เอ้อร์ยา อายุเพียงแปดขวบ มีอุปนิสัยแบบเด็กๆ เมื่อได้ยินผู้อื่นกล่าวหาว่าครอบครัวของตนไม่ดี ก็หน้าแดงรีบโต้ตอบจางโถวทันทีบอกว่าพวกเขาไม่ได้จับปลาเพื่อกิน แต่เพื่อขายเมื่อได้ยินคำกล่าวของ เอ้อร์ยา เหล่าจางโถวก็หัวเราะหนักขึ้นไปอีกปลาขายได้หรือ? เนื่องจากเอ้อร์ยายังอายุน้อยจึงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม เลยคุยโวออกไป เอ้อร์ยาน้ำตาไหล บอกว่าตนเองไม่ได้คุยโว พี่ฝานมอบเงินให้ครอบครัวตนเองวันละห้าสิบเหวิน เอ้อร์ยาปากไว จนสายเกินไปที่เฉินผิงจะหยุดแน่นอนว่าเหล่าจางโถวไม่เชื่อ เขาส่ายศีรษะแล้วเดินออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะไม่นานหลังจากเขากลับมาถึงหมู่บ้าน เขาก็ได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันเขาบอกว่าตอนนี้เฉินฝานร่ำรวยแล้วเฉินฝานขายปลาย่างในเมือง มีคนมากมายรีบไปซื้อ เฉียนหลิวเป็นคนพูดเรื่องนี้ไม่มีใครสงสัยในคำกล่าวของเฉียนหลิวเพราะทันทีที่เขากล่าว จะมีคนเป็นพยานให้เขาทันทีวันนี้เฉียนหลิวกับชาวบ้านอีกสามคนไปที่เมืองด้วยกัน ทั้งสามคนได้เห็นกับตา เฉินฝานขับเกวียน ขนตะกร้าขนาดใหญ่ไปหลายตระกร้า ทั้งยังขายหมดตั้งแต่ก่อนเที่ยงวันเมื่อเหล่าจางโถวได้ยินดังนั้น ก็รีบร้องตะโกนทันทีดูเหมือนว่าเ
“ข้าขอโทษด้วย”“ข้าขอโทษด้วย”“เจ้า...” เฉินฝานรู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อย ขณะผู้คนเข้ามาขอโทษตัวเองทีละคนหากปฏิเสธ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน เกรงว่าจะกล่าวไม่ได้“หากพวกเจ้าทุกคนมาช่วยข้าจับปลา คิดว่าวันเดียวข้าจะขายได้เยอะขนาดนั้นเชียวหรือ! ลองคิดดูว่าจะมีวิธีขายปลาเพิ่มได้หรือไม่ ข้าถึงจ้างพวกเจ้าทั้งหมดได้”“เฉินฝาน โปรดช่วยข้าด้วย ข้าต้องการแค่สามเหวินต่อวัน” ผู้กล่าวคือผู้ชายที่เพิ่งเป็นพ่อคนเฉินฝานรีบกล่าว “เจ้าอย่าทำเช่นนี้!” หากยังแข่งขันกันเองต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าคนเหล่านี้คงต่อสู้/ทะเลาะกันขึ้นมาว่าแล้ว ทันทีที่เขากล่าวจบ บางคนบอกว่าพวกเขาสามารถจับปลาให้เฉินฝานได้ในราคาสามเหวินต่อวัน บางคนถึงกับบอกว่า เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?ชาวบ้านเริ่มทะเลาะกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนเริ่มเถียงกันหน้าดำหน้าแดง เฉินฝานยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ“เอาล่ะ หยุดพูดกันได้แล้ว เฉินฝานมีเรื่องจะกล่าว” เฉียนหลิวผู้มีดวงตาแหลมคม ขอให้ทุกคนเงียบลงทันทีทุกคนเงียบมองมาทางเฉินฝานเฉินฝานแอบสูดหายใจ แล้วกล่าวว่า "ทุกคน ให้ข้ากลับบ้านคิดดูก่อน ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาวิธี
“ไฉนถึงต้องรอให้ลุงเจียงเข้ามาในหมู่บ้านก่อนถึงเข้าได้ ช่างน่างงงวย หรือคนแก่จะสับสน?”ฉินเย่ว์เจียวผู้มีอารมณ์ร้อนแรง พ่นคำกล่าวออกมา “ตอนชาวบ้านมารุมล้อมรอบตัวข้า ดูเหมือนว่าข้าจะเห็นลุงเจียงเดินผ่านพวกเราไป” ฉินเย่ว์โหรวกล่าวเบาๆ อยู่ด้านข้าง"หืม?"ฉินเย่ว์เจียวยิ่งสับสนมากขึ้น เมื่อนางกล่าวอีกครั้ง เสียงของนางก็ก้าวร้าวมากขึ้น“เส้นทางเข้าหมู่บ้านเป็นของครอบครัวเขาหรือไง? ไฉนพวกเขาถึงต้องเข้ามาก่อน?”“ปากร้าย เจ้าเป็นหัวหน้าครอบครัวแบบใดกัน ถึงได้มีภรรยาหยาบคายเช่นนี้!” จากอีกด้านของกำแพง เฉินเจียงก่นด่าออกมาอย่างโกรธเคืองเพื่อไม่ให้น้อยหน้า ฉินเย่ว์เจียวสวนกลับทันที "สอบไม่ผ่านด้วยซ้ำ ทำแสร้งเป็นบัณฑิต"“ดูหมิ่นบัณฑิต ดูหมิ่นบัณฑิต ดูหมิ่นบัณฑิต!” เห็นได้ชัดว่าเฉินเจียงโกรธเป็นอย่างมาก เขาบอกว่าดูหมิ่นบัณฑิตซ้ำถึงสามครั้งติดต่อกัน“เอาล่ะ!” เฉินฝานกล่าว “เย่ว์เจียว ไม่ต้องสนใจเขาหรอก“ “นายท่าน!” ฉินเย่ว์เจียวไม่เต็มใจเล็กน้อย “พวกเขาช่างประหลาดนัก ถนนเส้นนี้ไม่ใช่ของครอบครัวพวกเขาสียหน่อย” “ไปยุ่งกับพวกเขาทำไม เหมือนเจ้าโดนหมากัด แล้วจะกัดตอบหรือไร!”เฉินฝานกล่าวด
แม้ว่าเฉินเจียงที่อยู่ด้านข้างจะไม่ได้กล่าวอะไร แต่เขากลับยืนวางมาดหลังตรง คงไม่ต้องบอกว่าเขาภูมิใจแค่ไหน“โอ้!” ลุงรองของจางเหลียนฮวาพยักหน้าซ้ำๆ “ข้าได้ยินมาว่าคนจากหมู่บ้านซานเหอมักจะมาบ้านหลานสะใภ้เพื่อขอชามตะเกียบ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง”“เฮ่อ” จางเหลียนฮวาหันกลับมาแล้วโบกมือ “จานตะเกียบที่บ้านต้องเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง”จางเหลียนฮวาไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยมีประเพณีในพื้นที่ชนบทของอำเภอผิงอัน หากมีคนในหมู่บ้านชีวิตเจริญรุ่งเรืองหรือมีบัณฑิตมากความสามารถ ชาวบ้านก็จะไปขอชามตะเกียบที่บ้านนั้นเพราะหวังว่าตนเองจะโชคดีตามไปด้วย ถ้ามีผู้ใฝ่เรียนที่บ้าน พวกเขาก็หวังว่าลูกๆ จะอ่านหนังสือจนได้ดิบได้ดีเช่นกันเฉกเช่นเดียวกับเฉินเจียง ซึ่งมีลูกชายสองคนติดต่อกัน นับเป็นบุคคลสูงศักดิ์ตามที่นักพรตเต๋าวัดซานชิงทำนายไว้ โดยปกติแล้วจะมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่บ้านเพื่อขอชามตะเกียบอย่างไม่ว่างเว้น “ในหมู่บ้านยังมีชาวบ้านอีกมากที่ไม่ได้ขอชามตะเกียบ สงสัยว่าคงรีบกันมาก”“อืม” ลุงรองเหลียนฮวาพยักหน้าพลางกล่าวกับเฉินเจียง “หลานเขย หลังจากนี้ทิ้งชามตะเกียบไว้ให้ลุงรองของเจ้าด้วย”เฉินเจียงปร
