ส่วนเรื่องที่ว่าเฉินฝานจะสามารถทำให้พวกเขาหาเงินได้หรือไม่นั้น แท้จริงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มากมายผ่านคืนวานที่สงบจิตสงบใจ และวันนี้จูต้าอันยังหัวเราะเยาะพวกเขาอีกพวกเขาได้สติกลับมาหาเงินมันง่ายแบบนั้นที่ไหนกัน โดยเฉพาะในเหมันตฤดูที่สภาพการณ์ไม่ค่อยดี“พี่ฝาน ท่านพูดจริงหรือ? ” จูจื้ออันตื่นเต้นจนปากสั่น“จริงสิ!” เฉินฝานยิ้มพลางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ไม่ได้บอกว่าจะพาเจ้าหาเงินมหาศาลได้ ทว่าสามารถทำให้ภรรยาเจ้ากินอิ่มนอนอุ่นอย่างแน่นอน ทำให้สามารถนำมาเลี้ยงดูลูกสาวของเจ้าให้ข้ามผ่านฤดูหนาวนี้ได้”“พี่ลิ่ว ข้าไม่แน่ใจว่าค่ายาของแม่ท่านชุดหนึ่งต้องใช้เงินเท่าใด ทว่าข้าจะพยายามอย่างสุดกำลังให้ท่านหาเงินได้เยอะขึ้น”เมื่อวานรับปากว่าจะนำทุกคนสาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากเฉียนลิ่วและจูจื้ออันเฉียนลิ่วร่างกายสูงใหญ่กำยำ ปกติแล้วก็ไม่ค่อยกวนโมโหข้าเสียเท่าไหร่ในความทรงจำ เขากับเจ้าของร่างเดิมก็ไม่ลงรอยกันอย่างยิ่ง ทว่าเพื่อแม่ของตนเอง วางความโกรธลงนอบน้อมเจียมตัวมาขอความช่วยเหลือจากเขาจูจื้ออัน อ่อนกว่าสองปี ประพฤติตัวดีปีก่อนพ่อแม่ไปตัดไม้ในภูเขา ตกลงไปในหุบเขา ตอน
“จูต้าอัน ทำไมเจ้าปากปีจอเช่นนี้!” ฉินเย่ว์เจียวหงุดหงิดอย่างมากเวลาที่คนอื่นมาพูดให้ร้ายเฉินฝานเฉินฝานดึงมือฉินเย่ว์เจียวไว้ “รู้ว่ามันปากปีจอ จะไปสนใจมันทำไม? กลับกันเถอะ!”ทุกคนล้วนแยกย้าย หน้าบ้านของเฉินฝานเหลือเพียงแต่ครอบครัวของเฉินผิงครอบครัวเดียว“ท่านลุง ท่านดูไม่กังวลเลยนะ ไม่กลัวว่าพวกเราจะไม่กลับมาหรือ? ”เฉินผิงยิ้ม “ข้าจะกังวลอะไรกัน สองสามวันมานี้เจ้าทั้งให้เงินเหวินให้เนื้อสัตว์แก่พวกเรา ถ้าไม่ได้หวังดีกับพวกเราอย่างจริงใจ จะตั้งใจทำไปเพื่ออะไรกัน”“แต่ว่า!” เฉินผิงหุบยิ้ม “วันนี้พวกเรากลับมาดึกดื่นขนาดนี้ พวกเรากังวลจริงๆ กังวลว่าพวกเจ้าจะเจออุบัติเหตุด้านนอก”“โอ้ย! ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้แล้ว พวกเจ้ากลับมาก็ดีแล้ว” เฉินผิงหันหน้าไปพูดกับนางเจิ้งผู้เป็นภรรยา“พวกเฉินฝานเพิ่งจะกลับมา ต้องทั้งเหนื่อยทั้งหิว เจ้ารีบพาลูกสาวคนโตเข้าไปทำอาหารให้พวกเขา”“รับทราบ!”นางเจิ้งพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางพาลูกสาวคนโตวิ่งตรงไปที่ห้องครัวของเฉินฝานในมือของนางยังหิ้วตะกร้าใบหนึ่ง ในตะกร้านั้นล้วนเป็นอาหารเห็นอาหารที่ปรุงสุกเย็นแล้ว ตอนนี้ก็เอาไปอุ่นในครัวเฉินผิงเดิน
