เวลานี้ทหารต้าชิ่งมีจำนวนน้อยจนน่าสงสาร เขาไม่อาจพลีชีพทหารต้าชิ่งเพื่อไปช่วยจักรพรรดิและฮองเฮาแคว้นอื่นแม้คำตอบของเฉินฝานจะทำให้พระชายาแปลกใจ แต่นางก็ไม่ได้ตามตอแย เพียงตอบเสียงเรียบเฉย “ใต้เท้า ข้าเข้าใจเจตนาของท่านแล้ว ข้าขอตัวก่อน จะไม่มารบกวนอีก”พูดจบ นางก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกมา“แต่ว่า ช่วยเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของพระชายา ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนกองกำลัง”...ตามที่เฉินฝานกล่าว เขาไม่นำทัพทหารไป มีเพียงภรรยาฉินเย่ว์เจียวและเย่ว์หนูซึ่งเป็นองครักษ์หญิง ติดตามพระชายากลับแคว้นเหมี่ยนแคว้นเหมี่ยน ณ วังหลวงจักรพรรดิคนใหม่ เกอตันเวยนั่งอยู่บนเก้าอี้งาช้าง ด้านบนสุดมีนางกำนัลสองคนแต่งกระโจมอก มือถือพัดสีทอง โบกไปมาเบาๆนางกำนัลคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเก้าอี้งาช้าง ยื่นยาสูบให้เกอตันเวยเกอตันเวยที่กำลังสูบยาสูบอยู่นั้น หยอกล้อนางกำนัล สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขเบื้องล่างของเขา มีนางกำนัลคนหนึ่งนั่งคุกเข่านางกำนัลคนนี้ มองดูแล้วอายุมากกว่านางกำนัลอีกสามคนมาก นางคุกเข่าใต้ฝ่าเท้าของเกอตันเวย ช่วยนวดเท้าให้เกอตันวัยนางกำนัลที่หยอกล้อกับเกอตันเวยอยู่นั้น เคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ย
แววตาหวาดกลัวและสิ้นหวังของเพ่ยเหยา กลับมาทอประกายในทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เกอตันเวยก็ตกใจ ทว่าเขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “พระชายาอ๋องเจิ้นหนาน? หลานสาวคนโตของข้าไม่ใช่หรือ”“ทั้งยังกลับมาพร้อมกับท่านทูต ครั้งนี้หลานสาวของข้าสูงส่งกว่าเดิม ในเมื่อเป็นเช่นนี้...” เกอตันเวยยกมือขึ้น “ครั้งนี้ข้าย่อมให้เข้าเฝ้า”นับตั้งแต่แต่งงานกับอ๋องเจิ้นหนาน พระชายาที่เป็นห่วงบิดามารดา เดินทางกลับมาทุกปี แต่นางกลับมาตามลำพังทุกครั้ง ดังนั้นทุกครั้งที่กลับมาจึงไม่ได้เจอบิดามารดาของตนเกอตันเวยไม่เพียงไม่อนุญาตให้นางเข้าวังหลวง ทั้งยังไม่จัดหาที่พักให้นาง นางทำได้เพียงนอนพักในโรงแรมนอกวังหลวง ถามไถ่ความเป็นอยู่ของบิดามารดา ทว่าส่วนมากล้วนไร้ประโยชน์ กลับเตียนตูด้วยความเศร้าอยู่ร่ำไปเกอตันเวยลุกขึ้นเดินไปที่ตำหนัก ตอนเดินผ่านเพ่ยเหยา จู่ๆ ก็หยุดลง โน้มตัวลงเชยคางนางขึ้น “อย่าหวังมากจนเกินไป มิเช่นนั้นจะยิ่งผิดหวัง ข้าขอบอกเจ้าอย่างชัดเจน แม้จะมาพร้อมท่านทูต แต่ผลสุดท้ายทุกอย่างก็ไม่ต่างจากที่ผ่านมาเท่าใดนักหากเป็นเมื่อหลายปีก่อน เกอตันเวยกลัวเกรงต้าชิ่งอยู่บ้าง ทว่าหลายปีมานี้ แคว้นต้าชิ่งดั่ง
