เฉินฝานอุทานอย่างช่วยไม่ได้เสน่ห์เย้ายวนบนเรือนร่างของนาง เสิ่นไต้มั่นและเหออวี่ถงเทียบไม่ติดแม้แต่น้อยรีบรุดหน้าขึ้นมาทว่าไม่ลนลาน นางสวมอาภรณ์สีเหลืองอ่อน บนหน้าผากมีลูกผมบางๆสองสามเส้น ตอนที่นางรุดหน้ามา สั่นไหวไปมาเล็กน้อย ทำให้นางดูสวยและอ่อนโยนมากกว่าเดิมเสียอีกถึงแม้จะเคยคลอดลูกมาแล้ว มว่าทรวดทรงองค์เอวยังคงเรียวบางอย่างมาก ใช้เข็มขัดเมฆาผูกรัด ทำให้เห็นความเรียวบางของเอวชัดเจนขึ้นศีรษะประดับด้วยปิ่นปักผมหยกสีเขียวอ่อน ทำให้ใบหน้างดงามดั่งบุปผาของนางมีเสน่ห์เหลือล้นบนผิวพรรณและใบหน้าไร้การแต่งแต้มใดๆทว่าก็ยังคงขาวผ่องริมฝีปากสีชาดขบเม้มเบาๆ ขาวดั่งหิมะ แดงราวกับเปลวเพลิง งดงามเย้ายวนใจงามวิจิตร เรือนร่างที่อวบอิ่ม การเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถ เสน่ห์เย้ายวนที่ยากยับยั้งชั่งใจแผ่ซ่านไปทุกที่งดงามงดงามเป็นอย่างมาก...เฉินฝานตกตะลึงหมดคำพูดไปครู่ใหญ่หาคำมาพรรณนาความงามของหญิงสาวที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆยากที่จินตนาการได้ว่าหญิงสาวคนหนึ่งที่อายุสามสิบปี กลับให้ความรู้สึกที่เห็นแล้วรู้สึกเห็นใจอย่างรุนแรงปลุกเร้าความปรารถนาที่ปกป้องและอยากพิชิตในเบื้องลึกของจิ
“พระนาง”เฉินฝานเรียกไปสามครั้ง ลู่ชุนเยี่ยนจึงได้สติกลับมา“ใต้ ใต้เท้า มีเรื่องอันใด?” ลู่ชุนเยี่ยนก้มหน้าลง แสดงความต่ำต้อยของนางจนเคยชินความระมัดระวังตัวและการด้อยค่าของลู่ชุนเยี่ยน เฉินฝานรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยแท้ที่จริงแล้วสตรีผู้นี้ผ่านความอยุติธรรมมากมายเพียงใด จึงให้นางรู้สึกต่ำต้อยเช่นนี้สตรีที่งดงามและปราดเปรื่องเช่นนี้ ไม่ควรจะเจอเคราะห์ร้ายมากมายเช่นนี้“พระนาง ตำแหน่งของท่านสู้กว่าข้า ท่านไม่จำเป็นต้องระวังตัวเช่นนี้หรอก”“ขอบคุณใต้เท้า!” ลู่ชุนเยี่ยนมึนงงไปครู่ใหญ่ จึงปริปาก น้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยไม่เคยมีผู้ใดกล่าวกับนางเช่นนี้“......” เฉินฝานรู้สึกจนปัญญา ไยนางยังต้องกล่าวขอบคุณอีกเฮ้อ ช่างเถอะสตรีในยุคนี้ไม่ว่าฐานะจะสูงต่ำ ความต่ำต้อยก็ซึมลึกเข้าไปในกระดูกของพวกนางแล้วเฉินฝานชี้เครื่องจักรด้านหน้าตนเอง “พระนาง นี่ก็คือจักรเย็บผ้า”พวกเขานำรถม้ามาสองคัน คันหนึ่งบรรทุกคน อีกคันหนึ่งบรรทุกจักรเย็บผ้า“นี่เป็นเครื่องจักรผลิตเสื้อผ้าขั้นเทพที่ร่ำลือกันงั้นหรือ? ท่านสามารถใช้งานให้หม่อมฉันดูครั้งหนึ่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นจักรเย็บผ้า ลู่ชุนเยี่ยน