เห้อครอบครัวนี้นี่มัน...ในใจของเฉินฝานทั้งรู้สึกจนปัญญาและซาบซึ้ง“เอ้อร์ยา มา ช่วยพี่ฝานกินไข่ฟองหนึ่งสิ” เฉินฝานนำไข่หนึ่งฟองไปไว้ในถ้วยของเอ้อร์ยา“พี่ฝาน... ”เอ้อร์ยามองไปที่พ่อแม่ของตนเองไม่แตะต้องไข่ทอดในถ้วย“ท่านลุงท่านป้า ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องการจะสื่ออะไร ทว่าตอนนี้เอ้อร์ยากำลังอยู่ในวัยกำลังโต นางต้องการมัน! อีกอย่าง ท่านป้าเมื่อครู่ท่านก็พูดไม่ใช่หรือว่าพวกเราคือครอบครัวเดียวกัน? เหตุใดครอบครัวเดียวกันยังต้องแบ่งแยกซึ่งกันและกัน ? ”ฟังเฉินฝานพูดจบประโยคนี้ นางเจิ้งพูดอย่างสะอึกสะอื้น “ลูกรอง พี่ฝานของเจ้าให้เจ้า เจ้าก็กินเถอะ”นางกับเฉินผิงไม่มีลูกชาย อีกทั้งยังไม่มีสมบัติอะไรซักอย่าง งานวิวาห์ของลูกสาวคนโตก็พังล้มเหลวไม่เป็นท่าชาตินี้ครอบครัวของพวกเขาคงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้คนในหมู่บ้านมีผลประโยชน์ที่ดี เรื่องอะไรจะนึกถึงพวกเขา ทว่าใครก็ตามอยากทำผลประโยชน์ที่ดีให้กับตระกูลเฉิน ล้วนไปที่บ้านเฉินเจียงกันหมดทว่าเงินทองที่เฉินฝานหามาด้วยตัวเอง ไม่ได้นำไปไว้ที่บ้านเฉินเจียง และไม่ได้ให้ผลประโยชน์ที่ดีกับบ้านเฉินเจียง ทว่าดูแลพวกเขาที่ไม่มีอำนาจที่สุดอย่างไร้
“ท่านพ่อ ลูกสาวยื่นนิ้วมือออกมาเก้านิ้ว เดือนหนึ่งพี่ฝานจะให้เงินครอบครัวพวกเราเก้าตำลึง”“เก้า เก้าตำลึง!”เฉินผิงและนางเจิ้ง ตาโตพร้อมกันเงินเก้าตำลึง สำหรับเฉินผิงกับนางเจิ้งแล้ว นั่นมันจำนวนยิ่งใหญ่กว่าตัวเลขระดับจักรวาลเสียอีกนะรวมรวบเงินที่พวกเขาสองคนแต่งงานกันมานานสิบปีกว่า ยังหาได้ไม่เยอะขนาดนี้“หลานฝาน เยอะเกินไป เยอะเกินไปแล้ว ข้ารับไว้ไม่ได้ รับไว้ไม่ได้!”“ถูกต้อง! หลานฝาน” นางเจิ้งรีบพูดต่อจากเฉินผิงทันที “ถึงแม้พวกเราจะขาดแคลนทุนทรัพย์ ทว่าก็ไม่สามารถเอาเงินมาจากเจ้าเช่นนี้”“ท่านลุง ท่านป้า!” เฉินฝานเก็บสีหน้าที่เปื้อนยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เงินนี้ไม่ถือว่าเยอะ ให้เงินก้อนนี้แก่พวกท่าน ข้าต้องการพวกท่านจริงๆ งานที่พวกท่านทำก็สมราคากับเงินก้อนนี้”หลังจากที่เฉินฝานพูดจบ ในบ้านก็เงียบสนิทครอบครัวเฉินผิงปฏิเสธไม่ได้ ทว่าก็กระอักกระอ่วนที่จะรับไว้“เห้อ เงินเยอะก็ดีแล้ว! หลังจากนี้ลูกสาวคนโตของพวกเราก็สามารถแต่งงานกับบ้านสามีที่ดีได้แล้ว ดีที่ตระกูลหูที่หมู่บ้านหลิงนั้น ไม่มาสู่ขอลูกสาวคนโตของพวกเรา ทำให้พวกเขาเสียใจภายหลังกันเถอะ!”เดิมทีลูกสาวคน
วันนี้พวกเขาได้ 208 ตำลึงจากทักษะจับปลา และ 201 เหวินจากการขายปลาย่าง 67 ตัว เมื่อบวกกับ 400 ตำลึง-เหวินจากยอดเดิม วันนี้พวกเขาน่าจะได้ 208 ตำลึง 601 เหวินจ่ายค่าแรงจับปลาให้กับครอบครัวเฉินผิง 50 เหวิน ซื้อรถม้าใช้ไป 30 ตำลึง ซื้ออาหารแห้ง เนื้อ น้ำมันและของใช้ประจำวันใช้ไป 3 ตำลึงยอดคงเหลือจริงปัจจุบันคือ: 175 ตำลึง 551 เหวิน“อืม!”เฉินฝานพยักหน้าอย่างพอใจ “เรามีเงินซ่อมแซมเรือนทั้งห้าห้องแล้ว”“ใช่แล้ว!” ฉินเย่ว์โหรวรู้สึกดีใจมากเช่นกัน “ตอนนี้ข้ากับพี่สามก็ไปนอนอีกห้องได้แล้ว”“หืม”เฉินฝานลืมตาขึ้นทันทีมีบางอย่างไม่ถูกต้อง!