เหล่าชาวบ้านต่างพากันพูดกันเซ็งแซ่ “นี่มันวิธีอะไรกันเนี่ย? ข้าใช้ชีวิตมาเจ็ดสิบปี ยังไม่เคยเห็นเลย”“ก็แค่ปั่นหัวพวกเรา ข้าได้ยินมาว่า ราชสำนักใช้เงินสี่แสนแปดหมื่นตำลึงมาซื้อเป็ดเหล่านี้ บอกว่าจะจัดสรรปันส่วนให้พวกเรากิน นี่ก็เป็นวิธีที่ราชสำนักบอก”“เฮ้อ ซื้อข้าวมาให้พวกเราตรง ๆ เลยยังจะดีเสียกว่า เอาเป็ดมาพวกเรายังต้องใช้อาหารเลี้ยงอีก ถ้าไม่เลี้ยงก็ฆ่าทิ้งเถอะ พริบตาเดียวเนื้อเป็ดเยอะขนาดนั้นก็ไม่มีทางที่จะเก็บรักษาไว้ได้หรอกนะ”“และเนื้อเป็ดมันโคตรไม่อร่อยเลย”“คนเขาเป็นขุนนาง วิธีการมีตั้งมากมาย ทำเนื้อเป็ดให้พวกเราหลากหลายรูปแบบ ยังเอาเงินสองหมื่นตำลึงไปซื้อเครื่องเทศต่างๆ”“เงินสองหมื่นตำลึงไปซื้อเครื่องเทศต่างๆ?”ความเดือดดาลในใจของชาวบ้านก็ปะทุออกมาทันทีเงินสองหมื่นตำลึงสามารถซื้อข้าวสารได้มากมาย สามารถช่วยเหลือได้หลายชีวิต“คนสูงศักดิ์ของราชสำนักเหล่านั้น ล้วนได้ลิ้มลองอาหารเลิศรสทุกวัน จะมาเข้าใจความลำบากของชาวบ้านอย่างพวกเราได้อย่างไร?”“อย่าเหมารวมพวกขุนนางทั้งหมดสิ ขุนนางส่วนใหญ่ยังทำไปเพื่อประชาชน ข้าได้ยินว่ามาว่าผู้ตรวจการที่มาบรรเทาทุกข์ครั้งนี้ ชื่อเฉิน
“ใต้เท้าเกา ท่านตาบอดหรือ? ไม่เห็นหรือว่าพวกเป็ดก้มหน้าก้มตากินตั๊กแตนบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง? เหตุใดท่านจึงบอกว่าไม่เหมาะสม?”คนพูดคือเหอจื่อหลิน พ่อลูกตระกูลเหอค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมา ให้ความสำคัญกับชาวบ้านชาวบ้านอำเภอหลี ได้รับภัยพิบัติมานานหลายปี ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก กินดินกวนอิมประทังชีวิต มีคนหิวตายนับไม่ถ้วนแม้ราชสำนักจะส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยบรรเทาภัยพิบัติ แต่ขุนนางเหล่านั้นไม่ทุจริต ก็เป็นพวกขุนนางไร้ความสามารถ ราชสำนักสูญเงินจำนวนไม่น้อย ทว่าภัยพิบัติกลับรุนแรงขึ้นก่อนหน้านี้เขาดูแคลนเฉินฝาน เป็นชายชาติทหารแต่กลับยอมเป็นบุรุษให้สตรียั่วเย้า ไร้ความสามารถ อ่อนแอเกินไปแล้วทว่าระหว่างเดินทางไปแคว้นฉู่กับหลี่ซาน เขาได้ฟังหลี่ซานเล่าเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เฉินฝานทำเมื่อครั้นอยู่อำเภอผิงอันทำปลาที่ไร้ค่าให้มีค่า สอบได้อันดับหนึ่งตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าร่วมการสอบ แข่งขันกับพ่อค้าเจ้าเล่ห์ นำกองกำลังสตรีจับโจรทุกอย่างที่ฟังล้วนมหัศจรรย์ยิ่งนัก เขาคิดว่าหลี่ซานกำลังคุยโวตอนหลี่ซานผลาญเงินห้าแสนตำลึงในการซื้อเป็ดและเครื่องเทศ หากเหอกังไม่ห้ามไว้ เขาคงฟันคอหลี่ซานแล้วเป็ดและ
