บุญคุณและความแค้นเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างฉินเย่ว์เหมยกับเฉินฝาน แน่นอนว่าพวกเหอจื่อหลินย่อมไม่มีทางรู้เหอจื่อหลินชี้ไปยังหมอนที่เฉินฝานกอดเอาไว้ “เฉินซือเจี๋ย กอด กอดนี้ของท่าน...”“หมอนกอด!” เฉินฝานพูด“อ่อ ใช่ หมอนกอดๆ ชื่อเรียกไม่สำคัญ” เหอจื่อหลินโบกมือ “สิ่งสำคัญคือข้าเพิ่งค้นพบว่าสิ่งที่ท่านทำ ใช้เวลาหนึ่งจิบน้ำชาเท่านั้น ความเร็วนี้ช่างน่าอัศจรรย์อย่างมาก!”“เฮ้อ! หากไม่เร็ว น้องฝานจะชมตัวเองเช่นนี้ได้อย่างไร การชื่นชมตนเองของน้องฝาน ไม่เคยสูญเปล่า”สีหน้าของหลี่ซานเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจรู้จักเฉินฝาน ทั้งยังกลายเป็นพี่น้องคนสนิทของกันและกัน คือวาสนาที่เขาหลี่ซานทำบุญสั่งสมมานับร้อยชาติ“เป็นความเร็วที่น่าอัศจรรย์จริงๆ ของสิ่งนี้ สตรีห้าสิบคนรวมกันยังไม่อาจเทียบได้”กลุ่มพ่อค้าแคว้นฉู่ก็ชมไม่หยุด“ห้าสิบคน? หึ!” หลี่ซานหัวเราะในลำคอด้วยความลำพองใจ เขาชูนิ้วโป้งและนิ้วชี้ขึ้น “เป็ดสิบ สตรีแปดสิบคนรวมกันยังไม่อาจเทียบได้ อีกทั้งต้องเป็นสตรีที่ทำงานรวดเร็ว คนทำงานช้าต้องประมาณหนึ่งร้อยคน”“น้องฝาน เจ้าช่างเก่งจริงๆ!” เหอจื่อหลินตบหัวไหล่เฉินฝาน “แม้จะมีเครื่องต๊าด ต๊าดนี้.
เรื่องนี้ เขาคิดตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นตอนทำจักรเย็บผ้า เขาจึงตั้งใจทำให้ง่ายที่สุด“แต่ว่าตอนนี้มีเพียงครึ่งเดียว แม้จะเร็วเพียงใดก็ไม่พอใช้”“ฝ่าบาท กระหม่อมให้คนทำห้าร้อยตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เฉินฝานหันไปมองหวังอาซื่ออย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก ก่อนเขาออกมาจากอำเภอผิงอัน เขาให้เงินก้อนใหญ่กับหวังอาซื่อ ให้เขาทำเครื่องหลักห้าร้อยเครื่องเวลานั้นตอนเฉินฝานสั่งผลิตจักรเย็บผ้า เขาไม่คาดคิดว่าจะมีชีวิตเช่นตอนนี้ ตอนนั้นเขาแค่อยากขยายธุรกิจ อยากสร้างรายได้เพิ่ม คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะนำมาช่วยชีวิตได้“เสี่ยวฝาน” หวังอาซื่อตบแผงอกของตนเอง “งานที่เจ้ามอบหมายให้ข้าทำ ข้าย่อมไม่อาจรอช้า เงินที่เจ้าเก็บไว้ให้ ไม่เพียงทำได้ห้าร้อยเครื่อง ทำได้หกร้อยหกสิบเจ็ดเครื่องแหนะ และเพื่อความหมายที่ดี ข้าจึงเพิ่มเงินอีกเล็กน้อย ทำทั้งหมดหกร้อยหกสิบแปดเครื่อง”เฉินฝานหันไปยกนิ้วโป้งให้หวังอาซื่อ “หกร้อยหกสิบแปด เยี่ยมมาก!”“นี่เป็นเรื่องบังเอิญไม่ใช่หรือ?” หัวหน้ากลุ่มพ่อค้าแคว้นฉู่สีหน้าฉายความดีใจ “นายจ้างใหญ่แซ่ฉู่ของเราบอกว่า สินค้าที่ถึงมือลูกค้า มากได้แต่ไม่อาจน้อย การค้าจึงจะยาวนาน น้องฝาน งานที่เจ้ามอบหมาย
