“เจ้าค่ะ!” ลู่ชุนเยี่ยนลุกขึ้นยืนจากจักรเย็บผ้า ตอบกลับเสียงอ่อนหวาน“...” เฉินฝานบ่นในใจ เหตุใดลู่ชุนเยี่ยนจึงต่างจากเมื่อครู่นางในตอนนี้...อ่อนโยนดั่งน้ำ เคล้าไปด้วยความเขินอาย แววตาที่มองเขา เปี่ยมไปด้วยความลุ่มหลง เคล้าไปด้วยเสน่หาเฉินฝานชะงักเขาคล้ายจะเข้าใจสิ่งที่ฉินเย่ว์เหมยพูดก่อนกลับแล้วคืนนี้ ถึงคราเปิดป้ายสนมลู่คอเกร็งเล็กน้อย ไม่อาจมองลู่ชุนเยี่ยนด้วยความสงบเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ววไม่รู้ว่าเป็นเพราะตื่นเต้นหรือดีใจ ตอนลู่ชุนเยี่ยนเดินมาหาเฉินฝาน นางสะดุดล้ม“ระวัง!”ลู่ชุนเยี่ยนล้มลงในอ้อมกอดอบอุ่นเวลานี้ มือข้างหนึ่งของเฉินฝานประคองนาง มืออีกข้างอยู่บนจักรเย็บผ้า พยุงเอาไว้ไม่ให้ล้มลงสายตาของลู่ชุนเยี่ยนมองไปทางจักรเย็บผ้าไม่ถึงหนึ่งวินาทีตอนถอนสายตากลับมา ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมานางไม่อยากรอคืนนี้แล้วในเมื่อวาสนาของนางกับเฉินฝาน มาจากจักรเย็บผ้า เช่นนั้น...“ใต้เท้า!” จู่ๆ ลู่ชุนเยี่ยนก็ยื่นมือไปกอดคอเฉินฝานเฉินฝานไม่ทันสังเกตว่าลู่ชุนเยี่ยนจะมีการกระทำเช่นนี้ เขาจึงไม่ได้ระวังตัว ถูกลู่ชุนเยี่ยนกอดเอาไว้ลู่ชุนเยี่ยนล้มลงบนจักรเย็บผ้า ร่างกายขอ
สีหน้าของลู่ชุนเยี่ยนฉายความอิ่มเอม หลังจากจัดเสื้อผ้าอาภรณ์เรียบร้อย นางก็เปิดม่าน“ซืออี๋ ลูกมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”ลู่ซืออี๋ในเวลานี้ พวงแก้มแดงก่ำ เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ล้มตัวลงนอนบนเก้าอี้“ท่านแม่ ใต้เท้า”เสียงของลู่ซืออี๋ อ่อนแรงยิ่งกว่า ลู่ชุนเยี่ยนที่ถึงจุดหฤหรรษ์เมื่อครู่เสียอีกเฉินฝานและลู่ชุนเยี่ยนมองหน้ากันครู่หนึ่งไม่ต้องเอ่ยปาก ก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเฉินฝานคว้าเสื้อตัวหนึ่ง เดินไปทางลู่ซืออี๋เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่มไปหมดแล้ว หากไม่เปลี่ยนต้องเป็นหวัดแน่ๆ“ใต้เท้า ข้าจัดการเองเจ้าค่ะ!”ลู่ชุนเยี่ยนรับเสื้อผ้ามาจากมือเฉินฝาน“ข้าบอกท่านแล้ว เมื่อครู่ไม่ควรใจร้อนเช่นนั้น ตอนนี้สร้างปัญหาแล้ว” เฉินฝานพูด“จะเป็นการสร้างปัญหาได้อย่างไรเจ้าคะ ให้นางลิ้มรสความรู้สึกนั้นก่อนก็ดีเหมือนกัน ถึงเวลาตอนปรนนิบัติรับใช้นายท่าน กระวนกระวายทำตัวไม่ถูก รบกวนความสุขของนายท่านหมดเจ้าค่ะ” ลู่ชุนเยี่ยนตอบอย่างไม่ใส่ใจ“...”เช่นนี้ก็ได้ด้วยหรือ?เฉินฝานหมดคำจะโต้เถียง...ระยะเวลาแข่งขันหนึ่งเดือนมาถึงแล้วเพิ่งเริ่มต้นท้องพระโรงเช้า ฉินเย่ว์เหมยก็ป่าวประกาศ