“อะไรนะ พวกเจ้าไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับข้าขนาดนั้นเชียวหรือ”ถ้าเช่นนั้นเขาซ่อมแซมห้องจำนวนมากขนาดนั้นทำไม!ควรซ่อมแซมสามห้องตามแผนเดิม หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องเก็บของและหนึ่งห้องครัวก็เพียงพอแล้ว“ไม่ใช่ ๆ!” ฉินเย่ว์โหรวส่ายหัวไปมาและรีบปฏิเสธ “พวกข้าไม่มีเจตนาไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับนายท่านเจ้าค่ะ!”หากเฉินฝานยังคงเป็นเฉินฝานคนเก่า พวกนางไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับเขาจริง ๆแต่เฉินฝานคนปัจจุบัน......ฉินเย่ว์โหรวก้มศีรษะลง อาการเขินอายแสดงที่ใบหน้าข
ตื่นเต้นเพราะเฉินฝานจะเชิญพวกเขาไปจับปลาไม่สบายใจเพราะกังวลว่าเฉินฝานมีเงินให้พวกเขาจริง ๆ หรือไม่?“ทำไมพวกเจ้ามาที่นี่เร็วจัง มาถึงแล้วทำไมไม่เคาะประตู ข้างนอกหนาวขนาดนี้”หลายคนหนาวจนหน้าแดงหูแดงและตัวสั่นระริก“เอ่อ!” เฉียนลิ่วเกาหัวด้วยความเกรงใจ “ก็กลัวจะรบกวนพวกท่านไงล่ะ!”เมื่อคืนคนกลุ่มนี้ไม่ได้นอน ตอนที่เฉินฝานเห็นพวกเขา พวกเขานั่งยอง ๆ อยู่ข้างนอกเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง-ชั่วยาม“ใช่ กลัวจะรบกวนพี่ฝานและพี่สะใภ้” จูจื้ออันยิ้มอย่างซื่อบื้อ สองมือหนาวจนแดงระเรื่อ“เฮ้อ พวกเจ้า…...”เฉินฝานรีบผลักประตูออกให้กว้างที่สุด“ทุกคนเข้ามาก่อน ข้างนอกหนาว”เมื่อฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์โหรวได้ยินเสียงดังกล่าว ก็ลงจากเตียงเตาและออกจากห้อง“เย่ว์เจียว เย่ว์โหรว รีบก่อไฟสองกองมาวางตรงนี้หน่อย”ที่เรือนมีเก้าอี้ไม่มากนัก เดิมทีเฉินฝานอยากให้ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์โหรวย้ายฟืนออกจากห้องเก็บของเพื่อให้ทุกคนได้นั่งคนเหล่านี้พากันกล่าวปฏิเสธและพูดว่านั่งพื้นได้เมื่อพูดจบ ทุกคนก็นั่งล้อมเตาอั้งโล่ที่พื้นทันทีแสงไฟส่องบนใบหน้าของพวกเขา ทุก ๆ ใบหน้าแสดงรอยยิ้มที่ตื่นเต้นเอ
“วันนี้มีพวกเจ้าทั้งหมดสิบเก้าคน จับปลาไนตัวเล็กคนละสามสิบตัวและปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่คนละหกตัว”เช่นนี้ก็จะได้ปลาไนตัวเล็ก 570 ตัว และปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่114 ตัวจำนวนปลาต้องได้มากกว่าที่ต้องการแน่นอน เพราะวันนี้เฉินฝานต้องส่งปลาเป็นและอาจมีปลาตายระหว่างทางที่สำคัญหลี่ซานไม่ใช่พ่อค้าประเภทที่ไม่ยอมคิดเงินเมื่อจำนวนเพิ่มขึ้นเสียหน่อยทันทีที่เฉินฝานพูดจบ เฉียนลิ่วและคนอื่น ๆ ก็รวมตัวกันเริ่มนับทันที "ปลาไนตัวเล็กสามสิบตัว ห้าตัวหนึ่งเหวิน ปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่หกตัว ตัวละหนึ่งเหวิน......"