“ไม่ได้!”หลิวเกาจัวยังพูดไม่จบ ก็ถูกเลขาธิการกรมพระคลังหลินชางพูดแทรกหลินชางหันไปพูดกับฉินเย่ว์เหมย “ฝ่าบาท จอมพลเพ่ยเพิ่งให้เลขาธิการกรมทหารบอกกับกระหม่อม กองทัพหมาป่ากำลังสู้รบกับชาวหูทางตอนเหนือ เสบียงอาหารเหลือน้อย ต้องเร่งเติม!”หลิวเกาจัวรีบพูดอีก “หากเป็นเช่นนี้ ราชสำนักไม่อาจเลี้ยงเป็ดเหล่านี้ได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท...”หลิวเกาจัวลากเสียงยาว “ความมั่นคงของแคว้นสำคัญกว่า ชายแดนไม่อาจขาดแคลนเสบียงอาหาร!”ตั้งแต่พูดประโยคแรก เสียงของหลิวเกาจัวค่อนข้างดังยิ่งนักคำพูดของเขา ชาวอำเภอหลีผู้ประสบภัยที่อยู่ใต้เนินเขาล้วนได้ยินอย่างชัดเจน“เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่าการให้เป็ดกินตั๊กแตนช่างเป็นวิธีการที่หลักแหลมยิ่งนัก เวลานี้คิดอีกครั้ง หลักแหลมบ้าอะไร? เป็นวิธีที่แย่ยิ่งนัก”“ใช่ แม้จะกำจัดตั๊กแตนได้ชั่วคราว แต่ผ่านไประยะหนึ่งตั๊กแตนก็โผล่มาอีก จะเอาอาหารมากมายจากที่ใดมาเลี้ยงเป็ด นอกจากราชสำนักแจกจ่ายอาหารให้เราเลี้ยง”“แจกจ่ายอาหารให้พวกเราเช่นนั้นหรือ? เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดหรือ? สงครามแถบชายแดนต้องการเสบียงอาหาร ราชสำนักจะแจกจ่ายอาหารให้พวกเราได้อย่างไร สุดท้ายพวกเราต
นี่เป็นความโชคดีที่หลบได้ หรือว่าเป็นยอดฝีมือแววตาค้นหาของเหอจื่อหลินมองไปที่เฉินฝานขาวสะอาด ทว่าความบ้านนอกคลุ้งเต็มตัว เพียงมองก็รู้ว่าเป็นชาวนาที่เพิ่งร่ำรวย แล้วค่อยไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาร่างกายแม้ไม่ได้บอบบาง ทว่าห่างไกลจากคนฝึกยุทธ์ยิ่งนักเฉินฝานรู้ว่าเหอจื่อหลินกำลังคิดอะไร เขายิ้มบางๆ ขยับตัวไปใกล้แล้วพูด “พี่เหอ ไม่ต้องสงสัย ข้าไม่ได้โชคดีหลบทัน แม้ดาบของท่านจะเร็วเพียงใด ข้ายังคงช่วยพี่หลี่ได้”เหอจื่อหลินตกตะลึง มองเฉินฝานด้วยความระมัดระวัง “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมี...”เฉินฝานเพียงยิ้มบางๆ ไม่พูดสิ่งใด เขาเดินไปด้านหน้า ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเนิน กวาดสายตามองชาวบ้านผู้ประสบภัยที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ“อยากได้ชีวิตข้า พวกเจ้าไม่ต้องสังหารด้วยตนเอง หากภัยพิบัติของพวกเจ้า ข้าไม่อาจบรรเทาได้ เช่นนั้นข้าจะฆ่าตัวตายที่นี่!”เสียงของเฉินฝานไม่ได้ดังมากนัก ทว่าทะลุทะลวง ไม่เพียงขุนนางบนเนินเขาได้ยิน ชาวบ้านล่างเนินเขาก็ได้ยินอย่างชัดเจนผู้คนมองหาเสียงตามสัญชาตญาณเฉินฝานที่ยืนอยู่บนเนิน หันหน้ารับลมยืนเหยียดตัวตรง แขนเสื้อกว้างพลิ้วไหวไปตามกระแสลม แววตาลุ่มลึกฉายความคมเฉียบแล