“ไม่ใช่รถต๊าดต๊าด เรียกว่าจักรเย็บผ้า”“น้องฝาน เรียกว่ารถต๊าดต๊าดเถอะ จักรเย็บอะไรนั่นเรียกยาก อีกทั้งเมื่อครู่ตอนเจ้าเหยียบมีเสียงต๊าดต๊าดดังขึ้น เช่นนั้นเรียกว่ารถต๊าดต๊าดเหมาะสมยิ่งกว่า”“...” นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินฝานไม่อาจพูดเอาชนะคนโบราณได้“ต๊าดบ้าอะไร!” เฉินฝานเตะหลี่ซาน “ยังไม่รีบออกนอกวังหลวงแล้วไปทำงานอีก!”หลี่ซานเอามือกุมสะโพกที่ถูกเฉินฝานเตะจนเจ็บ ปากก็บ่นพึมพำด้วยความดื้อรั้น “รถต๊าดต๊าดก็รถต๊าดต๊าดสิ รถต๊าดต๊าดเพราะดี!”“ใต้เท้าเฉิน!”ตอนเดินออกมาจากพระตำหนักไท่เหอ เจิ้งชิงหัวหน้ากลุ่มพ่อค้าแคว้นฉู่วิ่งมาตรงหน้าเฉินฝาน พูดประจบ “รถต๊าดต๊าดนั้น ข้าขอนำกลับไปให้นายจ้างใหญ่หนึ่งงเครื่องได้หรือไม่ ข้าไม่เอากลับไปฟรีๆ ข้าจะจ่ายเงิน”ในฐานะตัวแทนของฉู่หยางหง ย่อมจ่ายเงินก้อนใหญ่ เจิ้งชิงควักเงินออกมา คือตั๋วเงินจำนวนมากเฉินฝานมองครู่หนึ่งเยี่ยมห้าหมื่นตำลึง“ท่านอาเจิ้ง! มิตรภาพระหว่างท่านกับพี่หยางหง พูดคุยเรื่องเงินเล็กน้อยเท่านี้ จะไม่เป็นการทำลายความสัมพันธ์หรือ? ข้ายกให้เขาหนึ่งเครื่องก็ได้ แค่ว่า...”ขณะพูด เฉินฝานเริ่มลำบากใจ “อาเจิ้ง ท่านเองก็ได้ยินแล้
ภายในพระตำหนักไท่เหอ นอกจากหลี่ซานที่วิ่งมาแล้ว ยังมีฉินเย่ว์เหมย หงอิง พ่อลูกเหอกังและเหอจื่อเฉินฝานขมวดคิ้วเป็นปม “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ปีนี้ดอกฝ้ายเก็บเกี่ยวได้ดีไม่ใช่หรือ?”หลี่ซานส่ายหน้า “ไม่ได้เป็นเพราะเก็บเกี่ยวไม่ดี แต่เพราะหลายวันก่อน มีพ่อค้าต่างแคว้น พวกเขากว้านซื้อในราคาสูง ดังนั้นตอนนี้ชาวบ้านจึงมีดอกฝ้ายในมือไม่มากแล้ว”“ไม่มีดอกฝ้าย เช่นนั้นแม้จะเก่งกาจเพียงใดก็ไร้ความหมาย จะทำเสื้อผ้าฝ้ายและกางเกงผ้าฝ้ายสองแสนตัวได้อย่างไร?” สีหน้าเหอจื่อหลินฉายความกังวล“เหอกัง เหอจื่อหลิน!”ฉินเย่ว์เหมยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกเจ้าสองพ่อลูกนำทหารรักษาพระองค์หนึ่งร้อยนาย มุ่งหน้าไปแคว้นฉู่ ต้องซื้อดอกฝ้ายสองแสนจินภายในสองวันให้ได้”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”เหอกังและเหอจื่อหลินรับคำสั่งแล้วออกไป“ไม่ต้อง!”เฉินฝานขวางทางพ่อลูกตระกูลเหอ “พวกเขาซื้อดอกฝ้ายจากแคว้นเราได้ เช่นนั้นก็ย่อมซื้อดอกฝ้ายในแคว้นฉู่ไปไม่น้อย”“แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรดี อีกเจ็ดวันหากไม่อาจนำเสื้อผ้าฝ้ายออกมาได้ พวกเสิ่นหมิงหยวนต้องบีบให้ฝ่าบาทประหารท่านแน่นอน” เหอจื่อหลินพูดด้วยความร้อนรน“ไม่อยากให้ฆ่าตาย