หลิวเกาจัวอยากใช้คำพูดประชดประชันเฉินฝาน แต่กลับถูกเสิ่นหยวนเลี่ยงพูดแทรก “กำลังบาดเจ็บ ก็กลับไปนอนพัก มาเข้าท้องพระโรงเช้าอะไรกัน!”“ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของใต้เท้าเสี่ยวเสิ่น!” หลิวเกาจัวฟังออกว่าเสิ่นหยวนเลี่ยงไม่พอใจ แต่เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นหยวนเลี่ยงจึงไม่พอใจเสิ่นหยวนเลี่ยงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเลขากรมการ ตามหลักปฏิบัติในอดีตที่ผ่านมา ตระกูลเสิ่นควรจัดงานเลี้ยงฉลองพวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวน เตรียมของขวัญแล้ว รอเทียบเชิญจากตระกูลเสิ่นแต่พวกเขารออยู่นาน ยังคงไม่ได้รับเทียบเชิญบุคคลเฉกเช่นหลิวเกาจัว นึกว่าตนถูกลืม จึงวิ่งแจ้นไปจวนเสิ่น ตั้งใจแสดงความจงรักภักดี แต่กลับพบว่านอกจวนเสิ่นเงียบสงัดขณะที่พวกเขาฉงนสงสัย ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่นั้นภายในจวนเสิ่น...สามพ่อลูกตระกูลเสิ่น นั่งอยู่ในห้องหนังสือ คนหนึ่งสีหน้าเคร่งเครียดกว่าอีกคนหนึ่งสาวใช้และบ่าวรับใช้ที่ปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง กลัวจะทำให้หนึ่งในสามพ่อลูกตระกูลเสิ่นไม่พอใจ แล้วถูกประหาร“ตึ้ง!”ดวงตาทั้งสองข้างของเสิ่นหมิงหยวน เขาปล่อยหมัดลงบนโต๊ะอย่างแรง “ช่างเป็นแผนการที่ร้ายกาจจ
“ไปรับเสี่ยวฉู่ เสี่ยวฉู่ไม่อยู่ในเรือนหรือ?” สีหน้าของเฉินฝานฉายความฉงน“เสี่ยวฉู่ไปร่ำเรียนในโรงเย็บปักแล้วเจ้าค่ะ ช่วงที่ผ่านมานี้นายท่านงานยุ่ง ข้าจึงไม่ได้บอกท่านเจ้าค่ะ!”โรงเย็บปัก สถานที่ร่ำเรียนของคุณหนูตระกูลใหญ่ในอดีตไม่เพียงวิชาเย็บปักถักร้อย ศิลปวิทยาทั้งสี่ก็เช่นเดียวกัน รวมถึงมารยาทในพิธีการต่างๆ“นายท่าน ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือ เวลานี้เสี่ยวฉู่น่าจะเลิกเรียนแล้ว ข้าต้องรีบไปเจ้าค่ะ”“ให้ข้าไปเถอะ!”เฉินฝานดึงตัวฉินเย่ว์โหรวกลับมาตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ต้องเผชิญหน้าต่อสู้กับพ่อลูกตระกูลเสิ่นมาโดยตลอด ชีวิตในทุกวันงานยุ่งยิ่งนัก ไม่ได้สร้างความสัมพันธ์กับฉินเย่ว์ฉู่มานานแล้วเจ้าเด็กนั่นต้องโกรธเขามากแน่นอน...โรงเย็บปักตวนหย่าโรงเย็บปักที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง โรงเย็บปักที่ดีที่สุดในเมืองหลวง มัวมัวที่สอนเย็บปักถักร้อยในนี้ ล้วนเป็นซางกงที่เกษียณอายุออกมาจากวังหลวงซางกงเหล่านี้ ในอดีตพวกเขาคอยสอนมารยาทและพิธีการต่างๆ ให้กับสนมและองค์หญิงทั้งหลายแม้จะรีบเพียงใด สุดท้ายเฉินฝานก็มาสายเห็นรถม้าจวนเฉินจากที่ไกลๆ เสาเย่ารีบวิ่งมาทันที เมื่อเห็นว่าคนที่ลงจา
