เหล่าชาวบ้านต่างพากันพูดกันเซ็งแซ่ “นี่มันวิธีอะไรกันเนี่ย? ข้าใช้ชีวิตมาเจ็ดสิบปี ยังไม่เคยเห็นเลย”“ก็แค่ปั่นหัวพวกเรา ข้าได้ยินมาว่า ราชสำนักใช้เงินสี่แสนแปดหมื่นตำลึงมาซื้อเป็ดเหล่านี้ บอกว่าจะจัดสรรปันส่วนให้พวกเรากิน นี่ก็เป็นวิธีที่ราชสำนักบอก”“เฮ้อ ซื้อข้าวมาให้พวกเราตรง ๆ เลยยังจะดีเสียกว่า เอาเป็ดมาพวกเรายังต้องใช้อาหารเลี้ยงอีก ถ้าไม่เลี้ยงก็ฆ่าทิ้งเถอะ พริบตาเดียวเนื้อเป็ดเยอะขนาดนั้นก็ไม่มีทางที่จะเก็บรักษาไว้ได้หรอกนะ”“และเนื้อเป็ดมันโคตรไม่อร่อยเลย”“คนเขาเป็นขุนนาง วิธีการมีตั้งมากมาย ทำเนื้อเป็ดให้พวกเราหลากหลายรูปแบบ ยังเอาเงินสองหมื่นตำลึงไปซื้อเครื่องเทศต่างๆ”“เงินสองหมื่นตำลึงไปซื้อเครื่องเทศต่างๆ?”ความเดือดดาลในใจของชาวบ้านก็ปะทุออกมาทันทีเงินสองหมื่นตำลึงสามารถซื้อข้าวสารได้มากมาย สามารถช่วยเหลือได้หลายชีวิต“คนสูงศักดิ์ของราชสำนักเหล่านั้น ล้วนได้ลิ้มลองอาหารเลิศรสทุกวัน จะมาเข้าใจความลำบากของชาวบ้านอย่างพวกเราได้อย่างไร?”“อย่าเหมารวมพวกขุนนางทั้งหมดสิ ขุนนางส่วนใหญ่ยังทำไปเพื่อประชาชน ข้าได้ยินว่ามาว่าผู้ตรวจการที่มาบรรเทาทุกข์ครั้งนี้ ชื่อเฉิน
“ใต้เท้าเกา ท่านตาบอดหรือ? ไม่เห็นหรือว่าพวกเป็ดก้มหน้าก้มตากินตั๊กแตนบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง? เหตุใดท่านจึงบอกว่าไม่เหมาะสม?”คนพูดคือเหอจื่อหลิน พ่อลูกตระกูลเหอค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมา ให้ความสำคัญกับชาวบ้านชาวบ้านอำเภอหลี ได้รับภัยพิบัติมานานหลายปี ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก กินดินกวนอิมประทังชีวิต มีคนหิวตายนับไม่ถ้วนแม้ราชสำนักจะส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยบรรเทาภัยพิบัติ แต่ขุนนางเหล่านั้นไม่ทุจริต ก็เป็นพวกขุนนางไร้ความสามารถ ราชสำนักสูญเงินจำนวนไม่น้อย ทว่าภัยพิบัติกลับรุนแรงขึ้นก่อนหน้านี้เขาดูแคลนเฉินฝาน เป็นชายชาติทหารแต่กลับยอมเป็นบุรุษให้สตรียั่วเย้า ไร้ความสามารถ อ่อนแอเกินไปแล้วทว่าระหว่างเดินทางไปแคว้นฉู่กับหลี่ซาน เขาได้ฟังหลี่ซานเล่าเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เฉินฝานทำเมื่อครั้นอยู่อำเภอผิงอันทำปลาที่ไร้ค่าให้มีค่า สอบได้อันดับหนึ่งตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าร่วมการสอบ แข่งขันกับพ่อค้าเจ้าเล่ห์ นำกองกำลังสตรีจับโจรทุกอย่างที่ฟังล้วนมหัศจรรย์ยิ่งนัก เขาคิดว่าหลี่ซานกำลังคุยโวตอนหลี่ซานผลาญเงินห้าแสนตำลึงในการซื้อเป็ดและเครื่องเทศ หากเหอกังไม่ห้ามไว้ เขาคงฟันคอหลี่ซานแล้วเป็ดและ