ชุยต๋าหลุนไม่อยากทำให้ฉินเย่ว์เหมยลำบากใจ แต่ว่าบรรดาสหายกองทัพหมาป่ากำลังรอเสื้อผ้าฝ้ายจากเขาหากตาย ที่ไม่ได้มาจากการสู้รบกับชาวหู แต่เพราะหนาวตาย เช่นนั้นทหารกองทัพหมาป่าทั้งหมดก็ตายตาไม่หลับ“ขุนนางชุย เฉินฝานไปทำงานจริงๆ เจ้ารอหน่อย ตอนนี้เขากำลังรีบกลับมาแล้ว”ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งพูดจบ เสิ่นหมิงหยวนก็พูดทันที “ในเมื่อฝ่าบาทตรัสว่าเฉินฝานกำลังเร่งเดินทางกลับมา เช่นนั้นบอกได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เฉินฝานเร่งเดินทางกลับมาจากทิศทางใด กระหม่อมไม่ได้สงสัยฝ่าบาท แต่ว่า...”เสิ่นหมิงหยวนมองชุยต๋าหลุนปราดหนึ่ง แล้วค่อยพูดต่อ “ประการแรก ให้ท่านนายกองชุยสบายใจ ประการที่สอง กระหม่อมจะได้สั่งให้คน หลีกทางให้เฉินฝาน จะได้ไม่ต้องแจ้งหนังสือเปิดทางอยู่ร่ำไปพ่ะย่ะค่ะ”หลายหน่วยงานในแคว้นต้าชิ่ง ยอมรับคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวน แต่ไม่ยอมรับราชโองการของฉินเย่ว์เหมย นี่เป็นสิ่งที่เสิ่นหมิงหยวนลำพองใจ และเป็นความอับอายของฉินเย่ว์เหมย“ไม่ต้องแล้ว...”“ไม่ต้องแล้ว หรือฝ่าบาทไม่รู้ว่าเฉินฝานไปทิศทางใดพ่ะย่ะค่ะ?” เสิ่นหมิงหยวนพูดแทรกฉินเย่ว์เหมย“สามหาว!” ฉินเย่ว์เหมยตบพนักแขนของบัลลังก์มังกร “เสิ่นหมิงหยวน
ฉินเย่ว์เหมยยังไม่ได้เดินออกจากตำหนักที่เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสิ่นหมิงหยวนก็มีคำสั่งที่สอง“ในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลท้องพระคลังของแคว้น เที่ยวเล่นไม่รับผิดชอบในฐานะ หลบหนีกะทันหัน ไม่สนใจชีวิตทหารกองทัพหมาป่าสองแสนนายทางแดนเหนือ!”“การกระทำนี้ถือเป็นการก่อกบฏเป็นความผิดร้ายแรง เหมาะแก่การประหารชีวิตและยึดทรัพย์สิน หลี่ชิ่ง ข้าขอสั่งให้เจ้าไปจวนเฉิน บุรุษจับเป็นทหาร สตรีจับมาเป็นสาวใช้วังหลวง”“สาวใช้วังหลวงและสตรีในหอโคมแดงเหมือนกัน ทว่าสาวใช้วังหลวงน่ารันทดยิ่งกว่า สตรีหอโคมแดงบริการลูกค้ายังได้รับเงิน เมื่อมีเงินมากพอสามารถไถ่ถอนตนเองได้ ทว่าสาวใช้วังหลวงไม่มีเงิน และไม่อาจไถ่ถอนตัวเองได้“เสิ่นหมิงหยวน...”ฉินเย่ว์เหมยหันขวับกลับไปทันที คว้าดาบออกมาจากเอว กระโดดขึ้นกลางอากาศ พุ่งดาบไปทางเสิ่นหมิงหยวน“ปกป้องใต้เท้า!”“ฝ่าบาท!”เสียงของหลี่ชิ่งและหงอิงดังขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองพุ่งตัวไปหานายของตนพร้อมกัน ดาบของหลี่ชิงขวางหน้าเสิ่นหมิงหยวน ทางด้านหงอิง...“ติ้งตั้ง!”“ตึ้ง!”ฉินเย่ว์เหมยล้มลงบนพื้น นางไม่ได้ล้มเอง แต่ถูกหงอิงทำให้สะดุดล้ม“หงอิง เหตุใดเจ้าจึง...”“ฝ่า