คนที่มาที่นี่โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนยากจนในหมู่บ้าน ไม่เคยเรียนการคำนวณ พวกเขาคิดคำนวณร่วมกันอยู่ครู่ใหญ่ก็คิดไม่ออก“โอ้ย ทำไมเจ้าถึงใช้เวลาคิดนานขนาดนั้นล่ะ” ต้ายาอดไม่ได้จึงกล่าว“ปลาไนตัวเล็กสามสิบตัว ได้เงินคนละหกเหวิน ปลาเฉาฮื้อตัวใหญ่หกตัว ได้เงินคนละหกเหวินเหมือนกัน เมื่อนำมารวมกันแล้ว จะได้เงินวันละสิบสองเหวินต่อคน”“สิบสองเหวิน?!”ชาวบ้านเงยหน้าขึ้นและมองดูต้ายาด้วยความไม่เชื่อจับปลาเพียงสิบกว่าตัวก็ได้เงินสิบสองเหวินแล้วรึ!เมื่อก่อนไม่มีใครยอมกินปลา ตอนนี้เพียงแค่จับมันก็ได้เงินแล้ว ที่สำคัญย
“ข้า ข้าเปล่านะ!”ปกติม่อเกินเซิงเป็นเด็กฉลาด แต่เมื่อพูดถึงเฉินต้ายาเขาจะเริ่มพูดติดอ่าง“ข้า ข้าขี้เกียจพูดกับพวกท่านแล้ว ข้าจะเอาเงินนี้กลับไปให้แม่ของข้าและให้นางเอาไปซื้อข้าวสาร!”ม่อเกินเซิงพูดจบก็วิ่งออกไปขณะวิ่ง มือข้างหนึ่งจับกระเป๋าเสื้อแน่น ข้างในนั้นมีเงินสิบสองเหวินที่เขาเพิ่งได้รับ“ข้าก็จะกลับแล้วเหมือนกัน เมียของข้ารออยู่”“พ่อของข้าก็รอเหมือนกัน ตอนเช้าที่ข้าออกไปข้างนอก เขายังตำหนิข้าอยู่เลย บอกว่าเสี่ยวฝานโกหกพวกเรา ข้าจะเอาเงินกลับไปแล้วดูว่าเขาจะพูดอะไรได้อีก”“ข้าก็เหมือนกัน ข้าไม่เพียงแต่จะกลับไปพูด แต่ข้ายังจะบอกพวกเขาด้วยว่าเสี่ยวฝานให้เงินพวกเราแล้ว และตอนนี้เสี่ยวฝานเป็นคนดีมาก!”“ใช่ ๆ ๆ!”ชาวบ้านที่ได้รับเงินกล่าวขอบคุณเฉินฝานเสร็จก็พากันกลับ“พี่ลิ่ว จื้ออัน!”เฉินฝานเรียกเฉียนลิ่วกับจูจื้ออันหลังจากเก็บปลาเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการขนย้ายเพื่อลดการสูญเสียปลา เฉินฝานต้องการนำปลาใส่ลงถังเก็บน้ำหลายใบ จากนั้นนำขึ้นเกวียนและส่งไปยังตัวอำเภอแม้ว่าหัวใจของพวกเขากลับบ้านไปแล้ว แต่เฉียนลิ่วกับจูจื้ออันก็หันกลับมาทันทีที่เฉินฝานกล่าว“เสี่ยวฝาน
กลุ่มนักฆ่าหญิงเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน พวกนางทุกคนล้วนมีวรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ไล่ล่าสังหารบุรุษเพียงอย่างเดียวตั้งเมืองลู่ตูจนมาถึงเมืองหลวง “กลุ่มหนึ่งงั้นรึ?” เฉินฝานรู้สึกตกใจเล็กน้อย เดิมทีเขาหลงคิดไปมีเพียงสองสามคนที่ต่อสู้กับหวงหวั่นเอ๋อร์เท่านั้น “ใช่ขอรับ ใต้เท้า”“สามารถประมาณออกได้หรือไม่ว่ามีกี่คน?”“ใต้เท้า ข้าน้อยวิเคราะห์เบื้องต้นแล้วอาจจะมีประมาณหนึ่งร้อยถึงหนึ่งพันคนขอรับ”“เท่าใดนะ?” เฉินฝานมองไป่เผยหรานด้วยสายตามิสู้ดีอย่างมากระหว่างหนึ่งร้อยถึงหนึ่งพัน ระยะห่างตัวเลขสองจำนวนห่างปานนั้น นี่เรียกว่าประมาณการ? เรียกว่าการวิเคราะห์งั้นรึ?