“ไม่ขาย แล้วอีกระยะหนึ่งจะมีเงินซื้อเป็ดได้อย่างไร?” หลี่ซานฉงน“เจ้าดูสิ!” เฉินฝานชี้ไปยังเป็ดข้างล่าง “เงินอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือ?”หลี่ซานตกตะลึง “เจ้าหมายความว่าฆ่าเป็ดทั้งหมดนี้แล้วขายทิ้งอย่างนั้นหรือ!”“หึ!”บทสนทนาระหว่างเฉินฝานและหลี่ซาน ทำให้เสิ่นหยวนฮวาหัวเราะในลำคออีกครั้ง“โง่เขลาแล้วยังไม่รู้ตัวจริงๆ แคว้นต้าชิ่งไม่ชอบกินเนื้อเป็ด แล้วจะขายได้อย่างไร?”“ใต้เท้า ท่านลืมไปแล้วหรือ!” ขุนนางข้างกายเสิ่นหยวนฮวากระซิบเตือนเขาเสียงเบา “เฉินฝานซื้อเครื่องเทศมาด้วยสองหมื่นตำลึง กล่าวว่าจะใช้เครื่องเทศเหล่านี้มาปรุงเป็ด ทำให้เนื้อเป็ดอร่อย”“เช่นนั้นก็ยิ่งน่าขัน!” เสิ่นหยวนฮวาหัวเราะเสียงดัง “เป็ดทุกตัวต้องผ่านการจัดการ ปรุงด้วยเครื่องเทศแล้วนำมาย่าง ทั้งหมดนี้ต้นทุนไม่น้อย ทว่าเนื้อเป็ดไม่อาจขายในราคาแพง”“หลายปีมานี้แคว้นของเราได้รับภัยพิบัติมากมาย ชาวบ้านมากมายล้วนขาดแคลนเงิน แล้วจะมีเงินเหลือมาซื้อเนื้อเป็ดได้อย่างไร? ผู้ตรวจการเฉิน....”เสิ่นหยวนฮวาหันไปถามเฉินฝาน “ปัญหานี้ ท่านคงรู้กระมัง”เฉินฝานยิ้มแล้วพยักหน้า “ใต้เท้า ข้าน้อยมาจากอำเภอผิงอันที่ได้รับภัยพิบัติค่อน
“หงอิง ข้าเหนื่อยแล้ว!”“ทหารรักษาพระองค์ฟังคำสั่ง นำเสด็จกลับโรงเตี๊ยม!”ท่ามกลางทหารรักษาพระองค์ ฉินเย่ว์เหมยในร่างสตรี แลดูบอบบางเป็นพิเศษเฉินฝานยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของฉินเย่ว์เหมยจากไปอย่างเงียบๆเขารู้ดี คำว่าเปิดท้องพระคลังคำนั้น ฉินเย่ว์เหมยเดิมพันชีวิตตนเอง และราชวงศ์ฉินแล้วแววตาที่มองตาร่างบางของเฉินฝาน เปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นและมั่นใจวางใจเถอะชีวิตของเจ้า แผ่นดินของเจ้า จะไม่มีทางสูญเสียสักอย่าง“ฝ่าบาทโปรดสั่งประหารขุนนางชั่วด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ใต้เนินเขา เสียงร้องเรียกของชาวบ้านดังระงมดั่งน้ำทะลักเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่สนใจ คนพวกนั้นพุ่งเป้าไปที่เฉินฝานแทน“สังหารขุนนางชั่ว!”เสิ่นหมิงหยวนลอบให้สัญญาณกับทหารรักษาการณ์ ให้พวกเขาปล่อยพวกชาวบ้านขึ้นมาท่ามกลางความชุลมุนวุ่นว่าย ไม่ว่าเฉินฝานจะตายอย่างไร ก็เป็นผลจากการกระทำของชาวบ้าน แม้ฉินเย่ว์เหมยไม่สบอารมณ์เพียงใด ก็ไม่อาจทำอะไรได้“ผู้ตรวจการเฉิน ท่านรีบไปเร็วเข้า ข้าต้านที่นี่ไว้เอง”เหอจื่อหลินที่ไปแล้วกลับมาหาเฉินฝานอีกครั้ง“ขอบคุณซือเจี๋ยหลิน”“ไม่ต้องขอบคุณข้า ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้ามาปกป้องท่าน” เหอจ