ตรงทางเข้าพระตำหนัก ชายหนุ่มยืนหันหลังให้กับแสง รูปร่างทั้งที่ไม่สูงใหญ่เท่าไหร่ แต่กลับตั้งตรงอยู่ตรงนั้นราวภูเขาที่สูงตระหง่านเมื่อเห็นเฉินฝานแวบนั้น ดวงตาของเฉินเย่ว์เหมยพลันเกิดหมอกขึ้นมา กำลังที่ยึดเหนี่ยวร่างกายไว้ฮวบลงทันใดหากไม่มีหงอิงคอยพยุงนางไว้ คงไม่สามารถยืนไหวด้วยซ้ำ“เขายังรู้ตัวว่าต้องกลับมาเหรอ?” อารมณ์ไม่พอใจคลื่นใหญ่พลันลุกฮือขึ้นในใจเหมือนสามีที่ไม่กลับเรือน กลับมาถึงแล้วในที่สุด เป็นความเดือดพล่านของภรรยาที่มีต่อสามีเฉินฝานเร่งฝีเท้าเดินมาถึงตรงหน้าฉินเย่ว์เหมย เมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของนาง ร่างกายพิงหงอิงเหมือนเจ็บป่วย ก็เกิดความตกใจเล็กน้อย“ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไปหรือ?”ฉินเย่ว์เหมยจ้องเขม่นเฉินฝานอย่างแรง ไม่พูดแม้แต่คำเดียว นางผลักหงอิงออกแล้วเดินไปที่พระที่นั่งมังกรของตนเองอย่างลำบากท่าทางที่แสดงนี้ คือการแสดงและไม่ใช่การแสดงให้เสิ่นหมิงหยวนเห็นว่านางอ่อนแอและเจ็บปวด เป็นความจริงเรื่องนี้ทำให้ร่างกายและใจของนางอ่อนแรง ก็เป็นความจริงเช่นกัน“ผู้นำหง ฝ่าบาททำไมไม่สนใจข้า?” เฉินฝานถามหงอิงหงอิงทำตาขวางให้กับเฉินฝานอีกคน “ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ ใต้เท้
“หนึ่งหมื่นจิน? น้อยเกินไป!” เฉินฝานยังพูดไม่จบ ชุยต๋าหลุนก็พูดขัดจังหวะ“ปีนี้ฝ้ายในตลาดมีน้อยมาก ซื้อมาได้หนึ่งหมื่นจินก็นับว่าไม่น้อยแล้ว เมื่อรวมกับที่เจ้าเมืองสิบเมืองส่งมาให้ก็ไม่น้อยแล้วเหมือนกัน” เสิ่นหมิงหยวนกล่าวฝ้ายในตลาดทุกวันนี้ ถูกเจ้าเมืองแต่ละเมืองรับซื้อไปเกือบหมด เฉินฝานซื้อได้ถึงหนึ่งหมื่นจิน เสิ่นหมิงหยวนรู้สึกว่าเฉินฝานมีความสามารถจริง ๆแต่ว่า มีความสามารถแล้วอย่างไรต่อให้รวมกับฝ้ายห้าหมื่นจินที่เจ้าเมืองสิบเมืองส่งมา บวกกันแล้วก็มีเพียงประมาณหกหมื่นจิน ห่างจากสองแสนจินอีกเกือบครึ่งหนึ่ง“ก็ยังน้อยไป นำทั้งหมดมารวมกัน ก็มีประมาณหกหมื่นจินเท่านั้น ตอนนี้ทางตอนเหนือหนาวมาก เสื้อทำจากฝ้ายไม่มีประโยชน์ด้วยซ้ำ!” ชุยต๋าหลุนใจร้อนราวกับมดที่อยู่บนหม้อร้อน“นายกองทหารชุย อย่าใจร้อนไป!” เฉินฝานกล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่ง “หมื่นจินไม่ใช่ฝ้าย แต่เป็นขนเป็ดขาว”“ขนเป็ดขาว? ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่”ภายในท้องพระโรง นอกจากเฉินฝานกับเหอจื่อหลิน คนอื่น ๆ ไม่มีใครไม่ตื่นตกใจ“พวกท่านไม่ได้ฟังผิด ขนเป็ดขาวนั่นแหละ นี่คือเป็ดขาวที่ชาวบ้านทั้งอำเภอหลีฆ่าตายสามล้านตัวอย่างไม่หล
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่