อ๋องเติ้นหนานมีบารมีและยิ่งใหญ่ กล้าหาญชาญชัยวางแผนการเก่ง เขาจะแพ้ปัญญาชนตัวเล็กๆ ธรรมดาคนหนึ่งได้อย่างไรเกอตันเวยรู้สึกว่าคนที่เอาชนะอ๋องเจิ้นหนาน คือพ่อลูกตระกูลเหอพระชายาเปิดเผยที่ซ่อนตัวของอ๋องเจิ้นหนาน ขอให้จักรพรรดิต้าชิ่งช่วยนาง จักรพรรดิต้าชิ่งไม่อยากช่วยนาง จึงส่งทูตคนหนึ่งมาเกอตันเวยคิดเช่นนี้ ยิ่งลำพองใจกล่าวว่า จักรพรรดิต้าชิ่งเวลานี้ไม่กล้าทำอะไรเขาพระชายาอ๋องเจิ้นหนานและปัญญาชนหน้าอ่อนคนนั้น แสดงจุดยืนของจักรพรรดิต้าชิ่งหรือว่า...เกอตันเวยยิ่งคิด ‘ขอบเขต’ ของเขาก็ยิ่งไปไกลเขาคิดว่าพระชายาและเฉินฝานคือของขวัญที่จักรพรรดิต้าชิ่งยกให้เขา“อีจี๋ อื้ม ตอนนี้ต้องเรียกว่าพระชายาเหม่ยเหลียน”เพียงเกอตันเวยนึกถึงใบหน้างดงาม สวนดั่งมารร้าย รวมถึงเรือนร่างอรชรนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากเขาไม่เพียงปรารถนาอยากได้พี่สะใภ้ แล้วยังมีใจใคร่ต้องการหลานสาวหญิงงามเช่นนั้น ก่อนหน้านี้ยกให้อ๋องเจิ้นหนาน ช่างน่าเสียดายจริงๆเพียงคิดภาพว่าวันหน้าเพ่ยเหยาและพระชายาเหม่ยเหยียนสองแม่ลูก อยู่ภายใต้เขา เกอตันเวยร้อนรุ่มไปทั้งตัวรอเขาจัดการปัญญาชนหน้าอ่อนนั่นก่อน เขาค
“พระชายา เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ฉินเย่ว์เจียวยังพูดไม่จบ พระชายาก็รีบวิ่งไปที่ห้องของตนเองอย่างรวดเร็วน้ำเสียงอ่อนโยนของพระชายาเปลี่ยนไปจากเดิม หลังจากเข้าไปในห้องไม่นาน นางก็ตำหนิเสียงดัง ถึงขั้นจะลงโทษนางกำนัลคนนั้นนางกำนัลอีกสองคนที่มาพร้อมกับนางกำนัลคนนั้น เมื่อได้ยินเสียงด่าทอในห้อง กลัวตนจะเดือดร้อน รีบหนีไปก่อนนายโบยบ่าวที่ทำผิดจนตาย เป็นเรื่องปกติหากพวกนางไม่รีบหนี เกรงว่าชีวิตน้อยๆ นี้ก็จะซวยไปด้วย“เสด็จแม่ คือท่านจริงๆ หรือเพคะ? เหตุใดตอนนี้เสด็จแม่จึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”หลังจากนางกำนัลสองคนนั้นออกไป ภายในห้องของพระชายามีเสียงตกใจระคนเจ็บปวดดังขึ้น“เสด็จแม่...” ฉินเย่ว์เหจียวมองเฉินฝานด้วยสีหน้าฉงน “นายท่าน นี่มันเรื่องอะไรเจ้าคะ? เป็นนางกำนัลไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงกลายเป็นเสด็จแม่ไปได้?”“เจ้าอย่าถามมาก” เฉินฝานมองทั้งสองที่อยู่ในห้องพระชายากอดกัน หันไปบอกเย่ว์หนู“เย่ว์หนู เจ้าไปเฝ้าข้างนอก”“เจ้าค่ะ นายท่าน”เย่ว์หนูเดินออกไปตามคำสั่งภายในห้อง“เสด็จแม่...” มือของเพ่ยเหยาหยาบกร้าน ทว่าพระชายายังคงกุมมือเพ่ยเหยาที่เต็มไปด้วยบาดแผล พร้อมถามด้วยความเจ็บปวด