“ไม่ได้!”หลิวเกาจัวยังพูดไม่จบ ก็ถูกเลขาธิการกรมพระคลังหลินชางพูดแทรกหลินชางหันไปพูดกับฉินเย่ว์เหมย “ฝ่าบาท จอมพลเพ่ยเพิ่งให้เลขาธิการกรมทหารบอกกับกระหม่อม กองทัพหมาป่ากำลังสู้รบกับชาวหูทางตอนเหนือ เสบียงอาหารเหลือน้อย ต้องเร่งเติม!”หลิวเกาจัวรีบพูดอีก “หากเป็นเช่นนี้ ราชสำนักไม่อาจเลี้ยงเป็ดเหล่านี้ได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท...”หลิวเกาจัวลากเสียงยาว “ความมั่นคงของแคว้นสำคัญกว่า ชายแดนไม่อาจขาดแคลนเสบียงอาหาร!”ตั้งแต่พูดประโยคแรก เสียงของหลิวเกาจัวค่อนข้างดังยิ่งนักคำพูดของเขา ชาวอำเภอหลีผู้ประสบภัยที่อยู่ใต้เนินเขาล้วนได้ยินอย่างชัดเจน“เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่าการให้เป็ดกินตั๊กแตนช่างเป็นวิธีการที่หลักแหลมยิ่งนัก เวลานี้คิดอีกครั้ง หลักแหลมบ้าอะไร? เป็นวิธีที่แย่ยิ่งนัก”“ใช่ แม้จะกำจัดตั๊กแตนได้ชั่วคราว แต่ผ่านไประยะหนึ่งตั๊กแตนก็โผล่มาอีก จะเอาอาหารมากมายจากที่ใดมาเลี้ยงเป็ด นอกจากราชสำนักแจกจ่ายอาหารให้เราเลี้ยง”“แจกจ่ายอาหารให้พวกเราเช่นนั้นหรือ? เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดหรือ? สงครามแถบชายแดนต้องการเสบียงอาหาร ราชสำนักจะแจกจ่ายอาหารให้พวกเราได้อย่างไร สุดท้ายพวกเราต
นี่เป็นความโชคดีที่หลบได้ หรือว่าเป็นยอดฝีมือแววตาค้นหาของเหอจื่อหลินมองไปที่เฉินฝานขาวสะอาด ทว่าความบ้านนอกคลุ้งเต็มตัว เพียงมองก็รู้ว่าเป็นชาวนาที่เพิ่งร่ำรวย แล้วค่อยไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาร่างกายแม้ไม่ได้บอบบาง ทว่าห่างไกลจากคนฝึกยุทธ์ยิ่งนักเฉินฝานรู้ว่าเหอจื่อหลินกำลังคิดอะไร เขายิ้มบางๆ ขยับตัวไปใกล้แล้วพูด “พี่เหอ ไม่ต้องสงสัย ข้าไม่ได้โชคดีหลบทัน แม้ดาบของท่านจะเร็วเพียงใด ข้ายังคงช่วยพี่หลี่ได้”เหอจื่อหลินตกตะลึง มองเฉินฝานด้วยความระมัดระวัง “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมี...”เฉินฝานเพียงยิ้มบางๆ ไม่พูดสิ่งใด เขาเดินไปด้านหน้า ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเนิน กวาดสายตามองชาวบ้านผู้ประสบภัยที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ“อยากได้ชีวิตข้า พวกเจ้าไม่ต้องสังหารด้วยตนเอง หากภัยพิบัติของพวกเจ้า ข้าไม่อาจบรรเทาได้ เช่นนั้นข้าจะฆ่าตัวตายที่นี่!”เสียงของเฉินฝานไม่ได้ดังมากนัก ทว่าทะลุทะลวง ไม่เพียงขุนนางบนเนินเขาได้ยิน ชาวบ้านล่างเนินเขาก็ได้ยินอย่างชัดเจนผู้คนมองหาเสียงตามสัญชาตญาณเฉินฝานที่ยืนอยู่บนเนิน หันหน้ารับลมยืนเหยียดตัวตรง แขนเสื้อกว้างพลิ้วไหวไปตามกระแสลม แววตาลุ่มลึกฉายความคมเฉียบแล