“ใต้เท้า!” ไป่เผยหรานรีบโค้งตัวก้มหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจและโทษตนเอง “เสื้อผ้าและท่าทางของนักฆ่าหญิงเหล่านั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก และมักเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ไร้หนทางที่จะนับจำนวนได้อย่างแม่นยำจริง ๆ ขอรับ”จำนวนหนึ่งร้อยถึงหนึ่งพัน เป็นจำนวนคนที่ลูกน้องเก่งกาจที่สุดภายใต้การบัญชากรมยุติธรรมของไป่เผยหราน วิเคราะห์ยาวนานมาหนึ่งเดือน จึงได้ตัวเลขนี้ออกมาอย่างยากลำบาก“ตกลงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่?”ตอนที่พูดอีกรอบ
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของฮูหยินดี จางกงพวกเจ้ารีบเข้าไปเถอะ” เฉินฝานปรามข้าหลวงจางที่กำลังจะตำหนิภรรยาสองสามีภรรยาข้าหลวงจางเข้าไปได้มินาน ด้านในก็มีเสียงร้องไห้โอดครวญดังลั่นเรื่องเหล่านี้ย่อมคะเนไว้ก่อนได้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อสองสามีภรรยาข้าหลวงจางเพิ่งเข้าไปได้มินาน เฉินฝานก็ชิงรุดหน้าออกจากจวนพำนักไปเสียก่อน เขาอยากไปถึงเขตพระราชฐานในเมืองหลวงโดยเร็วไป่เผยหรานตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุแล้ว การแก้ไขปัญหาต่อจากนี้มิจำเป็นต้องให้เขาเป็นคนจัดการแล้ว ดังนั้นเฉินฝานจึงให้ไป่เผยหรานกลับวังหลวงพร้อมกับเขาคดีนี้มิใช่เรื่องธรรมดา เขาต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยตนเองเฉินฝานกำลังจะลงจากรถม้า จู่ ๆ ฮูหยินกง ก็พุ่งตัววิ่งออกมาหาเฉินฝานราวกับคนเสียสติเฉินฝานคิดที่จะหลบหลีก ทว่าหวงหวั่นเอ๋อร์รวดเร็วกว่าเขา นางรีบลงจากต้นไม้ด้วยความรีบร้อน ใช้ร่างเงาสีครามเคลื่อนย้ายไปมาตรงหน้าเฉินฝานเพียงครู่เดียว ก็ทำให้ฮูหยินกงที่รูปร่างอ้วนท้วน ล้มลงไปเหมือนก้อนเนื้อกลิ้งได้หวงหวั่นเอ๋อร์มิทำได้รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต ผนวกกับการที่ฮูหยินกงอ้วนท้วน นางจึงมิรู้สึกเจ็บ เมื่อลุกขึ้นมาอีกครั้งก็พุ่งตัวไปหาเฉ
พวกทหารถอนกำลังออกไปแล้ว เฉินฝานก็ออกไปรอเช่นกันเฉินฝานเพิ่งออกมาจากคฤหาสน์ ร้อยโทน้อยผู้นั้นก็ยกเก้าอี้หนึ่งตัวเข้ามาทันทีเขาใช้แขนเสื้อปัดเก้าอี้หลายรอบ จากนั้นค่อยเอ่ยด้วยความเคารพว่า “ใต้เท้า เชิญนั่งขอรับ”พอเฉินฝานนั่งลงแล้ว เขาเหลือบมองปืนกลพกในมือเฉินฝานแวบหนึ่ง ถึงค่อยถอนตัวจากไปด้วยความเสียดาย การจะให้หวงหวั่นเอ๋อร์นั่งดี ๆ คงไม่มีทางเป็นไปได้แน่ หลังจากที่ออกมาจากคฤหาสน์ นางก็หาต้นไม้สักต้นเอาไว้แล้ว เวลานี้งีบหลับบนกิ่งไม้ไปนานแล้วผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป ไป่เผยหรานเดินออกจากในคฤหาสน์ เขารีบมาหาเฉินฝานแล้วคุกเข่าลงรายงานทันที“ใต้เท้า ที่นี่คือคฤหาสน์ส่วนตัวของจางกงเจวี๋ย จางกงผู่ขอรับ”เฉินฝานชะงักไป “จางกงเจวี๋ย ก็คือจางกงเจวี๋ยที่เพิ่งได้หลานชายสองคนเมื่อเดือนที่แล้ว ฝ่าบาทจึงตกรางวัลด้วยพระองค์เองผู้นั้นหรือ?”ไป่เผยหรานตอบกลับว่า “ใช่ขอรับ ผู้ตายมีจางจู้หยวนบุตรชายของจางกงเจวี๋ย นางหลิวลูกสะใภ้ของจางกงเจี๋ย หลานชายสองคนที่เพิ่งอายุครบเดือนไม่กี่วันของจางกงเจวี๋ย และยังมีข้ารับใช้ในคฤหาสน์ขอรับ”เฉินฝานถาม “ทรัพย์สินสูญหายหรือไม่”“ไม่เลยขอรับ”“ฆ่าล้างแค