ใบหน้าของเด็กสาวทั้งลนลานและเขินอาย ใบหน้าแดงก่ำ ยิ่งมองยิ่งเปล่งประกายความงาม“ใต้ ใต้เท้า อี๋เอ๋อร์ไม่ทราบว่าเป็นใต้เท้า ใต้เท้าได้โปรดให้อภัย!” เด็กสาวลนลานคุกเข่าขอความเมตตา“พระนางลู่ผิน ดูเจ้าสิ ทำให้เด็กตื่นตกใจแล้ว นางเพียงไม่ทันได้ระวังเท่านั้นเอง” เฉินฝานโน้มตัวกำลังจะพยุงเด็กสาวให้ลุกขึ้นเด็กสาวกลับเร็วกว่าเขาหนึ่งก้าว ร่างปราดเปรียวของนาง วิ่งออกจากด้านหน้าเฉินฝานด้วยความรวดเร็ว วิ่งไปข้างกายลู่ชุนเยี่ยนด้วยความว่องไว“ท่านแม่ ดูเถอะ ท่านชอบทำให้ลูกตกใจ ใต้เท้าเฉินเป็นคนดีมีคุณธรรม ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กอย่างแน่นอน ใต้เท้า...”ระหว่างที่เด็กสาวพูดก็หันหน้าไปพูดกับเฉินฝาน “คำพูดของท่านก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน เมื่อวานบ่าวเข้าสู่ช่วงวัยที่สามารถออกเรือนได้แล้ว ไม่ใช่เด็ก เป็นผู้ใหญ่แล้ว บ่าวนามว่าลู่ซืออี๋ ท่านสามารถเรียกบ่าวว่าซืออี๋ก็ได้เพคะ”“อืม!” ฉินเย่ว์เหมยที่เงียบไปนานพูดเสียงเรียบนิ่ง “ซืออี๋โตขึ้นไม่น้อยเลย ทว่าที่ข้าดู ร่างกายเจ้าสูงขึ้นแล้ว นิสัยก็ยัง...”“ฝ่า ฝ่าบาท!”ลู่ซืออี๋ที่แต่เดิมหน้าแดงก่ำน่ารักขี้เล่น เปลี่ยนไปอย่างมากทันที รีบลนลานคุกเข่ากับพื้
“ลู่ผิน!”เสียงของเสิ่นหมิงหยวน ทำให้สาวใช้ที่รินน้ำชาให้เขาตื่นตกใจ กาน้ำชาในมือของสาวยกมาอย่างโคลงเคลง น้ำชาที่ร้อนลวกหกออกมาจากกาน้ำชาตกกระทบใส่มือเสิ่นหมิงหยวนทันที“เพียะ!”เสิ่นหมิงหยวนยื่นมือไปตบหน้า “บ่าวชั่วช้า เจ้าคิดจะลวกข้าให้ตายหรือกระไร?“ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิต ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิต!” สาวใช้คุกเข่าด้วยสีหน้าซีดเผือด ก้มศีรษะกับพื้นไม่หยุดน่าเสียดายที่...ต่อให้นางจะก้มศีรษะจนหัวเต็มไปด้วยเลือด เสิ่นหมิงหยวนก็ไม่ปล่อยนางไปอยู่ดี เพียงแค่ประโยคเดียว ก็สามารถทำให้นางถูกเฆี่ยนตีจนตายได้“ท่านพ่อ เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรจะทำเช่นไร?”สาวใช้ผู้นั้นเพิ่งจะถูกลากตัวออกไป เสิ่นหยวนฮวาและเสิ่นหยวนเลี่ยงแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน“ทำเช่นไร ทำเช่นไร!” เสิ่นหยวนหมิงเดือดดาลนำถ้วยชาด้านขว้างใส่ร่างเสิ่นหยวนฮวา “เจ้าคนไร้ประโยชน์ นอกจากถามว่าทำเช่นไร พูดอย่างอื่นไม่ได้แล้วหรือกระไร?”“ท่านพ่อ...”เสิ่นหยวนฮวาสีหน้าตกตะลึงและมีความน้อยใจเล็กน้อยหยวนเลี่ยงก็ถามว่าทำเช่นไรมิใช่หรือ? ไยท่านพ่อจึงด่าเขาคนเดียวไม่ด่าหยวนเลี่ยง“ท่านพ่อ เช่นนั้นให้หลี่ชิ่งพากองกำลังรักษาเมืองหลวงบุกเข้าไป