“เป็นความจริงที่ว่ามองแล้วสบายตากว่าพวกคุณชายในเมืองหลวงมาก”ฉินอวี่จวิ้นจู่คนโตพูดความจริงจวิ้นจูคนโตอายุยังมามาก นางอายุมากกว่าฉินเยียนเพิ่งครึ่งชั่วยามเท่านั้น“ใต้เท้าเฉินมารับเสี่ยวฉู่ด้วยตนเอง อีกทั้งเขายังอ่อนโยน ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกสงสารเสี่ยวฉู่ อายุน้อยๆ ก็แต่งงานออกเรือน ตอนนี้เห็นใต้เท้าเฉินแสนดีเช่นนี้ ข้ารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย”บรรดาพี่สาวของพวกนาง เป็นถึงจวิ้นจู่ ทว่าสามีของพวกนางไม่เคยพูดจาอ่อนโยนเช่นนี้กับพวกนางมาก่อน ไม่ตะคอกเสียงดังก็ดีมากแล้วฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ยินว่าเฉินฝานพูดอะไร คิดว่าเขาบอกให้นางรีบเดินจึงถลกกระโปรงขึ้นสูงกว่าเดิม แล้วเริ่มวิ่งแสงอาทิตย์อัสดง ส่องกระทบบนตัวนาง เผยให้เห็นลำแสงสีส้มอ่อนโยนภาพนี้ เฉินฝานมองจนใจลอยใบหน้าแปดเปื้อนเมื่อสองปีก่อน เด็กสาวที่มองเขาด้วยความเกลียดชังและหวาดกลัว โตขึ้นไม่น้อยนางในวัยสิบสอง มีความเป็นสตรีไม่น้อย“ตึ้ง!”ฉินเย่ว์ฉู่ที่กำลังวิ่งอยู่นั้น ชนกับใครบางคนคนตรงหน้าเป็นผู้ใหญ่ นางเป็นเด็ก เมื่อชนกันเช่นนี้นางจึงกระเด็นออกไป“เสี่ยวฉู่!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไป โชคดีที่เขาเป็นคนมีฝีมือ รับฉินเย่ว์ฉู่ไว้ได
เข้ามาห้องหนังสือทีไร เฉินฝานมักหยิบลูกดอกตามความเคยชิน แต่เขาถือเล่นเพียงในมือ ไม่ได้โยนออกไปเหอจื่อหลินมองกระดานปาเป้าบนกระดานปาเป้ามีชื่อขุนนางแต่ละคนในราชสำนัก มีลูกดอกดอกหนึ่งปักไว้บนนั้นเหอจื่อหลินเพ่งมองดี ๆ ชื่อที่มีลูกดอกปักไว้นั้นชื่อหลินชาง“พี่จื่อหลิน พี่จะพูดเรื่องไป่เผยหรานกับข้าไม่ใช่หรือ?” เฉินฝานกล่าว“อ๋อ!” เหอจื่อหลินดึงสายตากลับมาแล้วเริ่มเล่าเริ่มตั้งแต่ต้นปี เมืองหลวงเริ่มมีหญิงสาวจำนวนมากหายตัวไปเมื่อได้รับการแจ้งความ ไป่เผยหรานจึงเริ่มตรวจสอบตรวจสอบอยู่ ก็พบว่าหญิงสาวที่หายตัวไป กลับอยู่ในเรือนของไป่เผยหรานขณะที่เลขาธิการกรมยุติธรรมสื่อซงพาคนบุกทะลวงเรือนของไป่เผยหราน หญิงสาวคนนั้นเปลือยร่างถูกมัดไว้กับเตียงของไป่เผยหราน สภาพถูกทรมานเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย“นี่ชัดเจนมากว่าไป่เผยหรานตรวจพบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามใส่ร้าย” เฉินฝานกล่าว“ใช่ เพียงแต่ว่า…” เหอจื่อหลินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เลขาธิการกรมยุติธรรมสื่อซงกลับดูไม่ออก ไม่อนุญาตให้เผยหรานได้กล่าวแก้ต่าง ประกาศปิดคดี ปลดเผยหรานลงมาเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการระดับชั้นเจ็ดตรงนั้นทันที”“สื่