“ไม่ขาย แล้วอีกระยะหนึ่งจะมีเงินซื้อเป็ดได้อย่างไร?” หลี่ซานฉงน“เจ้าดูสิ!” เฉินฝานชี้ไปยังเป็ดข้างล่าง “เงินอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือ?”หลี่ซานตกตะลึง “เจ้าหมายความว่าฆ่าเป็ดทั้งหมดนี้แล้วขายทิ้งอย่างนั้นหรือ!”“หึ!”บทสนทนาระหว่างเฉินฝานและหลี่ซาน ทำให้เสิ่นหยวนฮวาหัวเราะในลำคออีกครั้ง“โง่เขลาแล้วยังไม่รู้ตัวจริงๆ แคว้นต้าชิ่งไม่ชอบกินเนื้อเป็ด แล้วจะขายได้อย่างไร?”“ใต้เท้า ท่านลืมไปแล้วหรือ!” ขุนนางข้างกายเสิ่นหยวนฮวากระซิบเตือนเขาเสียงเบา “เฉินฝานซื้อเครื่องเทศมาด้วยสองหมื่นตำลึง กล่าวว่าจะใช้เครื่องเทศเหล่านี้มาปรุงเป็ด ทำให้เนื้อเป็ดอร่อย”“เช่นนั้นก็ยิ่งน่าขัน!” เสิ่นหยวนฮวาหัวเราะเสียงดัง “เป็ดทุกตัวต้องผ่านการจัดการ ปรุงด้วยเครื่องเทศแล้วนำมาย่าง ทั้งหมดนี้ต้นทุนไม่น้อย ทว่าเนื้อเป็ดไม่อาจขายในราคาแพง”“หลายปีมานี้แคว้นของเราได้รับภัยพิบัติมากมาย ชาวบ้านมากมายล้วนขาดแคลนเงิน แล้วจะมีเงินเหลือมาซื้อเนื้อเป็ดได้อย่างไร? ผู้ตรวจการเฉิน....”เสิ่นหยวนฮวาหันไปถามเฉินฝาน “ปัญหานี้ ท่านคงรู้กระมัง”เฉินฝานยิ้มแล้วพยักหน้า “ใต้เท้า ข้าน้อยมาจากอำเภอผิงอันที่ได้รับภัยพิบัติค่อน
“หงอิง ข้าเหนื่อยแล้ว!”“ทหารรักษาพระองค์ฟังคำสั่ง นำเสด็จกลับโรงเตี๊ยม!”ท่ามกลางทหารรักษาพระองค์ ฉินเย่ว์เหมยในร่างสตรี แลดูบอบบางเป็นพิเศษเฉินฝานยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของฉินเย่ว์เหมยจากไปอย่างเงียบๆเขารู้ดี คำว่าเปิดท้องพระคลังคำนั้น ฉินเย่ว์เหมยเดิมพันชีวิตตนเอง และราชวงศ์ฉินแล้วแววตาที่มองตาร่างบางของเฉินฝาน เปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นและมั่นใจวางใจเถอะชีวิตของเจ้า แผ่นดินของเจ้า จะไม่มีทางสูญเสียสักอย่าง“ฝ่าบาทโปรดสั่งประหารขุนนางชั่วด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ใต้เนินเขา เสียงร้องเรียกของชาวบ้านดังระงมดั่งน้ำทะลักเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่สนใจ คนพวกนั้นพุ่งเป้าไปที่เฉินฝานแทน“สังหารขุนนางชั่ว!”เสิ่นหมิงหยวนลอบให้สัญญาณกับทหารรักษาการณ์ ให้พวกเขาปล่อยพวกชาวบ้านขึ้นมาท่ามกลางความชุลมุนวุ่นว่าย ไม่ว่าเฉินฝานจะตายอย่างไร ก็เป็นผลจากการกระทำของชาวบ้าน แม้ฉินเย่ว์เหมยไม่สบอารมณ์เพียงใด ก็ไม่อาจทำอะไรได้“ผู้ตรวจการเฉิน ท่านรีบไปเร็วเข้า ข้าต้านที่นี่ไว้เอง”เหอจื่อหลินที่ไปแล้วกลับมาหาเฉินฝานอีกครั้ง“ขอบคุณซือเจี๋ยหลิน”“ไม่ต้องขอบคุณข้า ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้ามาปกป้องท่าน” เหอจ