“ที่เจ้าหมายถึงคือ ขั้นต่อไปเจ้าจะกำจัดหลินชาง แล้วขึ้นเป็นเลขาธิการกรมคลังงั้นหรือ?”ไม่รอให้เฉินฝานพูด ฉินเย่ว์เหมยรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่ได้ เจ้าทำเช่นนี้อันตรายเกินไป อีกอย่างไม่ต้องพูดถึงจัดการหลินชางเป็นเรื่องที่ยากมาก ต่อให้เจ้ากำจัดเขาได้ เงินเป็นชีวิตของเสิ่นหมิงหยวน เขาไม่มีทางให้เจ้าเป็นเลขาธิการกรมคลังเด็ดขาด”“ไม่ลองดูจะรู้ว่าทำไม่สำเร็จได้เยี่ยงไร?” เฉินฝานกล่าวอย่างมุ่งมั่นแน่วแน่“เหลวไหลสิ้นดี!” ฉินเย่ว์เหมยตวาดลั่น “เจ้าไม่รู้หรือว่าหากไม่สำเร็จจะผลเสียที่ตามคืออะไร? ชีวิตของเจ้า ชีวิตของเหล่านั้นสาว แม้กระทั่งชีวิตของข้า”เห็นฉินเย่ว์เหมยกังวลเช่นนั้น เฉินฝานพูดอย่างสบายใจ “วางใจเถอะ เจ้ายังไม่ได้แต่งงานกับข้าเลย ข้าจะตายได้เยี่ยงไร และจะยอมให้เจ้าตายได้เยี่ยงไร?”“เจ้า...”ใบหน้าฉินเย่ว์เหมย แปดเปื้อนสีแดงที่ทำให้คนยากสังเกตเห็น “ผู้ชายมักมากหน้าด้าน!”นางหยิบหีบห่อพัสดุหนึ่งอันขว้างใส่ร่างเฉินฝาน “ลู่เฟยอยากได้เสื้อขนสัตว์สองตัวมาโดยตลอด นางรีบร้อนออกจากวังไป ลืมเอาไป เจ้าเอาไปส่งให้นางเถอะ”เฉินฝานรับหีบห่อพัสดุ ตอบรับอย่างตรงไปตรงมา “ได้เลย”เขากำลัง
นางรีบวางทัพพีในมือลง ดึงเสื้อผ้าขึ้นด้วยความระมัดระวังและประหม่า “ใต้เท้า ท่านมาถึงแล้ว เหตุใดไม่ให้คนมารายงาน ข้าน้อยจะได้เปลี่ยนชุดเจ้าค่ะ” “ท่านแม่ ลูกว่าเสื้อผ้าที่ท่านสวมอยู่ตอนนี้ก็งดงามมากแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยน” ลู่ซืออี๋รีบกล่าว ลู่ชุนเยี่ยนถลึงตามองลู่ซืออี๋ “เจ้าจะเข้าใจอะไร?” “ข้าเห็นพ้องกับซืออี๋ ข้าเองก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าที่พระชายาลู่สวมนั้นงดงามมาก” เฉินฝานยิ้มบางๆ แล้วพูด ไม่ได้ประจบ และไม่ได้คลายความกระอักกระอ่วน เฉินฝานรู้สึกว่าลู่ชุนเยี่ยนใส่ชุดนี้สวยจริงๆ ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้อยู่เมืองหลวงพบเจอคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราเป็นประจำ ลู่ชุนเยี่ยนแต่งกายเรียบๆ เช่นนี้ ทำให้เฉินฝานรู้สึกสบายตาอย่างมาก นางไม่มีเครื่องประทับบนผมใดๆ มีเพียงช่อดอกไม้ประดับผม ทำให้นางดูเรียบร้อยและสง่างามเป็นพิเศษ คล้ายพบเจอความสงบหลังจากผ่านธุรีแดงต่างๆ ได้รับคำชมจากเฉินฝาน ลู่ชุนเยี่ยนก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย นางย่อตัวเล็กน้อยเป็นการขอบคุณเฉินฝาน “ขอบคุณคำชมของท่านใต้เท้าเจ้าค่ะ ข้าแซ่ลู่ น้อมคารวะใต้เท้า” นี่คือความเขินอายของหญิงสาวที่เบโตแล้ว กิริยาต่างๆ ฉายเสน่ห์ที่เอ่อล้น