“ตุ้บ!”หลี่ชิ่งที่แต่เดิมกำลังพยุงหลิวเกาจัวปล่อยมือออกทันทีหลิวเกาจัวที่หกล้มหน้าคะมำตะโกนร้องโอดโอย เห็นว่ามีเท้าสองข้างอยู่ด้านหน้าจึงคิดที่จะใช้เพื่อยันตัวลุกขึ้นปรากฏว่าเมื่อเขาสัมผัสเท้านั้น เจ้าของฝ่าเท้านั้นก็จงใจยกขึ้น จึงทำให้เขาลื่นล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“บัณฑิตหลิว กลางวันแสกๆเช่นนี้ นักพรตชิงเฟิงก็กำลังทำพิธีอยู่ที่แห่งนี้ จะมีภูตผีตนใดกล้าออกมากัน?”ผู้ที่ถีบหลิวเกาจัวคือเลขาธิการกรมโยธาธิการหยางอวิ๋นหู่ เดิมทีหยางอวิ๋นหู่เป็นผู้เก่งกาจในการประจบประแจงคนหนึ่ง ก่อนที่หลิวเกาจัวจะทรยศซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวนให้ความสนใจกับหยางอวิ๋นหู่เป็นอย่างมาก ปรากฏว่าเมื่อหลิวเกาจัวปรากฏตัวขึ้นมา หยางอวิ๋นหู่ก็เทียบเคียงหลิวเกาจัวมิได้แม้แต่น้อยครั้งนี้สามารถทำให้เฉินฝานติดอยู่ในเมืองเซียนตูได้ เดิมทีก็เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหยางอวิ๋นหู่ แต่เพราะสาเหตุที่ว่าเรือนเซียนผาสุกมิสามารถปิดตายเฉินฝานได้อย่างสมบูรณ์ หลิวเกาจัวก็คอยใส่สีตีไข่อยู่เสมอ หยางอวิ๋นหู่มิเพียงแต่มิได้รับรางวัลจากเสิ่นหมิงหยวนเท่านั้น กลับถูกตำหนิอย่างรุนแรงอีกด้วย“ใต้เท้าหยางพูดถูก ต่อให้เป็นกลางวั
เฉินฝานเดินออกมาจากห้องตั้งดวงวิญญาณ ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาบนแท่นบูชายังมีคนกำลังทำพิธีอยู่นอกจากนี้คนบนแท่นบูชาผู้นี้แต่งกายงดงามกว่าหมอผีที่อยู่ในห้องตั้งดวงวิญญาณ เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดูอลังการมากกว่าว้าวเฉินฝานอดลอบอุทานไม่ได้เสิ่นหมิงหยวนลงทุนสำหรับงานศพนี้ของเขาไปไม่น้อยเลยตรงพื้นที่เปิดโล่งใต้แท่นบูชา มีขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊คุกเข่ากันเต็มไปหมดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งเฉินฝานมองแวบเดียวก็เห็นอ๋องตวนที่ยืนอยู่หน้าขุนนางทั้งหมด อ๋องตวนไม่มีท่าทางเมามายเหมือนก่อนหน้านี้แล้วผมที่เดิมทีขาวแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้ขาวโพลนไปหมดแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าลูกเขยจากไปแล้วท่ามกลางเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกทั้งยังสูญเสียบุตรีไปอีกสองคนนี่ก็คือคนผมขาวส่งศพคนผมดำสินะเฉินฝานเห็นแล้วรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแม้ว่าพ่อตาที่โผล่มาตอนครึ่งทางผู้นี้ของเขา ปกติจะชอบดื่มเหล้า และเป็นคนที่ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก แต่ก็ปฏิบัติกับเขาดีมากจริง ๆ จนไม่มีอะไรจะพูด อีกไม่นาน อีกไม่นาน เขาก็ไม่ต้องเสียใจแล้วส่วนบนพระที่นั่งมังกรที่อยู่ไกล ๆ... ว่างเปล่าไม่
