุ่งนี้ คนของเจ้าเตรียมพร้อมหรือยัง?”“ฮ่า ๆ ๆ เป็นเช่นนี้เอง ๆ!”จู้ต้าอันที่ถูกขับไล่ออกไป จู่ ๆ ก็วิ่งกลับมา เขาเดินมาพร้อมกับปรบมือเสียงดังจู้ต้าอันชี้ชายชุดผ้าแพรที่อยู่ข้างหน้าเฉินฝาน “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร”ผู้คนต่างส่ายหัว พวกเขาล้วนเป็นคนที่ยากจนที่สุด จะรู้จักคนร่ำรวยเช่นนี้ได้อย่างไร“ข้าจะบอกให้ เขามีนามว่าหลี่ซาน เป็นลูกเถ้าแก่ของหอนางโลมอี๋ชุนย่วน”“หอนางโลมอี๋ชุนย่วน?”เมื่อพูดถึงหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ในสายตาของพวกเขาย่อมมีความดูถูกไม่มากก็น้อยแม้ว่าผู้ชายทุกคนจะชอบไปเที่ยวผู้หญิง แต่สถานที่เช่นนั้นก็ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี“เขามาทำอะไรที่นี่?” การมาถึงของหลี่ซานทำให้ผู้คนเต็มไปด้วยความสงสัย“พรวด!”จูต้าอันหัวเราะและกล่าว “ข้าว่าพวกท่านเป็นคนตลกจริง ๆ ในฐานะลูกเถ้าแกของหอนางโลมอี๋ชุนย่วน เขามาที่นี่ก็เพื่อมารับผู้หญิงไปหอนางโลมอี๋ชุนย่วนไงเล่า”“ก็ควรเป็นเช่นนั้น ผู้หญิงที่มีอยู่ในหอนางโลมอี๋ชุนย่วนตอนนี้อายุไม่น้อยแล้ว ถึงเว
“ถ้าเป็นข้า ข้าจะแจ้งทางการทันที ถ้าแจ้งทางการแล้วไม่ได้ผล ก็ไปเอาเรื่องที่เรือนแขกสำราญสุขและตัดขาดการส่งปลาของเขาให้สิ้น ไม่เช่นนั้น เขาจะทำร้ายคนอีกในอนาคต”“เฉินฝาน เจ้าควรอธิบายให้พวกเราฟังสักหน่อยหรือไม่” ครอบครัวของผู้หญิงเหล่านั้นถามหาคำตอบกับเฉินฝานพร้อมกัน หากเฉินฝานคิดแต่งงานกับบุตรสาวของพวกเขาจริง ๆ ย่อมซาบซึ้งในน้ำใจอย่างยิ่ง และพวกเขายอมทำทุกอย่างอย่างไม่เสียใจในภายหลังแต่ถ้าเฉินฝานคิดจะขายบุตรสาวของพวกเขาให้กับหอนางโลมอี๋ชุนย่วน เช่นนั้นพวกเขาจะเอาเรื่องกับเฉินฝานให้ถึงที่สุด“ทุกท่านใจเย็นก่อน” ด้วยความกังวลว่าคนเหล่านั้นจะทำร้ายเฉินฝาน เฉียนลิ่วจึงรีบจูงจูจื้ออันและคนอื่น ๆ ให้มายืนข้างหน้าเฉินฝานเฉียนลิ่วตำหนิด้วยความโกรธ“จู้ต้าอัน เจ้ากำลังบิดเบือนข้อเท็จจริงและกล่าวหาผู้อื่น!”“ข้าบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือกล่าวหาผู้อื่นหรือไม่ เช่นนั้นก็ให้เฉินฝานพูด เขาพาหลี่ซานมาที่นี่ เพื่อมารับหญิงสาวเหล่านั้นใช่หรือไม่?”หลี่ซานจ้องจู้ต้าอันด้วยสายตาโมโห “เจ้าเป็นใคร? ถึงต้องให้น้องฝานของข้าอธิบายให้เจ้าฟังด้วยตนเอง ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ อย่ามาขวางทาง ข้ายังต้องพาผู้หญิ
“ทำลึกลับไปได้ ข้าคิดว่าคือสิ่งใด ของสิ่งนั้นน่ะหรือ ปกติข้าเอาไว้เลี้ยงไก่กับเป็ดเท่านั้นแหล่ะ”“อ่อ?” เฉินฝานมองจูต้าอันอย่างเย็นชา “นี่คือเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงไร้ประโยชน์ เจ้าใช้สิ่งนี้เพื่อเลี้ยงไก่ แต่ข้าสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นสมบัติได้”จูต้าอันโต้กลับทันที “เจ้าบอกว่าเป็นสมบัติ มันก็เป็นสมบัติเลยรึ ปลาตัวเล็กชนิดนี้ พบได้ตามหนองน้ำทะเลสาบทุกหนแห่งบนภูเขา มีคนมากมายใช้เลี้ยงไก่กับหมู แต่ไก่กับหมูยังไม่ชอบเลย”“จู้ต้าอันพูดถูก” ผู้คนต่างก็รู้จัก พวกเขาตระหนักดีว่าหลายปีที่ผ่านมา ผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวนั้นย่ำแย่ หลายคนเคยลองใช้ไข่ปลาตัวเล็กเลี้ยงไก่กับหมู แต่ไก่กับหมูไม่ชอบกิน“จะอร่อยหรือไม่ มาคุยกันภายหลังจากที่ทุกคนได้ชิมแล้วดีกว่า” เฉินฝานหยิบชามแล้วยื่นให้ทุกคนชิมเดิมทีผู้คนยังเกิดความสงสัย แต่หลังจากที่ผู้กล้าสองสามคนเป็นผู้นำในการกิน ไข่ปลาในถ้วยของเฉินฝานก็ถูกแย่งหมดในทันที“อร่อย ๆ”“เฉินฝาน เจ้าทำอย่างไรกันแน่”เฉินฝานยิ้มจาง ๆ และกล่าว “ทุกคนชอบก็พอแล้ว ของว่างไข่ปลาเหล่านี้ เราสามารถไปขายที่หรงตูได้ ข้ากับพี่หลี่ได้สร้างโรงงานแปรรูปไข่ปลาที่อำเภอผิงอัน เพื่อผลิต
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