เฉินฝานและพรรคพวกเดินตามขันทีของเกอตันเวย ไปยังพระตำหนักแคว้นเหมี่ยนอีกครั้ง“ช้าก่อน!”ครั้นมาถึงด้านหน้าประตูพระตำหนัก พวกเฉินฝานถูกรั้งตัวไว้ เป็นการตรวจสอบตามกิจวัตรประจำวัน ซึ่งห้ามพกอาวุธเข้าไปข้างในพระตำหนักการตรวจสอบคล้ายคลึงกับเมื่อช่วงกลางวันทุกคนได้รับการปล่อยตัวเรียบร้อย เฉินฝานและทุกคนเดินไปเกือบสิบกว่าเมตร แต่กลับถูกรั้งตัวไว้อีกครั้ง“นาง!”ทหารรักษาพระองค์ชี้ไปยังเย่ว์หนู “ไม่สามารถเข้าไปได้!”“เหตุใดถึงไม่สามารถเข้าไปได้ มีสิทธิ์อะไรไม่ให้นางเข้าไป?” ฉินเย่ว์เจียวซักถามอย่างไม่พอใจ“เจ้าผู้ครองแคว้นมีข้อกำหนด ไม่สามารถพาคนใช้เข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนใช้ที่รู้วิชาการต่อสู้”“เย่ว์หนู เจ้ารอข้างนอกแล้วกัน” เฉินฝานกล่าว“เจ้าค่ะ นายท่าน”ครั้นเย่ว์หนูเดินจากไป นางกวาดตามองฝ่ามือเฉินฝานคราหนึ่งฝ่ามือของเขา ชี้ลงข้างล่างครั้งนี้ พวกเฉินฝานไม่ต้องรอ ครั้นพวกเขาเข้ามาถึงห้องจัดเลี้ยงไม่นาน เกอตันเวยก็เข้ามาด้วยเช่นกัน“ข้าเฉินฝานนักการทูตแห่งแคว้นต้าชิ่ง เป็นตัวแทนของฮ่องเต้แคว้นต้าชิ่งมาส่งคำอวยพรให้กับเจ้าผู้ครองแคว้นแห่งแคว้นเหมี่ยน ขอให้เจ้าผู้ครองแคว้น
ขันทีมีอายุประมาณหนึ่งสองคน เดินเข้ามาพร้อมยกสุราไว้หนึ่งถังขันทีผู้นั้นที่เดินข้างหน้าสุด ก้มศีรษะอย่างรีบร้อนเมื่อเดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงด้วยการกระทำเช่นนี้ ทำให้เขาไม่ทันสังเกตเห็นขั้นบันไดตรงหน้า“ตุบ!”“เพล้ง!”ทันใดนั้นถังสุราที่ล้มลง ทำเหล้ากระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศ มีบางส่วนกระเซ็นถึงตัวเฉินฝาน“เจ้าคนใช้ไร้ประโยชน์ สุราหนึ่งถังยังยกไม่ได้ กล้าดีอย่างไรทำเหล้ากระเซ็นถูกตัวนักการทูต?”เกอตันเวยดึงแส้หนังเส้นหนึ่งตรงเอวออกมาทันที เขาเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับขันทีผู้นั้นแล้วฟาด/อย่างรุนแรงขันทีกัดฟันอดทนอย่างหนักแล้ว แต่ก็ยังทนไม่ไหวจึงส่งเสียงเจ็บปวดแผ่วเบาออกมาผิวหนังฉีกขาดเจ็บปวดเป็นอย่างมากจริง ๆหลังจากเข้ามาในวัง พระชายาเอกผู้มีความรู้สึกไม่เป็นอันสงบสุขตลอดมา พลันชะงักนิ่งไป ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างมาก นางมองขันทีที่คืบคลานอยู่กับพื้นโดยไม่ขยับตัวผู้นั้นอย่างไม่ละสายตาความจริงนางมีคำตอบในใจแล้ว แต่ไม่กล้าและไม่ยินยอมที่จะเชื่อหางตาของเกอตันเวยเหลือบมองพระชายาเอกคราหนึ่ง มุมริมฝีปากแสดงรอยยิ้มของคนเจ้าเล่ห์ไว้ แส้หนังที่อยู่ในมือ สะบัดขึ้นลงอย่างเสียงดังเ