เฉินเจียงเป็นคนมีความสามารถโดดเด่น อย่างเรื่องติดหนี้หอนางโลมอี๋ชุนย่วน นางกล่าวออกไปไม่ได้เด็ดขาด ทำได้แค่รักษาหน้าตา ตอนที่นางอยู่บ้านพ่อแม่ นางกินเนื้อเยอะมากนานมากแล้วที่นางไม่ได้กินเนื้อดีๆ เช่นนี้เมื่อลุงรองได้ยิน เขาก็แสดงความชื่นชมเป็นอย่างมาก "หลานเขยของข้าเก่งจริงๆ เรียนก็ดี แถมยังได้เงินเดือนสูงอีก"ขณะกล่าว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเฉินฝานที่พวกเขากำลังเดินเข้าไปหา“มีคนเลวเช่นนี้อยู่ที่บ้าน เขาคงมาขอเงินที่บ้านบ่อยๆ”“เป็นเรื่องปกติ!” เมื่อกล่าวถึงเฉินฝาน ใบหน้าของจางเหลียนฮวาก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่า“ครอบครัวของเราสองครอบครัวอาศัยอยู่ติดกัน เขาจะมาที่บ้านของข้าทุกๆ สองวัน เขายากจนมากจนภรรยาสองคนที่เขารับมาเมื่อปีที่แล้วแทบจะอดตาย”ทันทีที่จางเหลียนฮวากล่าวจบ กลุ่มของพวกเขาก็มาถึงด้านหลังเฉินฝาน ที่กำลังถูกชาวบ้านรุมล้อม"ทุกคน!"เฉินเจียงผสานมือโค้งคำนับให้ชาวบ้านแล้วกล่าวว่า "เจ้าสารเลวนี่ทำให้ทุกคนขุ่นเคืองอีกแล้วใช่หรือไม่ ข้าหวังว่าทุกคนจะยกโทษให้เขาอีกครั้ง เพื่อเห็นแก่น้องชายผู้นี้"หลังจากกล่าวเช่นนั้น เฉินเจียงก็ยืดร่างกายของเขาให้ตรงดูสง่างามเป
จางเหลียนเซียงไม่เห็นว่าใบหน้าของเฉินเจียงน่าเกลียดเพียงใด ขณะเขาเดินอยู่ข้างหน้าพี่สาวของนางเดิมทีจางเหลียนฮวาต้องการบอกจางเหลียนเซียงให้หยุดพูดได้แล้ว แต่ลุงรองของนางกลับกล่าวขึ้นมาอีก “น่าจะไม่ธรรมดาจริงๆ เมื่อวานข้าได้ยินมาว่ามีพ่อค้าปลาย่างปรากฏตัวที่ตลาดประจำอำเภอ เห็นว่าปลาย่างของเขาอร่อยมาก ผู้เฒ่าหลี่เศรษฐีในหมู่บ้านซื้อมาเมื่อวาน วันนี้ก็รีบออกไปแต่เช้าอีก”“มีคนถามว่าทำไมรีบขนาดนี้ เขาบอกถ้าไปช้ากลัวจะไม่ได้ปลาย่าง”“จริงหรือ?” จางเหลียนฮวาอ้าปากกว้าง “ผู้เฒ่าหลี่กล่าวเช่นนั้นจริงหรือ?”“จริงแท้แน่นอน ตอนนั้นข้าอยู่ที่นั่นเลยได้ยินทุกอย่างชัดเจน”“เช่นนั้นเฉินฝานก็ไม่ธรรมดา แล้วทำไมพี่สาวถึงบอกว่าเขายากจนถึงขั้นภรรยาทั้งสองของเขาแทบจะอดตายเล่า?”ยามนี้จางเหลียนฮวารู้สึกเสียใจมาก ที่ขอให้น้องสาวติดตามมาด้วยเดิมทีนางอยากจะอวดต่อหน้าน้องสาว ให้น้องสาวได้เห็นว่าบ้านเพิ่งสร้างใหม่ของนางที่ปูด้วยอิฐและกระเบื้องสีน้ำเงินนั้นงดงามหรูหราเพียงใด ผลลัพธ์คือ... “พี่สาว… วันละห้าสิบเหวิน เช่นนั้นท่านก็บอกให้พี่เขยไปขอร้องเฉินฝาน ไปขายปลาย่างด้วยคน เขาเป็นหลานชายของพี่เขยไม