“วันที่แปดแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย นายท่าน คนข้างนอกพวกนั้นด่าท่านมาแปดวันแล้ว ท่านยังอารมณ์ดีทนได้ แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกน้อยอกน้อยใจ นางกำหมัดแน่นมาหลายวันแล้ว แต่เฉินฝานสั่งให้เย่ว์หนูคอยดูแลนาง นางจึงทำได้เพียงงอนอยู่ที่บ้าน“เจ้าลดเสียงหน่อย จินเป่าเพิ่งจะหลับไปนะ!”เฉินฝานวางจินเป่าที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล่อมให้นอนหลับลงบนเตียง จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง ฟังเสียงด่าทอจากข้างนอกเสิ่นหมิงหยวนตั้งใจปล่อยให้ชาวบ้านในเซียนตูก่นด่าเฉินฝาน อยากจะทำให้เฉินฝานชื่อเสียงฉาวโฉ่เฉินฝานฟังชาวบ้านในเซียนตูด่าทอตนเอง เพื่อให้พวกเสิ่นหมิงหยวนสูญเสียความระแวดระวัง ชาวบ้านยิ่งด่ารุนแรงและยิ่งด่านานเท่าไร ความระแวดระวังของเสิ่นหมิงหยวนก็จะยิ่งหย่อนยานลง เชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆแววตาของเฉินฝานเย็นชาขึ้นมาทีละนิด“พรุ่งนี้ข้าก็จะ ‘ถูกฝัง’ ได้แล้ว” พรุ่งนี้...ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ที่ของมัน ไม่สิควรพูดว่าพรุ่งนี้เขาจะกลายเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของต้าชิ่งอย่างเป็นทางการหลังจากอยู่ในเมืองหลวงมาหนึ่งปีกว่า ในที่สุดเขาก็ได้ยืนอยู่บนตำแหน่งเดิมของซูซิว
“วันนั้นไฟไหม้ลานบ้านรุนแรงมากถึงเพียงนั้น รอบด้านถูกเราพวกเราห้อมล้อมไว้เป็นชั้น ๆ อย่าว่าแต่คนตายเลย ต่อให้เป็นมดสักตัวก็ไม่สามารถหนีออกมาจากลานบ้านนั้นได้ หรือว่าจู่ ๆ เฉินฝานจะกลายเป็นถู่สิงซุนขุดดินหนีออกไปแล้ว”“พรืด!” เลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัวที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ทางด้านข้างเหมือนกับสุนัขพลันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงมองมาทางเขา เขาก็รีบอธิบาย “ข้าน้อยคิดว่าต่อให้เฉินฝานกลายเป็นถู่สิงซุนขุดลงไปใต้ดิน เช่นนั้นก็คงโดนเผาจนสุกอยู่ดี ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนจากถู่สิงซุนไปเป็นหนูสุกแล้วขอรับ” หลิวเกาจัวพูดประจบมากมายขนาดนั้น ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ประจบถูกจุดแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเกาจัว เสิ่นหมิงหยวนก็อารมณ์ดีขึ้นในพริบตาใช่แล้ว ไฟไม้แรงขนาดนั้น ต่อให้เฉินฝานสามารถขุดลงไปใต้ดินได้ก็คงโดนเผาจนสุกไปแล้ว“เจ้าไปเถิด!” เสิ่นหมิงหยวนที่อารมณ์ดีมากยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่งแล้วพูดกับหลิวเกาจัวว่า “รัฐพิธีศพของท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้ายจะหยุดไม่ได้ เจ้าไปเชิญนักพรตที่ดีที่สุดในเซียนตูมา จะต้องทำพิธีอุทิศส่วนกุศลดี ๆ ให้ท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้