เฉินฝานกับหวงหวั่นเอ๋อร์มองหน้ากัน ที่แท้นักฆ่าหญิงสามคนนั้นฆ่าคนแล้วจู่ ๆ ย้อนกลับมาอีกครั้ง ก็เพื่อทำให้ทหารเหล่านี้เข้าใจผิดคิดว่าพวกเขาคือฆาตกรเฉินฝานก้าวไปข้างหน้า กวาดตามองที่ขุนพลที่เป็นหัวหน้าขุนพลผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงิน องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าดูเคร่งขรึมจริงจัง อีกทั้งยังดูเยาว์วัยเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นขุนพลเฉินฟานเลื่อนสายตาไปที่เอวของเขาเขาเป็นร้อยโทของกองทหารรักษาการณ์เมืองหลวง ไม่ใช่ทหารจากกองทัพลาดตระเวน ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะไม่รู้จักเฉินฝานเมื่อเสิ่นหมิงหยวนล้ม หลี่ชิ่งย่อมรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้เช่นกัน ฉินเย่ว์เหมนประหารหลี่ชิ่งแล้วก็ให้เหอจื่อหลินดูแลกองทหารรักษาการณ์เมืองหลวง “มัดนักฆ่าสองคนนี้ไว้ แล้วส่งตัวไปที่กรมอาญา!”ขุนพลน้อยเยาว์วัยผู้นี้ตื่นเต้นขึ้นมา เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานก็จับอาชญากรสำคัญแบบนี้ได้แล้ว ในใจคิดเช่นนี้ ขุนพลน้อยถึงขนาดภาคภูมิใจอยู่บ้างดูเหมือนว่าเขาจะยอดเยี่ยมไม่เบาเลย“แกร๊ก!”เฉินฝานไม่พูดอะไรเช่นกัน เขาเพียงแต่ถอดลูกกระสุนออกมา แล้วบรรจุเข้าไปอีกครั้ง“ทะ ท่านอัครเสนาบดี!”“เขาคือท่
หวงหวั่นเอ๋อร์ที่เดิมทีลากเฉินฝานรีบเร่งเดินทางพลันเชื่องช้าลง คำพูดจากปากก็เอื่อยเฉื่อยไปด้วย “นายท่าน เรามาช้าไปแล้ว”เฉินฝานชะงักไปมาช้าไปแล้ว?“เจ้าหมายความว่า...”ขณะที่เฉินฝานพูด ก็มีคนผู้หนึ่งคลานออกมาตรงประตูใหญ่ของคฤหาสน์หลังนั้นทันใดคนผู้นั้นมีเลือดเต็มตัว มือที่ยกขึ้นมาหาเฉินฝานกับหวงหวั่นเอ๋อร์ก็เต็มไปด้วยเลือดเช่นกัน“ช่วย...”เมื่อเฉินฝานวิ่งเข้าไป คนผู้นั้นก็สิ้นลมหายใจแล้วเมื่อก้าวข้ามประตูใหญ่ เฉินฝานก็เห็นว่ามีคนนอนกระจัดกระจายข้างในลานบ้านหวงหวั่นเอ๋อร์โฉบผ่านเฉินฝาน เข้าไปในคฤหาสน์ก่อน ผ่านไปไม่นาน นางก็ทะยานออกมาอีกครั้ง มือซ้ายและมือขวาของนางหิ้ว...“พวกนางไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กทารกในผ้าห่อ!”หวงหวั่นเอ๋อร์วางร่างที่อยู่ในมือลงตรงหน้าเฉินฝาน เป็นเหมือนที่นางพูดไว้ ทั้งสองนั้นล้วนเป็นเด็กทารกอายุเพียงไม่กี่เดือนเมื่อมองเด็กทารกสองคนที่สภาพเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงบนพื้น เฉินฝานก็สูดลมหายใจเฮือกหนึ่งนี่มันความแค้นอันใดกัน?แม้แต่ทารกน้อยเช่นนี้ก็ยังไม่เว้น อีกทั้งยังลงมือโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เฉินฝานนั่งยอง ๆ ตรวจดู เมื่อเขาห็นร่องรอยสีแดงตรงจุดหนึ่ง