เฉินฝานพูด “ฆ่าเป็ด สองตัวหนึ่งเหวิน”“จริงหรือ?”“ข้าจะให้คนเปิดแผงหน้าที่ทำการ พวกท่านนำเป็ดที่ฆ่าเสร็จ ถอนขนเรียบร้อย ไปไว้ที่หน้าที่ทำการ พวกท่านนำเป็ดมาแลกเงิน พวกข้าจะให้เงิน”“พวกเจ้าคิดว่าคำพูดของเขาเชื่อถือได้หรือ?” ชายหนุ่มสองผอมหันไปถามชาวบ้านผู้ประสบภัย“เชื่อเขาไปก่อน หากเขากล้าหลอกพวกเรา พวกเราจะปิดล้อมโรงเตี๊ยมนั้น!”“ได้ แต่ว่า...” ชายผอมสูงเงียบครู่หนึ่งแล้วค่อยพูด “ฆ่าเป็ดห้าล้านตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ฆ่าหมดในคราเดียว ไม่อาจเป็นไปได้”“แน่นอนว่าไม่อาจฆ่าหมดในคราเดียว กว่าเป็ดพวกนี้จะกินตั๊กแตนทั้งอำเภอหลีหมดต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันถึงครึ่งเดือน นายอำเภอ”เฉินฝานหันไปร้องเรียกนายอำเภอของอำเภอหลี“ใต้เท้า ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ!” แม้จะไม่พอใจเฉินฝานเป็นอย่างมาก แต่เฉินฝานร้องเรียกเขา เขาไม่กล้าไม่ขานรับ“ตอนนี้อำเภอหลีมีกี่ครัวเรือน? มีประชากรเท่าใด?”“เรียนใต้เท้า เกิดภัยพิบัติทุกปี ชาวบ้านล้มตายมากมาย ทั้งยังมีไม่น้อยอพยพหนี ตอนนี้เหลือสามพันกว่าครัวเรือน ประมาณห้าหมื่นกว่าคนขอรับ”“...” อำเภอหนึ่งมีเพียงสามพันครัวเรือน ห้าหมื่นกว่าคน สถานการณ์ภัยพิบัติที่นี่ร้
“ข้าบอกให้เจ้าจับตาดูเฉินฝาน แต่เจ้ากลับไปเที่ยวเล่นกินดื่ม!” เสิ่นหมิงหยวนด่ากราดเสิ่นหยวนฮวาเสิ่นหมิงหยวนหูดี เขาได้ยินชัดเจยว่าเสิ่นหยวนฮวาพูดสิ่งใด แต่เขาไม่เชื่อไม่ว่าเฉินฝานจะโง่เพียงใดก็ไม่โง่ถึงขั้นนี้ จัดงานเลี้ยงใหญ่โตในอำเภอหลีที่ได้รับภัยพิบัติมาหลายปี เขาอยากตายหรืออย่างไร?“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ไปกินดื่ม เฉินฝานจัดงานเลี้ยงใหญ่โต บนโต๊ะมีไก่และเนื้อมากมาย ทุกอย่างล้วนเป็นอาหารโอชะ ลูกเห็นกับตา”หากไม่ใช่คำพูดของเสิ่นหยวนเลี่ยงที่บอกว่า ‘ท่านพ่อ พี่ใหญ่พูดถูก เฉินฝานจัดงานเลี้ยงจริงๆ ขอรับ เกรงว่าเสิ่นหยวนฮวาอธิบายสามรอบ เสิ่นหมิงหยวนก็ไม่มีทางเชื่อเขา’“จัดงานเลี้ยงจริงๆ หรือ?” เสิ่นหมิงหยวนรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย เฉินฝานโง่เขลาถึงขั้นนั้นเชียวหรือ?“ชาวอำเภอหลีผู้ประสบภัยไม่รู้จริงๆ หรือ?”“ท่านพ่อ น่าจะมีคนบางส่วนรู้ แต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่รู้”“เช่นนั้นพวกเจ้าสองคนก็อย่ายืนนิ่ง ไปกันให้หมด ให้คนทั้งอำเภอหลีรู้ว่าเฉินฝานจัดงานเลี้ยง”หลังจากลูกชายทั้งสองคนออกไป เสิ่นหมิงหยวนยกน้ำชาขึ้นมา ดื่มด้วยความลำพองใจเฉินฝานมีความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ก็เท่ากับลำพองตัวเกิ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