เกอตันเวยมองโต๊ะที่ถูกเฉินฝานล้มคว่ำ พลางสบถ “โอ้โห” ในปากใบหน้าเต็มไปด้วยเนื้อ แสดงรอยยิ้มชัดทวีคูณ “สามารถพลิกคว่ำโต๊ะได้ด้วย? กำลังร่างกาย สูงกว่าในจินตนาการของข้าทีเดียว”สีหน้ายิ้มแย้มพลันดับฮวบ เขายกมือแล้วสะบัด“กึกกัก กึกกัก กึกกัก”ทหารแคว้นเหมี่ยนท่อนบนตัวแดงเปลือยเปล่าจำนวนนับไม่ถ้วน มือถือดาบวงพระจันทร์ บุกเข้ามาจากข้างนอกและล้อมเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียว“เกอตันเวย ใต้เท้าเฉินเป็นนักการทูตของแคว้นต้าชิ่ง เจ้ากล้าดีอย่างไรลงมือกับเขา!”ครั้นเห็นพวกเฉินฝานถูกปิดล้อม พระชายาเอกไม่สนใจความปลอดภัยของตน ตะโกนกล่าวเตือนเกอตันเวยซ้ำ ๆ“โอ้หลานสาวคนโตของข้า!” เกอตันเวยบีบใบหน้าพระชายาเอก “หลังจากแต่งงานไปอยู่แคว้นต้าชิ่ง ก็กลายเป็นคนช่างพูดเชียว จะเป็นเช่นนี้คงไม่ได้ ดูท่าแล้วผู้เป็นอาอย่างข้า คงต้องใช้ความคิดมากกว่านี้และสั่งสอนเจ้าให้ดีอีกสักครั้ง”สั่งสอน สองตัวหนังสือ กล่าวอย่างหื่นกามมากเป็นพิเศษ“รีบปล่อยพวกเขาซะ กองทัพลาดตระเวนของแคว้นต้าชิ่งยังตั้งกองทัพอยู่ที่เตียนตู หากเจ้ากล้าทำอะไรใต้เท้าเฉิน พวกเขาจะบุกเข้ามาทันที” พระชายาเอกกลั้นความขยะแขยงภายในใจและกล่าวเตือนเ
เกอตันเวยดวงตาเบิกกว้าง ทอดมองทุกสิ่งตรงหน้าอย่างตะลึงหวาดกลัวเป็นหมื่นทวีคูณเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ทั้งที่มีทหารมากมายเพียงนั้น ยิ่งไปกว่านั้นทหารเหล่านี้ยังเป็นทหารรักษาพระองค์ของเขาทั้งนั้น แต่ละคนมีฝีมือเก่งกาจเป็นอย่างยิ่งหลังจากเกิดเสียงปัง ปัง เพียงพักหนึ่ง เหตุใดถึงราบเป็นหน้ากลองไปทั้งหมดในมือเขา…เกอตันเวยมองปืนกลมือในมือเฉินฝานด้วยสีหน้าเกรงกลัว จากนั้นพลางตะโกนอย่างบ้าคลั่ง“เข้ามา เข้ามาจัดการอีก!”“ปัง! ปัง!”เฉินฝานหันกลับมา เหนี่ยวไกใส่เกอตันเวยสองครั้ง“อ๊าก!”เกอตันเวยตะโกนร้องเจ็บปวดและล้มไปกับพื้นอย่างแรง หัวเข่าซ้ายขวาของเขา ถูกยิงข้างละหนึ่งนัด เป็นอาการเจ็บเข้ากระดูก จนทำให้เกอตันเวยอยากยืนแต่ก็ยังยืนไม่ไหวเฉินฝานพุ่งเข้าไปดั่งลูกธนูที่ถูกยิงออกไป ปากกระบอกปืนจ่อกลางหน้าผากเกอตันเวย“ถ้าใครกล้าเข้ามา ข้าจะยิงเขาให้ตายในคราเดียว!”“ถอย ถอยไปให้หมด!” เกอตันเวยกลั้นอาการเจ็บและสั่งการทหารรักษาพระองค์ชุดใหม่ที่พุ่งตัวเข้ามาจากข้างนอก หยุดเท้าของตนเองกะทันหัน ทอดมองเกอตันเวยที่หัวเข่าสองข้างเลือดไหลไม่หยุดและคุกเข่าอยู่กับพื้น
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