...เฉินฝานไม่ทันได้รับคำตอบจากเมี่ยวอวี่ เขาก็รู้สึกว่ามีวัตถุร่วงลงมาบนฝ่ามือ จี้หยกในมือเมี่ยวอวี่หล่นลงมาบนฝ่ามือของเฉินฝาน“เมี่ยวอวี่ เมี่ยวอวี่!” ไม่ว่าเฉินฝานจะเรียกอย่างไร โฉมงามในอ้อมแขนก็ไม่มีการตอบสนองเลยตั้งแต่ต้นจนจบนางหลับตา มุมปากยังคงยกยิ้มเล็กน้อยราวกับเจ้าหญิงที่หลับใหลไปพร้อมกับความฝันอันงดงามในหนังสือนิทาน...“คุณหนู!” แม่นมชางร้องไห้พลางโผเข้ามา คุกเข่าอยู่ข้างกายเฉินฝาน ปากก็พึมพำซ้ำ ๆ ว่า “ท่านสาบานตั้งแต่เด็กว่าอยากจะสังหารบุรุษใน ใต้หล้าให้หมด สุดท้ายกลับยังคงตายเพื่อบุรุษ”จากคำพูดของแม่นมชาง เฉินฝานค่อย ๆ เข้าใจแล้วว่าตำหนักเซียวเหยาเป็นองค์กรที่สังหารบุรุษโดยเฉพาะ เดิมทีเฉินฝานอยากจับแม่นมชางเพื่อมาสอบสวน ผลปรากฏว่าแม่นมชางกินยาพิษฆ่าตัวตายไปก่อนแล้วตอนที่ขุดหลุมฝังศพเมี่ยวอวี่ เฉินฝานพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้“เจี้ยนหวง?” เฉินฝานหันหน้าไปถามเซียนเจี้ยนหวงที่อนู่ทางด้านข้าง “ท่านรู้เรื่องตำหนักเซียวเหยา และรู้ว่าตำหนักเซียวเหยาอยู่ที่ใดใช่หรือไม่?” “ขะ ข้า...” เซียนเจี้ยนหวงดึงรากหญ้าออกจากมุมปาก “ตำหนักเซียวเหยานั้นออกจะลึกลับ ข้าจะไ
“นายท่าน...ถอดผ้าคลุมหน้า...ของข้าเถิด” เมี่ยวอวี่นอนอยู่ในอ้อมกอดของเฉินฝาน อ่อนแรงจนกระทั่งไม่มีแรงที่จะลืมตาแล้วแต่ดูออกได้จากแววตาที่ส่องประกายวิบวับ นางแทบจะรอไม่ไหวแล้ว ร้อนใจอยากจะเป็นภรรยาของเฉินฝานนางเคยคิดว่าบนโลกใบนี้นางคงจะหาบุรุษที่ถอดผ้าคลุมหน้าของนางไม่ได้แล้ว พระเจ้าช่วย สุดท้ายเขาก็ยังไม่ใจร้ายกับนางมากเกินไปนางรอคอยจนได้เจอกับบุรุษที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเฉินฝานถอนหายใจ “ถ้าเกิดโลกนี้มีการเวียนว่ายตายเกิดจริง ๆ หากชาติหน้ามีจริง เจ้าเจอข้าแล้วอย่าได้โง่งมแบบนี้อีก เข้าใจหรือไม่?” ในฐานะที่เป็นคนยุคปัจจุบัน เติบโตมาพร้อมกับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียุคปัจจุบัน เฉินฝานคิดว่าคำพูดนี้ของตัวเองน่าขันมากแต่ส่วนลึกภายในใจยังคงหวังว่าวิทยาศาสตร์จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ทุกสิ่ง หวังว่าจะมีการกลับชาติมาเกิดใหม่ “ได้!” เมี่ยวอวี่พยักหน้าอย่างว่าง่าย เฉินฝานเอามือวางไว้ที่ด้านหลังหูของเมี่ยวอวี่ จากนั้นก็กระตุกเชือกสีแดงบนหูเบา ๆ ผ้าสีแดงที่ปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งของเมี่ยวอวี่ก็เลื่อนหลุดลงมาสิ่งแรกที่ปรากฏเข้ามาในสายตาของเฉินฝานคือ ปลายจมูกอันงดงาม ดั