"แต่..."หยวนเป่าวัยสามขวบไม่ได้คิดมาก เขาพึมพำเบาๆ “ ตอนนี้ข้าหิวแล้ว ข้าแค่อยากกินของอร่อยๆ”คืนนี้เป็นการนอนหลับที่แย่ที่สุดของเฉินเจียง ในรอบสามปีที่ผ่านมาเฉินฝานซึ่งอาศัยอยู่ข้างๆ ก็นอนไม่หลับเช่นกันคนในหมู่บ้านอยากให้เขาพาทุกคนร่ำรวยไปด้วยกันเขาก็ต้องการเช่นนั้นเพราะด้วยระดับการทำเงินในปัจจุบันของเขา ทำให้เขาไม่สามารถหาเงินมาซ่อมแซมบ้านได้ก่อนวันตังโจ่ยแต่เขาจะหาเงินมากมายในเวลาเพียงสิบวัน แถมยังต้องพาชาวบ้านร่ำรวยไปด้วยได้อย่างไรตอนนี้เป็นฤดูหนาวแล้วทุกสิ่งบนแผ่นดินล้วนขาดแคลนการล่าสัตว์ก็ไม่ใช่ทางเลือกเช่นกัน เพราะเขาไม่สามารถพาชาวบ้านขึ้นภูเขาหัวเสือเพื่อล่าเสือได้แม้ว่าเขาจะมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา แต่ชาวบ้านก็อาจจะไม่ไปกับเขาเขาทำงานด้านการผลิต แต่เพิ่งจะเดินทางข้ามกาลเวลามาไม่ถึงหนึ่งเดือน จึงไม่มีเวลาทำความเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ใดสามารถผลิตในยุคนี้ได้บ้างเขาพลิกตัวไปมา ครุ่นคิดหาวิธีแก้ปัญหาทั้งคืนเริ่มจากปลาก่อนแล้วกัน เขาต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถจ้างคนเพิ่มได้แต่ด้วยวิธีนี้เขาไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จหรือไม่…วันต่อมา ท้องฟ้ายังมืดสลัว เฉินฝานออกเดินท
“มิใช่หรือ? ปลาย่างของพวกเขา เทียบกับของเจ้าได้ที่ไหนน้องเสี่ยวฝาน?”หลี่ซื่อที่ขายขนมอบกับลุงขายขนมเปี๊ยะไม่เพียงต่อสู้เพื่อเฉินฝานเท่านั้น แต่ยังเพื่อตัวของพวกเขาเองด้วยหากการค้าของเฉินฝานซบเซา การค้าของพวกเขาก็จะซบเซาลงเช่นกัน“ขอบคุณพี่ซื่อกับท่านลุงที่พยายามต่อสู้ต่อกับความไม่ถูกต้องเพื่อข้า พอดีวันนี้ข้ามีบางอย่างต้องทำ จึงต้องเก็บร้านก่อน” เฉินฝานรีบขอบคุณพวกเขา เพราะเขาต้องการจากไปแล้ว …ขณะที่เฉินฝานเดินทางไปตลาด หมู่บ้านซานเหอก็ค่อนข้างวุ่นวาย“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าไร้เดียงสาเกินไป เจ้าจะเชื่อคนอย่างเฉินฝานได้อย่างไรกัน”“เมื่อวานพวกเจ้าแต่ละคนไปขอร้องเขา ช่างน่าขบขันยิ่งนัก เห็นอยู่ว่าเขาวิ่งหนีไปแล้ว โง่หรือไงกัน”จูต้าอันกับชาวบ้านที่ไม่ได้ไปขอร้องเฉินฝานเมื่อวานนี้ ต่างหัวเราะเยาะชาวบ้านที่ไปห้อมล้อมเฉินฝานเมื่อวาน“จูต้าอันเจ้าไม่ใช่หรือที่เพิ่งวิ่งหนีหางจุกตูด?” เฉียนลิ่วตอบโต้จูต้าอัน “เมื่อวานซืนใช่หรือไม่? เจ้าถูกเฉินฝานทุบตีจนมีสภาพเหมือนคางคกยืนไม่ได้” เมื่อวันก่อน เขาถูกเฉินฝานทุบตีต่อหน้าผู้คนมากมายนับเป็นช่วงเวลาน่าอับอายที่สุดของจูต้าอัน ที่เคยพบ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