การกระทำนี้ของเขา น้ำเสียงอ่อนโยนนี้ของเขา เปลี่ยนชีวิตของลู่ซืออี๋ทั้งชีวิตลู่ซืออี๋ในเวลานี้ หัวใจเต้นแรง พวงแก้มแดงระเรื่อจนยากจะควบคุมกลัวลู่ชุนเยี่ยนและเฉินฝานเห็นความผิดปกติ นางรีบวิ่งออกไปด้วยความกระวนกระวายลู่ชุนเยี่ยนส่ายหน้า นางคิดว่าเป็นเพียงความซุกซุนของลู่ซืออี๋เท่านั้นหลังจากลู่ซืออี๋ออกไป เฉินฝานและลู่ชุนเยี่ยนพูดคุยเรื่องตัดเย็บเสื้อผ้านอกจากทำเสื้อผ้าสำเร็จรูปแล้ว เฉินฝานอยากซื้อจักรเย็บผ้า“ใต้เท้า ท่านคิดถูก พวกเราจะซื้อจักรเย็บ ใต้เท้า ท่านว่า...”ลู่ชุนเยี่ยนหยิบพู่กันและกระดาษขึ้นมา คิดคำคำนวณพร้อมกับพูด “เสื้อหนึ่งตัว ตั้งราคาขายได้สูงสุดสิบตำลึง แต่ว่าจักรเย็บผ้า พวกเราสามารถขายได้เครื่องละห้าร้อยตำลึง ข้าสังเกตดูแล้ว อะไหล่หลายอย่างของจักรเย็บผ้า เมื่อใช้เป็นเวลานานต้องเปลี่ยน”“เมื่อลูกค้าต้องการเปลี่ยนอะไหล่ พวกเขาต้องซื้อกับเรา ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ถามข้า ใต้เท้าคิดค้นจักรเย็บผ้าขึ้นมา จะสร้างรายได้ให้ท้องพระคลังมากเท่าใด ข้าน้อยตอบไปว่าหนึ่งร้อยล้านตำลึง”“ตอนนี้คิดคำนวณดูแล้ว ข้าน้อยคิดค่อนข้างรอบคอบ ต้องไม่ใช่แค่หนึ่งร้อยล้านตำลึงแน่นอน อย่างน้
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่ชุนเยี่ยนจับไก่กลับมาหนึ่งตัว เดิมทีเฉินฝานตั้งใจจะช่วยลู่ชุนเยี่ยนจัดการไก่ แต่ลู่ชุนเยี่ยนไม่ยอมไม่อาจเอาชนะนางได้ เฉินฝานได้แต่ทำเพียงงานง่ายๆ เช่นก่อไฟเป็นต้นลู่ซืออี๋ยืนอยู่หน้าประตูห้องครัว มองเฉินฝานและลู่ชุนเยี่ยนง่วนอยู่ในครัว กระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พวงแก้มทั้งสองข้างเผยให้เห็นลักยิ้มแสนน่ารักตอนที่ทั้งสามคนนั่งกินข้าวด้วยกัน จู่ๆ ลู่ซืออี๋ก็คีบน่องไก่ให้เฉินฝานเฉินฝานเพิ่งกล่าวขอบคุณ ลู่ซืออี๋ก็พูดสิ่งที่น่าตกใจ “ท่านแม่ ซืออี๋ยกน่องไก่ให้ท่านใต้เท้า ใต้เท้าเป็นพ่อของข้าดีไหมเจ้าคะ?”“พู่!”เฉินฝานข้าวพุ่งทันทีข้าวในปากของเฉินฝานพุ่งออกมาทันทีลู่ชุนเยียนรีบปิดปากลู่ซืออี๋เอาไว้“อี๋เอ๋อร์ ห้ามพูดจาเหลวไหล!”“อื้อๆๆ...”แม้ลู่ซืออี๋จะพูดไม่รู้เรื่อง แต่เฉินฝนและลู่ชุนเยี่ยนต่างได้ยินอย่างชัดเจนนางบอกว่า “ท่านแม่ หรือว่าท่านไม่ชอบใต้เท้าหรือเจ้าคะ?”เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าสง่างามของลู่ชุนเยี่ยน แดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเด็กน้อยคนนี้คิดจะเอาชีวิตนางจริงๆนางร้องเรียกพร่ำเพรื่อเช่นนี้ ทำให้ตนหัวใจเต้นแรงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขว
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