“เหตุใดเจ้าถึงได้โง่เง่าเช่นนี้? อะไรคือข้ารอดแล้วเจ้าต้องตาย!” เฉินฝานด่าอย่างรุนแรงมากเฉินฝานรำคาญกฎเกณฑ์ที่ว่ามีเจ้าไม่มีข้าเช่นนี้มากเลย คนเรามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็เพื่อที่จะฝืนเปลี่ยนชะตาชีวิตต่อให้สุดท้ายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้จริง ๆ อย่างน้อยก็พยายามสู้ให้ถึงที่สุด ไม่ให้ตัวเองหลงเหลือความเสียใจเมี่ยวอวี่ผู้นี้ไม่มีแม้กระทั่งดิ้นรนต่อสู้เลยเขาโกรธมากจริง ๆหากเมี่ยวอวี่เชื่อใจเขาได้ บอกเรื่องราวทุกอย่างกับเขาตามความเป็นจริง นางจะเดินมาถึงเส้นทางนี้ได้อย่างไร ตั้งแต่ที่ติดอยู่ในกระท่อมหิมะ เขาก็ให้โอกาสนางสารภาพความจริงมาโดยตลอด แต่ไม่เคยคิดเลยว่านางจะเลือกเช่นนี้ตรงหน้าอกของเมี่ยวอวี่เป็นสีแดงเพลิง นั่นเป็นการย้อมจนเป็นสีแดงสด ผ้าแพรสีขาวที่ผูกไว้บนใบหน้าก็ถูกย้อมจนเป็นสีแดงเช่นเดียวกัน เลือดไหลออกมาจากในร่างกายเยอะมาก ซึมออกมาจากในปากของนางแล้ว ต้องเจ็บมากแน่ ๆ หางตาของเมี่ยวอวี่กลับยกขึ้นเล็กน้อย “อยู่ต่อหน้าเจ้า มีใครที่ไม่โง่ได้หรือ?”“แต่เจ้าก็ยังโง่ไม่พอ ภารกิจของเจ้าคือการลอบสังหารฆ่าไม่ใช่หรือ อยากจะฆ่าข้าให้ตายไม่ใช่หรือ? ฮึดสู้ขึ้นมาสิ!”เฉินฝา
“คุณหนู พวกเขา...”“นี่เป็นคำสั่ง!” เมี่ยวอวี่ตัดบทหญิงชราด้วยเสียงเฉียบขาด “เปิดเครือข่ายใต้ดินในเมืองเซียนตูเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ว้าว!”เซียนเจี้ยนหวงพุ่งปราดเข้าไป ถามเมี่ยวอวี่ด้วยความตื่นเต้นว่า “แม่หนูน้อย ในเมืองเซียนตูมีเครือข่ายใต้ดินตำหนักเซียวเหยาของพวกเจ้าจริง ๆ หรือ”ดวงตาของชายชราเปล่งประระยิบระยับ เขาเคยได้ยินมานานแล้วว่าตำหนักเซียวเหยามีเครือข่ายใต้ดินอยู่ในเมืองใหญ่มากมาย เขาสงสัยใคร่รู้มากจริง ๆ รีบร้อนอยากจะเห็นเมี่ยวอวี่ผงกศีรษะเล็กน้อย เสียงฟังดูล่องลอย “รบกวนท่านพาพวกเขาเข้ามาด้วย”“ได้เลย ๆ!”เซียนเจี้ยนหวงวิ่งไปหาเฉินฝานอย่างเบิกบานใจ “เจ้าหนู ยังจะอึ้งอยู่ทำไม? เมี่ยวอวี่จะเปิดเครือข่ายใต้ดินแล้ว พวกเรารอดแล้ว!” แม้ว่าในใจยังคงมีความสงสัย แต่ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้ว เฉินฝานพาภรรยาและลูกตามหลังเซียนเจี้ยนหวงเข้าไปในห้องอีกครั้งหญิงชรากวาดตามองพวกเฉินฝาน ก่อนจะหันไปถามเมี่ยวอวี่อย่างจริงจังว่า “คุณหนู ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้ท่านกำลังทำอะไรอยู่?”“ข้าจะทำอะไร?” เสียงของเมี่ยวอวี่ฟังดูคลุมเครือ แต่ว่ามีความเด็ดเดี่ยวอย่างยิ่ง “ไม่ต้องให้แม่นมชางมาเตือนหรอ