“นายท่าน เหตุใดท่านถึงหยุดเดินเล่า รีบไปเร็วเข้า!”เดิมทีเฉินฝานอยากกลับไปถามหญิงชราให้เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่โดนหวงหวั่นเอ๋อร์ฝืนลากตัวไปหลังจากปีนเขาสองลูก ข้ามหน้าผาหนึ่งแห่ง ในที่สุดทะเลสาบภูเขาที่หญิงชราพูดถึงก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเฉินฝาน“นายท่าน!”หวงหวั่นเอ๋อร์ที่เดิมทีเร่งรีบเดินทาง ตอนนี้กลับหยุดเดินกะทันหัน ก่อนจะพิงร่างเฉินฝานเหมือนไร้กระดูกฉับพลัน“ข้าเหนื่อยแล้ว เดินไม่ไหว ท่านอุ้มข้าไปหน่อยสิ”“หืม? เช่นนั้นเจ้าหิ้วผู้อาวุโสคนนั้นกลับมาได้อย่างไร? ลากข้ามาถึงที่นี่ได้อย่างไร? เจ้าจะไม่มีแรงได้หรือ?” เฉินฝานที่ยังคงขุ่นเคืองเล็กน้อย ไม่อยากให้นางสมหวังดั่งใจง่าย ๆ ถึงเพียงนั้น“เฮ้อ ๆๆ ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้หิ้วตัวผู้อาวุโสมา หลังจากนั้นก็ลากท่านไปอีก ดังนั้นข้าก็เลยหมดแรงแล้ว”“อย่างนี้นี่เอง ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้าเองก็เหนื่อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราก็พักผ่อนกันสักพักเถิด”“อย่านะ ๆ!”เฉินฝานกำลังคิดจะนั่งลง หวงหวั่นเอ๋อร์รีบโอบรอบคอของเฉินฝานไว้ เสียงออดอ้อนเย้ายวนไม่หยุดดังออกมาจากริมฝีปากเล็กที่แดงระเรื่อ“มัน...แฉะมากแล้วนะ”อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นเขินอาย
เมื่อผู้หญิงที่มีวรยุทธ์สูงส่ง เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ มีแนวคิดขบถได้ปลดล็อกความสุขของสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงแล้ว นางก็จะมอบ “ความประหลาดใจ” ให้คุณเสมอหวงหวั่นเอ๋อร์ชอบ “สำรวจชีวิต” ในน้ำกับเฉินฝานนอกจากนี้น้ำธรรมดายังไม่ได้ด้วย จะต้องเป็นน้ำในธรรมชาติให้ได้ยกตัวอย่างเช่น ทะเลสาบภูเขาที่ไร้ผู้คน แม่น้ำเชี่ยวกรากที่ไหลไม่หยุด หรืออย่างเช่นมหาสมุทรกว้างสุดลูกหูลูกตาเดินทางจากแผ่นดินมาถึงชายฝั่งทะเล และจากชายฝั่งมายังในแผ่นดิน ทะเลสาบและทะเลของต้าชิ่งแทบจะเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความรักของเฉินฝานกับหวงหว่านเอ๋อร์เดิมทีระยะทางใช้เวลาแค่เจ็ดแปดวัน แต่พวกเขาใช้เวลาเดินทางสามเดือนกว่าจะมาถึงเมืองหลวง“นายท่าน นายท่าน!”ก้อนเมฆสีครามพุ่งมาจากทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กระโจนเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเฉินฝาน“ไม่ได้กินปลามาหลายวัน ข้าอยากกินปลา~”ชายเสื้อสีครามถูกรั้งขึ้น เรียวขายาวขาวเนียนปรากฏขึ้นตรงหน้าเฉินฝานฉับพลัน ในขณะเดียวกัน มือเรียวงามก็โอบรอบคอของเขาไว้ จุมพิตบนลูกกระเดือกของเขาเฉินฝานฝืนดึงมือของหวงหวั่นเอ๋อร์ลงมา “กำลังจะเข้าเมืองหลวงแล้ว กลับไปถึงบ้าน เราค่อยกินปลาที