เหอจื่อหลินคุ้นชินนานแล้ว เขาขยี้ผมของเสี่ยวจวี๋ “ไปเล่นเถอะ!”เสี่ยวจวี๋วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนได้รับนิรโทษกรรมเรือนหน้าจัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่เรือนหลังกลับยุ่งเหยิงไม่เป็นท่าเหอจื่อหลินโน้มตัวลงไปขยับของที่พื้นออกเพื่อให้เฉินฝานมีทางเดิน“ตั้งแต่ถูกปลดตำแหน่งลงมาเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ เผยหรานก็เลือกพักที่เรือนหลัง ไม่เคยให้ภรรยากับบุตรสาวเข้ามา”เฉินฝานเดินตามเหอจื่อหลินมาถึงห้องเล็กเพียงห้องเดียวของเรือนหลังยืนอยู่หน้าห้อง เฉินฝานอดไม่ได้ที่จะปิดจมูกกลิ่นอับของห้องฉุนมาก“ปัง!”ขวดเหล้าขวดหนึ่งลอยออกจากข้างใน“ข้าพูดแล้วไม่ใช่เรอะ…”“น้องไป่ ข้าเอง เหอจื่อหลิน!”ไป่เผยหรานที่อยู่ข้างในจู่ ๆ เงียบลงกระนั้น เขาก็ไม่ออกมาเฉินฝานและเหอจื่อหลินยืนตรงนั้นครู่ใหญ่ ไป่เผยหรานที่อยู่ข้างในก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมา“ข้าเข้าไปเรียกเขาเอง!”“ไม่เป็นไร!”เฉินฝานห้ามเหอจื่อหลิน จากนั้นเปิดฝาโถสุราดอกท้อออกไม่ถึงสามวินาที ไป่เผยหรานก็พุ่งออกมาจากห้องเล็ก จมูกสูดดมไม่หยุด เดินตามกลิ่นหอมสุราจนมาถึงตรงหน้าเฉินฝานไป่เผยหรานดวงตาลุกวาว จ้องสุราดอกท้อในมือของเฉินฝ
ไป่เผยหรานชะงักเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อว่าซูซิวฉีเป็นคนขอให้เฉินฝานมาเหอจื่อหลินดื่มเหล้าจอกหนึ่งเข้าไปแล้วพยักหน้า “ใต้เท้าเฉินได้รับการเชิญจากใต้เท้าซู จากนั้นฝ่าบาทเสด็จไปรับที่อำเภอผิงอันด้วยตัวพระองค์”“หากพูดให้ถูกต้อง ฝ่าบาทไม่ได้เสด็จไปรับ แต่จับตัวมา!” เฉินฝานกล่าวเสียงเบาหากฉินเย่ว์เหมยไม่ใช่พี่สาวของพวกฉินเย่ว์โหรวเกรงว่า ตอนนี้เขาคงได้กลับอำเภอผิงอันแล้วไป่เผยหรานตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เขาดื่มเหล้าติดต่อกันสามจอก ถึงเงยหน้าอีกครั้งเงยหน้าครั้งนี้ แววตาของเขาแจ่มชัด ไม่มีแล้วร่องรอยของอาการมึนเมาเฉินฝานยิ้มเขารู้ว่าไป่เผยหรานไม่ได้เมาตั้งแต่แรก เขามีสติอยู่เสมอ“เจ้าจะทำอย่างไร?” ไป่เผยหรานเอ่ยถามเฉินฝานเงยหน้ามองท้องฟ้า จัดระเบียบเสื้อผ้าเล็กน้อยแล้วยืนขึ้น “เวลาไม่เช้าแล้ว ภรรยาของข้ายังรอข้ากลับไปกินข้าวด้วย?”“เด็กน้อย มาตรงนี้!”ก่อนจากไป เฉินฝานหยิบตุ๊กตาปักลายออกจากอ้อมอกและมอบให้ลูกสาวของไป่เผยหราน-เมื่อวานเห็นว่าฉินเย่ว์ฉู่มีความสุขมาก วันนี้หลังจากเลิกเรียน เฉินฝานจึงไปรับนางอีกห่างจากโรงเย็บปักตวนหย่ายังเหลืออีกหนึ่งถนน แต่รถม้ากลับหยุด
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