เฉินฝานพูด “ฆ่าเป็ด สองตัวหนึ่งเหวิน”“จริงหรือ?”“ข้าจะให้คนเปิดแผงหน้าที่ทำการ พวกท่านนำเป็ดที่ฆ่าเสร็จ ถอนขนเรียบร้อย ไปไว้ที่หน้าที่ทำการ พวกท่านนำเป็ดมาแลกเงิน พวกข้าจะให้เงิน”“พวกเจ้าคิดว่าคำพูดของเขาเชื่อถือได้หรือ?” ชายหนุ่มสองผอมหันไปถามชาวบ้านผู้ประสบภัย“เชื่อเขาไปก่อน หากเขากล้าหลอกพวกเรา พวกเราจะปิดล้อมโรงเตี๊ยมนั้น!”“ได้ แต่ว่า...” ชายผอมสูงเงียบครู่หนึ่งแล้วค่อยพูด “ฆ่าเป็ดห้าล้านตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ฆ่าหมดในคราเดียว ไม่อาจเป็นไปได้”“แน่นอนว่าไม่อาจฆ่าหมดในคราเดียว กว่าเป็ดพวกนี้จะกินตั๊กแตนทั้งอำเภอหลีหมดต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันถึงครึ่งเดือน นายอำเภอ”เฉินฝานหันไปร้องเรียกนายอำเภอของอำเภอหลี“ใต้เท้า ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ!” แม้จะไม่พอใจเฉินฝานเป็นอย่างมาก แต่เฉินฝานร้องเรียกเขา เขาไม่กล้าไม่ขานรับ“ตอนนี้อำเภอหลีมีกี่ครัวเรือน? มีประชากรเท่าใด?”“เรียนใต้เท้า เกิดภัยพิบัติทุกปี ชาวบ้านล้มตายมากมาย ทั้งยังมีไม่น้อยอพยพหนี ตอนนี้เหลือสามพันกว่าครัวเรือน ประมาณห้าหมื่นกว่าคนขอรับ”“...” อำเภอหนึ่งมีเพียงสามพันครัวเรือน ห้าหมื่นกว่าคน สถานการณ์ภัยพิบัติที่นี่ร้
“ข้าบอกให้เจ้าจับตาดูเฉินฝาน แต่เจ้ากลับไปเที่ยวเล่นกินดื่ม!” เสิ่นหมิงหยวนด่ากราดเสิ่นหยวนฮวาเสิ่นหมิงหยวนหูดี เขาได้ยินชัดเจยว่าเสิ่นหยวนฮวาพูดสิ่งใด แต่เขาไม่เชื่อไม่ว่าเฉินฝานจะโง่เพียงใดก็ไม่โง่ถึงขั้นนี้ จัดงานเลี้ยงใหญ่โตในอำเภอหลีที่ได้รับภัยพิบัติมาหลายปี เขาอยากตายหรืออย่างไร?“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ไปกินดื่ม เฉินฝานจัดงานเลี้ยงใหญ่โต บนโต๊ะมีไก่และเนื้อมากมาย ทุกอย่างล้วนเป็นอาหารโอชะ ลูกเห็นกับตา”หากไม่ใช่คำพูดของเสิ่นหยวนเลี่ยงที่บอกว่า ‘ท่านพ่อ พี่ใหญ่พูดถูก เฉินฝานจัดงานเลี้ยงจริงๆ ขอรับ เกรงว่าเสิ่นหยวนฮวาอธิบายสามรอบ เสิ่นหมิงหยวนก็ไม่มีทางเชื่อเขา’“จัดงานเลี้ยงจริงๆ หรือ?” เสิ่นหมิงหยวนรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย เฉินฝานโง่เขลาถึงขั้นนั้นเชียวหรือ?“ชาวอำเภอหลีผู้ประสบภัยไม่รู้จริงๆ หรือ?”“ท่านพ่อ น่าจะมีคนบางส่วนรู้ แต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่รู้”“เช่นนั้นพวกเจ้าสองคนก็อย่ายืนนิ่ง ไปกันให้หมด ให้คนทั้งอำเภอหลีรู้ว่าเฉินฝานจัดงานเลี้ยง”หลังจากลูกชายทั้งสองคนออกไป เสิ่นหมิงหยวนยกน้ำชาขึ้นมา ดื่มด้วยความลำพองใจเฉินฝานมีความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ก็เท่ากับลำพองตัวเกิ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