สุดท้ายเฉินฝานปิ้งแค่ตัวเดียว ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ แต่หวงหวั่นเอ๋อร์กินเยอะเกินไปจริง ๆปลาสามตัวที่เขาจับมาเมื่อครู่นั้น แม้จะไม่ใหญ่เท่ากับตัวที่หวงหวั่นเอ๋อร์จับ ทว่าแต่ละตัวก็มีน้ำหนักราว ๆ หนึ่งชั่ง“ขอร้องล่ะ ปิ้งปลาตัวนั้นให้ข้ากินด้วยเถิด ขอเพียงเข้าให้ข้ากินปลา ต่อไปข้าจะไม่พูดว่าจะฆ่าเจ้าอีกแล้ว” หวงหวั่นเอ๋อร์อ้อนวอนเฉินฝานไม่หยุดราวกับเด็ก ๆเฉินฝานไม่สนใจ ทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของหวงหวั่นเอ๋อร์“เช่นนั้น...” หวงหวั่นเอ๋อร์เหมือนตัดสินใจเรื่องใหญ่อะไรบางอย่าง “ขอเพียงเจ้าปิ้งปลาตัวนั้นให้ข้ากิน ข้าก็จะแต่งงานกับเจ้า”“...”ก่อนหน้านี้สาบานจะเป็นจะตายว่าจะไม่แต่งงาน ตอนนี้กลับยอมแต่งงานกับเขาเพื่อปลาปิ้งตัวเดียวเฉินฝานพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริง ๆตั้งแต่เล็กจนโตยัยหนูนี่ได้รับการอบรมสั่งสอนแบบใดกันแน่“เฮ้อ เจ้าอยากแต่ง แต่ข้ายังไม่อยากแต่ง”เฉินฝานไม่ได้พูดหยอกหวงหวั่นเอ๋อร์ แต่เขาจะไม่แต่งงานจริง ๆ แม้ว่าหวงหวั่นเอ๋อร์จะมีนิสัยร้ายกาจมาก แต่ก็งดงามน่ารัก อีกทั้งยังมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ ต่อให้เขาอยากแต่งงาน แต่จะไม่แต่งงานเช่นนี้สิ่งที่เขาต้องการคือให้นา
“ไม่มีพริกป่น น่าเสียดายจัง”“เฮ้อ ช่างเถอะ โรยเกลือนิดหน่อย รสชาติก็นับว่าใช้ได้ กินแบบนี้ไปก็แล้วกัน”เฉินฝานล้วงถุงใบเล็กออกจากกระเป๋าออกมา ถุงใบเล็กบรรจุเกลือไว้เล็กน้อยคนยุคโบราณมีนิสัยพกเกลือติดตัวนิดหน่อยตอนออกเดินทาง ตอนนี้เฉินฝานก็มีนิสัยนี้เช่นกันเฉินฝานโรยเกลือบนปลาที่ปิ้งสุกดีแล้ว จากนั้นก็ดึงส่วนท้องปลาลงมาแล้วเอาก้างออก ก่อนจะยื่นให้หวงหวั่นเอ๋อร์หวงหวั่นเอ๋อร์ลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วรับปลาจากมือของเฉินฝานนางอ้าปากเล็กน้อยแล้วเม้มปากลงไป ก่อนจะเริ่มกินคำที่สองทันทีเฉินฝานพอใจท่าทางของหวงหวั่นเอ๋อร์มาก เขาก้มหน้าเลื่อนปลาปิ้งในมือมาถึงริมฝีปาก ตั้งใจว่าจะเริ่มกิน“...” เฉินฝานมองมือที่ว่างเปล่าของตนเองอย่างตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะพบว่าปลาของเขาอยู่ในมือหวงหวั่นเอ๋อร์แล้วแย่งเฉินฝานแล้วก็เริ่มกินอย่างอดใจรอไม่ไหว“เฮ้ย เจ้าอย่าสิ กินปลาแบบนี้ไม่ได้นะ!”โชคยังดีที่เฉินฝานมือไวมากพอ ไม่อย่างนั้นหวงหวั่นเอ๋อร์คงโดนก้างปลาทิ่มคอแล้ว “อะไร เจ้าอยากกินคนเดียวหรือ?” หวงหวั่นเอ๋อร์มองปลาในมือเฉินฝาน กะพริบตาปริบ ๆ ดูสงสารเล็กน้อยเฉินฝาน “ข้าไม